สมาคมสหพันธ์ท่องเที่ยวภาคเหนือจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกับ (ททท.) สำนักงานราชบุรี จัดกิจกรรม Media & Agent Fam Trip เส้นทาง เชียงใหม่ นครปฐม ราชบุรี นำสื่อและบริษัทนำเที่ยวทดสอบสินค้าจัดทำ Content และเสนอขายส่งเสริมการท่องเที่ยวพื้นที่ภาคกลางสู่กลุ่มนักท่องเที่ยวภาคเหนือ

สมาคมสหพันธ์ท่องเที่ยวภาคเหนือจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกับ (ททท.) สำนักงานราชบุรี จัดกิจกรรม Media & Agent Fam Trip เส้นทาง เชียงใหม่ นครปฐม ราชบุรี นำสื่อและบริษัทนำเที่ยวทดสอบสินค้าจัดทำ Content และเสนอขายส่งเสริมการท่องเที่ยวพื้นที่ภาคกลางสู่กลุ่มนักท่องเที่ยวภาคเหนือ

เมื่อวันที่ 6 ส.ค.67 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานราชบุรีร่วมกับสมาคมสหพันธ์ท่องเที่ยวภาคเหนือจังหวัดเชียงใหม่ จัดกิจกรรม Media & Agent Fam Trip เส้นทาง เชียงใหม่ นครปฐม ราชบุรี นำสื่อมวลชน และบริษัทนำเที่ยวจากจังหวัดเชียงใหม่ เดินทางทดสอบสินค้าจัดทำ Content และเสนอขายส่งเสริมการท่องเที่ยวพื้นที่ภาคกลางสู่กลุ่มนักท่องเที่ยวภาคเหนือ ห้วงวันที่ 2-5 สิงหาคม 2567

นางผ่องพรรณ ศิริวัฒนาวงศา ผู้อำนวยการสำนักงาน ททท.สำนักงานราชบุรี กล่าวว่า การจัดกิจกรรมครั้งนี้ โดยความร่วมมือจากสมาคมสหพันธ์ท่องเที่ยวภาคเหนือจังหวัดเชียงใหม่ ในการนำสื่อมวลชน และบริษัทนำเที่ยวชั้นนำพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่เดินทางมาจังหวัดนครปฐม และราชบุรี เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวข้ามภูมิภาคและส่งเสริมเมืองน่าเที่ยว นำเสนอสิ่งดี ๆ ที่เป็นจุดเด่นสำคัญ ภายใต้แนวคิด 4DPlus (4D+) ประกอบด้วย D1 : สุขภาพดี ผ่านอาหารถิ่น เกษตรอินทรีย์ การรักษาสุขภาพ ผ่านการเล่นกีฬาและส่งเสริม Sport Tourism D2 : สบายใจดี ผ่านการไหว้พระสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อความเป็นสิริมงคล D3 : งานดี นักท่องเที่ยวสามารถทำงานพร้อมท่องเที่ยวได้ในทุกที่ทุกเวลา และ D4 : ชุมชนดี ส่งเสริมการท่องเที่ยวในพื้นที่ชุมชนท่องเที่ยวต่าง ๆ ที่มีศักยภาพและมีความพร้อมในการต้อนรับนักท่องเที่ยว ซึ่งจังหวัดนครปฐมและจังหวัดราชบุรี มีชุมชนชาติพันธุ์ที่น่าสนใจ พร้อม Plus ในส่วนของธรรมชาติดี และเดินทางดีผ่านการเดินทางเชื่อมโยงด้วย ล้อ ราง เรือ
นอกจากนี้ได้เผยแพร่ประชาสัมพันธ์และเสนอขาย พร้อมสัมผัสประสบการณ์ตรง 5 Must Do in Thailand (Must Taste สัมผัสยุทธจักรอาหารอร่อย อาหารถิ่นปลอดภัย Must See สัมผัสวัฒนธรรมไทยน่าชื่นชม Must Seek สัมผัสแหล่ง ถิ่นน่าเที่ยว Must Try สัมผัสประสบการณ์กิจกรรมกายใจแข็งแรง และ Must Buy สัมผัสสินค้าไทย ผ้าไทย Local Product) ในพื้นที่นครปฐม และราชบุรี
สำหรับจังหวัดนครปฐม ถือว่าเป็นเมืองแห่งอาหารอร่อย อาหารปลอดภัย ต้นทางแห่งวัตถุดิบครัวของประเทศไทย โดยมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ อาทิเช่น ตลาดอาหารถิ่นโต้รุ่งกลางคืน องค์พระปฐมเจดีย์ , วัดไร่ขิง , ตลาดน้ำดอนหวาย , สนามกอล์ฟชั้นนำจังหวัดนครปฐม , พิพิธภัณฑ์ Wood Land เมืองไม้ และที่พักที่สะดวกสบาย และร้านอาหารจังหวัดนครปฐมที่สามารรองรับนักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดียิ่ง

ในส่วนของจังหวัดราชบุรี ถือว่าเป็นเมืองอาร์ต เมืองแห่งการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ เนื่องจากจังหวัดราชบุรีมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย อาทิเช่น ตลาดน้ำดำเนินสะดวก , ตลาดน้ำเหล่าตั๊กลัก , พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ราชบุรี , ตลาดโอ๊ะป่อย ซึ่งเป็นตลาดเช้าอยู่ติดริมลำน้ำภาชี ตลาดแห่งนี้อยู่ในพื้นที่ชุมชนไทยเชื้อสายกะเหรี่ยงที่อพยพเข้ามาพร้อมกับชาวมอญในอดีต โอ๊ะป่อย มาจากภาษากะเหรี่ยง แปลว่า “พักผ่อน” นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับบรรยากาศตลาดของชุมชนชาวกะเหรี่ยงที่มีเอกลักษณ์ และมีสินค้าท้องถิ่น อาหารพื้นถิ่นจำหน่ายมากมาย ให้ได้เลือกซื้อหา และใช้บรรจุภัณฑ์ที่ทำมาจากธรรมชาติ ตลาดโอ๊ะปอยได้รับรางวัล Tourism Award ของ ททท. รางวัลยอดเยี่ยม ประเภทแหล่งท่องเที่ยวชุมชน ประจำปี 2566 อีกด้วย , The Scenery Vintage Farm , อุทยานหินเขางู , Unseen มุมลับภูผาแรด รวมทั้งที่พักและร้านอาหารในจังหวัดราชบุรี

