แก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกขายกระทงอาหารปลาแม่ค้าหลงกลสูญเงินเกือบล้าน

แก๊งคอลเซ็นเตอร์ โพสต์ขายกระทงอาหารปลาในโซเชี่ยล แม่ค้าอาหารทะเลหลงกลติดต่อซื้อเพื่อจะนำมาขายช่วงลอยกระทง ถูกหลอกให้โอนเงินเข้าบัญชีม้า แต่ไม่ได้สินค้า จึงไปแจ้งอายัดบัญชีม้า ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ตลบหลัง อ้างเป็นตำรวจไวเบอร์ ขอตรวจสอบบัญชีธนาคารผู้เสียหาย อ้างบัญชีม้าที่ผู้เสียหายโอนเงินเข้าพัวพันธุกิจมืดก่อนหลอกผู้เสียหายโอนเงินเช้าบัญชีกลางตรอบสอบเส้นทางการเงิน รู้ตัวสูญเงินเกือบล้าน บางส่วนเป็นเงินสินเชื่อจากธนาคาร ต้องจ่ายดอกเบี้ยเงิน 2 หมื่นกว่าบาท

นางสาวนุช นามสมมุติ แม่ค้าอาหารทะเลแช่แข็ง ชาวอำเภอหางดง จ.เชียงใหม่ นำเอกสานสำเนาสลิปโอนเงิน รูปหน้าเพจ และรูปข้อความแชท เข้าแจ้งความกับ พันตำรวจโทสุเทพ กล่ำใย สารวัตรสอบสวน กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 4 จ.เชียงใหม่ หลังจากเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายนที่ผ่านมา นางสาวนุช เล่าว่าตนได้ติดต่อซื้อกระทงอาหารปลา จากผู้ใช้เพจเฟสบุ๊คที่ชื่อเฮียวิน วัตถุโบราณ ขายส่งชิ้นล่ะ 20 บาทและได้โอนเงินเข้าบัญชีชื่อว่านายนพ นามสมมุติทั้งหมด 2,085 บาท ซึ่งจากการสนทนาผ่านแชท ทราบว่าจะส่งของให้นางสาวนุชฯวันถัดไป ต่อมาผู้ที่ใช้เพจเฟสบุ๊คที่ชื่อเฮียวิน วัตถุโบราณ ได้เลื่อนส่งสินค้าวันที่ 4 พฤศจิกายน แต่ก็ไม่มีการส่งสินค้ามาให้ นอกจากนี้ยังถูกผู้ใช้เพจเฟสบุ๊ค รายดังกล่าวบล็อกเฟส และบล็อกโปรไฟล์ นางสาวนุชฯจึงทำการแจ้งอายัดบัญชีธนาคารที่ได้โอนเงินไปให้และได้แจ้งความออนไลน์ไปยังตำรวจไซเบอร์

ต่อมามีผู้ชายที่อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์ติดต่อสอบถามมาที่นางสาวนุชฯ ถึงความคืบหน้ากรณีที่ได้แจ้งอายัดบัญชีธนาคารมิจฉาชีพพร้อมกับระบุว่าขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์ได้จับกุมตัว นายนพฯ เจ้าของบัญชีธนาคารดังกล่าวขณะกำลังกดเงินที่ตู้เอทีเอ็ม ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่ายอดเงินจากนางสาวนุชฯโอนเงินให้บัญชีธนาคารดังกล่าวเป็นคนสุดท้าย นอกจากนี้ยังได้อ้างว่านายนพฯ ได้ซัดทอดว่านางสาวนุชฯได้ว่าจ้างให้นายนพฯ เปิดบัญชีม้า บุคคลที่อ้างตนว่าเป็นตำรวจไซเบอร์ ขอตรวจสอบบัญชีธนาคารของผู้เสียหายทั้ง 3 บัญชีโดยระบุว่าจะมีการอายัดเงินในบัญชีทั้งหมดประมาณ 3-6 เดือนเพื่อตรวจสอบ แต่ถ้าหากมางสาวนุชฯมีหลักฐานการแชทติดต่อซื้อขายกระทงจริงก็ให้ยื่นๆแสดงกับเจ้าหน้าที่ภายหลัง

