ฉลองตราตั้งตำแหน่งผู้ช่วยศาสตราจารย์

ฉลองตราตั้งตำแหน่งผู้ช่วยศาสตราจารย์

งานอายุวัฒนมงคล 6 รอบ 72 ปี แม่บุญมา วงศ์ตุ่น และฉลองตราตั้งตำแหน่งผู้ช่วยศาสตราจารย์พระครูสมุห์วัลลภ ฐิจสํวโร, ผศ.ดร. ประธานหลักสูตรรัฐศาสตรบัณฑิต มจร วิทยาเขตเชียงใหม่ มุฑิตาพระนวลแก้ว ขนฺติธโร, พระมหาจตุรงค์ จตุวโร จบการศึกษาระดับปริญญาโท วันเสาร์ ที่ 17สิงหาคม พ.ศ.2567 เวลา 10 น. ณ วัดเจ็ดยอด พระอารามหลวง ตำบลช้างเผือก อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่.

(มีคลิป) ผบ.ตร.ขึ้นเหนือ แถลงจับคดียาเสพติดภาค 5 ล็อตใหญ่ 3 คดี รวมของกลางยาบ้า 13,980,000 เม็ด

ผบ.ตร.ขึ้นเหนือ แถลงจับคดียาเสพติดภาค 5 ล็อตใหญ่ 3 คดี รวมของกลางยาบ้า 13,980,000 เม็ด

เมื่อวันที่ 15 ส.ค. 67 เวลา 15.00 น. ตามนโยบายรัฐบาล ให้หน่วยงานของรัฐที่ทำหน้าที่ในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด บูรณาการแก้ไขปัญหายาเสพติด ในทุกมิติ ที่ลานอินทนนท์ตำรวจภูธรภาค 5 พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผบช.ภ.5, พล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย และ พล.ต.ต.วรพงศ์ คำลือ ผบก.สส.ภ.5ฝ่ายทหาร นบ.ยส.35 ผู้แทน พล.อ.นฤทธิ์ ถาวรวงษ์ ผบ.นบ.ยส.35 สำนักงาน ป.ป.ส.ภาค 5 ร่วมแถลงข่าวการจับกุมคดียาเสพติดรายสำคัญของตำรวจภูธรภาค 5

สืบเนื่องผลมาจากการติดตามเฝ้าระวังกลุ่มเป้าหมายเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดของ นายป๋อลี หรือนายบุญชัย แซ่มัว ผู้ต้องหาตามหมายจับคดียาเสพติด ซึ่งเป็นกลุ่มเครือข่ายม้งในพื้นที่ อ.ภูซาง จ.พะเยา, อ.เทิง และ อ.พญาเม็งราย จวง.เชียงราย เป็นแหล่งพื้นที่พักยาเสพติด เพื่อรอการลักลอบลำเลียงเข้าสู่พื้นที่ตอนในของประเทศ ซึ่งตำรวจภูธรภาค 5 ได้มีการดำเนินการใช้ทรัพยากรและเทคโนโลยีในการสืบสวน และระดมสรรพกำลังในการปฏิบัติ รวมถึงการประสานงานในรูปแบบการทำงานร่วมกันเป็นทีมงาน ระหว่างกองบังคับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 5 และ ตำรวจภูธรจังหวัด ทั้ง 8 แห่งในสังกัดตำรวจภูธรภาค 5 รวมถึงการเฝ้าระวังของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติงาน ณ ด่านตรวจ/จุดตรวจยาเสพติด โดยมีการนำระบบเทคโนโลยี AI และกล้องที่ติดตั้ง ในจุดต่าง ๆ มาร่วมในการวิเคราะห์ ติดตามเป้าหมายเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติด

คดีที่ 1 ก่อนเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้รับแจ้งจากสายลับว่าจะมีการลักลอบลำเลียงยาเสพติด โดยจะใช้รถยนต์ในการลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่จว.เชียงราย เข้าสู่พื้นที่ตอนในของประเทศ จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นทราบ และได้สั่งการให้ทำการสืบสวนติดตามความเคลื่อนไหวของรถยนต์คันดังกล่าว ต่อมาวันที่ 13 ส.ค.67 พบรถยนต์คันที่กำหนดไว้เป็นเป้าหมายการสืบสวน จำนวน 3 คัน ได้ขับออกจากพื้นที่ จ.เชียงราย จึงได้เฝ้าติดตามโดยแบ่งหน้าที่ในการติดตามสะกดรอย จำนวน 3 ชุด ต่อมาวันที่ 14 ส.ค.67 เวลาประมาณ 23.54 น. รถยนต์เป้าหมาย รถนำคันที่ 1 ขับมาถึงด่านตรวจ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เรียกเพื่อขอทำการตรวจค้น ผลการตรวจค้นไม่พบสิ่งของผิดกฎหมาย

จึงได้ปล่อยรถยนต์คันดังกล่าวไป ต่อมาได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ติดตามรถยนต์อีก 2 คัน แจ้งว่ารถยนต์ทั้ง 2 คัน กลับรถที่จุดกลับรถ บ้านท่าชุม ก่อนถึงด่านตรวจยาเสพติดแม่พริก ประมาณ 3 กม. จึงได้นำกำลังเข้าตรวจสอบรถยนต์ทั้ง 2 คัน พบเป็นรถยนต์ ยี่ห้อ อีซูซุ สีขาว จอดทิ้งไว้ที่บริเวณป่าข้างถนนพหลโยธิน บ้านท่าชุม ม.2 ต.พระบาทวังตวง ส่วนคนขับได้หลบหนีไป จึงทำการตรวจสอบภายในรถคันดังกล่าว ผลการตรวจสอบพบกระสอบยาเสพติด(ยาบ้า) ซุกซ่อนอยู่ในแคป และท้ายกระบะ และรถยนต์ ยี่ห้อ อีซูซุ สีเทา รถนำคันที่ 2 บริเวณข้างถนนพหลโยธิน บ้านท่าชุม ม.2 ต.พระบาทวังตวง จอดห่างกันประมาณ 1 กม. จึงได้ทำการตรวจค้นรถยนต์คันดังกล่าว ผลการตรวจค้นไม่พบสิ่งของผิดกฎหมาย จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดตามรถนำคันที่ 1 จนสามารถจับกุมได้ที่บริเวณด่านตรวจแม่สลิด ต.แม่สลิด อ.บ้านตาก จ.ตาก จากนั้นได้นำผู้ต้องหาทั้ง 2 คน พร้อมรถยนต์ของกลางทั้ง 3 คัน มาตรวจสอบโดยละเอียดที่ด่านตรวจยาเสพติดแม่พริก ผลการตรวจสอบพบยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) จำนวน 25 กระสอบ รวมยาบ้าจำนวน 5,000,000 เม็ด จึงได้ทำการจับกุมผู้ต้องหาพร้อมของกลาง นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.แม่พริก ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

