ถวายยานพาหนะ ทะเบียน 1 ฒข 563 กรุงเทพมหานคร

ถวายยานพาหนะ ทะเบียน 1 ฒข 563 กรุงเทพมหานคร

วันพฤหัสบดีที่ 22 สิงหาคม 2567 กลุ่มบริษัท สตาร์เฟรช เทรดดิ้ง ร่วมกับสยามโอไทย จำกัด และบริษัทเกตุหิรัญ เทรดดิ้ง ในนามคุณพรรณิกา โอโนะ พร้อมคณะ ถวายรถยนต์ ยี่ห้อมิตซูบิชิ สตราด้า เลขทะเบียน 1 ฒข 563 กรุงเทพมหานคร เพื่อใช้ในกิจการของสงฆ์ โดยมี “พระครูวิสิฐศีลาภรณ์”รองเจ้าคณะอำเภอเมืองเชียงใหม่ เจ้าอาวาสวัดวังสิงห์คำ เป็นประธานรับ พร้อมคณะกรรมการ ไวยาวัจกร ร่วมรับ พร้อมถ่ายรูปเป็นที่ระลึก ณ วัดวังสิงห์คำ ตำบลป่าแดด อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่.

พิธีมอบตราตั้งรองเจ้าคณะอำเภอเมืองเชียงใหม่แด่ “พระครูวิสิฐศีลาภรณ”

พิธีมอบตราตั้งรองเจ้าคณะอำเภอเมืองเชียงใหม่แด่ “พระครูวิสิฐศีลาภรณ”

วันพฤหัสบดีที่ 22 สิงหาคม 2567 เวลา 09.39 น.พระเดชพระคุณ พระพรหมเสนาบดี กรรมการมหาเถรสมาคม ,เจ้าคณะภาค 7 มอบหมายให้ พระเดชพระคุณ พระธรรมเสนาบดี รองเจ้าคณะภาค 7 พิธีมอบตราตั้งรองเจ้าคณะอำเภอ ที่ 14/2567 อาศัยอำนาจตามความในข้อ 20 แห่งกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ 24 (พ.ศ.2541) ว่าด้วยการแต่งตั้งถอดถอนพระสังฆาธิการ ออกตามความในพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ.2505 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระพราชบัญญัติคณะสงฆ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2535 และโดยอนุมัติของเจ้าคณะใหญ่หนเหนือ จึงแต่งตั้งให้ พระครูวิสิฐศีลาภรณ์ ฉายา วิสุทฺธาจาโร อายุ 60 พรรษา 29 วิทยฐานะ น.ธ.เอก, พธ.บ. วัดวังสิงห์คำ ตำบลป่าแดด อำเภอเมืองเชียงใหม่ ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง ในทางปกครองคณะสงฆ์ เป็นเจ้าคณะตำบลป่าแดด และเจ้าอาวาสวัดวังสิงห์คำ ดำรงตำแหน่ง “รองเจ้าคณะอำเภอเมืองเชียงใหม่” แต่งตั้ง ณ วันที่ 12 สิงหาคม 2567 โดยมีพระเถรานุเถระ พระเดชพระคุณพระเทพมังคลาจารย์ เจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่ พระเดชพระคุณพระเทพสิงหวราจารย์ ,ดร.พระดชพระคุณพระสุวรรณเมธี,ดร. รองเจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่ พระเดชพระคุณพระศรีศิลปาจารย์ ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 7 พระเดชพระคุณพระภาวนาธรรมาภิรัช วิ. เจ้าคณะอำเภอเมืองเชียงใหม่ พร้อมพระสังฆาธิการ นายพิชัย เลิศพงศ์อดิศร นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานฝ่ายฆราวาส อ่านตราตั้งรองเจ้าคณะอำเภอเมืองเชียงใหม่ นายสิทธิศักดิ์ อภิกุลชัยสิทธิ์ นายอำเภอเมืองเชียงใหม่ อ่านคำสั่งแต่งตั้งรักษาการเจ้าคณะตำบลป่าแดด(พระครูปลัดนันทวัฒน์) เจ้าอาวาสวัดป่าแดด ,เลขานุการ และกองงานเลขานุการรองเจ้าคณะอำเภอเมืองเชียงใหม่ โดยมี คณะสงฆ์ สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเชียงใหม่ ศ. (เชี่ยวชาญพิเศษ) นพ.บรรณกิจ โลจนาภิวัฒน์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พร้อมคณะ สถาบันการศึกษา องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พุทธศาสนิกชน ศิษยานุศิษย์ ร่วมถวายมุทิตาจิต/ถวายมุทิตาสักการะ ณ วัดวังสิงห์คำ ตำบลป่าแดด อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่.

กองพลพัฒนาที่ 3 แถลงข่าวตามที่ปรากฏข่าวตามสื่อมวลชนและโซเชียลมีเดีย กรณีเยาวชนถูกละเมิดสิทธิ์และอนาจารในศูนย์ฝึกเยาวชน ค่ายสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ

กองพลพัฒนาที่ 3 แถลงข่าวตามที่ปรากฏข่าวตามสื่อมวลชนและโซเชียลมีเดีย กรณีเยาวชนถูกละเมิดสิทธิ์และอนาจารในศูนย์ฝึกเยาวชน ค่ายสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ

เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2567 เวลา 11.30 น. ที่ ศูนย์ฝึกเยาวชน ค่ายสมเด็จ พระบรมไตรโลกนาถ อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก พลตรี สกนธ์ เพชรทอง ผู้บัญชาการ กองพลพัฒนาที่ 3 พร้อมด้วย นางสาว ธันยภัทร์ กิตตินิรันดร์กุล ผู้อำนวยการสำนักงานการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการกรมส่งเสริมการเรียนรู้ อำเภอ วชิรบารมี จังหวัดพิจิตร แถลงข่าวตามที่ปรากฏข่าวตามสื่อมวลชนและโซเชียลมีเดีย กรณีเยาวชน ถูกละเมิดสิทธิ์และอนาจาร ในศูนย์ฝึกเยาวชน ค่ายสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ ได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว มีรายละเอียดดังนี้

การฝึกโครงการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนร่วมพลังต้านภัยยาเสพติดด้วยกระบวนการ ทางลูกเสือ ในวันที่ 13 – 14 สิงหาคม 2567 โดย สกร.ระดับอำเภอสามง่าม และ สกร.ระดับอำเภอวชิรบารมี จ.พิจิตร ได้ขอนำนักศึกษามาฝึกในค่าย สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ โดยชุดครูฝึกและวิทยากรของ พล.พัฒนา 3 การดำเนินการฝึกในขั้นต้น ชุดครูฝึกได้ดำเนินการตรวจกระเป๋าสัมภาระสิ่งของผู้เข้าร่วมการอบรม ร่วมกับครูผู้ปกครองเพื่อเป็นการป้องปรามตามมาตราการการฝึกได้ทำการตรวจค้นสิ่งผิดกฎหมาย และได้พบว่ามีผู้เข้ารับการฝึกอบรม จำนวน 1 นาย ได้นำยาเสพติด (ยาบ้า) จำนวนหนึ่งพร้อมอุปกรณ์การเสพ และอาวุธมีด เพื่อความปลอดภัยของผู้รับการฝึกทั้งหมด จึงได้ประสานครูปกครองเพื่อขอความยินยอมการตรวจหาสารเสพติดในปัสสาวะจากผู้รับการฝึกทั้งหมด เมื่อได้รับความยินยอมแล้วจึงดำเนินการตรวจปัสสาวะหาสารเสพติดผู้รับการฝึกเพศชายทั้งหมด จำนวน 42 คน โดยตรวจครั้งละ 8 คน ให้หันหน้าเข้าหากำแพงอาคารบริเวณหน้าโรงนอนชาย และให้ผู้รับการฝึกเพศหญิงอยู่ห่างจากพื้นที่การตรวจปัสสาวะเพศชาย ประมาณ 40 เมตร และหันหน้าไปทิศทางอื่น โดยวิธีการตรวจให้ผู้รับการฝึกรูดซิปกางเกงและปัสสาวะใส่ซองพลาสติกที่เตรียมไว้โดยไม่ได้ให้ถอดกางเกงลงแต่อย่างใด ผลการตรวจหาสารเสพติดในปัสสาวะไม่พบ สำหรับผู้ที่ตรวจพบยาเสพติด (ยาบ้า) นั้น ครูปกครองได้ขอนำตัวกลับไป

โดย พล.พัฒนา 3 จะดำเนินการดังนี้ประสานเรียนเชิญครูปกครองที่อยู่ในเหตุการณ์ดังกล่าวชี้แจงข้อเท็จจริงให้ทราบต่อไป.

“ซูกิชิ ร้านอาหารเกาหลี ผนึกกำลัง ม.แม่โจ้ “โครงการ SKS x CDIC MJU Creative Pop Up Project”

“ซูกิชิ ร้านอาหารเกาหลี ผนึกกำลัง ม.แม่โจ้ “โครงการ SKS x CDIC MJU Creative Pop Up Project”

พลิกโฉมการเรียนรู้ครั้งสำคัญกับความร่วมมือระหว่าง ร้านอาหารแบรนด์ปิ้งย่างสไตล์เกาหลี อันดับ 1 ของไทย กับสถาบันการศึกษา “ซูกิชิ ร้านอาหารเกาหลีที่เติบโตมาอย่างมั่นคงมากกว่า 23 ปี” ร่วมผนึกกำลังกับ “มหาวิทยาลัยแม่โจ้ เชียงใหม่” พัฒนาระบบการเรียนรู้ขีดความสามารถ “โครงการ SKS x CDIC MJU Creative Pop Up Project”

เมื่อวันที่ 21 ส.ค.67 เวลา 14.00 น. บริษัท ซูกิชิ อินเตอร์กรุ๊ป จำกัด แบรนด์ร้านอาหารปิ้งย่างสไตล์เกาหลีอันดับ 1 ของประเทศไทย ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยแม่โจ้ เชียงใหม่ ในการพัฒนาระบบหลักสูตร, ผลิตสื่อการเรียนรู้ เพื่อส่งเสริมศักยภาพ และพัฒนาขีดความสามารถของพนักงาน นักศึกษา ภายใต้แนวคิด สานต่อพลัง “นักศึกษา” สู่ “นักศึกษา มืออาชีพ”

คุณนพดล จิรวราพันธ์ ผู้บริหารจากบริษัท ซูกิชิ อินเตอร์กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า “ซูกิชิ สนับสนุนการเป็นส่วนหนึ่งในการเจริญเติบโตของเมล็ดพันธุ์การเรียนรู้ ให้สามารถสร้างงาน สร้างประสบการณ์และส่งเสริมอนาคต นักศึกษาสู่ตลาดการทำงานอย่างมีคุณภาพและเล็งเห็นว่า มหาวิทยาลัยแม่โจ้ เชียงใหม่ มีเมล็ดพันธุ์แห่งการเรียนรู้ที่มีคุณภาพบนพื้นฐานการเรียนรู้อย่างเป็นระบบจากมหาวิทยาลัย และพร้อมส่งต่อเมล็ดพันธุ์สู่การฝึกปฏิบัติชิ้นงานจริงร่วมกับสถานประกอบการ “เพราะ ซูกิชิ มั่นใจ ว่า คนเก่งสร้างได้”