แต่นางสาวนุชระบุว่าเงินก้อนดังกล่าวเป็นเงินที่ใช้หมุนในร้านค้า ชายคนดังกล่าวจึงแจ้งกับนางสาวนุชฯ บอกว่าขอตรวจสอบบัญชีธนาคารใช้เวลาไม่นานแต่เจ้าหน้าที่จะให้ธนาคารกลางเป็นผู้ตรวจสอบ โดยให้นางสาวนุชฯโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารกลางตรวจสอบแต่ว่าสเตทเมนท์ธนาคารจะหายไป 3 เดือนย้อนหลัง ซึ่งนาวสาวนุชฯ ไม่ตกลงเนื่องจากต้องใช้สเตทเมนท์ ในการซื้อรถคันใหม่ เพื่อมาค้าขาย ชายคนดังกล่าวจึงแจ้งว่าทางเจ้าหน้าที่ขออายัดบัญชีทั้งหมดไว้ตรวจสอบซักครู่ แล้วก็มีการให้แอดไลน์ หน้าจอเป็นรูปสัญลักษณ์ตำรวจไซเบอร์ แล้วถามว่าบัญชีธนาคารมีกี่บัญชี เธอจึงตอบว่ามีทั้งหมด 3 บัญชี ออมสิน ไทยพานิชย์ กสิกร แล้วให้โยกเงินทั้งหมดไปไว้ที่บัญชีธนาคารไทยพานิชย์ ชายคนดังกล่าวอ้างว่าเจ้าหน้าที่จะเริ่มอายัดบัญชีธนาคารออมสิน และกสิกร ต่อมานางสาวนุชฯได้โยกเงินไปบัญชีธนาคารไทยพานิชย์ และพบว่ามีการอายัดบัญชีธนาคารออมสิน และกสิกรและมีข้อความ SMS จากธนาคารทั้งสองแห่งว่าอายัดบัญชีธนาคารส่งมา จึงทำให้เชื่อว่าชายคนดังกล่าวเป็นตำรวจไซเบอร์จริงจึงได้โอนเงินไปบัญชีธนาคารที่ชายคนดังกล่าวอ้างว่าเป็นบัญชีกลางรวมเป็นเงิน 996,801.04 บาท ต่อมาชายคนดังกล่าวยังได้สอบถามว่ามีเงินในบัญชีอื่นอีกหรือไม่ และเริ่มเอะใจว่าให้เติมเงินระบบเลยรู้ตัวว่าถูกหลอก

นางสาวนุช กล่าวเพิ่มเติมว่า เงินที่โอนไปให้มิจฉาชีพทั้งหมดรวมเป็นเงิน 988,883 บาท แบ่งเป็นค่ากระทงอาหารปลา 2,085 บาท เป็นเงินเก็บในบัญชีธนาคารประมาณ 6 หมื่นบาท ที่เหลือ 9 แสนบาทเป็นเงินสินเชื่อหรือ OD จากธนาคาร เงินส่วนนี้ตนจะต้องคืนให้กับธนาคารไม่เช่นนั้นจะต้องจ่ายเฉพาะค่าดอกเบี้ยถึงเดือนล่ะ 2 หมื่นบาททำให้ขณะนี้ตนกับครอบครัวได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก แถมไม่พอหลังเกิดเหตุกลุ่มมิจฉาชีพได้โทรศัพท์มาเยาะเย้นถากถางสารพัด จนทำให้ตนและคนในครอบครัวต่างก็เกิดความเครียดกันทั้งบ้าน

เชียงใหม่ ตำรวจสอบสวนกลางค้นบ้านอาจารย์อ๊อดพบสัตว์ป่าสงวน

เจ้าหน้าที่ตำรวจ สอบสวนกลาง ขยายผลค้นบ้านนายธนวันต์ (อ.อ๊อด) จิรเจริญเวศน์ ที่จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อหาหลักฐานในคดีฉ้อโกง พบสัตว์ป่าสงวน แจ้งข้อหา มีไว้ในครอบครองซึ่งสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่

พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.วัชรินทร์ พูสิทธิ์ ผบก.ปทส , พ.ต.อ.ฌัทกฤช น้อยคำปัน ผกก.4 บก.ปทส พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนกลาง เจ้าหน้าที่ชุดตรวจยึด นำโดย ร.ต.อ.จิรายุ อิ่นแก้ว รอง สว.(สอบสวน) กก.4 บก.ปทส. นำกำลัง เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการพิเศษ กก.4 บก.ปทส. ได้รับประสานงานจากเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม ร้องทุกข์กล่าวโทษ นายธนวันต์ (อ.อ๊อด) จิรเจริญเวศน์ ในคดีฉ้อโกงประชาชน ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจค้นบ้านเลขที่เลขที่ 307/31 หมู่ 11 ตำบลป่าไผ่ อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ พบนายสนั่น บรรจง คนงานผู้ดูแลบ้านหลังดังกล่าวนำเจ้าหน้าที่ตรวจค้น พบอีเก้ง หรือเก้ง หรือฟาน เจ้าหน้าที่จึงทำการตรวจยึดไปตรวจสอบ

ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ปทส. ได้รับการประสานงานจากเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปราม เนื่องด้วยการเข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 307/31 หมู่ 11 ตำบลป่าไผ่ อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นบ้านของนายธนวันต์ (อ.อ๊อด) จิรเจริญเวศน์ อายุ 43 ปี ว่าพบสัตว์ป่าคุ้มครองชนิดเก้งอยู่ในบ้านหลังดังกล่าว จึงได้ทำการเข้าตรวจสอบ หลังเข้าตรวจค้น เจ้าหน้าที่พบสัตว์ป่าคุ้มครองชนิดเก้ง (Muntiacus muntjak) เพศผู้โตเต็มวัย จำนวน 1 ตัว ถูกขังอยู่ในคอกภายในบริเวณบ้าน ตรวจสอบพบว่าไม่มีสัญลักษณ์หรือใบอนุญาตครอบครองสัตว์ป่าคุ้มครองที่ออกโดยกรมอุทยานฯ ซึ่งเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 ฐาน “มีไว้ในครอบครองซึ่งสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่