คดีที่ 2 เมื่อวันที่ 14 ส.ค.67 เจ้าหน้าตำรวจชุดจับกุม ได้รับแจ้งจากสายลับว่าจะมีการลำเลียงยาเสพติดเข้าสู่พื้นที่ตอนในของประเทศ จึงได้รายงายในผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับชั้น และได้รับสั่งการให้ติดตามสืบสวนหาข่าว จนกระทั่ง เวลาประมาณ 04.00 น. ของวันเดียวกัน พบรถยนต์กระบะสี่ประตูมีโครงหลังคา ยี่ห้อนิสสัน สีขาว ทะเบียน งย 4193 เชียงใหม่ ซึ่งมีลักษณะตรงกันกับที่ได้รับแจ้งจากสายลับ ขับมาตามถนนสายหลังอำเภอ หมู่ 2 ต.เวียง อ.เชียงของ จ.เชียงราย มุ่งหน้าไปทาง อ.เทิง จ.เชียงราย จึงได้ร่วมกันติดตามและสกัดกั้นรถยนต์คันดังกล่าวได้พบ นายวีรพล เป็นผู้ขับขี่ จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงแสดงตัวเพื่อขอตรวจค้นรถยนต์ต้องสงสัยคันดังกล่าว ผลการตรวจค้นพบเป็นยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาบ้า) จำนวน 17 กระสอบ ซุกซ่อนอยู่ภายในห้องโดยสาร และพบยาบ้า จำนวน 18 กระสอบ ซุกซ่อนอยู่ภายในหลังกระบะ รวมทั้งหมดจำนวน 35 กระสอบ รวมยาบ้าประมาณ 8,750,000 เม็ด จากนั้นจึงได้ทำการจับกุมผู้ต้องหาพร้อมของกลาง นำส่ง พนักงานสอบสวน สภ.เชียงของ ดำเนินคดีตามกฎหมาย

คดีที่ 3 เมื่อวันที่ 13 ส.ค.67 เวลาประมาณ 19.20 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองเชียงใหม่ ได้ทำการตรวจยึดยาเสพติที่ซุกช่อนอยู่ในพัสดุ ณ ศูนย์กระจายสินค้า Flash Express ประจำจังหวัดเชียงใหม่ ถนนซุปเปอร์ไฮเวย์เชียงใหม่ – ลำปาง ต.ไชยสถาน อ.สารภี จ.เชียงใหม่ จำนวน 120,000 เม็ด ได้ทำการตรวจยึดไว้นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.สารภี จ.เชียงใหม่ ดำเนินคดีตามกฎหมาย

และจากการตรวจสอบทราบว่ายังมีพัสดุหมายเลข TH650160022510 ที่มีผู้ส่งเป็นบุคคลคนเดียวกัน คือนายนิพนธ์ ที่อยู่ ต.สันทรายน้อย อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ ได้ถูกส่งไปยังปลายทางผู้รับชื่อนายฮาริส ที่อยู่ ต.เขาคราม อ.เมืองกระบี่ จ.กระบี่ เจ้าหน้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน จึงได้เดินทางไปตรวจสอบพบพัสดุหมายเลขดังกล่าว อยู่ที่โกดัง Flash Express สาขาสันทราย จึงได้แจ้งแก่พนักงาน และขอทำการตรวจสอบผลการตรวจสอบพบยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวน 110,000 เม็ด จึงได้ทำการตรวจยึดไว้นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.สันทราย จ.เชียงใหม่ ดำเนินคดีตามกฎหมาย.

(มีคลิป) ทต.สันปู่เลย ปกครอง ตำรวจ แขวงทางหลวง ชม.ที่ 2 และชาวบ้านเปิดเวทีถกปัญหารถติด ที่ทางลอดท่ารั้ว ขอให้เปิดจุดยูเทิร์นให้มากขึ้น เพื่อรถเข้าเมืองได้สะดวก

ทต.สันปู่เลย ปกครอง ตำรวจ แขวงทางหลวง ชม.ที่ 2 และชาวบ้านเปิดเวทีถกปัญหารถติด ที่ทางลอดท่ารั้ว ขอให้เปิดจุดยูเทิร์นให้มากขึ้น เพื่อรถเข้าเมืองได้สะดวก หากมายูเทิร์นที่ทางลอดท่ารั้วเพียงแห่งเดียว รถติดหนึบเป็นกิโลส่งผลเสียทางเศรษฐกิจ

เมื่อบ่ายวันที่ 14 สิงหาคม 2567 ที่ลานหน้าสำนักงานเทศบาลตำบลสันปู่เลย อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ นางวิมลรัตน์ หลอดเข็ม ปลัดอำเภอดอยสะเก็ด นายสาธิต คำหน่อแก้ว นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลสันปู่เลย และนายวิทยา ไชยนันท์ รอง ผอ.แขวงทางหลวง ชม.ที่ 2 และ พ.ต.ต.สมประสงค์ ดิษฐาน สภ.ดอยสะเก็ด ร่วมประชุมรับฟังความเห็นของชาวบ้านกรณีปัญหาการจราจรติดขัดในชั่วโมงเร่งด่วน จุดทางลอดท่ารั้ว ที่สร้างปัญหาให้ชาวบ้านมานานแล้ว

