(มีคลิป) ผบ.นบ.ยส.35 เผยยาเสพติดมหาศาลรอทะลักเข้า พบมีปรับรูปแบบนำเฮโรอีน-ไอซ์เข้าชายแดนเพิ่มอีก หวังหาตลาดใหม่ในต่างประเทศ

ผบ.นบ.ยส.35 เผยยาเสพติดมหาศาลรอทะลักเข้า พบมีปรับรูปแบบนำเฮโรอีน-ไอซ์เข้าชายแดนเพิ่มอีก หวังหาตลาดใหม่ในต่างประเทศ

เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2567 เวลา 10.30 น. ที่ ห้องประชุม นบ.ยส.35 อ.แม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ พลเอกนฤทธิ์ ถาวรวงษ์ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ชายแดนภาคเหนือ ( ผบ.นบ.ยส.35 ) เปิดเผยต่อสื่อมวลชนจังหวัดเชียงใหม่ ว่าภายหลังจากที่ นบ.ยส.35 จัดตั้งขึ้นตามนโยบายของรัฐบาลที่มุ่งเน้นแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่ที่มีความจำเป็นเร่งด่วน ภายใน 1 ปี โดยเฉพาะชายแดนภาคเหนือ 6 จังหวัด 18 อำเภอ ตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.66 ถึงปัจจุบันสามารถยึดยาบ้ากว่า 210 ล้านเม็ด ไอซ์ 2,607 กิโลกรัม, เฮโรอีน 254 กก. ฝิ่นดิบ 190 กก., คีตามีน 21 กก., จับกุมผู้ต้องหา 1,586 ราย, กลุ่มขบวนการ เสียชีวิต 25 ศพ และมีการปะทะกับกลุ่มขบวนการ 38 ครั้ง ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ชายแดนด้าน อ.ฝาง, อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ และ อ.แม่ฟ้าหลวง อ.แม่สาย จ.เชียงราย ที่เป็นพื้นที่ต่อเนื่องชายแดนและพื้นที่ตอนใน มีการปิดล้อมตรวจค้น ขยายผลยึดทรัพย์กลุ่มขบวนการรายสำคัญ 5 ครั้ง ติดตามจับกุมนอกพื้นที่ 6 ครั้ง ถือว่าเป็นผลงานที่ดี เพราะที่ผ่านมา นบ.ยส.35 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้มีการปรับปรุงโครงสร้างการจัดหน่วยเพิ่มเติม เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน

ทั้งนี้จากการวิเคราะห์ด้านการข่าวพบว่า กลุ่มขบวนการลักลอบค้ายาเสพติดตามแนวชายแดนมีการเปลี่ยนรูปแบบตลอดเวลา และมีการนำเข้าเฮโรอีน ไอซ์ พร้อมยาบ้าทางชายแดนเพิ่มมากขึ้น เพื่อทดลองตลาดใหม่ ในการหาช่องทางการจำหน่ายนอกประเทศประกอบกับช่วงนี้นักท่องเที่ยวชาวทางตะวันตกเริ่มเข้ามาในพื้นที่มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะแถบยุโรป อเมริกา ซึ่งกลุ่มนี้จะเป็นกลุ่มที่นิยมเสพไอซ์ เฮโรอีน และคีตามีน มากกว่าคนไทย

สถานการณ์การสู้รบในพื้นที่ของประเทศเมียนมายังคงเป็นปัจจัยสำคัญ ที่ทำให้มีการเร่งผลิตยาเสพติด และระบายเข้ามาในประเทศไทยเพื่อทดแทนยาเสพติด ที่ถูกจับกุมจากความเข้มข้นในการสกัดกั้น ทั้งด้านจังหวัดเชียงใหม่ และเชียงรายในห้วงที่ผ่านมา ปัจจุบันคาดการณ์ว่ายังคงมีปริมาณยาเสพติดพักคอยตามแนวชายแดน ด้านตรงข้ามภาคเหนือของไทย ที่รอการสั่งและนำเข้า โดยเฉพาะยาบ้าไม่น้อยกว่า 80 ล้านเม็ด ไอซ์ ประมาณ 1,000 กก และเฮโรอีนอีกประมาณ 100 กก.