ทางด้านรองศาสตราจารย์ ดร.วีระพล ทองมา อธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่โจ้ เชียงใหม่ มีเป้าหมายที่จะพัฒนาหลักสูตรและสื่อการเรียนรู้ร่วมกันซึ่งสอดคล้องกับการพัฒนาขีดความสามารถในปัจจุบัน และทุกหลักสูตรยังถือเป็นทักษะที่ตรงกับความต้องการของภาครัฐ และภาคธุรกิจตลอดเวลา “เพื่อให้นักศึกษาของเรา มีทักษะและความรู้ที่จำเป็น พร้อมที่จะประกอบอาชีพในอนาคต และรวมถึงได้รับการเรียนรู้ที่หลากหลายจึงไม่ปิดกั้นการเรียนรู้และโอกาสที่จะสามารถทำให้นักศึกษาของเราได้ใช้ความรู้ ความสามารถ จากการเรียนมาประยุกต์ใช้กับการสร้างสรรค์ชิ้นงานได้อย่างไร้ขีดจำกัด ซึ่งเป็นแนวทางสำคัญของการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ อย่างแท้จริง”

ซึ่งในโอกาสนี้ บริษัท ซูกิชิ อินเตอร์กรุ๊ป จำกัด และ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ เชียงใหม่ ได้หารือร่วมกันเกี่ยวกับความร่วมมือในการลงนาม MOU โครงการความร่วมมือเพื่อการพัฒนาสื่อการเรียนรู้ และส่งเสริมศักยภาพนักศึกษาประจำปี 2567 – 2568 ขึ้นเพื่อแสดงถึงความมุ่งมั่น และ เป้าหมายที่จะพัฒนาการศึกษาในรูปแบบใหม่และเตรียมความพร้อมที่จะส่งนักศึกษาและพนักงานภายใต้ครอบครัว ซูกิชิ สู่บุคลากรที่มีคุณภาพทั้งในภาครัฐและภาคเอกชน

ในพิธีลงนามความร่วมมือในครั้งนี้ได้รับเกียรติจาก คุณทอม – จักรกฤต โยมพยอม หรือที่หลายคนคุ้นเคย ซึ่งผู้มีชื่อเสียงและมีบทบาทมากมาย ทั้งคุณครู พิธีกร นักแสดง และ เจ้าของสำนักพิมพ์ชื่อดังอย่าง “ Avocado Books” มาร่วมเป็น Speaker ในครั้งนี้อีกด้วย “เพราะผมเชื่อว่า “การเรียนรู้” คือกุญแจสำคัญที่ช่วยปลดล็อกความคิดสร้างสรรค์ และนำไปสู่ความสนุกสนานในชีวิต การเรียนรู้ไม่มีวันสิ้นสุด ยังมีสิ่งใหม่ ๆ ให้เราค้นหาอยู่เสมอ ดังนั้น อย่าหยุดเรียนรู้ อย่าหยุดคิด อย่าหยุดสร้างสรรค์ แล้วคุณจะค้นพบความสนุกที่ไม่มีวันสิ้นสุด”.

(มีคลิป) 122 ปี กองทัพภาคที่ 3

122 ปี กองทัพภาคที่ 3

เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2567 เวลา 10.00 น. พลเอก เจริญชัย หินเธาว์ ผู้บัญชาการทหารบก พร้อมคณะผู้บังคับบัญชา ร่วมงานวันสถาปนา กองทัพภาคที่ 3 ครบรอบปีที่ 122 เพื่อบำเพ็ญกุศลอุทิศให้อดีตผู้บังคับบัญชา และกำลังพลที่ล่วงลับไปแล้ว โดยมี พลโท ประสาน แสงศิริรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 3 ให้การต้อนรับ ณ กองบัญชาการกองทัพภาคที่ 3 ค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก

โอกาสนี้ พลโท ประสาน แสงศิริรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 3 พร้อมด้วย คุณ คัทลียา แสงศิริรักษ์ ประธานสมาคมแม่บ้านทหารบก สาขา กองทัพภาคที่ 3, ผู้บังคับบัญชาและกำลังพลหน่วยขึ้นตรงกองทัพภาคที่ 3 ร่วมพิธีถวายราชสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช พระบรมรูปสมเด็จพระเอกาทศรถ และพระรูปพระสุพรรณกัลยา ณ ค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก เนื่องในโอกาสวันสถาปนากองทัพภาคที่ 3 ครบรอบปีที่ 122 และในการนี้ พลเอก เจริญชัย หินเธาว์ ผู้บัญชาการทหารบก ได้กรุณาให้เกียรติเดินทางมาเป็นประธาน โดยได้ขึ้นแท่นรับความเคารพจากแถวกองทหารเกียรติยศ จากนั้น ได้ถวายราชสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช สมเด็จพระเอกาทศรถ และพระรูปพระสุพรรณกัลยา พร้อมทั้งเยี่ยมชมการจัดแสดงนิทรรศการประวัติศาสตร์การกำเนิดเกิดขึ้นของหน่วยทหารในพื้นที่กองทัพภาคที่ 3, โครงการทหารพันธุ์ดี, รวมทั้งผลิตผลจากโครงการฯ และผลิตภัณฑ์แม่บ้านทหารบก สาขากองทัพภาคที่ 3 และหน่วยขึ้นตรงกองทัพภาคที่ 3 ต่อมาผู้บัญชาการทหารบก เป็นประธานในพิธีบำเพ็ญกุศล เนื่องในวันสถาปนากองทัพภาคที่ 3 ครบรอบปีที่ 122 ณ สโมสรบันเทิงทัพ ค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก

