“รัฐบาลอนุทิน” ถกเตรียมพร้อมรับมือไฟป่า หมอกควัน และฝุ่น PM2.5 “รองนายกฯ โสภณ” นั่งหัวโต๊ะให้นโยบาย 7 หน่วยงานทำงานเข้มข้นและต่อเนื่อง เดินหน้าแก้ไขปัญหาเชิงรุก ลดผลกระทบอย่างเป็นรูปธรรม เน้นย้ำ “ผู้ว่าฯ” จะเป็นคีย์แมนสำคัญ ต้องสั่งการ ส่งผ่านข้อมูล ให้นายอำเภอเอาจริง กำนัน ผู้ใหญ่บ้านเอาจริง เชื่อปัญหาลดลง

วันที่ 19 พ.ย. 2568 เวลา 15.00 น. นายโสภณ ซารัมย์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) เพื่อติดตามแนวโน้มสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) และมาตรการการเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเน้นการบริหารจัดการเชิงพื้นที่ การลดมลพิษในเขตชุมชนเมือง การแจ้งเตือน การสร้างการรับรู้ และการดูแลสุขภาพประชาชน รวมถึงการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดในการรับมือและแก้ไขสถานการณ์ พร้อมเน้นย้ำทุกหน่วยงานทำงานอย่างเข้มข้นและต่อเนื่องเพื่อแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม โดยมี นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นางสาวศุภมาศ อิสรภักดี รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมทั้ง ผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล และผ่านระบบการประชุมทางไกล (VCS) ไปยังศาลากลางจังหวัดทั้ง 76 จังหวัดทั่วประเทศ

นายโสภณ ซารัมย์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) เป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบโดยตรงกับสุขภาพของประชาชน โดยเฉพาะประชาชนในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวมถึงกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ซึ่งสถานการณ์มีแนวโน้มรุนแรงในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนพฤษภาคมของทุกปี ซึ่งรัฐบาล นำโดย นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย มีความมุ่งมั่นในการแก้ไขปัญหานี้อย่างเป็นรูปธรรม จึงได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการเตรียมพร้อมรับมือ ป้องกัน และแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) โดยเน้นการบริหารจัดการเชิงพื้นที่ การลดมลพิษในเขตชุมชนเมือง การแจ้งเตือน การสร้างการรับรู้ และการดูแลสุขภาพประชาชน รวมถึงการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ การจะแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 ให้มีประสิทธิภาพ จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน จึงขอให้ทุกหน่วยงานบูรณาการการทำงานร่วมกันอย่างเข้มข้นและต่อเนื่องเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและลดผลกระทบที่มีต่อสุขภาพของประชาชน

“การจะแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 ให้มีประสิทธิภาพ จะต้องมีทั้งการแก้ไขปัญหาในระยะสั้นและระยะยาว โดยในส่วนของการแก้ไขปัญหาระยะยาวจะต้องมีการจัดทำแผนเพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้เป็นแนวทางในการทำงานต่อไป ทั้งนี้ จากสถิติการเกิดฝุ่น PM2.5 ในห้วงที่ผ่านมา พบว่า สาเหตุสำคัญของการเกิดฝุ่น PM2.5 คือ การเผา ไม่ว่าจะเป็นการเผาในที่พื้นที่ป่า พื้นที่การเกษตร และพื้นที่ชุมชนหรือพื้นที่เมือง ซึ่งหน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงจะต้องดำเนินงานอย่างจริงจัง โดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจะต้องเฝ้าระวังและควบคุมการเผาในพื้นที่ป่าอย่างเข้มงวดและบังคับใช้กฎหมายโดยเคร่งครัด กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ต้องกำกับ ดูแล และควบคุมการเผาให้เป็นไปตามแนวทางการบริหารการเผาในพื้นที่เกษตร ส่งเสริมการนำเศษวัสดุทางการเกษตรไปแปรรูปและเพิ่มมูลค่าแทนการเผา” นายโสภณฯ รองนายกรัฐมนตรี กล่าว

นายโสภณ ซารัม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า สำหรับกระทรวงคมนาคมให้บังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง ตรวจสอบและตรวจจับยานพาหนะควันดำอย่างเคร่งครัด ด้านกระทรวงอุตสาหกรรมให้ตรวจวัดมลพิษทางอากาศของโรงงานอุตสาหกรรมและใช้มาตรการในการจัดการกับโรงงานอุตสาหกรรมที่ปล่อยมลพิษอย่างเข้มงวด ส่วนกระทรวงสาธารณสุขขอให้ให้ความสำคัญกับการให้คำแนะนำประชาชนเกี่ยวกับการปฏิบัติตนและการดูแลสุขภาพ การจัดเตรียมห้องปลอดฝุ่นและการจัดพื้นที่ปลอดภัย (Safety Zone) รองรับประชาชนกลุ่มเสี่ยงและกลุ่มเปราะบางอย่างเหมาะสม และกรมประชาสัมพันธ์ให้เน้นการสื่อสารสร้างการรับรู้ให้ประชาชนทราบถึงสถานการณ์ มาตรการ ข้อกฎหมาย และบทลงโทษ รวมทั้งสื่อสารเพื่อให้ประชาชนเข้าใจการทำงานของหน่วยงานภาครัฐ สำหรับการดำเนินงานในระดับพื้นที่ ผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครต้องเป็นหลักในการบูรณาการส่วนราชการในพื้นที่เพื่อให้การป้องกันและแก้ไขปัญหาเป็นไปอย่างเป็นระบบ สอดคล้องกับสถานการณ์ และลดปัญหาฝุ่น PM2.5 ได้จริง

นอกจากนี้ นายโสภณฯ ยังได้เน้นย้ำในที่ประชุมอีกว่า มาตรการระยะสั้นที่ใช้ในพื้นที่โดยเฉพาะส่วนภูมิภาค ผู้ว่าราชการจังหวัดจะเป็นบุคคลสำคัญ หากผู้ว่าราชการจังหวัดเข้มแข็งส่งการ ส่งผ่านข้อมูลต่างๆ ไปยังอำเภอ นายอำเภอเอาจริง ส่งต่อไปยังกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เชื่อว่าปัญหาไฟป่า ฝุ่นควัน การเผาต่างๆ จะลดลงไปเยอะมาก
สำหรับการเตรียมการปี 2568–2569 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะผู้บัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ ได้สั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เตรียมความพร้อมการขับเคลื่อนงานแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 ในด้านการบริหารจัดการเชิงพื้นที่ การลดการเกิดฝุ่นจากแหล่งกำเนิด การดูแลสุขภาพประชาชน การประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ และการใช้ระบบ Single Command ให้สอดคล้องกับแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ “การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง” ฉบับที่ 2 พ.ศ.2568-2570 และระยะ 5 ปีต่อไป