นายสาธิต คำหน่อแก้ว นายเทศมนตรีเทศบาลตำบลสันปู่เลย กล่าวว่า การเปิดเวทีรับฟังปัญหาของชาวบ้านกับทุกภาคส่วนในวันนี้ เรื่อง การจราจรที่ติดขัดบริเวณทางลอดท่ารั้ว ตำบลสันปูเลย ถนนทางหลวงชนบท 3013 นั้น เป็นเพราะประชาชนในพื้นที่ตำบลสันปูเลย มีประชากรจำนวน 18,500 กว่าคน จาก 10,500 ครัวเรือน และมีประชากรแฝง จำนวน กว่า 20,000 คน เป็นประชากรที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านจัดสรร ที่ชื่อดังและเจ้าใหญ่จำนวนกว่า 4-5 โครงการฯ และถือว่าเป็นบ้านที่สองของผู้มีฐานะ มีการใช้ยานพาหนะที่เป็นรถยนต์เป็นหลักมากถึง 85% ตำบลสันปูเลยแบ่งเป็นสองฝั่ง ทางทิศเหนือ มีจำนวน 11 หมู่บ้าน และทางทิศใต้ จำนวน 4 หมู่บ้าน เมื่อรถยนต์ทั้งสองฝั่งถนนออกจากบ้านเพื่อจะเข้าเมืองเชียงใหม่ ก็จะออกมาที่ทางลอดท่ารั้ว จากที่ออกจากบ้านมาพร้อมๆกันก่อนนั้นเป็นถนน 2 เลน พอเข้ามายูเทิร์นที่ใต้ทางลอดท่ารั้ว จะเหลือเลนเดียว เพื่อยูเทิร์นรถจะเข้าไปในเมืองทั้งทางทิศเหนือและทิศใต้ ทำให้รถติดหนึบ รถติดยาวเป็นกิโล เสียเวลารอยูเทิร์นนานมาก ส่งผลเสียงทางด้านเศรษฐกิจจำนวนมหาศาลในแต่ละวันในชั่วโมงเร่งด่วนของทุกๆวันจนเป็นปัญหาที่ชาวบ้านเดือดร้อนมานาน

“ผมเสนอแผน ขอให้เปิดจุดยูเทิร์นรถ จุดที่ห่างออกไปจากทางลอดท่ารั้ว ประมาณ 3-4 กิโลเมตร ทั้งสองฝั่ง ทางทิศเหนือ และทางทิศใต้ เมื่อมีทางยูเทิร์นก่อนที่จะมารวมตัวกันยูเทิร์นที่ทางลอดท่ารั้วเพียงแห่งเดียว แน่นแนว่ารถก็จะกระจายกันออกไปเพื่อเข้าเมืองได้หลายทิศทางมากขึ้น เคยเสนอแผนดังกล่าวไปที่แขวงทางหลวง ชม.ที่2แล้วเพื่อให้แก้ไข จนครั้งนี้เชิญมาชี้แจงกับชาวบ้านด้วยเลย“ นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลสันปู่เลย กล่าว

สรุปในที่ประชุม ทางนายวิทยา ไชยนันท์ รอง ผอ.แขวงทางหลวง ชม.ที่ 2 บอกว่า รับทราบปัญหาของชาวบ้านแล้ว และมีแนวทางการแก้ไขปัญหาการจราจรติดขัดที่ทางลอดทั่วรั้ว ตามข้อเสนอในที่ประชุมแจ้งมา จะมีการเปิดจุดยูเทิร์นเพิ่มให้ตามที่ชาวบ้านต้องการต่อไป เป็นอันเสร็จสิ้นการประชุม.

อำเภอสะเมิง เชียงใหม่ จัดพิธีทำบุญตักบาตรและสวดเจริญพระพุทธมนต์

อำเภอสะเมิง เชียงใหม่ จัดพิธีทำบุญตักบาตรและสวดเจริญพระพุทธมนต์

เมื่อวันจันทร์ที่ 12 สิงหาคม 2567 พระครูสวัฒน์วรธรรม เจ้าคณะอำเภอสะเมิง เจ้าอาวาสวัดงาแมง อำเภอสะเมิง จังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วยพระครูโอภาสปัญญาคม รองเจ้าคณะอำเภอสะเมิง เจ้าอาวาสวัดดับภัย อำเภอเมืองเชียงใหม่ ประธานฝ่ายสงฆ์ นายวิโรจน์ ดวงสุวรรณ์ นายอำเภอสะเมิง มอบหมายให้ นายธีรยุทธ พุ่มนวน ปลัดอำเภอหัวหน้ากลุ่มงานบริหารงานปกครอง เป็นประธานในพิธีทำบุญตักบาตรและสวดเจริญพระพุทธมนต์เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 92 พรรษา 12 สิงหาคม 2567 เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2567 หรือ “วันแม่แห่งชาติ” ประจำปี 2567 ณ วัดสะเมิง (วัดห้วยคอก) อำเภอสะเมิง จังหวัดเชียงใหม่.

(มีคลิป) ผบช.ภ.5 แถลงข่าว จับแก็งซามูไรโหด ดาบซามูไรสั้น ฟันเด็กกับวัยรุ่น บาดเจ็บสาหัส 2 ราย

ผบช.ภ.5 แถลงข่าว จับแก็งซามูไรโหด ดาบซามูไรสั้น ฟันเด็กกับวัยรุ่น บาดเจ็บสาหัส 2 ราย

เมื่อวันที่ 14 ส.ค.67 พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผบช.ภ.5 ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 แถลงข่าวจับกุมกลุ่มวัยรุ่นทำร้ายร่างกาย ในพื้นที่ อ.สารภีตำรวจภูธรภาค 5 สืบจากเมื่อวันที่ 11 ส.ค.67 เวลาประมาณ 03.55 น. ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สถ.สารภี ได้รับแจ้งเหตุมีผู้ถูกกลุ่มวัยรุ่นทำร้ายบริเวณถนนหน้า หจก.บ้านอบอุ่นใจ ม.1 ต.ชมภู อ.สารภี จวเชียงใหม่ โดยถูกอาวุธมีดพันได้รับบาดเจ็บจำนวน 2 คน คือ นายวัชระพล โนทะวงศ์ อายุ 20 ปี ที่อยู่ 119 ม.9 ต.ดงมะคะ อ.แม่ลาว จ.เชียงราย ได้รับบาดเจ็บบริเวณศีรษะ ส่งโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่รักษาตัด และด.ช.กิตติศักดิ์ กันอินทร์ อายุ 14 ปี ที่อยู่ 44 ม.9 ต.ดงมะดะ อ.แม่ลาว จ.ชียงราย ได้รับบาดเจ็บบริเวณขาอาการสาหัสต้องได้รับการผ่าตัด ส่งโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหมรักษาตัว

พล.ต ท กฤตธาพล ยี่สาคร ผบช ภ 5 ได้เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้เร่งออกสืบสวนติดตามหาผู้ก่อเหตุจนทราบว่า กลุ่มวัยรุ่นที่ก่อเหตุดังกล่าว เป็นการก่อเหตุของแก๊งเยาวราช ซึ่งเป็นการรวมกลุ่มของกลุ่มวัยรุ่นใน อ.เมืองลำพูน ซึ่งได้นัดหมายกับแก๊งดอยหล่อ ซึ่งเป็นการรวมกลุ่มของกลุ่มวัยรุ่นใน อ.ดอยหล่อ

สืบสวนจากพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุทราบว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุมีตำหนิรูปพรรณตรง กับกลุ่มของนายวัชรพันธ์ หรือบาส ซึ่งเป็นแกนนำของแก็งเยาวราช เคยมีประวัติการก่ออาชญากรรมมาก่อน จึงได้ติดตามตัวนายวัชรพันธ์ฯ จนพบพร้อมของกลางที่ได้ใช้ก่อเหตุ นายวัชรพันธ์ๆได้ให้การว่าได้นัดหมายกับกลุ่มของนายชาญณรงค์ จาก อ.ดอยหล่อ จ.เชียงใหม่ บริเวณถนนเชียงใหม่-ลำปาง โดยได้เตรียมอาวุธมีด และระเบิดปิงปองที่ทำขึ้นเอง เพื่อออกไปทำร้ายร่างกายกลุ่มของคู่อริ (แกงหางดง HANGDONG) ที่บริเวณถนนเรียบทางรถไฟ

ต่อมากลุ่มของนายวัชรพันธ์ๆ และกลุ่มของนายชาญณรงค์ฯ ได้รวมตัวกันอยู่บริเวณแยกสารภีได้เห็นนายวัชระพลฯ และด.ช.กิตติศักดิ์ๆ ผู้เสียหาย ขับรถจักรยานยนต์ผ่านกลุ่มของตนไป จึงได้เข้าใจว่าเป็นกลุ่มคู่อริจึงได้ขับรถจักรยานยนต์ตามไปจนกระทั่งถึงบริเวณถนนหน้า หจก.บ้านอบอุ่นใจ ม.1 ต.ชมภู อ.สารภี จ.เชียงใหม่ จึงได้แบ่งเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกได้ร่วมกันทำร้ายนายวัชระพลฯ และกลุ่มที่ 2 ได้ร่วมกันทำร้าย ด.ช.กิตติศักดิ์ฯ โดยได้ใช้อาวุธมีด และระเบิดปิงปองที่พกพามาด้วยจนทำให้นายวัชระพลฯ และด.ช.กิตติศักดิ์ฯ ได้รับบาดเจ็บ ก่อนหลบหนีไป

จากการสืบสวนขยายผลสามารถนำตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดีแล้ว 8 คน คือนายวัชรพันธ์ หรือบาส (ขอปิดนามสกุล) อายุ 21 ปี ที่อยู่ต.ต้นธง อ.เมืองลำพูน จ.ลำพูน, นายภานุวัฒน์ หรือนน (ขอปิดนามสกุล) อายุ 19 ปี ที่อยู่ต.เวียงยอง อ.เมืองลำพูน จ.ลำพูน, นายพุฒิพงษ์ (ขอปิดนามสกุล) อายุ 18 ปี 11 เดือน ต.คุระ อ.คุระบุรี จ.ลำพูน, นายคำออง (ขอปิดนามสกุล) อายุ 22 ปี ที่อยู่ ต.เชียงดาว อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่, นายกันตภณ (ขอปิดนามสกุล) อายุ 21 ปี ที่อยู่ ต.หางดง อ.หางดง จ.เชียงใหม่, นายรัษฎาธร (ขอปิดนามสกุล) อายุ 16 ปี ที่อยู่ ต.เมืองแหง อ.เวียงแหง จ.เชียงใหม่, นายณัฐวุฒิ หรือบ่อ (ขอปิดนามสกุล) อายุ 20 ปี ที่อยู่ 48/2 ม.7 ต.ต้นธง อ.เมืองลำพูน จ.ลำพูน และนายณัฐวิชญ์ (ขอปิดนามสกุล) อายุ 27 ปี ที่อยู่ต.ต้นธง อ.เมืองลำพูน จ.ลำพูน
พร้อมตรวจยืดของกลาง เสื้อผ้าที่ผู้ต้องหาสวมใส่ขณะก่อเหตุ จำนวน 7 รายการ, รถจักรยานยนต์ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่นR15 สีดำ หมายเลขทะเบียน 1กง 2049 ลำพูน (คันที่ก่อเหตุ), รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นPCX สีเทา ไม่ติดป้ายทะเบียน (คันที่ก่อเหตุ), อาวุธมีดที่ใช้ก่อเหตุ 2 ด้าม

ผู้ต้องหาแต่ละรายถูกดำเนินคดีในข้อหาร่วมกัน และสนับสนุน เป็นช่องโจร, ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กาย และ อันตรายสาหัส โดยไตร่ตรองไว้ก่อน และ ร่วมกันพาอาวุธไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยเปิดเผย มีอัตราโทษจำคุกสูงสุดตั้งแต่ 15 ปี ถึง20 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80,210,288,294,295 และ371

ตำรวจภูธรภาค 5 ขอประชาสัมพันธ์ไปยังพี่น้องประชาชน ให้สอดส่องหากพบพฤติกรรมการรวมกลุ่มของวัยรุ่นสามารถแจ้งให้ทางตำรวจได้ตลอด

