(มีคลิป) “นายกฯ แพทองธาร – สมศักดิ์” รุกแก้ปัญหาโรค NCDs ให้คนไทยแข็งแรง – ระบบสาธารณสุขไทยมั่นคงอย่างยั่งยืน

“นายกฯ แพทองธาร – สมศักดิ์” รุกแก้ปัญหาโรค NCDs ให้คนไทยแข็งแรง – ระบบสาธารณสุขไทยมั่นคงอย่างยั่งยืนนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ลงพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ หนุน อสม. 13 จังหวัดภาคเหนือ รณรงค์ประชาชนกินแบบนับคาร์บ ลดปัญหาโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ยกอสม.กว่า 1 ล้านคน เป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงสุขภาพ ช่วยคนไทยสุขภาพดีทั่วหน้า ลดงบประมาณค่ารักษาพยาบาลของประเทศเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2567 ที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา จังหวัดเชียงใหม่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงานการขับเคลื่อนนโยบายคนไทยห่างไกลโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ครั้งที่ 6 โดยมี นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข อสม. ข้าราชการและประชาชนในพื้นที่ ร่วมงาน และได้กล่าวว่า โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) เป็นภัยคุกคามต่อระบบสาธารณสุขไทย โดยแต่ละปีมีผู้เสียชีวิตจากโรค NCDs กว่า 400,000 ราย และมีผู้ป่วยใหม่เพิ่มขึ้นกว่า 2,000,000 ราย ส่งผลให้ประเทศต้องสูญเสียมูลค่าทางเศรษฐกิจในการรักษาทั้งทางตรงและทางอ้อมปีละกว่า 1.6 ล้านล้านบาท ซึ่ง อสม. 1,080,000 คน ถือเป็นกำลังสำคัญที่จะทำให้เกิดการเปลี่่ยนแปลงสุขภาพที่ดีของคนไทย ด้วยการสร้างความตระหนักรู้ให้กับประชาชนถึงความจำเป็นที่จะต้องร่วมกันส่งเสริมป้องกันโรค NCDs และปรับพฤติกรรมการกินแบบนับคาร์บ เพื่อส่งเสริมให้พี่น้องคนไทยมีสุขภาพที่ดี ช่วยลดจำนวนผู้ป่วยโรค NCDs ซึ่งจะช่วยลดงบประมาณค่ารักษาพยาบาลของประเทศชาติ และสร้างความมั่นคงยั่งยืนให้กับระบบสาธารณสุขไทยทางด้าน นายสมศักดิ์ กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายคนไทยห่างไกลโรคและภัยสุขภาพ ที่มุ่งเน้นการส่งเสริมสุขภาพและวิถีชีวิตเพื่อสุขภาพ ปรับปรุงกฎหมายและมาตรการให้เอื้อต่อการควบคุม ดูแล และส่งเสริมสุขภาพ เพื่อแก้ปัญหาโรค NCDs ให้เห็นผลอย่างเป็นรูปธรรม โดยได้จัดงานขับเคลื่อนนโยบายคนไทยห่างไกล NCDs เพื่อพัฒนาศักยภาพบุคลากรสาธารณสุข และ อสม. ในการดำเนินงานและยกระดับระบบบริการด้านการป้องกันและควบคุมโรค NCDs ให้มีประสิทธิภาพ ตลอดจนให้ความรู้และความเข้าใจแก่ประชาชน เพื่อให้มีพฤติกรรมสุขภาพที่เหมาะสม ซึ่งจากการจัดกิจกรรมรณรงค์โครงการคนไทยห่างไกล NCDs ไป 5 ครั้ง ที่จังหวัดสงขลา นครพนม นครสวรรค์ ชลบุรี และอุบลราชธานี รวม 10 เขตสุขภาพ 63 จังหวัด มี อสม. เรียนรู้การนับคาร์บแล้วกว่า 7 แสนคน และมีประชาชนร่วมลงทะเบียนนับคาร์บแล้วกว่า 6.4 ล้านคน ส่วนในวันนี้ มีการออนไลน์ไปยังเขตสุขภาพที่ 1 และ 2 รวม 13 จังหวัด มีผู้เข้าร่วมงานแบบออนไซต์ 5,000 คน และผ่านระบบ online อีก 250,000 คน รวมทั้งสิ้น 255,000 คน.https://youtu.be/JOhu8ebppTI?si=Drbr3E4AKs4v2Rs6