(มีคลิป) ช่างฟ้อน 510 ชีวิต ฟ้อนเทิดพระเกียรติฯ  งาน “รวมพลังสตรีเชียงใหม่ อนุรักษ์ศิลป์ผ้าถิ่นไทย ดำรงไว้ในแผ่นดิน” กองทุนพัฒนาบทบาทสตรีจังหวัดเชียงใหม่ จัดวันสตรีไทยจ.เชียงใหม่ ปี 67

ช่างฟ้อน 510 ชีวิต ฟ้อนเทิดพระเกียรติฯ งาน “รวมพลังสตรีเชียงใหม่ อนุรักษ์ศิลป์ผ้าถิ่นไทย ดำรงไว้ในแผ่นดิน” กองทุนพัฒนาบทบาทสตรีจังหวัดเชียงใหม่ จัดวันสตรีไทยจ.เชียงใหม่ ปี 67

เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2567 เวลา 09.00 น. บริเวณตลาดประชารัฐคนไทยยิ้มได้ ศูนย์ราชการจังหวัดเชียงใหม่ จัดงาน
วันสตรีไทยจังหวัดเชียงใหม่ ประจำปี 2567 ภายใต้แนวคิด “รวมพลังสตรีเชียงใหม่ อนุรักษ์ศิลปีผ้าถิ่นไทย ดำรงไว้ในแผ่นดิน” โดยมีนายนินายวีรพงศ์ ฤทธิ์รอด รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานในพิธีเปิด นายสุรพล เกียรติไชยากร หรือ เฮียเส่ง ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นางณิชพลัฏฐ์ วรรณคำ พัฒนาการจังหวัดเชียงใหม่ สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดเชียงใหม่ นางศรีพรรณ์ เขียวทอง หัวหน้าคณะทำงานขับเคลื่อนกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีจังหวัดเชียงใหม่ และคณะทำงานขับเคลื่อนฯ ทั้ง 25 อำเภอ โดยมีนางวิภาวัลย์ วรพุฒิพงค์ รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ นางสาววรัญญา เลิศวรกิจพิพัฒน์ นายกสมาคมสตรีนครเชียงใหม่ นางพรรณา คุณัญญาสกุล นายกสมาคมสตรีป่าไผ่ใส่ใจสังคม พร้อมหัวหน้าส่วนราชการ กลุ่มองค์กร ภาคีเครือข่าย เจ้าหน้าที่พัฒนาชุมชน คณะทำงานขับเคลื่อนกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี และกลุ่มองค์กรสตรีจังหวัดเชียงใหม่ จาก 25 อำเภอ โดยได้รับการสนับสนุน จากสำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดเชียงใหม่, องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่, เทศบาลเมืองแม่โจ้, เทศบาลตำบลดอนแก้ว, ธนาคารออมสิน, ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร, บริษัท นิ่มซี่เส็งลิสซิ่ง จำกัดตลอดจนภาคีเครือข่ายทุกกลุ่มองค์กร

งานวันสตรีไทย จังหวัดเชียงใหม่ ประจำปี 2567 ภายในงานกิจกรรมการแสดงฟ้อนเล็บของสตรีจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 รวมจำนวน 510 ราย, การเดินแบบผ้าไทยใส่ให้สนุก และแสดงผลิตภัณฑ์กลุ่มอาชีพกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี จำนวน 25 อำเภอ, การมอบโล่ประกาศเกียรติคุณแก่ผู้นำสตรีที่สนับสนุนกิจกรรมพัฒนาชุมชน
ดีเด่น ประจำปี 2567 จำนวน 25 ราย, การเสวนา “เทคนิคการบริหารจัดการหนี้กองทุนพัฒนาบทบาทสตรี” ที่มีประสิทธิภาพ และการจัดแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์กลุ่มอาชีพของสมาชิกกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี ที่ประสบความสำเร็จจาก 25 อำเภอ

นางศรีพรรณ์ เขียวทอง หัวหน้าคณะทำงานขับเคลื่อนกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ได้พระราชทานให้วันที่ 1 สิงหาคมของทุกปีเป็น “วันสตรีไทย” และเนื่องในโอกาสวันสตรีไทย ปี 2567 นี้ ทางคณะทำงานขับเคลื่อนกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกับสำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดเชียงใหม่ และภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง จึงได้กำหนดจัดงาน วันสตรีไทย จังหวัดเชียงใหม่ ประจำปี 2567 ภายใต้แนวคิด “รวมพลังสตรีเชียงใหม่ อนุรักษ์ศิลป์ผ้าถิ่นไทย ดำรงไว้ในแผ่นดิน” ขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 และเผยแพร่ภูมิปัญญาผ้าถิ่นไทย คงอยู่ปรากฏสืบสานพระราชปณิธานของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และเพื่อส่งเสริมสนับสนุนให้สตรีจังหวัดเชียงใหม่ ได้แสดงความรู้ความสามารถ การพัฒนาตนเอง เป็นพลังในการขับเคลื่อนงานร่วมกับทุกภาคส่วนในสังคม รวมทั้งสนองพระราชปณิธาน พระบาทสมเด็พระเจ้าอยู่หัว “สืบสาน รักษา ต่อยอด” ความเป็นไทยให้คงอยู่คู่กับสตรีไทยสืบต่อไป.

