เชียงใหม่รีพอร์ต » แม่ทัพภาค 3 เผยผลงานคุมไฟป่าเหนือ ลดจุดความร้อน 19% แต่พื้นที่เผาไหม้ยังน่าห่วง

แม่ทัพภาค 3 เผยผลงานคุมไฟป่าเหนือ ลดจุดความร้อน 19% แต่พื้นที่เผาไหม้ยังน่าห่วง

1 พฤษภาคม 2025
32   0

Spread the love

ศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองภาค 3 ส่วนหน้า สรุปผลการปฏิบัติงานปี 2568 ชี้จุดความร้อนลดลง 19% แต่พื้นที่เผาไหม้กลับพุ่งสูงกว่า 1.5 ล้านไร่ พร้อมเดินหน้ามอบเครื่องมือสนับสนุนการทำงานของเจ้าหน้าที่อย่างต่อเนื่อง

พลโท กิตติพงษ์ แจ่มสุวรรณ แม่ทัพภาคที่ 3 ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองภาค 3 เป็นประธานเปิดการประชุมเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานลาดตระเวนและดับไฟป่า ในพื้นที่ 12 กลุ่มป่า ณ โรงแรมเชียงใหม่ภูคำ จังหวัดเชียงใหม่ พร้อมมอบเครื่องเป่าลมเพื่อสนับสนุนการปฏิบัติงานของกำลังพลในการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง ประจำปี 2568 โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง

ศูนย์อำนวยการฯ ได้สรุปผลการปฏิบัติงานป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และ PM2.5 ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2567 ถึง 28 เมษายน 2568 พบว่าสถานการณ์ด้านจุดความร้อนลดลงจากปี 2567 จำนวน 13,858 จุด หรือร้อยละ 19.54 อย่างไรก็ตาม ยังคงมี 9 จังหวัดที่แนวโน้มจุดความร้อนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะแม่ฮ่องสอน ตาก และอุตรดิตถ์ ทำให้ยอดรวมจุดความร้อนยังคงสูงถึง 57,079 จุด ซึ่งส่วนใหญ่เกิดขึ้นในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ (24,107 จุด) และป่าสงวนแห่งชาติ (22,581 จุด) ซึ่งยังไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่ต้องการให้ลดลงร้อยละ 25 ในพื้นที่ป่า

ขณะที่สถานการณ์ด้านพื้นที่เผาไหม้กลับน่ากังวล โดยตั้งแต่ 1 มกราคม ถึง 30 มีนาคม 2568 พบว่ามีพื้นที่ถูกไฟเผาไปแล้วถึง 8,680,870 ไร่ ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 2567 ถึง 1,505,490 ไร่ หรือร้อยละ 17.34 จังหวัดที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด ได้แก่ ตาก นครสวรรค์ และเพชรบูรณ์ โดยเฉพาะพื้นที่เกษตรและเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมที่มีแนวโน้มการเผาไหม้เพิ่มขึ้นสูงถึงร้อยละ 90.34 และ 53.22 ตามลำดับ

สำหรับสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ยังคงเป็นปัญหาสำคัญ โดยจังหวัดแม่ฮ่องสอนมีค่าเฉลี่ยสูงสุดถึง 304.4 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และเกินค่ามาตรฐานติดต่อกันนานเกิน 9 วัน นอกจากนี้ จังหวัดน่านมีวันที่ค่าฝุ่น PM2.5 เกินมาตรฐานมากที่สุดถึง 121 วัน รองลงมาคือพิษณุโลก (94 วัน) และอุทัยธานี (88 วัน)

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ศูนย์อำนวยการฯ ได้บูรณาการกำลังพลจากกองทัพภาคที่ 3 ปฏิบัติการรณรงค์แก้ไขปัญหาการบุกรุกและทำลายพื้นที่ป่าไม้ ดับไฟป่ากว่า 885 ครั้ง จัดชุดลาดตระเวนร่วมกับกรมอุทยานสัตว์ป่าและพันธุ์พืชและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวม 208 ชุด ปฏิบัติงานอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการปรับแผนการฝึกตามวงรอบประจำปีในพื้นที่เสี่ยงเกิดไฟไหม้ซ้ำซากกว่า 17,892 ครั้ง นอกจากนี้ยังมีการใช้กลไกของ กอ.รมน.จังหวัด ในการดับไฟป่า รณรงค์สร้างการรับรู้ ป้องกันการเผาป่า ทำแนวกันไฟ บังคับใช้กฎหมาย สร้างฝายชะลอน้ำ ใช้อากาศยานดับไฟ และผลิตสื่อประชาสัมพันธ์ รวม 36,630 ครั้ง

ในด้านการใช้อากาศยาน ได้มีการวางแนวทางการแก้ไขปัญหาไฟป่า 4 รูปแบบ ทั้งระบบตรวจจับจุดความร้อน (Sensor) โดยใช้อากาศยาน 4 ลำ บินลาดตระเวน 65 เที่ยวบิน ระบบดับไฟป่า (Shooter) โดยใช้อากาศยาน 8 ลำ บินทิ้งน้ำ 2,297 เที่ยว ปริมาณกว่า 2.3 ล้านลิตร รวมถึงการใช้ระบบดัดแปรสภาพอากาศ (Inversion) กว่า 700 เที่ยวบิน และการเฝ้าระวังด้วยโดรน IR ในพื้นที่เชียงใหม่ 74 ครั้ง

แม่ทัพภาคที่ 3 ย้ำว่า การแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง เป็นภารกิจที่ต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการบังคับใช้กฎหมาย การสร้างจิตสำนึก และความร่วมมือของทุกภาคส่วน เพื่อเป้าหมายการลดไฟป่าอย่างยั่งยืนในภาคเหนือ โดยจะมีการถอดบทเรียนจากผลการปฏิบัติงานในปีนี้เพื่อปรับใช้ในปีต่อไป