ที่ผ่านมา นบ.ยส.35 ยังคงบูรณาการกำลังร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการลงตรวจสถานีขนส่งเพื่อรณรงค์และป้องกันการลักลอบขนส่งยาเสพติด ในห้วงเทศกาลสำคัญ และร่วมกับศุลกากรขับเคลื่อนการสกัดกั้น การนำเข้า ส่งออก สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ที่ใช้ในกระบวนการผลิตยาเสพติด ผ่านด่านพรมแดน รวมทั้งประสานความร่วมมือประเทศเพื่อนบ้าน ในการติดตามผู้ต้องหาตามหมายจับคดียาเสพติดหลบหนีข้ามแดน ตลอดจนขอสนับสนุนงบประมาณจากกองทุน ป.ป.ส.ในการจัดหาเครื่องมือพิเศษเพิ่มประสิทธิภาพ ความปลอดภัย ลดความเสี่ยงให้กับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน และสร้างการรับรู้ การปฏิบัติงานของหน่วย ในการแก้ไขปัญหายาเสพติดของรัฐบาล ผ่านสื่อในทุกช่องทาง

อย่างไรก็ตาม นบ.ยส.35 ยังคงมุ่งมั่นที่จะดำเนินการสกัดกั้น และแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างด้วยความเข้มข้น ทั้งงานด้านการข่าว การสกัดกั้นปราบปราม และด้านการป้องกัน เพื่อสนองตอบนโยบายของรัฐบาล ในการแก้ไขปัญหายาเสพติดโดยไม่ส่งผลกระทบต่อประชาชนและสังคม.

รรท.รอง ผบ.ตร. ประชุมเตรียมพร้อมการรักษาความปลอดภัยและการจราจร การจัดประชุมผู้นำบิมสเทค ครั้งที่ 6 มุ่งสร้างความร่วมมือระหว่างภูมิภาค 14 สาขา ยกระดับความหลากหลายทางวิชาการและเศรษฐกิจ

รรท.รอง ผบ.ตร. ประชุมเตรียมพร้อมการรักษาความปลอดภัยและการจราจร การจัดประชุมผู้นำบิมสเทค ครั้งที่ 6 มุ่งสร้างความร่วมมือระหว่างภูมิภาค 14 สาขา ยกระดับความหลากหลายทางวิชาการและเศรษฐกิจ

ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร.รรท.รอง ผบ.ตร.(มค) เปิดเผยว่า ตามนโยบายรัฐบาล ที่ตระหนักและให้ความสำคัญในการส่งเสริมความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและความหลากหลายทางวิชาการ โดยมุ่งหวังให้ทุกภาคส่วนมีส่วนสำคัญในการผลักดันความร่วมมือดังกล่าวให้บรรลุผลสำเร็จ

ตามคำสั่งคณะกรรมการระดับชาติ เพื่อเตรียมการจัดการประชุมผู้นำบิมสเทค ครั้งที่ 6 และการประชุม
ที่เกี่ยวข้อง แต่งตั้งคณะอนุกรรมการด้านการรักษาความปลอดภัยและการจราจร เพื่อเตรียมการจัดการประชุมฯ ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและสำเร็จลุล่วง โดยมี พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. เป็นประธานอนุกรรมการฯ และได้มอบหมายให้ พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร.รรท.รอง ผบ.ตร.(มค) เป็นรองประธานอนุกรรมการฯ

พล.ต.ท.ประจวบฯ เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการด้านการรักษาความปลอดภัยและการจราจร เพื่อเตรียมการจัดการประชุมผู้นำบิมสเทค ครั้งที่ 6 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ณ ห้องศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 ตร. เพื่อวางกรอบในการปฏิบัติงานด้านการรักษาความปลอดภัย การอำนวยความสะดวกการจราจร พิธีการคนเข้าเมือง การจัดทำแผนรักษาความปลอดภัย การจัดตั้งกองอำนวยการร่วม การดำเนินการด้านงบประมาณเพื่อสนับสนุนการปฏิบัติรวมถึงแจ้งการมอบหมายภารกิจ ให้แก่หน่วยปฏิบัติในสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยร่วมปฏิบัติได้รับทราบ โดยมี ผู้แทน บช.น., สยศ.ตร., บก.ส.1 และ ผค. พร้อมด้วยผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย มท., กต, สธ., สลน., สมช., สขช., สกมช., จท., กทพ., กพท, บก.ทท., ทบ., ทร., ทอ., ภ.1, บช.ก., สตม., บช.ทท., สงป., บมจ.ทอท., บมจ.การบินไทย, บมจ.ทางยกระดับดอนเมือง และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม โดยได้กำชับให้ทุกหน่วยที่เกี่ยวข้อง จัดทำปฏิทินการปฏิบัติงาน และกำหนดกรอบระยะเวลา การเตรียมความพร้อมให้ชัดเจน เป็นปัจจุบัน ถึงวันประชุม จนเสร็จสิ้น เน้นย้ำให้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเสียสละทุ่มเท ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ปลอดภัย จนจบภารกิจ