ประชุมพระสังฆาธิการคณะสงฆ์ภาค 7 ประจำปีงบประมาณ 2568

ประชุมพระสังฆาธิการคณะสงฆ์ภาค 7 ประจำปีงบประมาณ 2568

วันพฤหัสบดี ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ.2567 พระเดชพระคุณ พระพรหมเสนาบดี ที่ปรึกษามหาเถรสมาคม เจ้าคณะภาค 7 เจ้าอาวาสวัดปทุมคงคา ราชวรวิหาร เมตตาเป็นประธาน พร้อมด้วย พระธรรมเสนาบดี , พระเทพวชิรธีรคุณ รองเจ้าคณะภาค 7 พระเทพมังคลาจารย์ เจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่ พระเทพรัตนนายก เจ้าคณะจังหวัดลำพูน พระสุมณฑ์ศาสนกิตติ์ เจ้าคณะจังหวัดแม่ฮ่องสอน โอกาสนี้พระเดชพระคุณ พระพรหมเสนาบดี พร้อมพระสังฆาธิการภาค 7 เจริญพระพุทธมนต์เฉลิมพระพุทธมนต์เฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยมีนายปธิกร เอี่ยมสะอาด นายอำเภอไชยปราการ เป็นประธานฝ่ายฆราวาส พร้อมด้วยผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน และจังหวัดแม่ฮ่องสอน ถวายการต้อนรับ ในการประชุมพระสังฆาธิการระดับภาค จังหวัด อำเภอ พระเลขานุการและผู้เกี่ยวข้อง ในเขตปกครองคณะสงฆ์ภาค 7 ประจำปีงบประมาณ 2568 ตามมติมหาเถรสมาคม มติที่ 143/2546 ณ วัดป่าไม้แดง ตำบลหนองบัว อำเภอไชยปราการ จังหวัดเชียงใหม่

ชาวป่าเดือด! บุกพบ ‘นายกฯ อิ๊งค์’ ค้าน พ.ร.ฎ.ป่าอนุรักษ์ ขีดเส้น 3 เดือนแก้ให้จบ

ชาวป่าเดือด! บุกพบ ‘นายกฯ อิ๊งค์’ ค้าน พ.ร.ฎ.ป่าอนุรักษ์ ขีดเส้น 3 เดือนแก้ให้จบ

กว่า 5,000 ชีวิตชาวป่าจากทั่วประเทศ บุกศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อยื่นหนังสือคัดค้านพระราชกฤษฎีกาป่าอนุรักษ์ที่ล่าสุดคณะรัฐมนตรีเพิ่งมีมติเห็นชอบ โดยมองว่ากฎหมายฉบับนี้จะส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตและการดำรงอยู่ของชุมชนดั้งเดิมที่อาศัยอยู่ในป่ามานานกว่า 300 ปี

ตัวแทนชาวป่าระบุว่า พระราชกฤษฎีกาดังกล่าวจะทำให้พวกเขาสูญเสียสิทธิในการเข้าถึงทรัพยากรธรรมชาติ และถูกมองว่าเป็นผู้บุกรุกพื้นที่ป่า ซึ่งจะนำไปสู่ความขัดแย้งและความไม่สงบในชุมชน

ด้านรัฐบาลโดยนายประเสริฐ จันทรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี ได้รับหนังสือและข้อเสนอของกลุ่มผู้ชุมนุม พร้อมรับปากว่าจะนำไปพิจารณาอย่างรอบคอบ.

ททท. เรียกรวมพลสายเข้มคอกาแฟ ในงาน Northern Coffee Gathering 2024 ชวนสัมผัสเสน่ห์และวัฒนธรรมกาแฟภาคเหนือ 28 พฤศจิกายน -1 ธันวาคม นี้ ที่จังหวัดเชียงใหม่

ททท. เรียกรวมพลสายเข้มคอกาแฟ ในงาน Northern Coffee Gathering 2024 ชวนสัมผัสเสน่ห์และวัฒนธรรมกาแฟภาคเหนือ 28 พฤศจิกายน -1 ธันวาคม นี้ ที่จังหวัดเชียงใหม่

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมกับจังหวัดเชียงใหม่ จัดงาน “Amazing Northern Coffee Gathering 2024 ชุมนุมคนรักกาแฟ” ในวันที่ 28 พฤศจิกายน – 1 ธันวาคม 2567 ณ ศูนย์วัฒนธรรมเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นกิจกรรมส่วนหนึ่งของโครงการ Thailand Winter Festivals เพื่อกระตุ้นบรรยากาศการเดินทางท่องเที่ยวในช่วงไฮซีซั่น โดย ครั้งนี้ ททท. เสนออีเวนต์สร้างสรรค์เอาใจ คนรักกาแฟล้อมวงเรียนรู้เรื่องราวของกาแฟแบบถึงแก่น ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ พร้อมพบปะกับเกษตรกร ผู้ปลูกกาแฟ นักคั่วกาแฟ และผู้ประกอบการในวงการกาแฟชั้นนำ เพื่อนำส่งประสบการณ์ท่องเที่ยวที่มีคุณค่าและความหมาย พร้อมช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชางต่างชาติได้มาสัมผัสถึงวัฒนธรรมด้านกาแฟแถบภาคเหนือของประเทศไทย

นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า งาน Amazing Northern Coffee Gathering 2024 ชุมนุมคนรักกาแฟ เป็นส่วนหนึ่งในโครงการ Thailand Winter Festivals 2024 ภายใต้นโยบาย IGNITE Thailand’s Tourism ของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน จัดกิจกรรม อีเวนต์ และเฟสติวัลอันหลากหลายและครอบคลุมในทุกมิติ ภายใต้แนวคิด “7 Wonders of Thailand” ตามเป้าหมายผลักดันประเทศไทยไปสู่ World Class Event Hub ประกอบกับเพื่อกระตุ้นบรรยากาศการท่องเที่ยวไทยในช่วงเดือนพฤศจิกายนและธันวาคมซึ่งเป็นไฮซีซันหรือฤดูกาลท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวออกนิยมเดินทางท่องเที่ยวจำนวนมาก และงาน Amazing Northern Coffee Gathering 2024 ชุมนุมกาแฟ เป็นหนึ่งในอีเวนต์ส่งเสริมการท่องเที่ยวในหมวดเทศกาลอาหารที่จะช่วยสร้างบรรยากาศการเดินทางท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ โดยเฉพาะกลุ่มคนที่รักกาแฟ
ให้มาสัมผัสถึงวัฒนธรรมด้านกาแฟแถบภาคเหนือของประเทศไทย ให้เป็นที่รู้จักกว้างขวางยิ่งขึ้น

นายวีรพงศ์ ฤทธิ์รอด รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า จังหวัดเชียงใหม่เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางทางการท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาตินิยมเดินทางมาท่องเที่ยว ด้วยศักยภาพของโครงสร้างพื้นฐานทั้งโรงแรมที่พัก ระบบขนส่งการคมนาคมที่พร้อมรองรับนักท่องเที่ยว รวมทั้งวัฒนธรรมอันงดงาม ความหลากหลายของแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ งานศิลปะและหัตถกรรม Art & Craft สินค้าท้องถิ่นที่เป็น
อัตลักษณ์น่าสนใจ โดยเฉพาะเมล็ดกาแฟ สินค้าที่โดดเด่นของจังหวัดเชียงใหม่และพืชเศรษฐกิจหลักของภาคเหนือ ตอนบน ซึ่งได้รับความนิยมสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงสิบปีที่ผ่านมา เห็นได้จากการประกอบกิจการธุรกิจกาแฟและคาเฟ่ที่เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก ในรูปแบบต่าง ๆ ตลอดเส้นทางการท่องเที่ยวทั่วทุกพื้นที่ของภาคเหนือ และเชื่อว่าการจัดงาน Amazing Northern Coffee Gathering 2024 ชุมนุมกาแฟ จะช่วยสร้างแรงจูงใจและกระตุ้นให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวที่สะท้อนถึงเอกลักษณ์และอัตลักษณ์ที่สอดคล้องกับสินค้าบริการทางการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่ ตอบโจทย์ความสนใจและต่อยอดกระแสการท่องเที่ยวที่กำลังได้รับความนิยม รวมทั้งส่งแรงกระเพื่อมถึงผู้ประกอบการร้านกาแฟและคาเฟ่ให้ตระหนักถึงการยกระดับคุณภาพของสินค้า เชื่อมโยงจุดเด่นนอกเหนือจากรสชาติ ไปยังคุณค่าของเรื่องราว กรรมวิธีการผลิตและแหล่งปลูกที่ได้มาตรฐาน ซึ่งเป็นการเพิ่มมูลค่าและสร้างรายได้หมุนเวียนแก่เศรษฐกิจฐานรากอย่างยั่งยืน