กองทัพภาคที่ 3 ก่อกำเนิดเมื่อ 20 สิงหาคม 2445 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ สืบเนื่องมาจากเงี้ยวบ้านบ่อแก้ว แขวงเมืองลอง และบ้านป่าผึ้ง แขวงสูงเม่น จังหวัดแพร่ ได้รวมตัวเป็นกบฏก่อการจลาจล ใช้อาวุธปืนเข้ายึดเมืองแพร่ พระยาไชยบูรณ์ ข้าหลวงกำกับราชการแพร่ ได้รวบรวมกำลังต่อสู้
ในวันที่ 6 สิงหาคม 2445 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ ได้ทรงโปรดเกล้าฯ ให้พลโทพระยา
สุรศักดิ์มนตรี เป็นแม่ทัพใหญ่ยกกำลังปราบปราม ระหว่างทาง เมื่อผ่านทางพิษณุโลก พิชัย และอุตรดิตถ์ ก็ได้เกณฑ์กำลังไปช่วยด้วย จนสามารถปราบปรามกบฏเงี้ยวได้สำเร็จ เมื่อ 20 สิงหาคม 2445 จึงถือเอาวันที่
20 สิงหาคม ของทุกปี ซึ่งเป็นวันปราบเงี้ยวกบฏได้สำเร็จ และเป็นวันคล้ายวันสถาปนา กองทัพภาคที่ 3 โดยมีพลโท ประพันธ์ กุลพิจิตร เป็นแม่ทัพภาคที่ 3 คนแรก และปัจจุบัน ประสาน แสงศิริรักษ์ เป็นแม่ทัพภาคที่ 3 คนที่ 41 ซึ่งท่านเป็นผู้บังคับบัญชาที่มีความพร้อมลักษณะของผู้นำ มีความมุ่งมั่นในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อให้กองทัพภาคที่ 3 มีความก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น กองทัพภาคที่ 3 เป็นกำลังรบหลักของกองทัพบกที่รับผิดชอบในพื้นที่17 จังหวัดภาคเหนือ ด้วยเกียรติประวัติที่ยาวนานจากอดีตสู่ปัจจุบัน ครบ 122 ปี แห่งการสถาปนาหน่วยกองบัญชาการกองทัพภาคที่ 3 ซึ่งเป็นเกียรติประวัติที่สำคัญยิ่ง.

(มีคลิป) คณะมนุษยศาสตร์ มช. เฉลิมฉลองครบรอบ 60 ปี คณะมนุษยศาสตร์ “Bridge to Livable Future” คืนสู่เหย้าชาวมนุษยศาสตร์ 31 สิงหาคม 2567

คณะมนุษยศาสตร์ มช. เฉลิมฉลองครบรอบ 60 ปี คณะมนุษยศาสตร์ “Bridge to Livable Future” คืนสู่เหย้าชาวมนุษยศาสตร์ 31 สิงหาคม 2567

เมื่อวันที่ 20 ส.ค.67 เวลา 13.00 น. ณ ห้องประชุมศาสตราจารย์ ดร.หม่อมหลวงตุ้ย ชุมสาย อาคาร HB7 ชั้น 8 คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่โดยมี ผู้ช่วยศาสตราจารย์ระพี แสงสาคร รองคณบดีคณะมนุษยศาสตร์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พศุตม์ ลาศุขะ รองคณบดีคณะมนุษยศาสตร์ และผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.กรวรรณ พรหมแย้ม ผู้ช่วยคณบดีคณะมนุษยศาสตร์ โดยได้รับเกียรติจากเจ้าสุรีย์ ณ เชียงใหม่ ประธานกองทุนดารารัศมีฯ เข้าร่วม ร่วมแถลงข่าวการจัดงานในครั้งนี้

คณะมนุษยศาสตร์ เป็นหนึ่งในสามคณะที่ได้รับการจัดตั้งขึ้นในระยะเริ่มแรกของการก่อตั้ง มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งได้แก่ คณะวิทยาศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์ และคณะมนุษยศาสตร์ ทั้งสามคณะนี้ ได้เปิดสอนวิชาขั้นพื้นฐานทั้ง 3 หมวด คือ วิทยาศาสตร์ธรรมชาติ สังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ ทั้งนี้เพราะ นักการศึกษาสมัยนั้นเชื่อว่าบัณฑิตที่สมบูรณ์แบบควรจะมีความรู้เกี่ยวกับธรรมชาติของสิ่งต่าง ๆ เกี่ยวกับ สังคมของมนุษย์ เกี่ยวกับจิตใจและคุณสมบัติต่าง ๆ ของมนุษย์เอง ในปีแรกของการจัดตั้งคณะเมื่อปี พ.ศ.2507 นั้น

คณะมนุษยศาสตร์ เป็นหน่วยงานที่ก่อตั้งขึ้นพร้อมมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เพื่อจัดการศึกษา ส่งเสริมด้านวิชาการ วิชาชีพ ผลิตบัณฑิตและงานวิจัยที่มีความเป็นเลิศทางวิชาการ รวมถึงบริการวิชาการสู่สังคม ทำนุบำรุงและส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม เนื่องในวาระโอกาสครบรอบ 60 ปี แห่งการก่อตั้ง คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จึงกำหนดจัดงานเฉลิมฉลองขึ้นในวันเสาร์ที่ 31 สิงหาคม 2567 เป็นโอกาสสำคัญในวาระครบรอบ 60 ปี คณะมนุษยศาสตร์ได้จัดพิธีทำบุญวันคล้ายวันสถาปนา และพิธีทำบุญครบรอบ 115 ปี ชาตกาลศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร.หม่อมหลวงตุ้ย ชุมสาย และบุรพชน และงานเฉลิมฉลอง เวลา 08.30 – 12.00 น. ณ ห้องประชุมศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร.หม่อมหลวงตุ้ย ชุมสาย HB7804