ซึ่งแก๊งที่ถูกจับได้ครั้งนี้ หัวหน้าแก๊งตัวใหญ่อ้วน ส่วนสมุนร่วมทีมตัวไม่อ้วน ใช้อาวุธมีด และดาบซามูไรสั้น กระหน่ำฟันผู้ได้รับบาดเจ็บ จนมีดดาบซามูไร ถึงกับหลุดหักจากด้าม มาตราการของตำรวจจะใช้วิธีบุกถึงบ้านตรวจค้นจับกุม พวกนี้เคยก่อเหตุมาแล้วแต่ก็ไม่หลาบจำ ต่อไปนี้ทางตำรวจรจะใช้มาตราการเด็ดขาดทางกฏหมาย “ข้อหาพยายามฆ่า, ยึดของกลาง ทั้งอาวุธ และยานพาหนะ ให้ตกเป็นของกลางของหลวงตลอดไป ไม่คืนและหากเป็นต่างด้าวก็จะขับออกนอกประเทศ กลุ่มแก๊งวัยรุ่นตอนนี้ทางเราได้ตรวรจเช็คและทำบัญชีไว้แล้ว มีทั้งหมด 20 แก็ง ถูกจับติดคุก, ค่ายเยาวชน ก็มาก หลบหนีสลายตัวก็เยอะ และก็ย้อนกลับมารวมตัวกันใหม่ก่อเหตุอีก ทางเจ้าหน้าที่อาจจะต้องใช้มาตราการที่เด็ดขาดโดยการใช้กฏหมายเพิ่มขึ้นกว่านี้พล.ต.ท.กฤตธาพล กล่าว.

(มีคลิป) ผบ.นบ.ยส.35 เผยยาเสพติดมหาศาลรอทะลักเข้า พบมีปรับรูปแบบนำเฮโรอีน-ไอซ์เข้าชายแดนเพิ่มอีก หวังหาตลาดใหม่ในต่างประเทศ

ผบ.นบ.ยส.35 เผยยาเสพติดมหาศาลรอทะลักเข้า พบมีปรับรูปแบบนำเฮโรอีน-ไอซ์เข้าชายแดนเพิ่มอีก หวังหาตลาดใหม่ในต่างประเทศ

เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2567 เวลา 10.30 น. ที่ ห้องประชุม นบ.ยส.35 อ.แม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ พลเอกนฤทธิ์ ถาวรวงษ์ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ชายแดนภาคเหนือ ( ผบ.นบ.ยส.35 ) เปิดเผยต่อสื่อมวลชนจังหวัดเชียงใหม่ ว่าภายหลังจากที่ นบ.ยส.35 จัดตั้งขึ้นตามนโยบายของรัฐบาลที่มุ่งเน้นแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่ที่มีความจำเป็นเร่งด่วน ภายใน 1 ปี โดยเฉพาะชายแดนภาคเหนือ 6 จังหวัด 18 อำเภอ ตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.66 ถึงปัจจุบันสามารถยึดยาบ้ากว่า 210 ล้านเม็ด ไอซ์ 2,607 กิโลกรัม, เฮโรอีน 254 กก. ฝิ่นดิบ 190 กก., คีตามีน 21 กก., จับกุมผู้ต้องหา 1,586 ราย, กลุ่มขบวนการ เสียชีวิต 25 ศพ และมีการปะทะกับกลุ่มขบวนการ 38 ครั้ง ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ชายแดนด้าน อ.ฝาง, อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ และ อ.แม่ฟ้าหลวง อ.แม่สาย จ.เชียงราย ที่เป็นพื้นที่ต่อเนื่องชายแดนและพื้นที่ตอนใน มีการปิดล้อมตรวจค้น ขยายผลยึดทรัพย์กลุ่มขบวนการรายสำคัญ 5 ครั้ง ติดตามจับกุมนอกพื้นที่ 6 ครั้ง ถือว่าเป็นผลงานที่ดี เพราะที่ผ่านมา นบ.ยส.35 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้มีการปรับปรุงโครงสร้างการจัดหน่วยเพิ่มเติม เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน

ทั้งนี้จากการวิเคราะห์ด้านการข่าวพบว่า กลุ่มขบวนการลักลอบค้ายาเสพติดตามแนวชายแดนมีการเปลี่ยนรูปแบบตลอดเวลา และมีการนำเข้าเฮโรอีน ไอซ์ พร้อมยาบ้าทางชายแดนเพิ่มมากขึ้น เพื่อทดลองตลาดใหม่ ในการหาช่องทางการจำหน่ายนอกประเทศประกอบกับช่วงนี้นักท่องเที่ยวชาวทางตะวันตกเริ่มเข้ามาในพื้นที่มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะแถบยุโรป อเมริกา ซึ่งกลุ่มนี้จะเป็นกลุ่มที่นิยมเสพไอซ์ เฮโรอีน และคีตามีน มากกว่าคนไทย

สถานการณ์การสู้รบในพื้นที่ของประเทศเมียนมายังคงเป็นปัจจัยสำคัญ ที่ทำให้มีการเร่งผลิตยาเสพติด และระบายเข้ามาในประเทศไทยเพื่อทดแทนยาเสพติด ที่ถูกจับกุมจากความเข้มข้นในการสกัดกั้น ทั้งด้านจังหวัดเชียงใหม่ และเชียงรายในห้วงที่ผ่านมา ปัจจุบันคาดการณ์ว่ายังคงมีปริมาณยาเสพติดพักคอยตามแนวชายแดน ด้านตรงข้ามภาคเหนือของไทย ที่รอการสั่งและนำเข้า โดยเฉพาะยาบ้าไม่น้อยกว่า 80 ล้านเม็ด ไอซ์ ประมาณ 1,000 กก และเฮโรอีนอีกประมาณ 100 กก.

ที่ผ่านมา นบ.ยส.35 ยังคงบูรณาการกำลังร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการลงตรวจสถานีขนส่งเพื่อรณรงค์และป้องกันการลักลอบขนส่งยาเสพติด ในห้วงเทศกาลสำคัญ และร่วมกับศุลกากรขับเคลื่อนการสกัดกั้น การนำเข้า ส่งออก สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ที่ใช้ในกระบวนการผลิตยาเสพติด ผ่านด่านพรมแดน รวมทั้งประสานความร่วมมือประเทศเพื่อนบ้าน ในการติดตามผู้ต้องหาตามหมายจับคดียาเสพติดหลบหนีข้ามแดน ตลอดจนขอสนับสนุนงบประมาณจากกองทุน ป.ป.ส.ในการจัดหาเครื่องมือพิเศษเพิ่มประสิทธิภาพ ความปลอดภัย ลดความเสี่ยงให้กับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน และสร้างการรับรู้ การปฏิบัติงานของหน่วย ในการแก้ไขปัญหายาเสพติดของรัฐบาล ผ่านสื่อในทุกช่องทาง

อย่างไรก็ตาม นบ.ยส.35 ยังคงมุ่งมั่นที่จะดำเนินการสกัดกั้น และแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างด้วยความเข้มข้น ทั้งงานด้านการข่าว การสกัดกั้นปราบปราม และด้านการป้องกัน เพื่อสนองตอบนโยบายของรัฐบาล ในการแก้ไขปัญหายาเสพติดโดยไม่ส่งผลกระทบต่อประชาชนและสังคม.