พล.ต.ท.ประจวบฯ กล่าวว่า ความริเริ่มแห่งอ่าวเบงกอล สำหรับความร่วมมือหลากหลายสาขาทางวิชาการและเศรษฐกิจ Bay of Bengal Initiative for Multi-Sectoral Technical and Economic Cooperation (BIMSTEC) เป็นกรอบความร่วมมือทางวิชาการและเศรษฐกิจระหว่าง 7 ประเทศในอ่าวเบงกอล ประกอบด้วย บังกลาเทศ ภูฏาน อินเดีย เมียนมาร์ เนปาล ศรีลังกา และไทย เป็นกรอบเดียวที่เชื่อมเอเชียใต้เข้ากับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และโดยที่ไทยและเมียนมาร์เป็นประเทศอาเซียน 2 ประเทศที่เป็นสมาชิก BIMSTEC ทำให้ไทยอยู่ในสถานะเป็นสะพานเชื่อมโยง
อนุภูมิภาคทั้งสอง และเป็นกลไกหนึ่งที่ไทยสามารถขยายความสัมพันธ์กับประเทศในภูมิภาคเอเชียใต้ ซึ่งจะมีการจัดประชุมขึ้นในระหว่างวันที่ 2 – 4 ก.ย.67 ณ โรงแรมแชงกรี-ลา กรุงเทพฯ โดยมีผู้นำ และรัฐมนตรีจาก 7 ประเทศสมาชิก เข้าร่วมประชุมในสาขาความร่วมมือ 14 สาขา ประกอบด้วย 1.การค้าและการลงทุน 2.เทคโนโลยี 3.คมนาคม 4.พลังงาน 5.ท่องเที่ยว 6.ประมง 7.เกษตร 8.สาธารณสุข 9.การจัดการสิ่งแวดล้อมและภัยพิบัติ 10.การต่อต้านการก่อการร้าย
และอาชญากรรมข้ามชาติ 11.การลดความยากจน 12.วัฒนธรรม 13.ปฏิสัมพันธ์ในระดับประชาชน 14.การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

พล.ต.ท.ประจวบฯ รรท.รอง ผบ.ตร. ขอบคุณและขอให้ทุกหน่วยปฏิบัติหน้าที่ด้วยความรอบคอบ ชัดเจน ตามภารกิจของหน่วย เพื่อให้การปฏิบัติงานของคณะอนุกรรมการด้านการรักษาความปลอดภัยและการจราจรฯ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ผู้นำประเทศบิมสเทค รัฐมนตรีหรือเทียบเท่า และผู้เข้าร่วมประชุม มีความปลอดภัยสูงสุด ประทับใจ ตลอดการพำนักในประเทศไทย.

(มีคลิป) “กาแฟคั่วหม้อดินเผา” มาลา คาเฟ่ สาวเชียงใหม่ จบวิศวะสิ่งแวดล้อม เปิดร้านขายกาแฟ รายได้ส่วนหนึ่งเข้ากองทุนสิ่งแวดล้อมฯ

“กาแฟคั่วหม้อดินเผา” มาลา คาเฟ่ สาวเชียงใหม่ จบวิศวะสิ่งแวดล้อม เปิดร้านขายกาแฟ รายได้ส่วนหนึ่งเข้ากองทุนสิ่งแวดล้อมฯ

สาวเชียงใหม่ จบวิศวะสิ่งแวดล้อม เปิดร้านขายกาแฟ หน้าร้านต้องมี “รถถีบ” หรือ “จักรยาน” และ “จ้อง” หรือ “ร่ม” คอนเซ็ปสาวชียงใหม่ เคลื่อนย้ายง่ายไปไหนก็ได้ กาแฟคั่วในหม้อดินเผา บดเอง ราคามีจ่ายตามจริง และจ่ายตามใจ เท่าไรก็ได้ ส่วนหนึ่งเข้ากองทุนสิ่งแวดล้อม ทำกิจกรรมสอนน้องเรื่องร้านกาแฟบนดอย