และในวันเดียวกันตั้งแต่เวลา 17.00 น. งานเฉลิมฉลองครบรอบ 60 ปี คณะมนุษยศาสตร์ “Bridge to Livable Future” คืนสู่เหย้าชาวมนุษยศาสตร์ เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างนักศึกษาเก่า กับนักศึกษาปัจจุบัน ในวันเสาร์ที่ 31 สิงหาคม 2567 ณ หอประชุมมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดยภายในงานจะมีพิธีมอบรางวัลนักศึกษาเก่าดีเด่น กิจกรรมเล่นเกมชิงรางวัลพิเศษจากคณะมนุษยศาสตร์ กิจกรรมแจกรางวัลพิเศษ ทองคำ จำนวน 6 รางวัล การจัดคอนเสิร์ตการเฉลิมฉลองครบรอบ 60 ปี (Home Coming Day) จากวงดนตรี ได้แก่ 1) CMU Alumni Brand 2) Mary James และ3) SL MUSIC ซึ่งบรรยากาศของเทศกาลเฉลิมฉลอง ท่านจะได้สัมผัสความอบอุ่น ความสนุกสนาน และความประทับใจ ที่สำคัญคณะมนุษยศาสตร์ได้จัดเตรียมบูธอาหารที่ขึ้นชื่อในจังหวัดเชียงใหม่ อย่างหลากหลายไว้คอยต้อนรับทุกพี่ๆ ศิษย์เก่า ศิษย์ปัจจุบัน รวมถึงทุกท่านที่เข้าร่วมกิจกรรม

ขอเชิญทุกท่านมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของความทรงจำที่จะเกิดขึ้นไปพร้อมๆกัน “Bridge to Livable Future” กดซื้อบัตรง่ายๆ คลิกเลย https://cmu.to/human-60year-register กำหนดวันจัดกิจกรรม วันที่31 สิงหาคม 2567 เวลา 17.00 น. เป็นต้นไป ณ หอประชุมมหาวิทยาลัยเชียงใหม่.

(มีคลิป) สำนักงานตำรวจแห่งชาติพร้อมภาคีเครือข่าย มอบรางวัลพลเมืองดีส่งคลิปผู้ขับขี่ฝ่าฝืนกฎหมายตาม “โครงการอาสาตาจราจร” พร้อมเตือนการใช้โทรศัพท์ในขณะขับขี่ เสี่ยงอุบัติเหตุ

สำนักงานตำรวจแห่งชาติพร้อมภาคีเครือข่าย มอบรางวัลพลเมืองดีส่งคลิปผู้ขับขี่ฝ่าฝืนกฎหมายตาม “โครงการอาสาตาจราจร” พร้อมเตือนการใช้โทรศัพท์ในขณะขับขี่ เสี่ยงอุบัติเหตุ

เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2567 เวลา 09.30 น. พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทนรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย นพ.แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ , คุณพงศ์พันธ์ ประภาศิริลักษณ์ ผู้จัดการฝ่ายสื่อสารองค์กร บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) , ผู้แทนจากสถานีวิทยุพิทักษ์สันติราษฎร์ สวพ.91 และสถานีวิทยุ จส.100 ร่วมแถลงผลการมอบรางวัลและเกียรติบัตรโครงการอาสาตาจราจร ณ ห้องศรียานนท์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมอบรางวัลให้กับประชาชนเจ้าของคลิปกล้องหน้ารถ ที่บันทึกอุบัติเหตุทางถนนหรือการกระทำผิดกฎจราจรที่สำคัญ ประจำเดือนมิถุนายน 2567 รวมรางวัลทั้งสิ้น 10 รางวัล เงินรางวัลสูงสุด 20,000 บาท รวมเงินรางวัลที่จะมอบในวันนี้ เป็นเงินจำนวนทั้งสิ้น 50,000 บาท โดยบริษัท วิริยะประกันภัย เป็นผู้สนับสนุนเงินรางวัล

พล.ต.ท.ประจวบฯ กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของประชาชน ในการสร้างความปลอดภัยทางถนน โดยเฉพาะโครงการอาสาตาจราจร เป็นกิจกรรมขับเคลื่อนความร่วมมือของทุกภาคส่วนที่มีผลประจักษ์ชัด ได้รับความสนใจจากภาคประชาชน ร่วมส่งคลิปการกระทำผิดกฎจราจรมาให้คณะทำงานพิจารณาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่เริ่มโครงการ ข้อมูลเบาะแสเหล่านี้เป็นกุญแจสำคัญในการแก้ไขปัญหาการจราจร เพื่อสร้างความปลอดภัยทางถนนให้กับผู้ใช้ทาง สำหรับผู้กระทำผิดที่ถูกบันทึกคลิปวิดีโอเจ้าหน้าที่ตำรวจจะนำไปตรวจสอบและติดตามมาดำเนินคดี โครงการนี้มุ่งหวังให้ผู้ขับขี่ยับยั้งชั่งใจในการกระทำความผิด เพื่อมุ่งปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการขับขี่ที่สร้างความเดือดร้อนให้กับผู้อื่น