รรท.รอง ผบ.ตร. ประชุมเตรียมพร้อมการรักษาความปลอดภัยและการจราจร การจัดประชุมผู้นำบิมสเทค ครั้งที่ 6 มุ่งสร้างความร่วมมือระหว่างภูมิภาค 14 สาขา ยกระดับความหลากหลายทางวิชาการและเศรษฐกิจ

รรท.รอง ผบ.ตร. ประชุมเตรียมพร้อมการรักษาความปลอดภัยและการจราจร การจัดประชุมผู้นำบิมสเทค ครั้งที่ 6 มุ่งสร้างความร่วมมือระหว่างภูมิภาค 14 สาขา ยกระดับความหลากหลายทางวิชาการและเศรษฐกิจ

ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร.รรท.รอง ผบ.ตร.(มค) เปิดเผยว่า ตามนโยบายรัฐบาล ที่ตระหนักและให้ความสำคัญในการส่งเสริมความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและความหลากหลายทางวิชาการ โดยมุ่งหวังให้ทุกภาคส่วนมีส่วนสำคัญในการผลักดันความร่วมมือดังกล่าวให้บรรลุผลสำเร็จ

ตามคำสั่งคณะกรรมการระดับชาติ เพื่อเตรียมการจัดการประชุมผู้นำบิมสเทค ครั้งที่ 6 และการประชุม
ที่เกี่ยวข้อง แต่งตั้งคณะอนุกรรมการด้านการรักษาความปลอดภัยและการจราจร เพื่อเตรียมการจัดการประชุมฯ ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและสำเร็จลุล่วง โดยมี พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. เป็นประธานอนุกรรมการฯ และได้มอบหมายให้ พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร.รรท.รอง ผบ.ตร.(มค) เป็นรองประธานอนุกรรมการฯ

พล.ต.ท.ประจวบฯ เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการด้านการรักษาความปลอดภัยและการจราจร เพื่อเตรียมการจัดการประชุมผู้นำบิมสเทค ครั้งที่ 6 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ณ ห้องศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 ตร. เพื่อวางกรอบในการปฏิบัติงานด้านการรักษาความปลอดภัย การอำนวยความสะดวกการจราจร พิธีการคนเข้าเมือง การจัดทำแผนรักษาความปลอดภัย การจัดตั้งกองอำนวยการร่วม การดำเนินการด้านงบประมาณเพื่อสนับสนุนการปฏิบัติรวมถึงแจ้งการมอบหมายภารกิจ ให้แก่หน่วยปฏิบัติในสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยร่วมปฏิบัติได้รับทราบ โดยมี ผู้แทน บช.น., สยศ.ตร., บก.ส.1 และ ผค. พร้อมด้วยผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย มท., กต, สธ., สลน., สมช., สขช., สกมช., จท., กทพ., กพท, บก.ทท., ทบ., ทร., ทอ., ภ.1, บช.ก., สตม., บช.ทท., สงป., บมจ.ทอท., บมจ.การบินไทย, บมจ.ทางยกระดับดอนเมือง และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม โดยได้กำชับให้ทุกหน่วยที่เกี่ยวข้อง จัดทำปฏิทินการปฏิบัติงาน และกำหนดกรอบระยะเวลา การเตรียมความพร้อมให้ชัดเจน เป็นปัจจุบัน ถึงวันประชุม จนเสร็จสิ้น เน้นย้ำให้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเสียสละทุ่มเท ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ปลอดภัย จนจบภารกิจ

พล.ต.ท.ประจวบฯ กล่าวว่า ความริเริ่มแห่งอ่าวเบงกอล สำหรับความร่วมมือหลากหลายสาขาทางวิชาการและเศรษฐกิจ Bay of Bengal Initiative for Multi-Sectoral Technical and Economic Cooperation (BIMSTEC) เป็นกรอบความร่วมมือทางวิชาการและเศรษฐกิจระหว่าง 7 ประเทศในอ่าวเบงกอล ประกอบด้วย บังกลาเทศ ภูฏาน อินเดีย เมียนมาร์ เนปาล ศรีลังกา และไทย เป็นกรอบเดียวที่เชื่อมเอเชียใต้เข้ากับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และโดยที่ไทยและเมียนมาร์เป็นประเทศอาเซียน 2 ประเทศที่เป็นสมาชิก BIMSTEC ทำให้ไทยอยู่ในสถานะเป็นสะพานเชื่อมโยง
อนุภูมิภาคทั้งสอง และเป็นกลไกหนึ่งที่ไทยสามารถขยายความสัมพันธ์กับประเทศในภูมิภาคเอเชียใต้ ซึ่งจะมีการจัดประชุมขึ้นในระหว่างวันที่ 2 – 4 ก.ย.67 ณ โรงแรมแชงกรี-ลา กรุงเทพฯ โดยมีผู้นำ และรัฐมนตรีจาก 7 ประเทศสมาชิก เข้าร่วมประชุมในสาขาความร่วมมือ 14 สาขา ประกอบด้วย 1.การค้าและการลงทุน 2.เทคโนโลยี 3.คมนาคม 4.พลังงาน 5.ท่องเที่ยว 6.ประมง 7.เกษตร 8.สาธารณสุข 9.การจัดการสิ่งแวดล้อมและภัยพิบัติ 10.การต่อต้านการก่อการร้าย
และอาชญากรรมข้ามชาติ 11.การลดความยากจน 12.วัฒนธรรม 13.ปฏิสัมพันธ์ในระดับประชาชน 14.การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

พล.ต.ท.ประจวบฯ รรท.รอง ผบ.ตร. ขอบคุณและขอให้ทุกหน่วยปฏิบัติหน้าที่ด้วยความรอบคอบ ชัดเจน ตามภารกิจของหน่วย เพื่อให้การปฏิบัติงานของคณะอนุกรรมการด้านการรักษาความปลอดภัยและการจราจรฯ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ผู้นำประเทศบิมสเทค รัฐมนตรีหรือเทียบเท่า และผู้เข้าร่วมประชุม มีความปลอดภัยสูงสุด ประทับใจ ตลอดการพำนักในประเทศไทย.