นายอภิชัย ฉัตรเฉลิมกิจ รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ ททท. กล่าวว่า งาน “Amazing Northern Coffee Gathering 2024 ชุมนุมคนรักกาแฟ” เป็นหนึ่งใน Event Marketing ที่ ททท. ตั้งใจสร้างการรับรู้กระตุ้นการเดินทางของนักท่องเที่ยวผ่านรูปแบบกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์ โดยมุ่งนำเสนอเสน่ห์ไทยของภาคเหนือ ภายใต้แนวคิด 5 Must Do in Thailand เพื่อต่อยอดความสนใจของนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางท่องเที่ยวเชิงกาแฟเรียนรู้ประสบการณ์ด้านกาแฟของจังหวัดเชียงใหม่ และกระตุ้นการจับจ่ายช่วยพัฒนาเศรษฐกิจของท้องถิ่น โดยงานนี้รวมคนรักกาแฟจากทั่วประเทศ มาสัมผัสเสน่ห์ของกาแฟไทยแท้จากแหล่งปลูกอันดับต้นๆ ของประเทศ เรียนรู้เรื่องราวของกาแฟแบบถึงแก่น ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ พร้อมพบปะกับเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟ นักคั่วกาแฟ และผู้ประกอบการในวงการกาแฟชั้นนำ เพื่อนำส่งประสบการณ์ท่องเที่ยวที่มีคุณค่าและความหมาย สร้างบรรยากาศการท่องเที่ยวที่คึกคักในช่วงไฮซีซั่น และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อสร้างโอกาสทางการตลาด ส่งเสริมเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟในภาคเหนือให้มีช่องทางในการจำหน่ายผลิตภัณฑ์มากยิ่งขึ้น

ภายในงานประกอบด้วยกิจกรรมที่น่าสนใจมากมาย ได้แก่ 1) กาดชาวสวนกาแฟ ตลาดรวมพลเกษตรกร ผู้ปลูกกาแฟจากทั่วภาคเหนือ นำกาแฟคุณภาพดีหลากหลายสายพันธุ์มาจำหน่าย พร้อมให้คำแนะนำและแบ่งปันความรู้เกี่ยวกับการปลูกกาแฟ 2) ชุมชนนักคั่วกาแฟเมืองเหนือ รวบรวมนักคั่วกาแฟฝีมือดีจากทั่วภาคเหนือ มาโชว์ฝีมือและแบ่งปันเทคนิคการคั่วกาแฟ พร้อมจำหน่ายกาแฟคั่วสดใหม่ 3) มุมญาติมิตรของกาแฟ พบกับผลิตภัณฑ์จากกาแฟและผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ชา โกโก้ ข้าว และผลิตภัณฑ์จากพืชเศรษฐกิจอื่นๆ ของภาคเหนือ และ 4) ลานกิจกรรม จัดกิจกรรมเสิร์ฟความสุขในหลากหลายรูปแบบ อาทิ การเสวนาเกี่ยวกับกาแฟ การสาธิตการชงกาแฟ การแข่งขันชงกาแฟ และการแสดงดนตรี

Amazing Northern Coffee Gathering 2024 ชุมนุมกาแฟ ไม่เพียงแต่เป็นการเฉลิมฉลองวัฒนธรรมกาแฟของภาคเหนือ แต่ยังเป็นการส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนของอุตสาหกรรมกาแฟไทย ททท. จึงอยากขอเชิญชวนทุกท่านมาร่วมสัมผัสประสบการณ์พิเศษ และดื่มด่ำกับรสชาติกาแฟชั้นเลิศได้ที่งาน Amazing Northern Coffee Gathering 2024 ชุมนุมคนรักกาแฟ ในวันที่ 28 พฤศจิกายน – 1 ธันวาคม 2567 ณ ศูนย์วัฒนธรรมเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ ทั้งนี้ สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 1672 Travel Buddy
และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานเชียงใหม่ โทร. 053 248 604.

รมช.พาณิชย์ “นภินทร”มอบป้าย Thai select ให้ร้านครัวสายหยุดฯเชียงใหม่ ก่อนร่วมเวทีรับฟังความเห็นจากผู้ประกอบการในพื้นที่

รมช.พาณิชย์ “นภินทร”มอบป้าย Thai select ให้ร้านครัวสายหยุดฯเชียงใหม่ ก่อนร่วมเวทีรับฟังความเห็นจากผู้ประกอบการในพื้นที่