จากการสอบถามนายสนั่น บรรจง อายุ 83 ปี ซึ่งเป็นคนงานผู้ดูแลบ้าน ให้การว่าเก้งดังกล่าวเป็นของนายธนวันต์ (อ.อ๊อด) โดยอยู่ในบ้านตั้งแต่ตนเริ่มเข้ามาทำงานในฐานะลูกจ้าง และเคยเห็นสัตว์ป่าชนิดอื่น ๆ ที่นายธนวันต์ (อ.อ๊อด) เลี้ยงไว้ แต่สัตว์เหล่านั้นได้ถูกนำออกไปแล้ว เนื่องจากชาวบ้านในพื้นที่ได้รับความเดือดร้อน หลังจากตรวจยึด เจ้าหน้าที่ได้นำเก้งตัวดังกล่าวไปดูแลต่อที่สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าห้วยยางปาน อำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่ พร้อมทำบันทึกส่งมอบหลักฐานเพื่อดำเนินคดีกับนายธนวันต์ (อ.อ๊อด) จิรเจริญเวศน์ ตามกฎหมายต่อไป

ทหารพราน ปะทะกลุ่มค้ายาชายแดน อ.แม่อาย ยึดยา 200,000 เม็ด

กองบังคับการควบคุมทหารพรานศูนย์ปฎิบัติการ กองทัพภาคที่ 3 กองกำลังผาเมือง ปะทะกลุ่มค้ายาชายแดนบริเวณ ช่องทางธรรมชาติดอยหลักเต็ง บ้านปะสี ตำบลมะลิกา อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ ยึดยา 200,000 เม็ด

วันที่ 10 พฤศจิกายน 2567 พลโทกิตติพงศ์ ชื่นใจชน แม่ทัพน้อยที่ 3 ในฐานะผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ชายแดนภาคเหนือ (ผบ.นบ.ยส.35 ) เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่หน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ชายแดนภาคเหนือ วางมาตรการสกัดกั้นยาเสพติดตามแนวชายแดนช่วงประเพณีลอยกระทงประจำปีนี้ เพื่อเฝ้าระวังการลักลอบขนยาเข้าพื้นที่ตอนใน อย่างเข้มข้น โดยเน้นย้ำการลาดตระเวน เฝ้าตรวจตามพื้นที่เป้าหมาย ส่งผลให้ เมื่อ 10 พ.ย. 67 เวลา 0530 กองบังคับการควบคุมทหารพรานศูนย์ปฎิบัติการ กองทัพภาคที่ 3 กองกำลังผาเมืองนำชุดปฏิบัติการออกลาดตระเวนเฝ้าตรวจ บริเวณ ช่องทางธรรมชาติดอยหลักเต็ง บ้านปะสี ตำบลมะลิกา อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ ระหว่างทางได้พบกลุ่มบุคคลต้องสงสัย จำนวน 3 – 5 คน สะพายเป้กระสอบดัดแปลงเดินมาตามเส้นทาง ธรรมชาติ เจ้าหน้าที่ทหารจึงได้แสดงตัวเพื่อขอตรวจค้น แต่กลุ่มบุคคลดังกล่าวได้ใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดยิงใส่ฝ่ายเรา ทำให้เกิดการปะทะประมาณ 10 นาที

ผลการปฏิบัติ ฝ่ายเราปลอดภัย จากการตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุ พบเป้กระสอบดัดแปลง จำนวน 2 เป้ ภายในบรรจุยาบ้า จำนวนเป้ละ 100,000 เม็ด รวมจำนวนประมาณ 200,000 เม็ด หน่วยได้ควบคุมพื้นที่เพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ทั้งนี้หน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ชายแดนภาคเหนือ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังคงเฝ้าระวังการลักลอบขนยาเสพติดเข้าพื้นที่อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การสกัดกั้นเป็นไปตามเป้าหมายของรัฐบาล

ยึดยาบ้า 400,000 เม็ด วางทิ้งทางเข้าสวน บ้านหนองอ้อม ต.แม่ข่า อ.ฝาง

หน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ชายแดนภาคเหนือ (นบ.ยส.35 ) ยึดยาบ้า 400,000 เม็ด วางทิ้งทางเข้าสวน บ้านหนองอ้อม ต.แม่ข่า อ.ฝาง จังหวัดเชียงใหม่

วันที่ 8 พฤศจิกายน 2567 พลโทกิตติพงศ์ ชื่นใจชน แม่ทัพน้อยที่ 3 ในฐานะผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ชายแดนภาคเหนือ (ผบ.นบ.ยส.35 ) เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 1030 ของวันนี้ กกล.ผาเมือง โดย ฉก.ไชยานุภาพ ได้รับแจ้งจากประชาชนในพื้นที่ว่าพบกระสอบต้องสงสัยวางอยู่ บริเวณ ทางเข้าสวน บ.หนองอ้อม ต.แม่ข่า อ.ฝาง จังหวัดเชียงใหม่. จึงเข้าตรวจสอบพื้นที่ดังกล่าว

