เชียงใหม่รีพอร์ต » ชายฉกรรจ์อ้างเป็นตำรวจอุ้มหนุ่มฮอดรีดเงิน 7 พันบาท กล่าวหาเมาแล้วขับ

ชายฉกรรจ์อ้างเป็นตำรวจอุ้มหนุ่มฮอดรีดเงิน 7 พันบาท กล่าวหาเมาแล้วขับ

24 พฤษภาคม 2025
43   0

Spread the love

ชายฉกรรจ์ 2 คน อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ บุกจับกุมชายหนุ่มวัย 21 ปี ที่อำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่ ขณะกำลังกลับจากงานเลี้ยงสังสรรค์และจอดรถแวะปัสสาวะข้างทางบนถนนสายฮอด-ดอยเต่า โดยกล่าวหาว่าผู้เสียหายเมาแล้วขับ ก่อนจะพาเหยื่อขึ้นรถขับวนเวียนบริเวณทะเลสาบดอยเต่าหลายจุด พร้อมทั้งพูดจาและใช้อาวุธข่มขู่จนผู้เสียหายเกิดความหวาดกลัว จากนั้นได้บังคับให้โทรศัพท์หาญาตินำเงินมาให้ 20,000 บาท เพื่อแลกกับการไม่ดำเนินคดี หลังจากการเจรจาต่อรองนานเกือบ 4 ชั่วโมง จึงลดเหลือ 7,000 บาท ก่อนจะยอมปล่อยตัวไป

นายเล็ก (นามสมมุติ) อายุ 21 ปี ชาวบ้านตาลใต้ ต.บ้านตาล อ.ฮอด จ.เชียงใหม่ เล่าเหตุการณ์ เมื่อเวลา 00.57 น. ของวันที่ 21 พฤษภาคมที่ผ่านมา ว่า ขณะที่ตนกำลังขับรถกระบะที่ยืมมาจากเพื่อน เพื่อกลับจากงานเลี้ยงที่หมู่บ้านห้วยทรายแล้ง ต.บ้านตาล อ.ฮอด และกำลังจะไปหาแฟนสาวที่อีกหมู่บ้านหนึ่งในพื้นที่ อ.ดอยเต่า เมื่อขับรถมาถึงบริเวณบ้านดงดำ ต.ฮอด อ.ฮอด ซึ่งเป็นรอยต่อเขตอำเภอดอยเต่า ก็เกิดอาการปวดปัสสาวะ จึงจอดรถทำธุระข้างทาง

หลังจากทำธุระเสร็จและกำลังจะขึ้นรถเพื่อขับไปต่อ มีชายฉกรรจ์ 2 คน อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งไม่ได้สวมเครื่องแบบ ได้แสดงบัตรประจำตัว แต่ตนมองไม่ชัดว่าเป็นตำรวจหน่วยไหน ชายทั้งสองได้ขอตรวจค้นภายในรถ แต่ไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย จากนั้นจึงถามตนว่าได้ดื่มสุรามาหรือไม่ ตนยอมรับว่าเพิ่งกลับจากการสังสรรค์ที่บ้านเพื่อน และกำลังจะขับรถไปทำธุระที่อำเภอดอยเต่า ชายทั้งสองจึงได้พูดว่าจะนำตัวไปดำเนินคดีข้อหาเมาแล้วขับ โดยที่ไม่ได้ตรวจปัสสาวะหรือเป่าแอลกอฮอล์แต่อย่างใด ก่อนจะพาตนขึ้นรถกระบะโตโยต้าสี่ประตูสีขาว ส่วนชายอีกคนได้ขับรถกระบะของตนตามมา มุ่งหน้าไปอำเภอดอยเต่าก่อนจะเลี้ยวเข้าทะเลสาบดอยเต่า และขับรถพาตนเข้าเส้นทางเปลี่ยว จอดรถเปลี่ยนจุดไปมาในเขตติดต่อ อ.ดอยเต่า และ อ.ฮอด รวม 7-8 จุด ตนได้บอกว่ามีเงินสดติดตัว 1,000 บาท