เชียงใหม่ 28 พ.ย.- ที่ร้านอาหารครัวอาจารย์สายหยุดและหมอทราย ชุมชนศรีลานนา อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รมช.พาณิชย์ พร้อมด้วย นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ และคณะได้มาพยปะผู้ประกอบการพร้อมมอบป้ายไฟตราสัญลักษณ์ Thai SELECT ที่รัฐบาลให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้าส่งเสริมผู้ประกอบการร้านอาหารไทยเพื่อยกระดับคุณภาพร้านอาหารให้มีมาตรฐานและสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้บริโภคที่เข้ามาใช้บริการว่าจะได้สัมผัสรสชาติอาหารไทยแท้ มีการใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพ ร้านมีความสะอาด ถูกสุขอนามัย บรรยากาศภายในร้านสะท้อนความเป็นไทย รวมถึงได้รับการบริการที่ดีเยี่ยม เป็นการสร้างโอกาสทางการตลาดให้กับร้านอาหารไทยภายในประเทศ ทั้งนี้การดำเนินงานที่ผ่านมาได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากหน่วยงานพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชน โดยให้เกียรติเป็นคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญและผู้ทรงคุณวุฒิร่วมคัดเลือกร้านอาหารไทยตามเกณฑ์มาตรฐาน Thai SELECT ได้แก่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ฝ่ายครัวการบินไทย บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) วิทยาลัยเทคโนโลยีครัววันดี วิทยาลัยดุสิตธานี สมาคมเชฟประเทศไทย และ แม็คโคร โฮเรก้า อคาเดมี

ทั้งนี้สืบเนื่องจากนโยบายรัฐบาลที่ให้ความสำคัญในการส่งเสริมและผลักดันอาหารไทยเป็น Soft Power ที่สำคัญของประเทศ เพื่อสนับสนุนและส่งเสริมอุตสาหกรรมอาหารไทยให้เป็นที่รู้จักในระดับนานาชาติ โดยกระทรวงพาณิชย์ได้มอบหมายให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ดำเนินการส่งเสริมพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานร้านอาหารไทยให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล ด้วยการใช้พลังสร้างสรรค์ Soft Power ผ่านอาหารไทย สร้างจุดแข็งและจุดขายเชื่อมโยงนักท่องเที่ยวให้มาลิ้มลองอาหารไทยรสชาติต้นตำรับ พร้อมการให้บริการที่เป็นเลิศ

ปัจจุบันประเทศไทยมีร้านอาหารที่ได้รับตราสัญลักษณ์ Thai SELECT จากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า จำนวน 496 ร้าน ครอบคลุม 77 จังหวัดทั่วประเทศ โดยสามารถค้นหาร้านอาหาร Thai SELECT และติดตามข่าวสารได้ทาง Line OfficialAccount @thaiselect สำหรับผู้ประกอบการร้านอาหารไทยและผู้สนใจกิจกรรมส่งเสริมร้านอาหารไทยผ่านตราสัญลักษณ์ Thai SELECT สามารถค้นหาข้อมูลได้ที่เว็บไซต์กรมพัฒนาธุรกิจการค้า www.dbd.go.th หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วน 1570 หรือติดต่อกองธุรกิจบริการ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ โทร. 0 2547 5954

หลังจากนั้นคณะของ รมช.พาณิชย์ ได้ลงพื้นที่ ก่อนการประชุม ครม.สัญจร เพื่อพบปะผู้ประกอบการภาคเหนือที่โรงแรมวินทรีซิตี้ รีสอร์ท เชียงใหม่ ตรวจเยี่ยม การจัดอบรมหลักสูตร Family Business Thailand รุ่นที่ 3 เพื่อเสริมสร้างศักยภาพการบริหารธุรกิจครอบครัวให้มีองค์ความรู้ด้านบริหารจัดการธุรกิจและการตลาดด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม รวมทั้งกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องต่างๆ และการส่งต่อธุรกิจจากรุ่นสู่รุ่น และรับฟังข้อมูลข้อเสนอจากผู้ประกอบการในพื้นที่ด้วยเพื่อปรับแผนการทำงานและงบประมาณให้ตรงตามเป้าหมายและชัดเจนในการดำเนินนโยบายมากขึ้น.