ผลการปฏิบัติ ตรวจพบกระสอบดัดแปลง จำนวน 2 กระสอบ ภายในบรรจุยาบ้า กระสอบละประมาณ 200,000 เม็ด รวมประมาณ 400,000 เม็ด หน่วยจึงได้นำของกลางส่งให้ สถานีตำรวจภูธรฝาง เพื่อดำเนินการต่อไป

แม่ทัพน้อยที่ 3 ในฐานะผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ชายแดนภาคเหนือ กล่าวต่อว่า ปีนี้สถานการณ์ยาเสพติดน่าจะรุนแรง เนื่องจากมีปัจจัยที่กลุ่มขบวนการต้องหาเงินมาชดเชยอาคารบ้านเรือน และยาที่เสียหายจากเหตุน้ำท่วม จึงมีความพยายามในการลักลอบขนทางด่านชายแดนในปริมาณที่มากขึ้น

ทะเลสาบดอยเต่าฟื้นคืนชีพส่งผลดีต่อการท่องเที่ยว

ทะเลสาบดอยเต่าฟื้นคืนชีพ กลับมาสวยงามอีกครั้ง นับเป็นข่าวดีสำหรับทั้งนักท่องเที่ยวและชาวบ้านในพื้นที่ ไม่เพียงแต่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่น แต่ยังเป็นการฟื้นฟูระบบนิเวศน์ให้กลับมาสมบูรณ์อีกครั้ง

ทะเลสาบดอยเต่า กลับมาคึกคักอีกครั้ง เป็นข่าวดีสำหรับนักท่องเที่ยวและชาวบ้านในพื้นที่ดอยเต่า หลังจากประสบปัญหาภัยแล้งมาอย่างยาวนาน ทะเลสาบดอยเต่า แหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของจังหวัดเชียงใหม่ ได้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง เนื่องจากปริมาณน้ำฝนในปีนี้เพิ่มมากขึ้นถึงแม้จะทำให้น้ำท่วมหลายพื้นที่ในจังหวัดเชียงใหม่ จนส่งผลกระทบเป็นวงกว้างแต่กลับส่งผลดีทำให้น้ำในทะเลสาบสูงขึ้นจนถึงระดับปรกติ

ด้านคุณพัชรี นันต๊ะสาร เจ้าของเรือนแพดอยเต่าริมปิง กล่าวว่า วันนี้ ทะเลสาบดอยเต่า กลับมาสวยงามอีกครั้ง อยากเชิญชวนนักท่องเที่ยวสามารถมาสัมผัสบรรยากาศอันร่มรื่นของทะเลสาบดอยเต่ามีบริการนั่งเรือชมวิว บริการห้องพัก และร้านอาหารบนเรือนแพ ลิ้มลองเมนูต้มยำปลาคังน้ำจืด ยำปลากรอบที่ขึ้นชื่อและยังมีบริการที่เดียว ที่ร้านอาหารแพริมน้ำทะเลสาบดอยเต่าอีกด้วย

นอกจากนั้น ชาวบ้านในพื้นที่ยังได้รับประโยชน์จากการกลับมาของทะเลสาบดอยเต่า โดยเฉพาะชาวประมงพื้นบ้านที่สามารถกลับมาทำประมงและผลิตปลาแห้งที่ขึ้นชื่อ รสชาติอร่อยและความเป็นธรรมชาติ มาจำหน่ายให้แก่นักท่องเที่ยว ซึ่งเป็นการฟื้นฟูเศรษฐกิจของชุมชนให้กลับมาคึกคัก อีกด้วย ส่วนบรรยากาศช่วงเย็นขณะที่พระอาทิตย์กำลังตกดิน ช่วงปลายฝนต้นหนาวขณะนี้กำลังดี นักท่องเที่ยวที่ไปท่องเที่ยวทะเลวาบดอยเต่าต่างประทับใจชมแสงพระอาทิตย์ที่กลังจะลับขอบฟ้าตัดกับผืนน้ำสวยงามอย่างน่าประทับใจนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก

สำหรับนักท่องเที่ยวที่สนใจจะเดินทางมาเที่ยวทะเลสาบดอยเต่า สามารถเดินทางมาได้โดยใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 108 (เชียงใหม่-ฮอด) จากตัวเมืองเชียงใหม่ประมาณ 125 กิโลเมตร

ป่าป้อง ดอยสะเก็ด คืนสมดุลให้ป่าชุมชนด้วยจุลินทรีย์แก้ปัญหาไฟป่า

ชาวบ้านตำบลป่าป้อง ดอยสะเก็ด ร่วมกับภาคเอกชนฯ จัดกิจกรรม คืนสมดุลให้ป่าชุมชนด้วยจุลินทรีย์ แก้ปัญหาไฟป่าฟื้นนิเวศป่าไม้อย่างยั่งยืน นำตัวแทนชาวบ้านอบรมการ EM จากจุลินทรีย์ และเพาะเชื้อเห็ดป่าจากจุลินทรีย์ นำไปหว่านในป่าชุมชนบ้านทุ่งยาว ฟื้นคืนสมดุลให้ป่า นอกจากนี้ยังได้มีการนำEM น้ำไปฉีดพ่นเพื่อเร่งการย่อยสลายของซากพืชเพื่อลดเชื้อเพลิงในช่วงฤดูแล้ง

