เชียงใหม่ – ชาวบ้านและผู้ใช้ถนนในอำเภอกัลยาณิวัฒนา จังหวัดเชียงใหม่ กำลังประสบปัญหาอย่างหนักจากสภาพถนนสายหลัก ทางหลวงหมายเลข 1349 (สะเมิง-บ้านวัดจันทร์) ที่ชำรุดทรุดโทรมเป็นหลุมเป็นบ่อตลอดระยะทางกว่า 40 กิโลเมตร ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อการเดินทาง โดยเฉพาะรถพยาบาลฉุกเฉินและรถรับส่งนักเรียน ที่ต้องเผชิญกับความเสี่ยงและล่าช้าอย่างไม่น่าให้อภัย ชาวบ้านตัดพ้อผู้ใหญ่ลงพื้นที่แค่ “ปะผุ” ชั่วคราว ก่อนถนนจะกลับไปพังอีก
ถนนพังทั่วทั้งอำเภอ วิกฤตการเดินทางและส่งต่อผู้ป่วย สภาพถนนสายสะเมิง-บ้านวัดจันทร์ ที่เป็นเส้นทางหลักเข้าออกอำเภอกัลยาณิวัฒนา เต็มไปด้วยหลุมบ่อขนาดใหญ่และรอยกัดเซาะจากน้ำตลอดระยะทางกว่า 40 กิโลเมตร โดยเฉพาะช่วง 2 กิโลเมตรในพื้นที่บ้านวัดจันทร์ ต.วัดจันทร์ ที่เป็นทางขึ้นเขาคดเคี้ยว ยิ่งในช่วงฤดูฝน น้ำฝนที่ไหลหลากลงมาบนถนนยิ่งทำให้การสัญจรเป็นไปอย่างยากลำบากและเสี่ยงอันตราย
นางสาวรัตติกาล สาธุเม พยาบาลวิชาชีพ หัวหน้าห้องคลอด โรงพยาบาลวัดจันทร์เฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา เผยว่า สภาพถนนที่เสียหายส่งผลให้การส่งต่อผู้ป่วยหนักไปยังโรงพยาบาลในตัวเมืองเชียงใหม่ล่าช้าออกไปถึง 15-25 นาที สำหรับระยะทางเพียง 2 กิโลเมตรบนถนนที่พัง การเดินทางที่ปกติใช้เวลา 3 ชั่วโมง กลับยาวนานขึ้นและเสี่ยงอันตรายมากขึ้น โดยเฉพาะผู้ป่วยฉุกเฉิน ผู้ป่วยใกล้คลอด หรือผู้ป่วยที่สวมเครื่องช่วยหายใจ ที่ต้องการความนิ่งและรวดเร็วในการส่งต่อ แต่ละเดือนโรงพยาบาลต้องส่งต่อผู้ป่วยฉุกเฉินและผู้ป่วยในเฉลี่ย 25-30 ราย
นอกจากนี้ นายประวิทย์ สุริยมณฑล ผู้อำนวยการโรงเรียนสหมิตรวิทยา ยังกล่าวด้วยความกังวลว่า เด็กนักเรียนที่ต้องใช้เส้นทางนี้ไปโรงเรียนประสบอุบัติเหตุรถล้มเกือบทุกวัน และเสื้อผ้าเปรอะเปื้อนจากน้ำที่กระเด็นใส่ “ถนนเส้นนี้สร้างมา 10 กว่าปีไม่มีใครมาดูแลเลย” นายประวิทย์กล่าว พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า เมื่อมีผู้ใหญ่มาที่อำเภอกัลยาณิวัฒนา ก็มักจะเห็นการนำดินมา “ปะ” ถนนชั่วคราว แต่พอผู้ใหญ่กลับไป ถนนก็กลับมาพังเหมือนเดิม ทำให้ชาวบ้านเบื่อหน่ายกับสภาพปัญหาที่เรื้อรัง
ชาวบ้านสุดทน รวมตัวซ่อมเอง-วอนรื้อสร้างใหม่ทั้งสาย นายธีรภัทร์ ร่มต้นธรรม กำนันตำบลวัดจันทร์ ระบุว่า ถนนเส้นนี้เริ่มก่อสร้างตั้งแต่ปี 2553 โดยมีการนำยางพารามาทดลองทำถนน แต่ไม่มีการสร้างอย่างจริงจัง จนปัจจุบันชำรุดเสียหายทั้งสายกว่า 40 กิโลเมตร ตั้งแต่บ้านแม่ตะละ ต.แม่แดด ที่เคยเกิดดินสไลด์ 3 จุดเมื่อปีก่อน ซึ่งยังไม่มีการซ่อมแซม และยังคงเป็นทางคดเคี้ยวขึ้นเขา ผิวถนนเสียหายตลอด โดยเฉพาะช่วงบ้านแม่ตะละ-บ้านแม่แดดน้อย และบ้านวัดจันทร์-บ้านแจ่มน้อย ที่มีหลุมลึกและกว้างเต็มผิวถนนไม่ต่ำกว่า 2 กิโลเมตร
ผู้นำชุมชนและชาวบ้านกว่า 100 คน ในอำเภอกัลยาณิวัฒนา ได้รวมกลุ่มชุมนุมเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งตรวจสอบและปรับปรุงถนนสายนี้อย่างเร่งด่วน เนื่องจากสร้างความเดือดร้อนและเป็นอันตรายอย่างมาก หลังจากนั้น ชาวบ้านได้ร่วมแรงร่วมใจกันนำปูนซีเมนต์มาผสมเททับหลุมตามถนนที่เป็นจุดเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุด้วยตนเอง
ชาวบ้านและผู้นำชุมชนได้ทำหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายครั้ง แต่ได้รับคำตอบว่าได้ซ่อมแซมให้แล้ว ซึ่งเป็นการปะแปะถนนเพียงชั่วคราว ผิวถนนก็กลับมาเสียหายอีก นายธีรภัทร์ เปิดเผยถึงความต้องการของชาวบ้านว่า อยากให้มีการ รื้อผิวถนนทั้งหมดเพื่อทำใหม่และขยายผิวถนนให้กว้างขึ้นกว่าเดิม ไม่ใช่แค่การซ่อมแซมแบบชั่วคราวอย่างที่เคยเป็นมา