นางสาว กรรวี สกลทัศน์ อายุ 26 ปี จบการศึกษาระดับ ป.ตรี วิศวะสิ่งแวดล้อม แต่มาขายกาแฟ ตามงานอีเว้นท์ ที่เป็นกิจกรรมเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม เยาวชน หรือเกี่ยวกับทางวัฒนธรรม แต่ก็จะมีร้านขายประจำ ย่านถนนท่าแพ กลางเมืองเชียงใหม่ และในพื้นที่ต.บ้านกาด อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่ ซึ่งก็จะมีนายธีรภัทร สกลทัศน์ น้องชาย อายุ 22 ปี เป็นคนช่วยดูแลอีกแรง ชื่อร้าน “มาลา คาเฟ่” คอนเซ็ปมีแนวคิดต้องการ สืบผ่านคุณค่า การส่งเสริมกาแฟเพื่อสิ่งแวดล้อม โดยดัดแปลงสิ่งของเก่าๆ ที่มีอยู่ตามชุมชน หรือพื้นบ้าน นำมาดัดแปลงกลับมาใช้ใหม่ เป็นร้านกาแฟแบบเท่ๆ ใช้ทุกชิ้นให้เกิดประโยชน์ ที่ทุกคนสามารถทำได้ และอยากเป็นตัวอย่างให้กับคนรุ่นใหม่ ที่ต้องการมีร้านกาแฟเป็นของตัวเอง ด้วยการลงทุนไม่ถึง 2 หมื่นบาท ไม่ต้องไปลงทุนซื้อเครื่องชงเป็นแสนๆ ก็สามารถมีอาชีพ เลี้ยงตัวเองได้ สไตล์ของร้าน จะต้องมีรถถีบ หรือจักรยาน และจ้องหรือร่ม มาทำหน้าร้าน พร้อมอุปกรณ์ที่เก็บสะสมมา เกี่ยวกับกาแฟ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องบด เครื่องชง กาน้ำ เครื่องคั่วกาแฟที่เป็นดินเผา คนโท ตะกร้าเก่าๆ นำมาตกแต่ง มีเก้าอี้ไม้ ให้นั่งถ่ายภาพเซลฟี่ได้ เป็นจุดสนใจและมีแค่โต๊ะ 1 ตัว ใช้ตั้งอุปกรณ์ในการชงกาแฟ ส่วนราคาขายมี 2 แบบ ราคาทั่วไปจ่ายตามจริง ราคาแก้วละ 45 – 50 บาท ส่วนอีกแบบ เป็นจ่ายตามใจ จะจ่ายกี่บาท หรือเท่าไรก็ได้

ซึ่งรายได้จากตรงนี้ ส่วนหนึ่งจะนำเข้ากองทุนสิ่งแวดล้อมฯ เพื่อจัดกิจกรรม เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม รวมทั้งไปสอนให้กับน้องๆบนดอย ในการเปิดร้านกาแฟบนดอย ทั้งการออกแบบ สอนวิธีการทุกอย่าง ทั้งหน้าร้าน วิธีชง เป็นอะไรที่ง่ายๆ และทำได้ ซึ่งเปิดมาได้ 3 ปี ก็เลี้ยงดูตัวเองได้อย่างสบาย.

(มีคลิป) พัฒนาชุมชนเชียงใหม่ ประกวดหมู่บ้านกองทุนแม่ของแผ่นดินดีเด่น ระดับจังหวัด (รอบตัดสิน)  ประจำปี 67

พัฒนาชุมชนเชียงใหม่ ประกวดหมู่บ้านกองทุนแม่ของแผ่นดินดีเด่น ระดับจังหวัด (รอบตัดสิน) ประจำปี 67