ชาวบ้านตำบลป่าป้อง อ.ดอยสะเก็ด ต่างน้ำเชื้อเห็ดป่า 16 ชนิด น้ำจุลินทรีย์ และ EM บอลที่ผลิตขึ้นจากการเข้าอมรมที่ศูนย์จุลินทรีย์ ตำบลป่าป้อง อำเภอดอยสะเก็ด มาหว่านและรด ในพื้นที่ป่าชุมชมบ้านทุ่งยาว ตำบลป่าป้อง อำเภอดอยสะเก็ดจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อฟื้นคืนสมดุลให้ป่า เร่งการย่อยสลายของซากพืชเพื่อลดเชื้อเพลิงในช่วงฤดูแล้ง หลังจากที่บริษัทกัลฟ์ (GULF ) และ บริษัท เชียงใหม่เวสท์ ทู เอ็นเนอร์จี จำกัด (CMWTE) ร่วมกับ ชุมชนบ้านทุ่งยาว ต.ป่าป้อง อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ ได้จัดโครงการ “คืนสมดุลให้ป่าชุมชนด้วยจุลินทรีย์ “ เพื่อแก้ปัญหาไฟป่าและฟื้นฟูระบบนิเวศป่าไม้ ณ อาคารเอนกประสงค์ บ้านทุ่งยาว ต.ป่าป้อง อ.ดอยสะเก็ด โดยมีนายสมพงศ์ เจริญศิริ กำนันตำบลป่าป้อง และนายจิรศักดิ์ มีสัตย์ ผู้อำนวยการบริหารฝ่ายชุมชนสัมพันธ์ บริษัท GULF CMWTE และ เทศบาลตำบลป่าป้อง มูลนิธิเกษตรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร่วมให้การสนับสนุนวิทยาการอบรมให้ความรู้กับชาวบ้าน

กิจกรรมในวันนี้ อบรม ด้านความรู้เกี่ยวกับจุลินทรีย์ และความรู้ฐานชีวภาพ (Biobased) ซึ่งเป็นกลไกสำคัญของระบบนิเวศสิ่งแวดล้อม ให้ชุมชนเข้าใจมิติความสัมพันธ์ของวัฏจักรธรรมชาติด้านชีววิทยากับวิถีชีวิตชุมชนและป่าไม้ ฯลฯ การรู้จักใช้จุลินทรีย์เพื่อสิ่งแวดล้อม การเกษตร และแนวทางพัฒนาอาชีพรายได้ชุมชนด้วย นอกจากนั้น มีการสาธิตจากวิทยากรและผู้เข้าร่วมลงมือปฏิบัติ การขยายเชื้อจุลินทรีย์ การหมักปุ๋ยหมักจากวัสดุท้องถิ่น เช่นใบไม้ หญ้าฟาง เศษอาหารจากครัวเรือน ผลิต ปุ๋ยหมักชีวภาพ ชนิดต่างๆ การทำจุลินทรีย์ก้อน (EM Ball) เป็นปุ๋ยและบำบัดน้ำเสีย และการเพาะชยายเชื้อเห็ดป่า เป็นต้น นอกจากนี้ยัง มีกิจกรรมในป่าชุมชน คือ การคืนสมดุลให้ป่าด้วยจุลินทรีย์ ซึ่งผู้เข้าร่วมได้นำ จุลินทรีย์ชนิดน้ำชนิดแห้งไปฉีดพ่นโรย บริเวณป่าชุมชน บ้านทุ่งยาว ต.ป่าป้อง ฯ และหมักใบไม้ในป่า เพื่อเพิ่มการย่อยสลายใบไม้ซึ่งเป็นเชื้อไฟได้ และหมักเป็นปุ๋ยฟื้นฟูดินในป่าที่เสื่อมโทรมหรือเคยถูกไฟป่าเผาผลาญ ทำให้จุลินทรีย์ในดินป่าตาย นิเวศเสียสมดุล นอกจากสอนชุมชนขยายเชื้อเห็ดยังนำเชื้อเห็ดป่าหลายชนิดนำไปใส่กระจายในป่าที่โคนต้นไม้ใหญ่น้อย และยังกระจายเชื้อเห็ดในชุมชนสวนไร่นา เพื่อจะได้มีแหล่งเห็ดรับประทานในชุมชน รณรงค์ลดการเผาป่าหาเห็ดของชุมชนควบคู่กับการอนุรักษ์ป่าของชุมชน และได้นำจุลินทรีย์ก้อนไปโยนสู่ป่าและแหล่งน้ำด้วย