(มีคลิป) “กาแฟคั่วหม้อดินเผา” มาลา คาเฟ่ สาวเชียงใหม่ จบวิศวะสิ่งแวดล้อม เปิดร้านขายกาแฟ รายได้ส่วนหนึ่งเข้ากองทุนสิ่งแวดล้อมฯ

“กาแฟคั่วหม้อดินเผา” มาลา คาเฟ่ สาวเชียงใหม่ จบวิศวะสิ่งแวดล้อม เปิดร้านขายกาแฟ รายได้ส่วนหนึ่งเข้ากองทุนสิ่งแวดล้อมฯ

สาวเชียงใหม่ จบวิศวะสิ่งแวดล้อม เปิดร้านขายกาแฟ หน้าร้านต้องมี “รถถีบ” หรือ “จักรยาน” และ “จ้อง” หรือ “ร่ม” คอนเซ็ปสาวชียงใหม่ เคลื่อนย้ายง่ายไปไหนก็ได้ กาแฟคั่วในหม้อดินเผา บดเอง ราคามีจ่ายตามจริง และจ่ายตามใจ เท่าไรก็ได้ ส่วนหนึ่งเข้ากองทุนสิ่งแวดล้อม ทำกิจกรรมสอนน้องเรื่องร้านกาแฟบนดอย

นางสาว กรรวี สกลทัศน์ อายุ 26 ปี จบการศึกษาระดับ ป.ตรี วิศวะสิ่งแวดล้อม แต่มาขายกาแฟ ตามงานอีเว้นท์ ที่เป็นกิจกรรมเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม เยาวชน หรือเกี่ยวกับทางวัฒนธรรม แต่ก็จะมีร้านขายประจำ ย่านถนนท่าแพ กลางเมืองเชียงใหม่ และในพื้นที่ต.บ้านกาด อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่ ซึ่งก็จะมีนายธีรภัทร สกลทัศน์ น้องชาย อายุ 22 ปี เป็นคนช่วยดูแลอีกแรง ชื่อร้าน “มาลา คาเฟ่” คอนเซ็ปมีแนวคิดต้องการ สืบผ่านคุณค่า การส่งเสริมกาแฟเพื่อสิ่งแวดล้อม โดยดัดแปลงสิ่งของเก่าๆ ที่มีอยู่ตามชุมชน หรือพื้นบ้าน นำมาดัดแปลงกลับมาใช้ใหม่ เป็นร้านกาแฟแบบเท่ๆ ใช้ทุกชิ้นให้เกิดประโยชน์ ที่ทุกคนสามารถทำได้ และอยากเป็นตัวอย่างให้กับคนรุ่นใหม่ ที่ต้องการมีร้านกาแฟเป็นของตัวเอง ด้วยการลงทุนไม่ถึง 2 หมื่นบาท ไม่ต้องไปลงทุนซื้อเครื่องชงเป็นแสนๆ ก็สามารถมีอาชีพ เลี้ยงตัวเองได้ สไตล์ของร้าน จะต้องมีรถถีบ หรือจักรยาน และจ้องหรือร่ม มาทำหน้าร้าน พร้อมอุปกรณ์ที่เก็บสะสมมา เกี่ยวกับกาแฟ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องบด เครื่องชง กาน้ำ เครื่องคั่วกาแฟที่เป็นดินเผา คนโท ตะกร้าเก่าๆ นำมาตกแต่ง มีเก้าอี้ไม้ ให้นั่งถ่ายภาพเซลฟี่ได้ เป็นจุดสนใจและมีแค่โต๊ะ 1 ตัว ใช้ตั้งอุปกรณ์ในการชงกาแฟ ส่วนราคาขายมี 2 แบบ ราคาทั่วไปจ่ายตามจริง ราคาแก้วละ 45 – 50 บาท ส่วนอีกแบบ เป็นจ่ายตามใจ จะจ่ายกี่บาท หรือเท่าไรก็ได้

ซึ่งรายได้จากตรงนี้ ส่วนหนึ่งจะนำเข้ากองทุนสิ่งแวดล้อมฯ เพื่อจัดกิจกรรม เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม รวมทั้งไปสอนให้กับน้องๆบนดอย ในการเปิดร้านกาแฟบนดอย ทั้งการออกแบบ สอนวิธีการทุกอย่าง ทั้งหน้าร้าน วิธีชง เป็นอะไรที่ง่ายๆ และทำได้ ซึ่งเปิดมาได้ 3 ปี ก็เลี้ยงดูตัวเองได้อย่างสบาย.

(มีคลิป) พัฒนาชุมชนเชียงใหม่ ประกวดหมู่บ้านกองทุนแม่ของแผ่นดินดีเด่น ระดับจังหวัด (รอบตัดสิน)  ประจำปี 67

พัฒนาชุมชนเชียงใหม่ ประกวดหมู่บ้านกองทุนแม่ของแผ่นดินดีเด่น ระดับจังหวัด (รอบตัดสิน) ประจำปี 67

เมื่อวันที่ 13 ส.ค.67 เวลา 10.00 น. ที่ห้องประชุมสำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดเชียงใหม่ ได้มีการจัดประชุมการประกวดหมู่บ้านกองทุนแม่ของแผ่นดินดีเด่น ระดับจังหวัด (รอบตัดสิน) ประจำปี 67 โดยมีนายวีรพงศ์ ฤทธิ์รอด รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานการประชุมพร้อมด้วย นายจิรพงศ์ วางวงศ์ นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการ ปปส.ภ.5 นายสว่าง ธาตุอินทร์จันทร์ ประธานกองทุนแม่ของแผ่นดิน จังหวัดเชียงใหม่ และประธานกองทุนแม่ของแผ่นดิน 8 จังหวัดภาคเหนือ (ตอนบน) นางสาวอัมพร ไชยโย ผู้อำนวยการกลุ่มงานสารสนเทศการพัฒนาชุมชน นางพิมพ์นรา.รักชาติ เจ้าพนักงานปกครองชำนาญการ ร่วมประชุมคัดเลือกผ่านวีดีโอ Conference