ระหว่างนั้น ชายทั้งสองได้ใช้อาวุธ ซึ่งไม่แน่ใจว่าเป็นมีดหรืออาวุธปืน วางกับเบาะรถจ่อที่ข้างลำตัวตน พร้อมกับข่มขู่ให้ตนโทรศัพท์ติดต่อญาติให้นำเงิน 20,000 บาทมาจ่าย เพื่อเป็นการแลกกับการไม่ต้องส่งตัวตนไปดำเนินคดีที่สถานีตำรวจ ตอนนั้นตนรู้สึกกลัวมาก เกรงว่าจะเกิดอันตรายถึงชีวิต จึงได้โทรศัพท์บอกนายหนุ่ม (นามสมมุติ) อายุ 30 ปี ซึ่งเป็นพี่ชาย ให้ช่วยนำเงินมามอบให้ชายทั้งสองคนที่ควบคุมตัวตนไว้ แต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้ จึงได้โทรศัพท์ติดต่อญาติอีกหลายคนเพื่อให้ไปบอกพี่ชายตนที่บ้าน จนในที่สุด ตนได้มีโอกาสพูดคุยกับพี่ชายใช้เวลาเกือบ 4 ชั่วโมง ซึ่งระหว่างที่มีการเจรจาพูดคุยกัน ตนได้โอกาสตอนที่ชายคนดังกล่าวเผลอ จึงหยิบใบเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องของรถยนต์คันดังกล่าว ซึ่งระบุหมายเลขทะเบียนรถเอาไว้ จนในที่สุดชายฉกรรจ์ทั้งสองคนสามารถติดต่อกับพี่ชายตนได้ และนำตัวมาปล่อยที่รถยนต์ของตนที่ชายอีกคนขับมาจอดไว้

ด้านนายหนุ่ม (นามสมมุติ) อายุ 31 ปี พี่ชายของนายเล็ก ผู้เสียหาย เล่าว่า หลังจากทราบว่าน้องชายตนถูกจับ ในตอนแรกยังเข้าใจว่าน้องชายตนไปยืมรถเพื่อนแล้วไปก่อเรื่อง ขณะที่คุยโทรศัพท์กับน้องชาย ตนก็ได้บ่นไปว่าดึกดื่นแล้วยังไปก่อเรื่องอีก แต่เมื่อคุยกับน้องชายหลายๆ รอบ จึงเริ่มมั่นใจว่าน้องชายถูกชายที่อ้างตัวเป็นตำรวจจับ จึงพยายามขอพูดคุยกับชายคนดังกล่าวแต่ได้รับการปฏิเสธ ตนจึงแสดงตัวว่าเป็นพี่ชายของน้องชาย และได้รับโอกาสพูดคุยกับชายคนดังกล่าวผ่านข้อความแชททางโทรศัพท์ของน้องชาย แม้ว่าสายโทรศัพท์จะถูกตัดไปหลายครั้ง แต่ก็สามารถติดต่อกันได้ในที่สุด ทราบว่าน้องชายอยู่กับคนที่อ้างตัวเป็นตำรวจ ระหว่างนั้นมีการโทรศัพท์เข้ามาและถูกตัดสายทิ้งหลายครั้ง ทำให้รู้สึกเหมือนถูกบังคับอยู่ว่าถูกตำรวจจับข้อหาเมาแล้วขับ และต้องการให้นำเงิน 20,000 บาท ไปมอบให้ชายทั้งสอง ตนจึงได้แจ้งให้นายอินชัย เตจาบูรณ์ ผู้ใหญ่บ้านตาลใต้ เพื่อขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ฮอด เนื่องจากตนไม่เชื่อว่ากลุ่มคนที่จับตัวน้องชายตนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจริง เพราะไม่มีการนำตัวน้องชายตนส่งสถานีตำรวจ และมีการเรียกร้องเงิน ซึ่งต่อรองกันจนเหลือ 7,000 บาท

เมื่อไปถึงสถานีตำรวจภูธรฮอด เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ช่วยเหลือวางแผนที่จะจับกุมตัวชายทั้งสอง แต่ด้วยความเกรงว่าน้องชายจะได้รับอันตราย นายหนุ่มจึงได้โทรศัพท์ไปหาน้องชาย เพื่อพูดคุยกับชายคนดังกล่าวต่อรองการจ่ายเงินและขอให้ปล่อยตัวน้องชาย โดยได้นัดหมายให้นำเงินไปวางไว้ที่ทางเข้าบ้านดงดำ ต่อมาชายคนดังกล่าวได้แจ้งให้ย้ายจุดส่งเงิน โดยให้นำไปวางไว้ที่ใต้ป้ายวัดดอยอูบแก้ว ต.ฮอด อ.ฮอด เป็นเงินจำนวน 6,000 บาท ซึ่งประกอบด้วยธนบัตรใบละ 500 บาท จำนวน 10 ใบ และธนบัตรใบละ 1,000 บาท จำนวน 1 ใบ รวมกับเงิน 1,000 บาทที่ติดตัวน้องชาย เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 7,000 บาท เมื่อวางเงินแล้ว นายหนุ่มก็ขับรถกลับไปยัง สภ.ฮอด เพื่อรอการปล่อยตัวน้องชาย