ด้าน นายสมพงศ์ เจริญศิริ กำนันตำบลป่าป้องฯ กล่าวว่า วันนี้ชุมชนได้ความรู้มาก ซึ่งวิถีชีวิตของชาวบ้าน นั้นยังขาดองค์ความรู้ด้านวิชาการ นับว่าเป็นโอกาสที่ดีมาก ที่ บริษัทฯ บ.กัลฟ์ และ เชียงใหม่เวสท์ ทู เอ็นเนอร์จี จำกัด ที่สนับสนุน งบประมาณ นักวิชาการ มาให้ความรู้แก่ชุมชน ส่งเสริมจัดตั้งศูนย์เรียนรู้และธนาคารจุลินทรีย์ แก่ชุมชน ซึ่งจะเกิดประโยชน์ทั้งชุมชนและการฟื้นฟูป่าไม้ชุมชนได้เป็นอย่างมากต่อไป

ขณะที่นายจิรศักดิ์ มีสัตย์ GULF CMWTE กล่าวว่า บริษัทฯ มีนโยบายและให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ต่อการร่วมอนุรักษ์ฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมร่วมกับชุมชน โดยเฉพาะปัญหาไฟป่า หมอกควัน PM 2.5 การเสื่อมโทรมของระบบนิเวศ ป่าไม้ ฯ ซึ่งมีผลกระทบอย่างรุนแรงในปัจจุบัน ทั้งชาวดอยสะเก็ด และ จ. เชียงใหม่ บริษัทฯเป็นส่วนหนึ่งของชุมชน ยินดีที่ร่วมสนับสนุนชุมชนเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิตที่ดีของชุมชน

ออกตรวจยาเสพติดตามร้อง ดันเจอ “ชนแล้วหนี” มีหมายจับ รวบตัวดำเนินคดี

อำเภอสันทราย บูรณาการตรวจรีสอร์ทตามเรื่องร้องเรียน ตรวจผู้พัก 10 ราย ไม่พบสารเสพติด สิ่งผิดกฎหมาย รวบได้ 1 ราย ตามหมายจับ “ชนแล้วหนี”

วันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 ตั้งแต่เวลา 20.00 น. นายณัชฐเดช มุลาลี นายอำเภอสันทราย มอบหมายให้ นายพลภัทร จันทร์ลุน ปลัดอำเภอหัวหน้าฝ่ายความมั่นคง พร้อมด้วย นายไพรรักษ์ ของเดิม ปลัดอำเภอ นำกำลังสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน อส.อ.สันทราย 15 ร่วมกับ พ.ต.ท.กิตติพงษ์ จริญสิริวัฒนกุล สวป.สภ.สันทราย เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สันทราย, นายกิติศักดิ์ พันธรักษ์ กำนันตำบลหนองแหย่ง และผู้ใหญ่บ้าน สารวัตรกำนัน ผู้ช่วยฯ ชรบ. ตำบลหนองแหย่ง บูรณาการ ออกตรวจสอบสถานที่ที่ได้รับการร้องเรียน ณ บี รีสอร์ท เลขที่ 207 ม.8 ต.หนองแหย่ง อ.สันทราย จ.เชียงใหม่

มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตรวจพบกลุ่มบุคคลที่เช่าพักอาศัย จำนวน 10 ราย จึงได้ทำการตรวจหาสารเสพติดด้วยวิธี ตรวจปัสสาวะ และเข้าค้นที่พักอาศัย ตามความยินยอมของผู้เช่าพักฯ ซึ่งผลตรวจไม่พบสารเสพติดทั้ง 10 ราย และไม่พบสิ่งของผิดกฎหมาย แต่ตรวจพบบุคคลตามหมายจับ 1 ราย ในคดี พรบ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 กรณีชนแล้วหนี เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.สันทรายจึงได้ควบคุมตัวดำเนินการต่อไป จากนั้นได้บูรณาการร่วมกันตรวจตรา รักษาความสงบเรียบร้อย ในพื้นที่ตำบลหนองแหย่ง

วันภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยแห่งชาติ และงานมหกรรมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย

สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกับ อำเภอสันป่าตอง โรงพยาบาลสันป่าตอง โรงพยาบาลเทพรัตนเวชชานุกูลเฉลิมพระเกียรติ 60 พรรษา หน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชน จัดงานวันภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยแห่งชาติ และงานมหกรรมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย จังหวัดเชียงใหม่ ปี 2567

ที่ ศูนย์การเรียนรู้เฮือนป้อสล่าแดง อำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่ นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ มอบหมายให้ นายศิวะ ธมิกานนท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานพิธีเปิดงาน วันภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยแห่งชาติ และงานมหกรรม วันภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย จังหวัดเชียงใหม่ และ พิธีเปิดเส้นทางท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ และวัฒนธรรม โดยมี นพ.ฐิติกานต์ ณ ปั่น รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวรายงาน

สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกับ อำเภอสันป่าตอง โรงพยาบาลสันป่าตอง โรงพยาบาลเทพรัตนเวชชานุกูลเฉลิมพระเกียรติ 60 พรรษา หน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชน ได้ร่วมกันจัดพิธีถวายราชสักการะ รัชกาลที่ 3 พระบิดาแห่งการแพทย์แผนไทย และจัดงานวันภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยแห่งชาติ และงานมหกรรมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย จังหวัดเชียงใหม่ ปี 2567 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่ออนุรักษ์ และเผยแพร่ ภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย การแพทย์พื้นบ้านล้านนา และการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ภายในงานมหกรรมฯ ประกอบด้วย การเสวนาทางวิชาการ คลินิกการแพทย์แผนไทยเคลื่อนที่

โดยภาครัฐ และภาคเอกชน การแพทย์พื้นบ้าน การแพทย์แผนจีน หมอพื้นบ้านผู้ทรงคุณวุฒิ สาธิตบริการย่ำขาง ตอกเส้น แช่เท้า พอกเข่า พอกตา นิทรรศการจาก คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โรงพยาบาลป่าซาง จังหวัดลำพูน สมาพันธ์การแพทย์แผนไทยล้านนา สมาคมแพทย์แผนไทยจังหวัดเชียงใหม่ สมาคมไทยล้านนาสปา ชมรมผู้ประกอบการนวดไทยล้านนา มูลนิธิฯบราห์มากุมารี ราชาโยคะ เชียงใหม่ และผลิตภัณฑ์ชุมชน จากวิสาหกิจชุมชน และพิธีมอบใบประกาศเกียรติ Thainess Wellness Destination (TWD) จำนวน 7 ราย,ใบประกาศนียบัตร เมืองคนสุขภาพดี วิถีชุมชนคนอายุยืน (Healthy City MODELs) จำนวน 2 ราย,ใบประกาศเกียรติคุณ หน่วยงานที่มีการดำเนินการแพทย์แผนไทย และการแพทย์ทางเลือกดีเด่น จำนวน 5 ราย และใบประกาศนียบัตร หน่วยงานที่ให้การสนับสนุน งานมหกรรมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย จำนวน 52 ราย การเปิดเส้นทางการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ และวัฒนธรรมอำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่ นอกจากนี้ ยังมีเวทีบรรยาย วิชาการจากโรงพยาบาลชุมชน และ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

ลำพูน จัดงานแถลงข่าวกิจกรรม วิถีล้านนา กล้า – ท้า – แกร่ง เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ

ลำพูน จัดงานแถลงข่าวกิจกรรมกีฬาเพื่อการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ กับแนวคิด วิถีล้านนา กล้า – ท้า – แกร่ง เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ จังหวัดลำพูน โดยสำนักงานท่องเที่ยวและกีฬากลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง และแม่ฮ่องสอน จัดงานแถลงข่าวกิจกรรมกีฬาเพื่อการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ กับแนวคิด วิถีล้านนา กล้า – ท้า – แกร่ง เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงเปิดฤดูกาลการท่องเที่ยวปลายปี 2567

วันที่ 2 ตุลาคม 2567 เวลา 14.00 น. ที่ โรงแรมแกรนด์ ปา โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท ลำพูน นายสันติธร ยิ้มละมัย ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน มอบหมายให้นายโยธิน ประสงค์ความดี รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน เป็นประธานการแถลงข่าวกิจกรรมกีฬาเพื่อการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ วิถีล้านนา กล้า – ท้า – แกร่ง ร่วมกับท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ และลำปาง กับกิจกรรมกีฬา 3 รายการต่อเนื่อง ซึ่งประกอบด้วย กิจกรรมการปั่นจักรยานเพื่อการท่องเที่ยว เส้นทางลำพูน – เชียงใหม่ – แม่ฮ่องสอน ระยะทาง 156 กิโลเมตร ระหว่างวันเสาร์ที่ 26 – อาทิตย์ที่ 27 ตุลาคม 2567 , กิจกรรมการแข่งขันไตรกีฬา เชียงใหม่ – ลำพูน ระหว่างวันเสาร์ที่ 2 – อาทิตย์ที่ 3 พฤศจิกายน 2567 และกิจกรรมการแข่งขันวิ่งเทรล ลำพูน – ลำปาง ระหว่างวันเสาร์ที่ 9 – อาทิตย์ที่ 10 พฤศจิกายน 2567 โดยมีเป้าหมายเพื่อเชิญชวนนักท่องเที่ยวได้ร่วมท่องเที่ยวช่วงเปิดฤดูกาลการท่องเที่ยวภาคเหนือตอนบน 1 อันจะนำมาซึ่งการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงเปิดฤดูกาลท่องเที่ยวปลายปี 2567 โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ ประชาชน และสื่อมวลชนในพื้นที่ ให้ความสนใจร่วมงานเป็นจำนวนมาก

ด้าน นายกรวิทย์ ช่วยดู ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดแม่ฮ่องสอน กล่าวเชิญชวนนักปั่นร่วมกิจกรรม Lanna Cycling ที่แลนด์มาร์คและจุดท่องเที่ยวสวยสุด อาทิ อุทยานราชพฤกษ์ จุดชมวิวรักจัง อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง ดอยกิ่วลม แล้วสิ้นสุดที่สะพานประวัติศาสตร์ท่าปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน และมีความท้าทายนักปั่นขีดสุด ด้วยระยะทาง 156 กม. ระยะไต่มากกว่า 2,100 เมตร กับระยะเวลา 12 ชั่วโมง