ลงนามความร่วมมือเครือข่ายวิจัยระหว่างมหาวิทยาลัยและเครือข่าย

ลงนามความร่วมมือเครือข่ายวิจัยระหว่างมหาวิทยาลัยและเครือข่าย

เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2567 พระครูสิริบรมธาตุพิทักษ์ ,ผศ.ดร. รองอธิการบดี มจร วิทยาเขตเชียงใหม่ร่วมลงนามความร่วมมือเครือข่ายวิจัยระหว่างมหาวิทยาลัยและเครือข่าย 17 หน่วยงานระหว่างมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล้านนา 6 สมาคม 1 สมาพันธ์ และ 9 มหาวิทยาลัยเครือข่าย พร้อมด้วยพระครูใบฏีกาทิพย์พนากรณ์ ชยาภินนฺโท,ดร. ผู้อำนวยการสำนักวิชาการร่วมงานการประชุมวิชาการและนวัตกรรมครั้งที่ 10 “สู่วิจัยรับใช้สังคม การขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมด้วยนวัตกรรม เพื่อการใช้ประโยชน์ในการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน” ณ เชียงใหม่ แกรนด์วิว โฮเต็ล แอนด์ คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ จังหวัดเชียงใหม่.

(มีคลิป) รรท.รองผบ.ตร. แถลงจับกุมนิสิตปี 3 ตระเวนหลอกหญิงสาวมีเพศสัมพันธ์ แอบบันทึกคลิป เปิดกลุ่มขาย พบเหยื่อล่าสุดเด็กหญิงวัย 12 ปี ขยายผลจับกุมลูกค้าเพิ่ม 2 ราย

รรท.รองผบ.ตร. แถลงจับกุมนิสิตปี 3 ตระเวนหลอกหญิงสาวมีเพศสัมพันธ์ แอบบันทึกคลิป เปิดกลุ่มขาย พบเหยื่อล่าสุดเด็กหญิงวัย 12 ปี ขยายผลจับกุมลูกค้าเพิ่ม 2 ราย

เมื่อวันที่ 5 ส.ค.67 เวลา 09.00 น. พล.ต.ท.ประจวบ วงค์สุข รรท.รองผบ.ตร. พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผบช.ภ.5 พล.ต.ต.วีรชน บุญทวี รองผบช.ภ.5 พล.ต.ต.วรพงศ์ คำลือ ผบก.สส.ภ.5 พล.ต. ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปราบปรามอาชญกรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ ตำรวจภูธรภาค 5 ได้ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมตัวนายปารเมศ (สงวนชื่อสกุล) อายุ 20 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 3 บ้านอยู่ จ.ลำพูน พร้อมของกลางโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง ในฐานความผิด “มีสื่อลามกอนาจารเด็กไว้ในความครอบครองเพื่อแสวงหาประโยชน์ในทางเพศสำหรับตนเองหรือผู้อื่น เพื่อความประสงค์แห่งการค้าหรือโดยการค้าเพื่อการแจกจ่ายหรือเพื่อการแสดงอวดแก่ประชาชน ทำ ผลิต มีไว้ประกอบการค้า หรือมีส่วนหรือเข้าเกี่ยวข้องในการค้าเกี่ยวกับวัตถุหรือสิ่งของลามกดังกล่าวแล้ว จ่ายแจกหรือแสดงอวดแก่ประชาชน หรือให้เช่าวัตถุหรือสิ่งของเช่นว่านั้น ช่วยการทำให้แพร่หลาย หรือการค้าวัตถุหรือสิ่งของลามกดังกล่าวแล้ว โฆษณาโดยประการใดๆ ว่ามีบุคคลกระทำการอันเป็นความผิดตามมาตรานี้ หรือโฆษณาหรือไขข่าวว่าวัตถุ หรือสิ่งของลามกดังกล่าวแล้วจะหาได้จากบุคคลใด หรือโดยวิธีใด นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ ที่มีลักษณะอันลามกและข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้ “ค้ามนุษย์โดยแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากการผลิตหรือเผยแพร่วัตถุหรือสื่อลามก” กระทำชำเราเด็กหญิงอายุไม่เกินสิบสามปี ได้บันทึกภาพและเสียงการกระทำชำเราหรือกระกระทำอนาจารนั้นไว้และเผยแพร่หรือส่งต่อซึ่งภาพและเสียงการกระทำชำเรานั้นเพื่อแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ “พรากเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครองหรือผู้ดูแล เพื่ออนาจาร บังคับขู่เข็นใช้ชักจูงยุยงส่งเสริม หรือยินยอมให้เด็กแสดงหรือกระทำการอันมีลักษณะลามกอนาจาร” เป็นธุระจัดหา ซื้อ ขาย จำหน่าย พามาจากหรือส่งไปยังที่ใด หน่วงเหนี่ยวกักขัง จัดได้อยู่อาศัย หรือรับไว้ซึ่งเด็ก โดยการกระทำนั้นได้กระทำโดยมีความมุ่งหมายเพื่อเป็นการแสวงหาประโยชน์จากการผลิตหรือเผยแพร่วัตถุหรือสื่อลามก” พร้อมขยายผลคัดแยกผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ดำเนินคดีกับนายปารเมศฯ เพื่อดำเนินคดีเพิ่มเติม อีก 6 คดี นอกจากนี้ยังมีการจับกุมผู้ต้องหาที่เป็นลูกค้า อดีตพระธนศักดิ์ อายุ 32 ปีพระลูกวัดดังในพื้นที่จ.อยุธยา นายณัฐชน อายุ 22 ปี ชาว จ.นครสวรรค์ ในข้อหาครอบครองสื่อลามกเด็กและอยู่ระหว่างพิสูจน์ทราบตัวบุคคลอีกจำนวนหลายราย

การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ PCT ภาค 5 ได้สืบสวนกรณีมีการลักลอบเผยแพร่และจำหน่ายสื่อลามกอนาจารผ่านช่องทางออนไลน์ในเขตพื้นที่จังหวัดลำพูน ต่อมาเจ้าหน้าที่ ศปอส.ภ.5 ได้นำหมายค้น ศาลจังหวัดลำพูน ที่ ค.70/2567 ค้นบ้านหลังหนึ่งใน ต.ทาสบเส้า อ.แม่ทา จ.ลำพูน พบนายปารเมศ (สงวนชื่อสกุล) จึงได้ตรวจค้นอุปกรณ์สื่อสารโทรศัพท์มือถือรับว่าตนเป็นเจ้าของบัญชี Telegram ใช้งานร่วมกันกับแอพพลิเคชั่น Nicegram และเป็นผู้ใช้งานเอง และเป็นผู้สร้างกลุ่ม Telegram ลับ เพื่อนำคลิปสื่อลามกอนาจารไปเสนอขายให้ผู้ที่สนใจอยากเข้ากลุ่มลับ โดยเป็นคลิปวีดีโอขณะที่ตนเองมีเพศสัมพันธ์กับหญิงสาวเกือบ 20 ราย มีตั้งแต่เด็กสาวอายุ 12 ปีจนถึง 22 ปี จำนวน 15 คน แล้วถ่ายบันทึกด้วยตนเอง จากนั้นตนได้อัพโหลดไฟล์ภาพสื่อลามกอนาจาร ทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวกว่า 200 ไฟล์ภาพ ลงขายใน Tellegram เรียกเก็บเงินจากสมาชิกเพื่อเข้าชมรายละ 100 -120 บาท และทำมานาน 1 ปี ซึ่งมีสมาชิกที่ซื้อกว่า 100 คน มีรายได้กว่า 25,000 บาท โดยล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจพบเหยื่อเป็นเด็กนักเรียนหญิงอายุเพียง 12 ปี ถูกหลอกให้อมอวัยวะเพศผู้ถูกจับ ในห้องน้ำสาธารณะแห่งหนึ่ง แล้วถูกบันทึกคลิปนำไปขาย

พล.ต.ท.ประจวบ วงค์สุข รรท.รองผบ.ตร. เปิดเผยว่าคดีนี้หลังการจับกุมนายปารเมศ เราก็มีการขยายผลคัดแยกเหยื่อ ก็พบมีหญิงสาวเสียหายกว่า 15 คน ก็ทำการสอบสวนก็พบว่าแต่ละคนถูกล่อลวงมา ถูกกระทำทางเพศแล้วถ่ายคลิปไว้ก่อน ผู้ต้องหาตั้งกลุ่มขายคลิป และมีคนเข้ากลุ่มมาดูจำนวนมากมีทั้งข้าราขการ พระ นักเรียนนักศึกษา ซึ่งตอนนี้ได้ขยายผลจับกุมแล้ว 2 คน และยังจะมีการขยายผลจับกุมเพิ่มอีกจำนวนมากเพราะคนเหล่านี้เข้ามาดูในกลุ่มแล้วโหลดเก็บไว้ซึ่งเป็นความผิดในการครอบครองสื่อลามกอนาจารเด็กเป็นการช้ำเติมเหยื่อ ซึ่งคดีนี้จะมีการขยายผลจับกุมกวาดล้างต่อไป

พล.ต.ท.ประจวบ วงค์สุข รรท.รองผบ.ตร. ยังประชาสัมพันธ์ฝากสื่อมวลชนและประชาชนทราบว่ารัฐบาลมีนโยบายในการเร่งปราบปรามปัญหาการค้ามนุษย์ ดังนั้นให้ผู้ที่คิดจะล่อลวงหญิงสาวทั้งเด็กและผู้ใหญ่ เพื่อแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากการผลิตหรือเผยแพร่วัตถุหรือสื่อลามก อาจเข้าข่ายเป็นความตามพระราชบัญญัติป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ซึ่งเป็นความผิดที่มีอัตราโทษสูง ฝากเตือนผู้ชายที่มีรสนิยมชอบมีเพศสัมพันธ์กับเด็กที่อายุยังไม่เกิน 18 ปี ให้ท่านทราบว่าการกระทำดังกล่าวมีโทษตามกฎหมายอาญาในอัตราสูง โดยเฉพาะเด็กที่อายุไม่เกิน 15 ปี แม้เด็กนั้นจะยินยอมก็ตาม อีกทั้งยังเป็นความผิดต่อบิดา มารดา ผู้ปกครองของเด็กนั้นอีกด้วย และเตือนผู้ที่มีรสนิยมชอบดูวิดีโอที่เป็นลักษณะลามกอนาจารเด็ก หรือมีไว้ในครอบครองวิดิโอที่เป็นลักษณะลามก่อนาจาจารกับเด็กที่อายุยังไม่เกิน 18 ปี แม้จะมีการจ่ายเงินเพื่อเข้าถึงสื่อลามกอนาจาร หรือเข้าถึงสื่อได้ฟรี ก็ถือว่ามีความผิดฐาน”มีสื่อลามกอนาจารเด็กไว้ในความครอบครองเพื่อแสวงหาประโยชน์ในทางเพศสำหรับตนเองหรือผู้อื่น ฝากเตือนผู้ปกครอง ให้เฝ้าระมัดระวังบุตรหลานของท่าน มิให้เข้าสู่กระบวนการเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ ปล่อยให้เด็กหรือเยาวชนที่ยังรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ไปเที่ยวหรือพักอาศัยกับเพื่อนเป็นเวลานานๆ ซึ่งมักจะถูกหลอกลวงชักจูงได้ง่าย โดยเฉพาะจากการใช้สื่อสังคมออนไลน์แอปพลิเคชันหาคู่ต่างๆ.

“ไทยนิวส์” ก้าวสู่ปีที่ 55

“ไทยนิวส์” ก้าวสู่ปีที่ 55

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 4 สิงหาคม 2567 นางอุบลนัดดา สุภาวรรณ ( ลิ้มจรูญ ) กรรมการผู้จัดการใหญ่ หนังสือพิมพ์ “ ไทยนิวส์ ” นิมนต์ พระสงฆ์จำนวน 5 รูป มีพระสิทธิวชิรานุกูล รองเจ้าคณะอำเภอเมืองเชียงใหม่ เป็นประธานสงฆ์ มาเจริญพุทธมนต์ เนื่องในโอกาสที่ “ ไทยนิวส์ ” หนังสือพิมพ์รายวันภาคเหนือ “ยักษ์ภูธร”รับใช้ “ สังคม ” มายาวนาน 54 ปี ไม่มีวันหยุด 4 สิงหาคม 2567 จะก้าวสู่ปีที่ 55 อย่างแข็งแกร่ง “ ทรนง ” บนรากฐานของความถูกต้องและเที่ยงธรรมภายใต้กรอบ จริยธรรมสื่อมวลชน มีพิธีมอบรางวัลเชิดชูเกียรติ “55 บุคคลดีเด่น ไทยนิวส์ 55 ปี” ท่ามกลางแขกผู้มีเกียรติ หน่วยงานราชการ สถาบันการศึกษา องค์กรการกุศล องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สื่อมวลชนผู้ร่วมวิชาชีพเดียวกัน ร่วมอวยพรแสดงความยินดี ณ เลขที่ 199 / 49 หมู่ 2 ถนนโพธาราม ซอย 6 ตำบลช้างเผือก อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่.