ต่อมา นายหนุ่มทราบว่า มีชายอีกคนมารอรับเงิน ส่วนน้องชายตนอยู่ในรถกระบะกับชายอีกคน หลังจากที่ทั้งสองคนได้รับเงิน จึงพาน้องชายมาส่งที่รถซึ่งจอดไว้บนทางเปลี่ยวใกล้กับบ้านดงดำ เมื่อพบน้องชาย ตนกับผู้ใหญ่บ้านจึงพาน้องชายไปลงบันทึกประจำวันที่ สภ.ฮอด ไว้เป็นหลักฐาน

ขณะที่ นายอินชัย เตจาบูรณ์ ผู้ใหญ่บ้านตาลใต้ เปิดเผยว่า หลังจากได้รับแจ้งจากนายหนุ่มว่าน้องชายถูกชายฉกรรจ์ 2 คน อ้างตัวเป็นตำรวจแล้วพาขึ้นรถไปเพื่อเรียกรับเงินค่าปรับข้อหาเมาแล้วขับ ตนจึงสงสัยว่าการกระทำดังกล่าวไม่น่าจะเป็นของเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้พานายหนุ่มไปที่ สภ.ฮอด เพื่อขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจในการติดตามตัวน้องชาย ซึ่งได้มีการวางแผนที่จะให้นายหนุ่มนำเงินไปให้แล้วให้เจ้าหน้าที่เข้าจับกุม แต่นายหนุ่มเกรงว่าน้องชายจะได้รับอันตราย เนื่องจากขณะที่มีการโทรศัพท์ผ่านเครื่องของน้องชาย นายหนุ่มเชื่อว่ากลุ่มชายฉกรรจ์เกรงว่าคนอื่นจะรู้หมายเลขโทรศัพท์ ตลอดระยะเวลาที่มีการต่อรองกัน เหตุการณ์คล้ายกับการถูกจับตัวเรียกค่าไถ่ ซึ่งบางครั้งผู้เสียหายมีโอกาสได้ถือโทรศัพท์และแชทบอกกับพี่ชายว่า “พี่ให้รีบเอาเงินมาให้เขามาก่อนที่จะไม่ได้เห็นหน้ากันอีก” แสดงให้เห็นว่า ระหว่างที่มีการควบคุมตัว ผู้เสียหายถูกกลุ่มชายฉกรรจ์ข่มขู่ตลอดเวลา ทำให้ผู้เสียหายไม่กล้าหลบหนี

ผู้ใหญ่บ้านตาลใต้ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในพื้นที่ดังกล่าวเกิดเหตุการณ์ลักษณะเช่นนี้บ่อยครั้ง ล่าสุดหลังเกิดเหตุการณ์นี้ ซึ่งเกิดขึ้นกับลูกบ้านของตน มีชาวบ้านที่ถูกกระทำในลักษณะคล้ายคลึงกัน ติดต่อให้ข้อมูลกับตนแล้ว 5-6 ราย หลังจากนี้จะได้มีการประสานขอข้อมูลจากผู้เสียหายคนอื่นๆ อีกครั้งว่า เป็นบุคคลกลุ่มเดียวกันที่ก่อเหตุกับนายเล็ก ลูกบ้านของตนหรือไม่

ขณะเดียวกัน พลเมืองดีได้นำคลิปเสียงการเจรจาต่อรอง ระหว่างญาติผู้เสียหายกับหนึ่งในชายฉกรรจ์มามอบให้ ซึ่งข้อความสนทนาแสดงให้เห็นว่า ญาติผู้เสียหายพยายามพูดคุยกับชายคนดังกล่าวว่า “ตอนนี้มีเงินไม่พอ มีเพียง 5,000 บาทเท่านั้น ไม่พอที่จะจ่ายให้ชายที่อ้างตัวเป็นตำรวจได้มากกว่านี้” และพยายามพูดคุยให้ชายคนดังกล่าวส่งตัวผู้เสียหายไปดำเนินคดีที่สถานีตำรวจ และขอไปเสียค่าปรับที่สถานีตำรวจ ทำให้เกิดการถกเถียงกันตลอดระยะเวลาที่มีการพูดจาต่อรองจนไม่สามารถตกลงกันได้