ด้วยกรมการพัฒนาชุมชนได้ดำเนินการประกวดหมู่บ้านกองทุนแม่ของเเผ่นดินดีเด่น ระดับจังหวัดประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระบางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง รวมทั้งเพื่อเชิดชูเกียรติและสร้างขวัญกำลังใจในการดำเนินงานกองทุนแม่ของแผ่นดินแก่หมู่บ้าน/ชุมชนกองทุนแม่ของแผ่นดิน พัฒนายกระดับการดำเนินงานหมู่บ้านกองทุนแม่ของแผ่นดิน พร้อมสร้างการรับรู้และประชาสัมพันธ์การดำเนินงานหมู่บ้านกองทุนแม่ของแผ่นผ่นดินให้เป็นที่ประจักษ์แก่สาธารณชน

ในการประกวดหมู่บ้านกองทุนแม่ของแผ่นดินดีเด่น ระดับจังหวัด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 (รอบตัดสิน) ของทางจังหวัดเชียงใหม่ มีกองทุนแม่ของแผ่นดิน ที่เข้ารอบ ในการตัดสินจำนวน 3 หมู่บ้านคือ กองทุนแม่ของแผ่นดินบ้านป่างิ้ว หมู่ 2 ต.น้ำแพร่ อ.พร้าว จ.เชียงใหม่, กองทุนแม่ของแผ่นดินบ้านดงป่างิ้ว หมู่ 7 ต.มะขุนหวาน อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่ และกองทุนแม่ของแผ่นดินบ้านกิ่วแลป่าเป้า หมู่ที่ 3 ต.บ้านกาด อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่ โดยทางพัฒนาชุมชนจังหวัดเชียงใหม่ จะได้ประกาศผลหมู่บ้าน กองทุนแม่ของแผ่นดิน ที่ได้รับการคัดเลือก อันดับที่ 1 2 3 ตามลำดับต่อไป.

ด่วน เชียงใหม่ ไป แม่ฮ่องสอน ให้ใช้ เส้นไปทางแม่สะเรียง ปิดซ่อมสะพานช่วง อ.ปางมะผ้า ไป อ.เมืองแม่ฮ่องสอน รถไม่สามารถผ่านได้

ด่วน เชียงใหม่ ไป แม่ฮ่องสอน ให้ใช้ เส้นไปทางแม่สะเรียง ปิดซ่อมสะพานช่วง อ.ปางมะผ้า ไป อ.เมืองแม่ฮ่องสอน รถไม่สามารถผ่านได้

ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน ขออภัยผู้ใช้ถนน ในความไม่สะดวกในการปิดซ่อมสะพานเข้าสู่จังหวัดแม่ฮ่องสอน

นายชูชีพ พงษ์ไชย ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน เปิดเผยว่า ได้รับแจ้งจากแขวงทางหลวงแม่ฮ่องสอน ในความจำเป็นปิดซ่อมสะพานห้วยผา ตำบลห้วยผา อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน จังหวัดแม่ฮ่องสอน ในวันที่ 13 สิงหาคม 2567 เส้นทางหลวงสาย 1095 ช่วงจังหวัดแม่ฮ่องสอน ไปอำเภอปางมะผ้า ทำให้ รถยนต์ทุกชนิดไม่สามารถสัญจรผ่านได้ตั้งแต่เวลา 06.00 -14.00 น.

ทั้งนี้ จังหวัดแม่ฮ่องสอนขออภัยในความไม่สะดวกของประชาชนผู้สัญจร ประชาชน นักท่องเที่ยว และชาวบ้านในพื้นที่ เนื่องจากสะพานแห่งนี้ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยในช่วงที่ผ่านมา จึงจำเป็นต้องซ่อมแซมเป็นการเร่งด่วน

สำหรับการสัญจร รถยนต์ที่จะมาจังหวัดแม่ฮ่องสอน สามารถใช้ถนนทางหลวงสาย108 เชียงใหม่ แม่สะเรียง แม่ลาน้อย ขุนยวม เข้าสู่ จังหวัดแม่ฮ่องสอน และเส้นทาง อ.แม่แจ่ม- อ.ขุนยวม – อ.เมืองแม่ฮ่องสอน ได้อีกทางหนึ่ง

สำหรับการซ่อมสะพานแห่งนี้ เนื่องจากมีฝนตกอย่างต่อเนื่องตั้งแต่คืนวันที่ 11 – 12 สิงหาคม 67 ที่ผ่านมา เป็นเหตุให้สะพานห้วยผา 3 เกิดการทรุดตัวลงจากเดิม

แขวงทางหลวงแม่ฮ่องสอน ได้ประสานไปยังศูนย์สร้างและบูรณะสะพานที่ 1 (พิจิตร) เพื่อเข้าดำเนินการติดตั้งขยายสะพานชั่วคราวเดิม เพื่อเพิ่มความปลอดภัยแก่ผู้ใช้ทางมากยิ่งขึ้น

โดยขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการขนส่งสะพานชั่วคราวดังกล่าวมายังจังหวัดแม่ฮ่องสอน

โดยแขวงทางหลวงแม่ฮ่องสอน ได้แจ้งประชาสัมพันธ์ การปิดการจราจร ในวันอังคารที่ 13 สิงหาคม 2567 ช่วง อ.ปางมะผ้า ถึง อ.เมืองแม่ฮ่องสอน ตั้งแต่เวลาประมาณ 06.00 น.จนถึงเวลาประมาณ 14.00 น. ที่สะพานห้วยผา 3 ในทางหลวงหมายเลข 1095 ตอนท่าไคร้-แม่ฮ่องสอน ที่ กม. 187+439

ขอให้ผู้ใช้ทางเดินทางด้วยความระมัดระวังและปฏิบัติตามป้ายเตือนอย่างเคร่งครัด.