สำหรับผู้ที่ต้องการเข้าร่วมกิจกรรม สามารถส่งคลิปผู้ฝ่าฝืนกฎจราจรมายังช่องทางที่หลากหลาย ได้แก่ เพจอาสาตาจราจร , เพจตำรวจทางหลวง , เพจกองบังคับการตำรวจจราจร รวมถึงเพจเครือข่ายที่ร่วมโครงการ ทั้งเพจมูลนิธิเมาไม่ขับ , สวพ.91 และ จส.100 คลิปที่มีเนื้อหาน่าสนใจผ่านการคัดเลือก นอกจากได้รับเงินรางวัลแล้วยังได้รับใบประกาศเกียรติคุณจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในฐานะพลเมืองดี ช่วยส่งพยานหลักฐานเพื่อช่วยคนดี ชี้คนผิด เป็นส่วนหนึ่งในการลดอุบัติเหตุทางถนน

ทางด้าน นพ.แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ กล่าวเสริมว่า โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยในการสร้างการตระหนักรู้ในการขับขี่ปลอดภัย ให้ประชาชนปฏิบัติตามกฎจราจร การมีส่วนร่วมดังกล่าวเป็นการสร้างมาตรฐานทางสังคมให้เกิดความยับยั้งชั่งใจในการกระทำความผิด

นอกจากนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีความห่วงใยผู้ขับขี่และผู้ใช้รถใช้ถนน เรื่องการใช้โทรศัพท์ในระหว่างการขับขี่รถ ทั้งรถยนต์ รถจักรยานยนต์ เนื่องจากพบว่า มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นจากผู้ขับขี่ที่ใช้โทรศัพท์ขณะขับรถเพิ่มสูงขึ้น ทั้งการคุยโทรศัพท์ และการใช้ในวัตประสงค์อื่น เพราะการใช้โทรศัพท์ขณะขับขี่ส่งผลให้สมาธิในการควบคุมรถ การรับรู้ต่อสิ่งแวดล้อมบนถนนลดลง ในระดับที่เป็นอันตรายส่งผลต่อการเกิดอุบัติเหตุ จึงขอให้ใช้เครื่องมือช่วยในการรับฟัง หรือหยุดรถในจุดปลอดภัยก่อน หรือหากงดใช้จะเป็นแนวทางที่สร้างความปลอดภัยได้ดีที่สุดสำหรับทุกคน รวมไปถึงคนเดินเท้า โดยเฉพาะในขณะข้ามถนน หากใช้โทรศัพท์จะเป็นความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ.

เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ต้อนรับสมาชิกใหม่ “หมูป่าแม่น้ำแดง” หมูป่าที่มีสีสันสวยงามที่สุด และเป็นหนึ่งในสัตว์หน้าแปลกที่หาดูได้ยากในเมืองไทย

เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ต้อนรับสมาชิกใหม่ “หมูป่าแม่น้ำแดง” หมูป่าที่มีสีสันสวยงามที่สุด และเป็นหนึ่งในสัตว์หน้าแปลกที่หาดูได้ยากในเมืองไทย

เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2567 สำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) โดยสำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี มีสมาชิกใหม่ที่เกิดภายในเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี และเป็นหนึ่งในสัตว์หน้าแปลกที่หาดูได้ยากในเมืองไทย “หมูป่าแม่น้ำแดง” (Red River Hog) สัตว์ในตระกูลหมูที่มีสีสันสวยงามที่สุด จำนวน 1 ตัว พร้อมเชิญชวนนักท่องเที่ยวมาชมความน่ารักของลูกหมูป่าแม่น้ำแดง อยู่ในส่วนจัดแสดงโซนสะวันนา ซาฟารี
นายกฤษดา ลาพิมล รองผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาพิงคนคร ปฏิบัติหน้าที่แทนผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาพิงคนคร เปิดเผยว่า “เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ที่ดูแลส่วนแสดงหมูป่าแม่น้ำแดง เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2567 ว่าได้มีสมาชิกใหม่เป็น “ลูกหมูป่าแม่น้ำแดง” จำนวน 1 ตัว ยังไม่ทราบเพศ และขณะนี้หมูป่าแม่น้ำแดง มีอายุ 20 วัน ได้รับการเลี้ยงดูจากแม่และพ่อเป็นอย่างดี มีสุขภาพที่แข็งแรง และแม่หมูป่าแม่น้ำแดงมีอาการหวงลูก ไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้ จึงต้องรอสักระยะหนึ่งถึงจะตรวจสอบเพศได้ ซึ่งในปัจจุบันเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีมีหมูป่าแม่น้ำแดง รวมทั้งสิ้น 10 ตัว และนักท่องเที่ยวสามารถชมความน่ารักของหมูป่าแม่น้ำแดงได้ทุกวัน ในส่วนจัดแสดงโซนสะวันนา ซาฟารี”

สำหรับ “หมูป่าแม่น้ำแดง” (Red River Hog) เป็นหมูป่าที่มีสีสันสวยงามที่สุด และหนึ่งในสัตว์หน้าแปลกที่หาดูได้ยากในเมืองไทย เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม มีขนตามตัวค่อนข้างยาว สีน้ำตาลอมแดง ดูสะดุดตา ใบหูยาวและใหญ่ มีขนยาวเป็นพู่ตรงปลายใบหู ช่วงขามีสีดำ จมูกยื่นยาวมีสีดำและสีขาว มีเส้นลายยาวพาดไปตามแนวกระดูกสันหลัง ส่วนบริเวณรอบๆ ดวงตา แก้ม และกราม มีสีอ่อนจางๆ ลักษณะคล้ายใส่หน้ากาก ในวัยเด็กจะมีลายพาดเป็นแนวยาวตามตัวและจะหายไปเมื่อโตขึ้น เป็นสัตว์หากินกลางคืน กลางวันจะซ่อนตัวตามพุ่มไม้ กินพืชและสัตว์เป็นอาหาร ว่ายน้ำเก่ง
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี โทร. 053-999000 หรือทุกช่องทางออนไลน์ Facebook : เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี Chiang Mai Night Safari หรือ LineOA : @nightsafari หรือ Tiktok และ IG : chiangmainightsafari.