ร่วมสักการะไหว้สาพระเจ้าอินทวิชยานนท์ ประจำปี 2567

ร่วมสักการะไหว้สาพระเจ้าอินทวิชยานนท์ ประจำปี 2567

เมื่อวันเสาร์ที่ 23 พฤศจิกายน 2567 มูลนิธิเจ้าดวงเดือน ณ เชียงใหม่ ร่วมสักการะไหว้สาพระเจ้าอินทวิชยานนท์ ประจำปี 2567 นำโดย เจ้าภาคินัย ณ เชียงใหม่ ประธานมูลนิธิ และคุณวรพล จิรารัตน์วัฒนา รองประธาน พร้อมคณะกรรมการมูลนิธิ โดยมี คุณสิริกุล ศิริวงศ์ คุณสิริยา บุญญศิริพฤกษ์ คุณผ่องพรรณ เหล็กใหญ่ ร่วมประเพณีไหว้สาพระเจ้าอินทวิชยานนท์ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่องค์ที่ 7 แห่งราชวงศ์ทิพย์จักร ณ ยอดดอยอินทนนท์ อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานอัฐิของพระองค์ท่าน และได้จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีเพื่อรำลึกถึงคุณงามความดีของพระองค์ มีการแห่ขบวนเครื่องสักการะ หมากสุ่ม หมากเป็ง และเครื่องสักการะต่างๆ ตามประเพณีล้านนา มีการฟ้อนเล็บของกลุ่มสตรีเพื่อถวายในพระองค์ท่าน โดยมี นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้เดินทางมาเป็นประธานในงานประเพณีไหว้สาพระเจ้าอินทวิชยานนท์ มีเจ้านายฝ่ายเหนือ พร้อมด้วย นายชัยณรงค์ นันตาสาย ปลัดจังหวัดเชียงใหม่ นายณฐกร ภัทรวนนท์ นายอำเภอจอมทอง มูลนิธิพระสถูปพระเจ้าอินทวิชยานนท์ สภาวัฒนธรรมจังหวัดเชียงใหม่ องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงใหม่ อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ ส่วนราชการหน่วยงาน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและประชาชนในพื้นที่ เข้าร่วมงานประเพณีไหว้สาพระเจ้าอินทวิชยานนท์ ประจำปี 2567 ณ บริเวณลานพระสถูปพระเจ้าอินทวิชยานนท์ ประจำปี 2567 เนื่องในโอกาสครบ 127 ปี ของการพิลาลัย โดยได้ร่วมกันจัดขึ้นในวันที่ 23 พฤศจิกายน ของทุกปี เพื่อเทิดพระเกียรติ แสดงความกตัญญูและรำลึกถึงคุณงามความดีของพระองค์ที่ได้สร้างประโยชน์สุขไว้ให้แก่ชาวเชียงใหม่ ภายในงาน ได้มีการจัดขบวนแห่เครื่องสักการะของเจ้านายฝ่ายเหนือและหน่วยต่าง ๆ การกล่าวเฉลิมพระเกียรติฯ การประกอบพิธีบำเพ็ญกุศล การถวายดอกไม้เครื่องสักการะไหว้สาดวงพระวิญญาณพระเจ้าอินทวิชยานนท์ การแสดงศิลปวัฒนธรรม และการจัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับพระเจ้าอินทวิชยานนท์.

(มีคลิป) เชียงใหม่/ “รมว.นฤมล” เปิดสัมมนา “Kick Off ขับเคลื่อนมาตรการรับมือสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน ฝุ่นละออง ปี 2568”

เชียงใหม่/ “รมว.นฤมล” เปิดสัมมนา “Kick Off ขับเคลื่อนมาตรการรับมือสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน ฝุ่นละออง ปี 2568”

รมว.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดงานสัมมนาโครงการขับเคลื่อนแนวทางการบริหารจัดการมลพิษทางอากาศตามมาตรการ Pm2.5 ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ภาคการเกษตร ปี 68 ของกรมส่งเสริมการเกษตร “Kick Off ขับเคลื่อนมาตรการรับมือสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน ฝุ่นละออง ปี 2568”

เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2567 ที่ห้องประชุมทองกวาว (ชั้น2) สำนักบริการวิชาการ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดงานสัมมนาโครงการขับเคลื่อนแนวทางการบริหารจัดการมลพิษทางอากาศตามมาตรการ Pm2.5 ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ภาคการเกษตร ปี 2568 ของกรมส่งเสริมการเกษตร โดยมีนายพีรพันธ์ คอทอง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวรายงาน โดยมี นายชัชวาลย์ ปัญญา รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ และผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรที่ 1 ถึง 6 เกษตรจังหวัด เกษตรอำเภอและเกษตรตำบลใน 17 จังหวัดภาคเหนือ รวมทั้งสิ้น 286 คนเข้าร่วมในการสัมนาในครั้งนี้