สวดป๋าระมีสิบทัส ตามแนววิถีของท่านครูบาเจ้าศรีวิชัย

สวดป๋าระมีสิบทัส ตามแนววิถีของท่านครูบาเจ้าศรีวิชัย

วันอาทิตย์ที่ 4 สิงหาคม 2567 เวลา 07.00 น พระครูปริยัติกิจจาภิวัฒน์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระสิงห์ วรมหาวิหาร เชียงใหม่ เป็นประธานให้ศีลให้พร นำพระภิกษุ-สามเณร รับอาหารบิณฑบาตร ซึ่งเทศบาลนครเชียงใหม่ โดยการนำนางสาวสุทารัตน์ สุดเขต รองปลัดเทศบาลนครเชียงใหม่ ร่วมกับมูลนิธิทายาทเจ้านายฝ่ายเหนือ มีเจ้าธารทิพย์ ณ เชียงใหม่ พร้อมด้วยพุทธศาสนิกชนชาวเชียงใหม่ ได้ร่วมกันทำบุญตักบาตรพระภิกษุ-สามเณรวัดพระสิงห์ วรมหาวิหาร จำนวน 20 รูป และก่อนที่จะตักบาตร ได้ร่วมกันสวดป๋าระมีสิบทัส ตามแนววิถีของท่านครูบาเจ้าศรีวิชัย ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่าน.

พิธีต้อนรับพระบัญชาสมเด็จพระสังฆราช “พระครูสุตพัฒโนดม”ผศ.ดร.

พิธีต้อนรับพระบัญชาสมเด็จพระสังฆราช “พระครูสุตพัฒโนดม”ผศ.ดร.

เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2567 เวลา 16.39 น. ณ วัดดอนชัย ตำบลแม่สา อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ พระราชาคณะ พระเถรานุเถระ พระสังฆาธิการ จำนนวน 199 รูป นำโดยพระเดชพระคุณพระเทพปริยัติ ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 7 เจ้าอาวาสวัดเจ็ดยอด พระอารามหลวง พร้อมด้วยพระเดชพระคุณพระเทพสิงหวราจารย์,ดร.รองเจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่ เจ้าอาวาสวัดพระสิงห์ วรมหาวิหาร พระเดชพระคุณพระราชโพธิวรคุณ,ดร.รองเจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่ เจ้าอาวาสวัดพระธาตุดอยสะเก็ด พระอารามหลวง พระเดชพระคุณพระเทพวชิราธิบดี เจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่-ลำพูน-แม่ฮ่องสอน (ธ) เจ้าอาวาสวัดป่าดาราภิรมย์ พระอารามหลวง พระเดชพระคุณพระสุวรณเมธี,ดร.รองเจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่ เจ้าอาวาสวัดพระธาตุศรีจอมทอง วรวิหาร พระศรีศิลปาจารย์ ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 7 และพระวิสุทธิวัชราภรณ์ รองเจ้าคณะอำเภอแม่ริม เจ้าอาวาสวัดลัฏฐิวัน (พระนอนขอนตาล) พิธีเจริญพระพุทธมนต์ เจริญชัยมงคลคาถา ต้อนรับพระบัญชาสมเด็จพระสังฆราช สัญญาบัตร พัดยศ และตราตั้งพระอุปัชฌาย์ พระครูสุตพัฒโนดม (วรเมศร์) ฉายา จารุวณโณ อายุ 42 พรรษา 22 วิทยฐานะ ป.ธ.4 น.ธ.เอก Ph.D. วัดเจ็ดยอด พระอารามหลวง ตำบลช้างเผือก อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ ปัจจุบันมีตำแหน่งในทางปกครองคณะสงฆ์ เป็น ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดเจ็ดยอด พระอารามหลวง ดำรงตำแหน่งพระอุปัชฌาย์ในเขตที่ตนปกครอง มีหน้าที่เป็นประธานและรับผิดชอบในการให้บรรพชาอุปสมบท และมีหน้าที่รับผิดชอบ ตามกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ 12 (พ.ศ. 2536) ว่าด้วยการแต่งตั้งถอดถอน พระอุปัชฌาย์ โดยมีนายวัชระ เทพกัน นายอำเภอแม่ริม อ่านพระบัญชา มีคณะสงฆ์ สถาบันการศึกษา องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น คณะศรัทธา ศิษยานุศิษย์ ร่วมถวายมุทิตาจิต/มุทิตาสักการะ เป็นจำนวนมาก.

(มีคลิป) เปิดประมูล “ทุเรียนน้ำแร่แม่ออนเชียงใหม่” สายพันธุ์หมอนทอง ปี 67 เคาะราคาสูงสุดลูกละ 33,000 บาท เผยยอดเงินประมูล 20 ลูก 400,000 บาท ยอดร่วมบริจาคสบทบอีก 114,999 บาท รวม 514,999 บาท นำเงินสนับสนุนจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์