เมื่อวันที่ 13 ส.ค.67 เวลา 10.00 น. ที่ห้องประชุมสำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดเชียงใหม่ ได้มีการจัดประชุมการประกวดหมู่บ้านกองทุนแม่ของแผ่นดินดีเด่น ระดับจังหวัด (รอบตัดสิน) ประจำปี 67 โดยมีนายวีรพงศ์ ฤทธิ์รอด รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานการประชุมพร้อมด้วย นายจิรพงศ์ วางวงศ์ นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการ ปปส.ภ.5 นายสว่าง ธาตุอินทร์จันทร์ ประธานกองทุนแม่ของแผ่นดิน จังหวัดเชียงใหม่ และประธานกองทุนแม่ของแผ่นดิน 8 จังหวัดภาคเหนือ (ตอนบน) นางสาวอัมพร ไชยโย ผู้อำนวยการกลุ่มงานสารสนเทศการพัฒนาชุมชน นางพิมพ์นรา.รักชาติ เจ้าพนักงานปกครองชำนาญการ ร่วมประชุมคัดเลือกผ่านวีดีโอ Conference

ด้วยกรมการพัฒนาชุมชนได้ดำเนินการประกวดหมู่บ้านกองทุนแม่ของเเผ่นดินดีเด่น ระดับจังหวัดประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระบางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง รวมทั้งเพื่อเชิดชูเกียรติและสร้างขวัญกำลังใจในการดำเนินงานกองทุนแม่ของแผ่นดินแก่หมู่บ้าน/ชุมชนกองทุนแม่ของแผ่นดิน พัฒนายกระดับการดำเนินงานหมู่บ้านกองทุนแม่ของแผ่นดิน พร้อมสร้างการรับรู้และประชาสัมพันธ์การดำเนินงานหมู่บ้านกองทุนแม่ของแผ่นผ่นดินให้เป็นที่ประจักษ์แก่สาธารณชน

ในการประกวดหมู่บ้านกองทุนแม่ของแผ่นดินดีเด่น ระดับจังหวัด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 (รอบตัดสิน) ของทางจังหวัดเชียงใหม่ มีกองทุนแม่ของแผ่นดิน ที่เข้ารอบ ในการตัดสินจำนวน 3 หมู่บ้านคือ กองทุนแม่ของแผ่นดินบ้านป่างิ้ว หมู่ 2 ต.น้ำแพร่ อ.พร้าว จ.เชียงใหม่, กองทุนแม่ของแผ่นดินบ้านดงป่างิ้ว หมู่ 7 ต.มะขุนหวาน อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่ และกองทุนแม่ของแผ่นดินบ้านกิ่วแลป่าเป้า หมู่ที่ 3 ต.บ้านกาด อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่ โดยทางพัฒนาชุมชนจังหวัดเชียงใหม่ จะได้ประกาศผลหมู่บ้าน กองทุนแม่ของแผ่นดิน ที่ได้รับการคัดเลือก อันดับที่ 1 2 3 ตามลำดับต่อไป.

ด่วน เชียงใหม่ ไป แม่ฮ่องสอน ให้ใช้ เส้นไปทางแม่สะเรียง ปิดซ่อมสะพานช่วง อ.ปางมะผ้า ไป อ.เมืองแม่ฮ่องสอน รถไม่สามารถผ่านได้

ด่วน เชียงใหม่ ไป แม่ฮ่องสอน ให้ใช้ เส้นไปทางแม่สะเรียง ปิดซ่อมสะพานช่วง อ.ปางมะผ้า ไป อ.เมืองแม่ฮ่องสอน รถไม่สามารถผ่านได้

ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน ขออภัยผู้ใช้ถนน ในความไม่สะดวกในการปิดซ่อมสะพานเข้าสู่จังหวัดแม่ฮ่องสอน

นายชูชีพ พงษ์ไชย ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน เปิดเผยว่า ได้รับแจ้งจากแขวงทางหลวงแม่ฮ่องสอน ในความจำเป็นปิดซ่อมสะพานห้วยผา ตำบลห้วยผา อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน จังหวัดแม่ฮ่องสอน ในวันที่ 13 สิงหาคม 2567 เส้นทางหลวงสาย 1095 ช่วงจังหวัดแม่ฮ่องสอน ไปอำเภอปางมะผ้า ทำให้ รถยนต์ทุกชนิดไม่สามารถสัญจรผ่านได้ตั้งแต่เวลา 06.00 -14.00 น.