นายพีรพันธ์ คอทอง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า งาน Kick Off ขับเคลื่อนมาตรการรับมือสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน ฝุ่นละออง ปี 2568 ของกรมส่งเสริมการเกษตร ในปัจจุบันปัญหาการเผาในพื้นที่เกษตรเป็นอีก หนึ่งปัญหาสะสมที่ก่อให้เกิดฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 และก๊าซเรือนกระจก ส่งผล กระทบต่อสิ่งแวดล้อม สุขภาพและเศรษฐกิจของประชาชนอย่างมาก การแก้ไขปัญหานี้ จึงต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการมีส่วนร่วมของชุมชน โดยเน้นย้ำถึงบทบาทของชุมชนในพื้นที่ รัฐบาลจึงได้ให้ความสำคัญและเร่งรัดให้มีการ แก้ไขปัญหาการเผาในพื้นที่เกษตรให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม ดังนั้น เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย รัฐบาลจึงสั่งการให้มีการแก้ไขปัญหาการเผาที่ต้นเหตุในลักษณะพื้นที่-หน้าที่ การมีส่วนร่วม (Area-Function-Participation) กรมส่งเสริมการเกษตรจึงได้ กำหนดจัด งาน Kick Off ขับเคลื่อนมาตรการรับมือสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน ฝุ่นละออง ปี 2568 ของกรมส่งเสริมการเกษตร เพื่อชี้แจงให้เจ้าหน้าที่กรมส่งเสริมการเกษตรในห้องประชุม แห่งนี้ ได้แก่ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรที่ 1 ถึง 6 เกษตรจังหวัด เกษตรอำเภอและเกษตรตำบลใน 17 จังหวัดภาคเหนือ รวมทั้งสิ้น 286 คน รวมถึงผู้ที่ รับชมผ่าน Facebook live ของกรมส่งเสริมการเกษตรทั่วประเทศได้รับรู้ เข้าใจถึงแนว ทางการขับเคลื่อนมาตรการรับมือสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน ฝุ่นละออง และลดการ ปล่อยก๊าซเรือนกระจกภาคเกษตรผ่านกิจกรรมภายใต้โครงการส่งเสริมการเกษตรที่เป็น มิตรกับสิ่งแวดล้อม ในปี 2568 ของกรมส่งเสริมการเกษตรที่ตั้งเป้าหมายเป็น 2 เท่าจากปี 2567 ที่ทำได้กว่า 14,000 ตันคาร์บอนเทียบเท่า เป็นการเตรียมแผนปฏิบัติงาน เตรียม ความพร้อมในการรับมือช่วงวิกฤตหมอกควันปี 2568 ในพื้นที่เป้าหมาย

ในการนี้ กรมส่งเสริมการเกษตรหวังเป็นอย่างยิ่งว่า การสัมมนาในครั้งนี้จะทำให้ เกิดการเตรียมความพร้อมในการรับมือช่วงวิกฤตหมอกควันปี 2568 เตรียมแผนปฏิบัติ งาน และเพื่อให้เจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตรได้รับรู้ เข้าใจถึงการส่งเสริมการเกษตรที่เป็น มิตรกับสิ่งแวดล้อม ในการปฏิบัติงานตามแนวทางการ ขับเคลื่อนมาตรการรับมือ สถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน ฝุ่นละออง ปี 2568 ของกรมส่งเสริมการเกษตร ต่อไปใน อนาคต

ทางด้านศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เผยว่ากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีภารกิจที่สำคัญอย่างมากในการขับเคลื่อน นโยบายสำคัญของรัฐบาลด้านการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5) ภาคการเกษตร เพื่อให้พี่น้องเกษตรกร สถาบันเกษตรกร มีคุณภาพชีวิตที่ดี อยู่ดี มีสุข มีอากาศที่สะอาดหายใจ โดยการส่งเสริมการทำการเกษตรที่เป็นมิตร กับสิ่งแวดล้อม ทดแทนการเผาในพื้นที่เกษตรกรรม ตาม 9 นโยบายสำคัญ ของกระทรวง เกษตรและสหกรณ์ ในการจัดการทรัพยากรทางการเกษตร ได้แก่ ทำการเกษตรที่ใส่ใจ สิ่งแวดล้อมด้วย BCG โดยการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อรองรับ นโยบาย/มาตรการการค้าด้านสิ่งแวดล้อมโลก เช่น EUDR, CBAM และ Carbon Credit โดยทำการเกษตรที่ลดภาระต่อสิ่งแวดล้อม เกษตรที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การใส่ปุ๋ยที่เหมาะสม การลดการเผาซังข้าว/ตอซัง การเกษตรที่ลดการปล่อย ก๊าซเรือนกระจก รวมทั้งการแก้ปัญหา PM 2.5 การนำเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรไปใช้ ในการผลิตพลังงาน

นอกจากนี้ ยังมีมาตรการต่างๆ ที่ได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในสังกัด กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินโครงการและกิจกรรมต่างๆ เช่น การเตรียม ความพร้อมก่อนเกิดเหตุ การประชาสัมพันธ์เชิงรุก นำไปปฏิบัติในพื้นที่เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาการเผาในพื้นที่เกษตรกรรม และสร้างความร่วมมือระหว่าง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กับภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชน เพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) ภาคการเกษตร อย่างยั่งยืน