ในขณะที่ร้อยเอก สันติพงศ์ บุลยเลิศ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวเชิญชวนนักไตรกีฬาเข้าร่วมกิจกรรม Lanna Triathlon ซึ่งเป็นเส้นทางการแข่งขันใกล้ชิดธรรมชาติที่สวยงาม สด ใหม่ แต่ให้ความสำคัญกับมาตรฐานการแข่งขัน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของการแข่งขันไตรกีฬา เพื่อการก้าวสู่การเป็นคนเหล็กที่แข็งแกร่งตามมาตรฐานการแข่งขันสากล และปิดท้ายกับนายวรวิทย์ วีระเชวงกุล ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดลำปาง ที่ร่วมเชิญชวนนักวิ่งร่วมกิจกรรม Lanna Trail และสนุกสนานไปกับเส้นทางธรรมชาติอย่างเต็มที่กับระยะทางวิ่ง 25 และ 34 กิโลเมตรในอุทยานแห่งชาติดอยขุนตาล และเสริมทางเลือกแก่นักวิ่งเทรลใหม่ที่สนใจทดสอบ กับระยะ 7 และ 15 กิโลเมตร ซึ่งสามารถสนุกกับเส้นทางการวิ่งที่ผ่านทั้งน้ำ ทั้งน้ำตก ทั้งป่า ภายใต้การดูแลจากเจ้าหน้าที่อย่างใกล้ชิด

สำหรับผู้สนใจร่วมกิจกรรมกีฬาเพื่อการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์วิถีล้านนา กล้า – ท้า – แกร่ง สามารถสมัครเข้าร่วมกิจกรรมได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย ในวันศุกร์ที่ 4 ตุลาคมนี้ โดยเริ่มต้นการสมัครกิจกรรมการปั่นจักรยาน เวลา 16.00 น. กิจกรรมไตรกีฬา เวลา 17.00 น.และกิจกรรมวิ่งเทรล เวลา 18.00 น. เป็นต้นไป

เดินgเครื่องเต็มสูบเครื่องสูบน้ำไฮโดร์โฟล์ 2 เครื่อง ช่วยเหลือพื้นที่อำเภอสารภี ผันน้ำลงน้ำกวง

เดินเครื่องสูบน้ำไฮโดร์โฟล์ 2 เครื่อง เร่งสูบน้ำช่วยเหลือพื้นที่อำเภอสารภี ผันน้ำลงน้ำกวง

ชลประทานเชียงใหม่ และสำนักงานชลประทานที่ 1 เดินเครื่องสูบน้ำไฮโดร์โฟล์ 2 เครื่อง เร่งสูบน้ำช่วยเหลือพื้นที่อำเภอสารภี ผันน้ำลงน้ำกวง

วันจันทร์ ที่ 30 ก.ย. 67 นายเกื้อกูล มานะสัมพันธ์สกุล ผู้อำนวยการโครงการชลประทานเชียงใหม่ กล่าวว่า จากกรณีน้ำท่วมพื้นที่ตัวเมืองเชียงใหม่ และพื้นที่อำเภอรอบนอกของเมืองเชียงใหม่ ต่อมาทางด้านนายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้ร่วมลงพื้นที่สำรวจเส้นทางการระบายน้ำตามเส้นทางตั้งแต่จังหวัดเชียงใหม่ – ลำพูน พร้อมสั่งการให้ดำเนินการขุดลอกและเร่งระบายน้ำช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ยังประสบปัญหาน้ำท่วมขัง ขณะเดียวกันได้ให้ทางโครงการชลประทานเชียงใหม่ สำนักงานชลประทานที่ 1 นำเครื่องจักร เครื่องมือ และกำลังเจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือพื้นที่จังหวัดลำพูน ที่เป็นรอยต่อในเส้นทางน้ำด้วย

ทั้งนี้ เมื่อเวลา 03.00 น. วันนี้ (30 ก.ย. 67) ทางสำนักงานชลประทานที่ 1 ได้ทำการติดตั้งและเดินเครื่องสูบน้ำเพื่อดึงมวลน้ำที่ท่วมในเขต ต.หนองแฝก อ.สารภี ผ่าน ต.อุโมงค์ และต.เหมืองง่า อ.เมืองลำพูน ลงแม่น้ำกวง ที่ประตูน้ำปิงห่าง ต. เหมืองง่า จ.ลำพูน ระยะทาง 12 กิโลเมตร โดยใช้เครื่องสูบน้ำไฮโดรโฟล์ ขนาด 30 นิ้ว จำนวน 2 เครื่อง อัตราการสูบ 2 เครื่อง ประมาณ 300,000 ลบ.ม.ต่อวัน เพื่อเร่งระบายน้ำในพื้นที่อำเภอสารภี