ทั้งนี้ จังหวัดแม่ฮ่องสอนขออภัยในความไม่สะดวกของประชาชนผู้สัญจร ประชาชน นักท่องเที่ยว และชาวบ้านในพื้นที่ เนื่องจากสะพานแห่งนี้ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยในช่วงที่ผ่านมา จึงจำเป็นต้องซ่อมแซมเป็นการเร่งด่วน

สำหรับการสัญจร รถยนต์ที่จะมาจังหวัดแม่ฮ่องสอน สามารถใช้ถนนทางหลวงสาย108 เชียงใหม่ แม่สะเรียง แม่ลาน้อย ขุนยวม เข้าสู่ จังหวัดแม่ฮ่องสอน และเส้นทาง อ.แม่แจ่ม- อ.ขุนยวม – อ.เมืองแม่ฮ่องสอน ได้อีกทางหนึ่ง

สำหรับการซ่อมสะพานแห่งนี้ เนื่องจากมีฝนตกอย่างต่อเนื่องตั้งแต่คืนวันที่ 11 – 12 สิงหาคม 67 ที่ผ่านมา เป็นเหตุให้สะพานห้วยผา 3 เกิดการทรุดตัวลงจากเดิม

แขวงทางหลวงแม่ฮ่องสอน ได้ประสานไปยังศูนย์สร้างและบูรณะสะพานที่ 1 (พิจิตร) เพื่อเข้าดำเนินการติดตั้งขยายสะพานชั่วคราวเดิม เพื่อเพิ่มความปลอดภัยแก่ผู้ใช้ทางมากยิ่งขึ้น

โดยขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการขนส่งสะพานชั่วคราวดังกล่าวมายังจังหวัดแม่ฮ่องสอน

โดยแขวงทางหลวงแม่ฮ่องสอน ได้แจ้งประชาสัมพันธ์ การปิดการจราจร ในวันอังคารที่ 13 สิงหาคม 2567 ช่วง อ.ปางมะผ้า ถึง อ.เมืองแม่ฮ่องสอน ตั้งแต่เวลาประมาณ 06.00 น.จนถึงเวลาประมาณ 14.00 น. ที่สะพานห้วยผา 3 ในทางหลวงหมายเลข 1095 ตอนท่าไคร้-แม่ฮ่องสอน ที่ กม. 187+439

ขอให้ผู้ใช้ทางเดินทางด้วยความระมัดระวังและปฏิบัติตามป้ายเตือนอย่างเคร่งครัด.

ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์อุทกภัย น้ำป่าไหลหลาก ในพื้นที่อำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน เพื่อเตรียมความพร้อมในการให้ความช่วยเหลือตลอด 24 ชั่วโมง

ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์อุทกภัย น้ำป่าไหลหลาก ในพื้นที่อำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน เพื่อเตรียมความพร้อมในการให้ความช่วยเหลือตลอด 24 ชั่วโมง ตามแผนปฏิบัติการ ป้องกันและแก้ไขอุทกภัย น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่มจังหวัดแม่ฮ่องสอน

เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2567 ที่วัดภูสมะณาราม ตำบลหมอกจำแป่ อำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน นายชูชีพ พงษ์ไชย ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน พร้อมด้วย นายเรืองฤทธิ์ ผลดี หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดแม่ฮ่องสอน นายกองค์การบริหารส่วนตำบลปางหมู ผู้แทนนายอำเภอเมืองแม่ฮ่องสอนได้ลงพื้นที่ติดตาม สถานการณ์น้ำป่าไหลหลาก ในพื้นที่ อำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน

โดยผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้เดินทางไปดู การเตรียมความพร้อมในการช่วยเหลือและการป้องกันน้ำป่าไหลหลาก บริเวณสะพานซูตองเป้ วัดภูสะมะ เนื่องจากจะประสบปัญหาน้ำในลำน้ำแม่สะงาจะเอ่อท่วมพื้นที่ทางการเกษตร จากผลพวงของ น้ำป่าไหลหลากฉับพลัน จนเอ่อท่วมพื้นที่นาข้าวของเกษตรกร หลังเกิดน้ำป่าไหลหลาก ทุกครั้งที่ผ่านมา ทั้งนี้เพื่อให้ทุกหน่วยงานได้ร่วมวางแผนในอนาคตในการป้องกันเหตุอุทกภัยที่จะเกิดขึ้น ทั้งนี้เพื่อเตรียมความพร้อมในการให้ความช่วยเหลือตลอด 24 ชั่วโมง ตามแผนปฏิบัติการ ป้องกันและแก้ไขอุทกภัย น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่มจังหวัดแม่ฮ่องสอน