โดยในวันนี้ได้เห็นความตั้งใจในการแก้ไขปัญหา ฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) ภาคการเกษตร ภายใต้ การดำเนินงานขับเคลื่อนมาตรการรับมือสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน ฝุ่นละออง ปี 2568 ของกรมส่งเสริมการเกษตร และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจากการสัมมนาวันนี้ ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่จะนำความรู้ และความเชี่ยวชาญแนวทางการขับเคลื่อนมาตรการรับมือสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน ฝุ่นละออง เพื่อร่วมกันป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก ไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) ภาคการเกษตร เพื่อส่งต่อคุณภาพชีวิตที่ดี และสิ่งแวดล้อมที่ดีให้กับลูกหลานของเราต่อไป

ภายหลังจากนั้นในงานสัมนาได้มีการชี้แจงแนวทางนโยบายการขับเคลื่อนการบริหารจัดการมลพิษทางอากาศ ตามมาตรการ Pm2.5 ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ภาคการเกษตร ปี 2568 ของกรมส่งเสริมการเกษตร และการบรรยายพิเศษ เรื่อง การทำการเกษตรที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดย นายครองศักดิ์ สงรักษา รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร ร่วมกับ ผู้อำนวยกองส่งเสริมและจัดการสินค้าเกษตร และผู้แทน GIZ.

อสม.บ้านหนองเต่า จัดประชุมประจำปี

อสม.บ้านหนองเต่า จัดประชุมประจำปี

วันพุธที่ 27 พฤศจิกายน 2567 อสม.บ้านหนองเต่า ตำบลแม่วิน อำเภอแม่วาง เชียงใหม่ จำนวน 10 หมู่บ้าน จัดประชุมประจำปีเพื่อชี้แจงงานนโยบายเร่งด่วน งานที่ต้องทำประจำ ติดตามระบบรายงาน อสม. สำหรับไตรมาสแรก ของปีงบประมาณ 2568 โดยมีนายคนอง ยาสิงห์ทอง นักวิชาการสาธารณสุขชำนาญการ เป็นประธานประชุม พร้อมคณะ มีอสม.เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง ณ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านหนองเต่า บ้านหนองเต่า, ตำบลแม่วิน อำเภอแม่วาง จังหวัดเชียงใหม่.

สอบวัดความรู้การศึกษาพระปริยัติธรรมแผนกธรรมศึกษา ตรี โท เอก

สอบวัดความรู้การศึกษาพระปริยัติธรรมแผนกธรรมศึกษา ตรี โท เอก

เมื่อวันศุกร์ที่ 22 พฤศจิกายน 2567 คณะครูและนักเรียนโรงเรียนแม่วินสามัคคี อำเภอแม่วาง จังหวัดเชียงใหม่ ได้เข้าสอบวัดความรู้การศึกษาพระปริยัติธรรมแผนกธรรมศึกษาตามหลักสูตรของคณะสงฆ์ ระดับธรรมศึกษาตรี โท เอก สนามสอบธรรมศึกษา ณ โรงเรียนแม่วินสามัคคี ตำบลแม่วิน อำเภอแม่วาง จังหวัดเชียงใหม่.

พิธีเจริญพุทธมนต์สืบชาตาเสริมบุญบารมี

พิธีเจริญพุทธมนต์สืบชาตาเสริมบุญบารมี

วันอังคารที่ 26 พฤศจิกายน 2567 พระเดชพระคุณ พระเทพมังคลาจารย์ เจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่ เจ้าอาวาสวัดท่าตอน พระอารามหลวง เมตตานั่งอธิษฐานจิตพิธีเจริญพุทธมนต์สืบชาตาเสริมบุญบารมี รองศาสตราจารย์ดร.พิชนี โพธารามิก ประธาน พร้อมคณะญาติธรรม มีคณะศิษย์เก่าวิศวกรรมศาสตร์ รุ่น 2504 จุฬาลงกรมหาวิทยาลัย คณะศิษย์เก่าวิศวกรรมศาสตร์ รุ่น 2501 จุฬาลงกรมหาวิทยาลัย และศิษย์เก่าเซ็นต์ฟรังฯ ซึ่งทางวัดลอยเคราะห์ โดยพระครูสุวิมลธรรมรักษ์ เจ้าอาวาสวัดลอยเคราะห์ จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ พุทธศักราช 2568 ณ วัดลอยเคราะห์ ตำบลช้างม่อยอำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่.