(มีคลิป) ไหว้สาป๋ารมี วิถีธรรมนำชุมชน ปีที่ 20 ครั้งที่ 1 วัดร้องอ้อ จ.เชียงใหม่

ไหว้สาป๋ารมี วิถีธรรมนำชุมชน ปีที่ 20 ครั้งที่ 1 วัดร้องอ้อ จ.เชียงใหม่

เมื่อวันที่ 19 ส.ค.67 เวลา 20.00 น. ที่ลานพิธีวัดร้องอ้อ ต.สันผีเสื้อ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ พระอธิการชาญชัย กนฺตวีโร เจ้าอาวาสวัดร้องอ้อ จัดงานไหว้สาป๋ารมี วิถีธรรมนำชุมชน ประจำปี 67 ครั้งที่ 1 ปีที่ 20 โดยทางคณะสงฆ์ตำบลสันผีเสื้อ ร่วมกับเทศบาลตำบลสันผีเสื้อ ฝ่ายปกครองตำบลสันผีเสื้อ และกลุ่มพลังมวลชลตำบลสันผีเสื้อ ร่วมกันจัดขึ้น โดยมีพระครูกิตติปริยัติวัฒน์ เจ้าอาวาสวัดท่าต้นกวาว รองเจ้าคณะตำบลชมภู เมตตาเทศนาธรรม พระครูประภาสปรียัติวิมล เจ้าคณะตำบลสันผีเสื้อ โดยมี นายสมบูรณ์ บุญเรือง (สจ.แอ๊ด) รองประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานในพิธีพร้อมด้วย นายลักษ์ บุญชละ นายกเทศมนตรีตำบลสันผีเสื้อ นายสว่าง ธาตุอินทร์จันทร์ ประธานเครือข่ายกองทุนแม่ของแผ่นดินจังหวัดเชียงใหม่ และ ประธานเครือข่ายกองทุนแม่ของแผ่นดิน 8 จังหวัดภาคเหนือ (ตอนบน) นายศรีคราม ปัจมิตร ผอ.โรงเรียนวัดร้องอ้อ พร้อมคณะครูฯ และคณะ พุทธศาสนิกชน เข้าร่วมในพิธีนี้ อย่างคับคั่ง

ภายในงานมีการแสดงฟ้อนเล็บ จากกลุ่มคณะสตรีวัดร้องอ้อ และคณะช่างฟ้อนจากตำบลสันผีเสื้อ มีการตอบปัญหาธรรมมะ จากตัวแทนเยาวชนใน ต.สันผีเสื้อ และมอบผ้าไตร และรางวัลให้กับ สามเณร และพระภิกษุจำนวน 3 รูป ที่สอบผ่าน นักธรรมชั้นตรี และนักธรรมชั้นเอก ในปีนี้

ซึ่งการจัดกิจกรรมเข้าวัด ทำบุญ ฟังธรรม และการตอบปัญหาธรรมะ ตามโครงการ “ไหว้สาป๋ารมี วิถีธรรมนำชุมชน” ปีที่ 20 ครั้งที่ 1 จะได้จัดขึ้นในวัด 5 แห่ง ในตำบลสันผีเสื้อ โดยเริ่มจากวัดร้องอ้อ เป็น “วัดแรก”.

มูลนิธิอาจารย์วารินทร์ บัววิรัตน์เลิศ มูลนิธิข่วงพระเจ้าล้านนาร่วมกับคณะธรรมทูต อัญเชิญองค์ครูบาเจ้าศรีวิชัยพร้อมชุดประกาศเกียรติคุณ ที่ประเทศศรีลังกา เพื่อหนุนเสริมการเสนอชื่อครูบาเจ้าศรีวิชัยให้เป็นบุคคลสำคัญของโลก(UNESCO)

มูลนิธิอาจารย์วารินทร์ บัววิรัตน์เลิศ มูลนิธิข่วงพระเจ้าล้านนาร่วมกับคณะธรรมทูต อัญเชิญองค์ครูบาเจ้าศรีวิชัยพร้อมชุดประกาศเกียรติคุณ ที่ประเทศศรีลังกา เพื่อหนุนเสริมการเสนอชื่อครูบาเจ้าศรีวิชัยให้เป็นบุคคลสำคัญของโลก(UNESCO)

เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2567 ที่ วัดคงคาราม กรุงโคลัมโบ ประเทศศรีลังกา จัดพิธีอัญเชิญประดิษฐานองค์ครูบาเจ้าศรีวิชัยขนาดหน้าตัก 30 นิ้วพิธีมอบชุดประกาศเกียรติคุณครูบาเจ้าศรีวิชัย และชุดพระไตรปิฎก(ฉบับภาษาไทย-บาลี) ด้วยกระบวนการธรรมทูต โดยมีคุณอุปกิต ปาจรียางกูร หัวหน้าคณะธรรมทูต คุณพลเดช วรฉัตร อดีตเอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงโคลัมโบ ประเทศศรีลังกา คุณปรีชา บัววิรัตน์เลิศ ผู้แทนมูลนิธิอาจารย์วารินทร์ บัววิรัตน์เลิศ มูลนิธิข่วงพระเจ้าล้านนาและคณะธรรมทูต ซึ่งประกอบด้วย คุณเพียงพร บัววิรัตน์เลิศ ,คุณธีรพจน์ รัตนเสถียร ,คุณอภิรักษ์ ศักดิ์พัฒนากุล, คุณพิพัทธ์ ชนะสงคราม ตลอดจนคณะทำงานในการเผยแพร่ที่ประกอบด้วย คุณชรินทร์ แช่มสาคร และคุณสหธัช ปุณณโกศล ในฐานะเลขานุการคณะธรรมทูตร่วมกันอัญเชิญประดิษฐานองค์ครูบาเจ้าศรีวิชัยขนาดหน้าตัก 30 นิ้ว และมอบชุดประกาศเกียรติคุณครูบาเจ้าศรีวิชัย อันประกอบด้วยเหรียญบูชา เอกสารการบูชาพระรัตนตรัย พระคาถาบารมี 30 ทัศ และชุดพระไตรปิฎก(ฉบับภาษาไทย-บาลี) ที่มูลนิธิอาจารย์วารินทร์ บัววิรัตน์เลิศ มูลนิธิข่วงพระเจ้าล้านนาจัดทำขึ้น เพื่อเป็นกิจกรรมหนุนเสริมการเผยแพร่และประกาศเกียรติคุณองค์ครูบาเจ้าศรีวิชัย ให้เป็นบุคคลสำคัญของโลกด้านการศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ขององค์กรยูเนสโก ในการนี้ คุณอุปกิต ปาจรียางกูร หัวหน้าผู้แทนผู้ทำหน้าที่กระบวนการธรรมทูต สายประเทศศรีลังกา พม่าและประเทศลาว เป็นผู้อำนวยการในการประสานงาน สนับสนุนการดำเนินการทั้งหมดด้วย

คุณปรีชา บัววิรัตน์เลิศ ผู้แทนมูลนิธิอาจารย์วารินทร์ บัววิรัตน์เลิศ มูลนิธิข่วงพระเจ้าล้านนา ได้กล่าวถึงเจตนารมณ์ของ อาจารย์วารินทร์ บัววิรัตน์เลิศ ประธานมูลนิธิอาจารย์วารินทร์ บัววิรัตน์เลิศ ประธานมูลนิธิข่วงพระเจ้าล้านนา ปณิธานของท่านคือ “สืบสานศาสนา รักษาแผ่นดิน” ผ่านกิจกรรมต่างๆที่ทางมูลนิธิฯจัดทำขึ้นในทุกๆปี โดยเฉพาะการทำบุญมหากุศล ปีละ 3 ครั้ง ในช่วงเดือนเมษายน เดือนกรกฎาคม ซึ่งเป็นช่วงฤดูกาลเข้าพรรษา และในเดือนพฤศจิกายนหลังเทศกาลออกพรรษา โดยจัดตั้งเป็นกองกฐิน ผ้าป่า ชุดบวช ชุดมหาสังฆทาน หนังสือพระไตรปิฎก พร้อมตู้พระไตรปิฎก ฆ้อง กลอง ระฆัง ไถ่ชีวิตโค-กระบือ ปล่อยปลา ตลอดจนมอบทุนการศึกษาให้กับ โรงเรียน ,มหาวิทยาลัย มอบทุนให้มูลนิธิ โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ และโรงพยาบาลนครพิงค์ ทำบุญโลงศพผู้ยากไร้ ตลอดจนมอบทุนให้สาธารณะประโยชน์ต่างๆ ทั้งในจังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดอื่นๆ เป็นประจำทุกปี

ที่สำคัญในครั้งนี้มูลนิธิอาจารย์วารินทร์ บัววิรัตน์เลิศ มูลนิธิข่วงพระเจ้าล้านนาได้จัดสร้างรูปหล่อเหมือนครูบาเจ้าศรีวิชัยมอบให้ผู้แทนธรรมทูตในการเผยแพร่ให้นานาประเทศ ได้นำไปประดิษฐานและเป็นการเผยแพร่ถึงคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า และได้มีการจัดทำหนังสือและการจดบันทึกการสวดมนต์ด้วยภาษาบาลี และการจัดทำคำแปลเป็นภาษาต่างๆเช่นภาษาล้านนา ภาษาอังกฤษ ภาษาไทใหญ่ ภาษาพม่า( ปะโอ) และภาษากะเหรี่ยง เพื่อเป็นการเผยแพร่ทั่วโลกตามกระบวนการธรรมทูตฝ่ายฆราวาสโดยมูลนิธิอาจารย์วารินทร์ บัววิรัตน์เลิศสนับสนุนงบประมาณทั้งหมด ในการดำเนินงานครั้งนี้ อันเป็นการสืบสานศาสนา รักษาแผ่นดินตามที่ได้ตั้งปณิธานไว้ และในขณะเดียวกันนานาประเทศที่เป็นเมืองพระพุทธศาสนา ก็จะได้รับรู้รับทราบปฏิปทาคำสอนของพระพุทธเจ้า ตลอดจนองค์ครูบาเจ้าศรีวิชัยก็จะได้แรงสนับสนุนในการผลักดันให้ไปถึงยูเนสโก เพื่อที่จะให้ครูบาเจ้าศรีวิชัยเป็นบุคคลสำคัญของโลก(ยูเนสโก)ภายในปี 2571 นี้.