จากนั้นผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้เดินทางไปติดตามความเสียหายภายในอุทยานแห่งชาติถ้ำปลา-น้ำตกผาเสื่อ ตำบลห้วยผา อำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งได้รับความเสียหายจากน้ำป่าที่เอ่อไหลท่วมพื้นที่เป็นบริเวณกว้างทำให้อาคารหลายหลัง ภายในอุทยานแห่งชาติถ้ำปลา-น้ำตกผาเสื่อ ได้รับความเสียหาย จากน้ำป่าไหลหลากเฉียบพลัน

สำหรับความเสียหายจากอุทกภัยที่เกิดขึ้นหลัง เกิดฝนตกหนักสะสม ติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ จังหวัดแม่ฮ่องสอน ประกอบด้วย

1 อำเภอปางมะผ้า

  • หมู่ที่ 5 บ้านเมืองแพม ตำบลถ้ำลอด น้ำป่ากัดเขาะคอสะพาน ขาด ได้รับความเสียหาย ทั้ง 2 ด้านทำให้ราษฎรไม่
    สามารถสัญจรไป-มาได้ มีราษฎรได้รับผลกระทบ หมู่ที่ 5 จำนวน 608 คน หมู่ 7 บ้านแอ๋ลา จำนวน 101 คน
  • หมู่ที่ 3 บ้านไร่ ตำบลสบบป้อง อำเภอปางมะผ้า จังหวัดแม่ฮ่องสอน น้ำป่าไหลหลากเอ่อล้นตลิ่ง เข้าท่วมเส้นทางเข้า
    หมู่บ้าน พื้นที่การเกษตร โรงแรม/เก็ตเฮ้าส์ และบริเวณศูนย์วิจัยข้าวแม่ฮ่องสอน(ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ และไม่มีผู้เสียชีวิต)

2. อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน

  • น้ำป่าไหลหลากจากลำห้วยห้วยผา และล้ำน้ำน้ำแม่สะงี ไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่อุทยานแห่งชาติถ้ำปลา-น้ำตกผาเสื่อ
    หมู่ที่ 1 ตำบลหัวยผาอำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน โดยมวลน้ำท่วมบริเวณอาคารที่ทำการ สถานที่ท่องเที่ยว ถนนทางเข้าอุทยาน
    และจุดบริการนักท่องเที่ยว ได้รับผลกระทบ

3. อำเภอขุนยวม

  • น้ำบำไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่การเกษตร และสะสะพานไม้ ในหมู่บ้านหว่าโน หมู่ที่ 3 ตำบลแม่ยวมน้อย อำเภอขุนยวม
    จังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้รับผลกระทบ
  • บ้านแม่ออ ตำบลแม่ยวมน้อย อำเภอขุนยวม จังหวัดแม่ฮ่องสอน มีต้นไม้ล้มขวางถนน อบต.จะนำเครื่องจักรกลเข้าทำการตัดไม้

สำหรับการดำเนินการและการให้ความช่วยเหลือภายใต้การอำนวยการของ นายชูชีพ พงษ์ไชย ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้สั่งการให้
หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้

  1. ฝ่ายปกครองอำเภอปางมะผ้า องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยทหารในพื้นที่ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน
    อปพร. และจิตอาสา เข้าให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัย โดยการขนอุปกรณ์เครื่องใช้ ของราษฎรขึ้นพื้นพื้นที่สูง และขนเศษกิ่งไม้ ต้นไม้ที่ขวางทางน้ำ ตลอดจนจะใช้แพยาง ขนย้ายราษฎรและนักท่องเที่ยว พนักงาน ที่ติดค้างในรี
    สอร์ท ในส่วนความเสียหายคอสะพานอยู่ระหว่างการสำรวจ และดำเนินการแก้ไข
  2. ฝ่ายปกครอง อ.เมืองแม่ฮ่องสอน ได้สั่งการให้ ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชน และนายกองค์การบริหารส่วนตำบลห้วยผา และอุทยานแห่งชาติถ้ำปลา-น้ำตกตกผาเสื่อ จัดเจ้าหน้าที่พร้อมด้วยมูลนิธิบรรเทาสาธารณภัย
    จังหวัดแม่ฮ่องสอน ให้การช่วยผู้ที่ติดค้างในบริเวณอุทยาน ได้ทั้งหมดแล้ว ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต

ทั้งนี้ ได้แจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เฝ้าระวังน้ำไหลหลากเพิ่มเติม ในส่วนความเสียหายพื้นที่การเกษตร และ
สิ่งสาธารณประโยชน์อยู่ระหว่างการสำรวจ ปัจจุบัน เวลา 14.00 น. น้ำป้าไหลหลากยังคงอยู่ระดับทรงตัว
และมีแนวโน้มกำลังลดระดับลงแล้ว.