เปิดประมูล “ทุเรียนน้ำแร่แม่ออนเชียงใหม่” สายพันธุ์หมอนทอง ปี 67 เคาะราคาสูงสุดลูกละ 33,000 บาท เผยยอดเงินประมูล 20 ลูก 400,000 บาท ยอดร่วมบริจาคสบทบอีก 114,999 บาท รวม 514,999 บาท นำเงินสนับสนุนจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์สำหรับอาคารผู้ป่วย OPD หลังใหม่ โดยไม่หักค่าใช้จ่ายโรงพยาบาลแม่ออนเมื่อวันที่ 3 ส.ค.67 เวลา 14.00 น. ที่ห้องประชุมชั้น 2 อาคาร OPD รพ.แม่ออน อ.แม่ออน จ.เชียงใหม่ มีการประมูลทุเรียนน้ำแร่แม่ออน นางสุเบ็ญญา พัฒนยรรยง นายอำเภอแม่ออน พร้อมด้วยนายแพทย์สมมิตร สิงห์ใจ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลแม่ออน นายสีหเดช เจียเจษฏา ประธานชมรมมัคคุเทศก์รักษ์ล้านนา ร่วมเปิดประมูล “ทุเรียนน้ำแร่แม่ออนเชียงใหม่” สายพันธุ์หมอนทอง ปี 67 โดยมี พ.ต.อ.จักรินทร์ อัสดงพงพนา ผกก.สภ.แม่ออน พร้อมด้วย คณะแพทย์พยาบาล หัวหน้าส่วนราชการ และแขกผู้มีเกียรติเข้าร่วมงานประมูลประมูลในครั้งนี้สืบเนื่องจากโรงพยาบาลแม่ออนเชียงใหม่ ได้งบประมาณสำหรับสร้างอาคารผู้ป่วยนอกหลังใหม่ ขณะนี้ตัวอาคารได้ก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์แล้ว แต่ยังขาดอุปกรณ์ทางการแพทย์ โดยต้องใช้เงินประมาณ 5,500,000 บาท ซึ่งทางพระอาจารย์พัน ญาญโสภโณ ประธานสถานพำนักสงฆ์ ม่อนกุเวร ต.ห้วยแก้ว อ.แม่ออน จ.เชียงใหม่ ได้นำเงินของศรัทธาผู้ใจบุญก้อนแรก จำนวน 3,000,000 บาท มอบให้โรงพยาบาลแม่ออน ไปเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2567 นั้น และในพรุ่งนี้วันที่ 4 สิงหาคม 2567 ท่านพระอาจารย์พัน ได้มีกำหนดการจัดงานทอดผ้าป่าเพื่อหาเงินอีก 2,500,000 บาท เพื่อมอบให้โรงพยาบาลแม่ออน เพื่อจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ สำหรับอาคารผู้ป่วยนอกหลังใหม่นายสีหเดช เจียเจษฏา ประธานชมรมมัคคุเทศก์รักษ์ล้านนา กล่าวว่า สืบเนื่องจากโรงพยาบาลแม่ออนเชียงใหม่ ได้งบประมาณสำหรับสร้างอาคารผู้ป่วยนอกหลังใหม่ ขณะนี้ตัวอาคารได้ก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์แล้ว แต่ยังขาดอุปกรณ์ทางการแพทย์ โดยต้องใช้เงินประมาณ 5,500,000 บาท ซึ่งพระอาจารย์พัน ญาญโสภโณ ประธานสถานพำนักสงฆ์ ม่อนกุเวร ต.ห้วยแก้ว อ.แม่ออน จ.เชียงใหม่ ได้นำเงินของศรัทธาผู้ใจบุญก้อนแรก จำนวน 3,000,000 บาท มอบให้โรงพยาบาลแม่ออน เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2567 นั้น และในวันที่ 4 สิงหาคม 2567 ท่านพระอาจารย์พัน ได้มีกำหนดการจัดงานทอดผ้าป่าเพื่อหาเงินอีก 2,500,000 บาท เพื่อมอบให้โรงพยาบาลแม่ออน เพื่อจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ สำหรับอาคารผู้ป่วยนอก หลังใหม่ ในการนี้ชมรมมัคคุเทศก์รักษ์ล้านนา จึงได้จัดกิจกรรมประมูลทุเรียนน้ำแร่แม่ออนขึ้น เพื่อนำเงินทั้งหมด โดยไม่หักค่าใช้จ่าย ร่วมสมทบกับเงินทอดผ้าป่าในวันพรุ่งนี้ซึ่งผลการประมูลทุเรียนน้ำแร่แม่ออน ในวันนี้มีผู้ประมูลทุเรียนในราคาสูงสุดลูกละ 33,000 บาท คือ บริษัทสแตนดาร์ดทัวร์ จำกัด และราคาประมูลน้อยสุดลูกละ 10,000 บาท ยอดเงินประมูลทุเรียน 20 ลูก รวม 400,000 บาท และผู้ร่วมสบทบอีก 114,999 บาท รวมทั้งสิ้น 514,999 บาท โดยในระหว่างการประมูลอยู่นั้น พระอาจารย์พัน ญาญโสภโณ ประธานสถานพำนักสงฆ์ ม่อนกุเวร พร้อมด้วย “อั้ม” อธิชาติ ชุมนานนท์ ดารานักแสดงชาย ได้เดินทางมาร่วมในระหว่างการประมูล พร้อมร่วมเป็นพิธีกรร่วมการประมูล โดยมีผู้บริหารของทางร้าน “ณัฐการอาหารปักษ์ใต้” เป็นผู้ประมูลทุเรียนน้ำแร่แม่ออนลูกที่ 13 ไปได้ในราคาลูกละ 21,000 บาท และได้ร่วมถ่ายรูปกับ อั้ม อธิชาติฯ อีกด้วย โดยรายได้ทั้งหมดที่ได้จากการประมูลทุเรียนน้ำแร่แม่ออน จะนำไปร่วมกับการทอดผ้าป่าในวันพรุ่งนี้วันที่ 4 ส.ค.67 เพื่อสนับสนุนจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์สำหรับอาคารผู้ป่วย OPD หลังใหม่ ของโรงพยาบาลแม่ออนต่อไป.https://youtu.be/cASxzzB7Kgk?si=UhF97g7UZdToeW2h

(มีคลิป) เลขาฯ ป.ป.ส. ลงพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ติดตามสถานการณ์ยาเสพติดในพื้นที่ชายแดนภาคเหนือ เร่งการขับเคลื่อนงานของ นบ.ยส.35 พบ 8 เดือนที่ผ่านมา สามารถยึดยาบ้าได้กว่า 200 ล้านเม็ด

เลขาฯ ป.ป.ส. ลงพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ติดตามสถานการณ์ยาเสพติดในพื้นที่ชายแดนภาคเหนือ เร่งการขับเคลื่อนงานของ นบ.ยส.35 พบ 8 เดือนที่ผ่านมา สามารถยึดยาบ้าได้กว่า 200 ล้านเม็ด

เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2567 เวลา 10.00 น. ที่ ห้องประชุมทองจัตุ กองกำลังผาเมือง อ.เมือง จ.เชียงใหม่ พลตำรวจโทภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (เลขาธิการ ป.ป.ส.) พร้อมด้วยนายอภิกิต ฉ.โรจน์ประเสริฐ รองเลขาธิการ ป.ป.ส. และคณะ ลงพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อติดตามสถานการณ์ยาเสพติด และขับเคลื่อนกลไกในการสกัดยาเสพติดของหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้น และเคมีภัณฑ์ชายแดนภาคเหนือ หรือ นบ.ยส.35 โดยมี พล.อ.นฤทธิ์ ถาวรวงษ์ ผู้บัญชาการ นบ.ยส.35 และนายธันวา ผุดผ่อง ผู้เชี่ยวชาญด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ภาค 5 ให้การต้อนรับ

ในการนี้ นบ.ยส.35 ได้นำเสนอข้อมูลสถานการณ์ยาเสพติดพื้นที่ชายแดนภาคเหนือตอนบน และผลการดำเนินงานสกัดกั้นยาเสพติดชายแดนภาคเหนือ ตามแผนปฏิบัติการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้น และเคมีภัณฑ์ในพื้นที่ที่มีความจำเป็นเร่งด่วนชายแดนเหนือ พ.ศ. 2567 โดยสถานการณ์การลักลอบนำเข้ายาเสพติดด้านจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย พะเยา ตาก และแม่ฮ่องสอน ที่ผ่านมา พบว่ามีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น ซึ่ง นบ.ยส.35 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกองกำลังผาเมือง กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ตำรวจตระเวนชายแดนภาค 3 ตำรวจภูธร ภาค 5 และฝ่ายปกครองทุกจังหวัด ได้บูรณาการร่วมกันอย่างเข้มแข็งในการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดอย่างเข้มข้นตามนโยบายของรัฐบาล ภายใต้การนำของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และพ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ซึ่งผลการปฏิบัติในห้วง 8 เดือนที่ผ่านมา ตั้งแต่ 1 ธ.ค. 66 – 31 ก.ค. 67 สามารถตรวจยึดยาบ้าได้ 210,097,155 เม็ด ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมาในห้วงเดียวกัน พบว่าสามารถยึดยาบ้าได้เพิ่มขึ้นถึง 4 เท่า นอกจากนี้ยังตรวจยึดไอซ์ 1,990 กิโลกรัม เฮโรอีน 254 กิโลกรัม ฝิ่นดิบ 190 กก.และเคตามีน 21 กิโลกรัม รวมทั้งสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ถึง 1,570 ราย เสียชีวิต 25 ศพ

ด้าน พลตำรวจโทภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า จากการติดตามสถานการณ์การแก้ไขปัญหายาเสพติดของ นบ.ยส.35 พบว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถดำเนินการสกัดกั้นตามแผนปฏิบัติการฯ ได้เป็นอย่างดีและสามารถยึดยาเสพติดตามเป้าหมายที่วางไว้ ซึ่งครั้งนี้ต้องการมาให้กำลังใจผู้ปฏิบัติงานที่เสียสละการดำเนินชีวิตส่วนตัวที่มีต่อครอบครัว เพื่อภาระกิจในการสกัดกั้นยาเสพติดตามแนวชายแดน ซึ่งจะเห็นได้ว่าทุกท่านปฏิบัติงานด้วยความมุ่งมั่น และตั้งใจจริงเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนจากการแพร่ระบาดของยาเสพติด.

(มีคลิป) ภาค 5 แถลงจับกุมผู้ต้องหา 2 คนลักลอบขนยาบ้าผ่านทางเครื่องบิน 3 แสนเม็ดเชียงใหม่ / ลักลอบขนยาไอซ์ 150 กิโลซุกซ่อนช่องลับในรถที่เชียงราย

ภาค 5 แถลงจับกุมผู้ต้องหา 2 คนลักลอบขนยาบ้าผ่านทางเครื่องบิน 3 แสนเม็ดเชียงใหม่ / ลักลอบขนยาไอซ์ 150 กิโลซุกซ่อนช่องลับในรถที่เชียงราย

เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2567 เวลา 13.30 น. ที่ตำรวจภูธรภาค 5 พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผบช.ภ.5, พล.ต.ต.ไพศาล ลือสมบูรณ์, พล.ต.ต.พิเชษฐ จีระนันตสิน, พล.ต.ต.วีรชน บุญทวี, พล.ต.ต. นพดล กรึงไกร, พล.ตต.ดุลเดชา อาชวะสมิตระกูล รอง ผบช.ภ.5, พล.ต.ต.ธนะรัชต์ ชุ่มสวัสดิ์ รอง ผบช.ฯ ช่วยราชการ ภ.5, พล.ต.ต.มานพ เสนากูล ผบก.ภ.จว.เชียงราย, พล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ และ พล.ต.ต.วรพงศ์ คำลือ ผบก.สส.ภ.5 ฝ่ายทหาร นบ.ยส.35 กองกลังผาเมือง ฝ่ายปกครอง นายวรวิทย์ ชัยสวัสดิ์ รองผวจ.เชียงใหม่ สำนักงาน ป.ป.ส.ภาค 5 นายธันวา ผุดผ่อง ผู้เชี่ยวชาญ สำนักงาน ป.ป.ส.ภาค 5 ร่วมแถลงข่าวผลการจับกุม ลักลอบขนยาเสพติดจำนวน 2 คดี

คดีที่ 1 เมื่อวันที่ 28 ก.ค.67 เวลาประมาณ 19.30 น. ได้มีนายธีรัตน์ ภูมิลำเนา อยู่ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส และ นายเปาซี ภูมิลำเนา อ.ยะหา จ.ยะลา ได้นำกระเป๋าเดินทางรวม 2 ใบ ไปโหลดที่บริเวณจุดตรวจสัมภาระภายในท่าอากาศยานเชียงใหม่ เจ้าหน้าที่จุดตรวจได้ตรวจเอกซเรย์พบสิ่งของวัตถุต้องสงสัย จึงจะทำการเปิดกระเป๋าเพื่อตรวจสอบ ระหว่างนั้นผู้ต้องหาทั้งสองได้หลบหนีออกจากท่าอากาศยานเชียงใหม่ เจ้าหน้าที่ตรวจพบยาบ้า รวมจำนวน 300,000 เม็ด โดยซุกซ่อนในกระเป๋าใบแรก จำนวน 100,000 เม็ด และกระเป๋าใบที่ 2 จำนวน 200,000 เม็ด จึงได้ร่วมกันทำการตรวจยึดของกลางนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.ภูพิงคราชนิเวศน์ เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย

ต่อมาได้ทำการสืบสวนสอบสวนขยายผลออกหมายจับนายธีรัตน์ ภูมิลำเนา อยู่ อ.สุไหงโก-ลก จว.นราธิวาส และ นายเปาซี ภูมิลำเนา อ.ยะหา จ.ยะลา ผู้ต้องหาทั้งสอง ไว้ดำเนินคดีตามกฎหมาย

ต่อมาเมื่อวันที่ 30 ก.ค.2567 ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกับหน่วยเกี่ยวข้อง ได้สืบสวนติดตามจับกุมผู้ต้องหาทั้งสองได้ที่ด่านตรวจความมั่นคงบ้านพละ อ.ประทิว จ.ชุมพร ขณะโดยสารรถกลับพื้นที่ภาคใต้ มาดำเนินคดีตามกฎหมาย

คดีที่ 2 เมื่อประมาณปลายเดือน ก.ค.2567 เจ้าหน้าที่ตำรวจกก.สส.ภ.จว. เชียงใหม่ ได้รับแจ้งจากสายลับว่า
กลุ่มลำเลียงยาเสพติดได้ดัดแปลงพื้นกระบะรถยนต์บรรทุกสี่ล้อกลาง ลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ จ.เชียงราย เข้าสู่พื้นที่ภาคกลาง – จ.สุพรรณบุรี / จ.นครปฐม โดยมีรถยนต์นำ สำรวจเส้นทางร่วมกันลำเลียงยาเสพติด จึงได้ทำการสืบสวนและประสานการปฏิบัติกับ ชปส.ภ.จว.เชียงราย ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการสืบสวนติดตามจับกุม

ต่อมาเมื่อวันที่ 31 ก.ค.67 เวลาประมาณ 06.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจชปส.ภ.จว.เชียงราย และกก.สส.ภ.จว. เชียงใหม่ ตรวจพบรถยนต์กระบะ ยี่ห้ออีซูซุ สีขาว ซึ่งเชื่อว่าเป็นรถยนต์ของขบวนการลำเลียงยาเสพติด อยู่ภายในโรงแรม ข้างถนนพหลโยธิน ในพื้นที่ อ.เมืองเชียงราย จึงสะกดรอยติดตาม

ต่อมาเวลาประมาณ 09.20 น.ของวันเดียวกัน รถยนต์กระบะ ยี่ห้ออีซูซุ สีขาว ได้ออกจากโรงแรมฯ มุ่งหน้าไปตามถนนบายพาสสนามบินเชียงราย ไปพบกับรถยนต์บรรทุกสี่ล้อกลาง สีฟ้า ที่บริเวณที่จอดรออยู่บริเวณถนนบายพาส และทั้งสองคันได้ขับตามกันไป มุ่งหน้าไปทาง อ.เชียงแสน จ.เชียงราย และหลุดการติดตาม จึงวางกำลังรายทางเพื่อสังเกตุการณ์

ต่อมาเวลาประมาณ 13.40 น. ของวันเดียวกัน พบรถยนต์กระบะ ยี่ห้ออีซูซุ สีขาวขับนำรถยนต์บรรทุกสี่ล้อกลาง
มาจากทางเส้นทาง อ.เชียงแสน จว.เชียงราย มุ่งหน้า มา อ.เมืองเชียงราย ระยะห่างประมาณ 1 – 2 กม. จึงสะกดรอยติดตาม และตั้งจุดตรวจจุดสกัดบริเวณด่านตรวจจำบอน ต.ดอยลาน อ.เมืองเชียงราย เพื่อทำการตรวจสอบรถยนต์ทั้งสองคัน

ต่อมา รถยนต์กระบะ ยี่ห้ออีซูซุ สีขาว ขับมาใกล้จะถึงด่านตรวจจำบอน ได้จอดบริเวณไหล่ทางพบคนขับรถกระบะ ใช้โทรศัพท์อยู่ภายในรถฯ ส่วนรถยนต์บรรทุกสี่ล้อกลาง ขับเข้าไปจอดหน้าห้องพัก A11 ในโรงแรม พื้นที่บ้านป่าแหย่ง ต.ห้วยสัก อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเข้าควบคุมรถยนต์ทั้งสองคันไว้ รถยนต์บรรทุกสี่ล้อกลางพบนายณัฐวัฒน์ ภูมิลำเนา อ.สามง่าม จ.พิจิตร และ น.ส.ธุรดา ภูมิลำเนา อ.หนองม่วงไข่ จ.แพร่ อยู่บริเวณรถ ตรวจค้นพบ ไอซ์ จำนวน 150 กก. ซุกซ่อนอยู่ในช่องลับใต้พื้นกระบะรถ ซึ่งดัดแปลงเป็นที่ซุกซ่อนยาเสพติด ส่วนรถยนต์กระบะ ยี่ห้ออีซูซุ สีขาว พบนายสุภชัย ภูมิลำเนา อ.วังชิ้น จ.แพร่ เป็นคนขับ รับว่าร่วมกันลำเลียงยาเสพติด ทำหน้าที่นำทางดูการตั้งด่านของเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งสามพร้อมของกลาง นำส่ง พนักงานสอบสวน สภ.เมืองเชียงราย ดำเนินคดีตามกฎหมาย

สืบสวนขยายผลพบว่ากลุ่มผู้ต้องหารับจ้างลำเลียงยาเสพติดมาแล้ว 1 ครั้งเมื่อกลางเดือน ก.ค.2567 จากพื้นที่
จ.เชียงราย ไปส่งยังพื้นที่ จ.สุพรรณบุรี โดยมีผู้สั่งการ จะได้ทำการสืบสวนขยายผลเครือข่ายมาดำนเนินคดีตามกฎหมาย.