วัดพันอ้น เชียงใหม่ เจริญพระพุทธมนต์ ตักบาตร ถวายเป็นพระราชกุศล

วัดพันอ้น เชียงใหม่ เจริญพระพุทธมนต์ ตักบาตร ถวายเป็นพระราชกุศล

เมื่อวันจันทร์ที่ 12 สิงหาคม 2567 เวลา 07.00 น. พระครูอมรธรรมทัต เจ้าอาวาสวัดพันอ้น เชียงใหม่ เป็นประธานนำพระภิกษุ สามเณร พุทธศาสนิกชนเจริญพระพุทธมนต์ พิธีทำบุญตักบาตรพระสงฆ์และสามเณร เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 92 พรรษา 12 สิงหาคม 2567 ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ที่ทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทย อย่างหาที่สุดมิได้ ท่ามกลางพุทธศาสนิกชน ร่วมพิธีเป็นจำนวนมาก ณ วัดพันอ้น ตำบลพระสิงห์ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่.

มจร วิทยาเขตเชียงใหม่ ร่วมพิธีงานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง

มจร วิทยาเขตเชียงใหม่ ร่วมพิธีงานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง

เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2567 เวลา 07.30 น. ที่ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ เฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา จังหวัดเชียงใหม่ นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานใน พิธีงานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2567 ในการนี้มีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตเชียงใหม่ นำโดย รองศาสตราจารย์ ดร.อภิรมย์ สีดาคำ ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายกิจการทั่วไป นำคณะผู้บริหาร คณาจารย์ บุคลากร เข้าร่วมพิธี ต่อมานายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้นำคณะผู้บริหารและข้าราชการ ร่วมทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ จำนวน 93 รูป เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2567 หรือ “วันแม่แห่งชาติ” ประจำปี 2567.

สมาคมแม่ดีเด่นแห่งชาติ ประจำจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมพิธี เจริญพระพุทธมนต์และทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล

สมาคมแม่ดีเด่นแห่งชาติ ประจำจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมพิธี เจริญพระพุทธมนต์และทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล

วันจันทร์ที่ 12 สิงหาคม 2567 นางอรพินท์ โพธิสารัตน์,นางวิภานันท์ วัฒนศิริชัยกุล และนางสาวฐิติรัตน์ วัฒนศิริชัยกุล พร้อมคณะกรรมการ สมาชิก สมาคมแม่ดีเด่นแห่งชาติ ประจำจังหวัดเชียงใหม่ เข้าร่วมพิธี เจริญพระพุทธมนต์และทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ จำนวน 93 รูป เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 92 พรรษา 12 สิงหาคม 2567 หรือ “วันแม่แห่งชาติ” เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล และน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่ทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทย ตลอดจนเป็นการแสดงออกถึงความจงรักภักดี และการเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ ณ ห้องนิทรรศการ 1 ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ เฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษา อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่.

ศิษย์เก่า MC’ รุ่น ’13 ประชุมสังสรรค์ประจำเดือนสิงหาคม

ศิษย์เก่า MC’ รุ่น ’13 ประชุมสังสรรค์ประจำเดือนสิงหาคม

วันอาทิตย์ที่ 13 สิงหาคม 2567 เวลา 19.00 น. ดร.สุรพงษ์ ชุ่มประดิษฐ์ ประธานศิษย์เก่า MC’ รุ่น 2513 นายมงคล เชาวน์ลักษณ์สกุล ประธานกองทุนศิษย์เก่า MC’ รุ่น 2513 พร้อมคณะกรรมการ สมาชิก ประชุมสังสรรค์ประจำเดือนสิงหาคม เรื่องการจัดกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์ของรุ่น ปรึกษาหารือเตรียมงานฉลองครบรอบ 55 ปี MC’ รุ่น 2513 มีคณะกรรมการ สมาชิก ร่วมงานอย่างพร้อมเพรียง พร้อมถ่ายรูปเป็นที่ระลึก ณ เรือนนที เทอเรส Ruannatee Terrace 80 ซอย ศิริธร อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่.