“ ร่วมใจสร้างแนวกันไฟ ต้านไฟป่า สู่การพัฒนาที่ยั่งยืน ”ที่อ่างเก็บน้ำห้วยตึงเฒ่า

เครือข่ายสานต่อการพัฒนาชนบทฯร่วมกับหน่วยทหาร ตำรวจและประชาชนจิตอาสาจัด กิจกรรม “ ร่วมใจสร้างแนวกันไฟ ต้านไฟป่า สู่การพัฒนาที่ยั่งยืน ”ที่อ่างเก็บน้ำห้วยตึงเฒ่า อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่

วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2568 พลตรี ชายแดน กฤษณสุวรรณ รองแม่ทัพภาคที่ 3 ในฐานะรองผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละออง ภาค 3 เปิดกิจกรรม “ ร่วมใจสร้างแนวกันไฟ ต้านไฟป่า สู่การพัฒนาที่ยั่งยืน ”ที่อ่างเก็บน้ำห้วยตึงเฒ่า อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ โดยมี พ.อ. ยรรยง ทิพาปกรณ์ รอง ผอ.รมน.จังหวัด ช.ม.(ท.) พ.อ.วรา อุตรพงศ์ เสนาธิการมณฑลทหารบกที่ 33 เสนาธิการกองพลทหารราบที่ 7 ,รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ และนายกองค์การบริหารส่วนตำบลดอนแก้ว นักศึกษาคณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ตลอดจนประชาชนจิตอาสาเข้าร่วมกิจกรรมกว่า 500 คน

รองแม่ทัพภาคที่ 3 ในฐานะรองผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละออง ภาค 3 กล่าวว่า ปัจจุบันปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองได้สร้างผลกระทบต่อสภาพเศรษฐกิจและสุขภาพของประชาชนและเริ่มมีแนวโน้มสูงขึ้น สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากการผาทางการเกษตร การบุกรุกป่า ซึ่งที่ผ่านมาหน่วยงานต่างๆได้มีมาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาในพื้นที่โดยตลอด ใดยปีนี้เน้นการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน โดยเฉพาะภาคประชาชนในพื้นที่ ซึ่งกิจกรรมในวันนี้ได้ร่วมจากเครือข่ายสานต่อการพัฒนาชนบท สนองแนวพระราชดำริฯ ตลอดจนนิสิตนักศึกษา จากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และประชาชนจิตอาสา เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือไฟป่า ด้วยการจัดทำแนวกันไฟขึ้นที่บริเวณอ่างเก็บน้ำห้วยพึงเฒ่า ซึ่งเป็นพื้นที่สำคัญเนื่องจากเป็นแหล่งท่องเที่ยว และเป็นโครงการตามพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ 10

ทั้งนี้ภายในงานดังกล่าวประธานเครือข่ายสานต่อการพัฒนาชนบท สนองแนวพระราชดำริฯ ได้มอบอุปกรณ์ในการสร้างแนวกันไฟให้กับหน่วยทหารในพื้นที่จำนวน 3 หน่วย และร่วมกันสร้างแนวกันไฟบริเวณพื้นที่ป่าโดยรอบอ่างเก็บน้ำห้วยตึงเฒ่า ระยะทาง 5 กิโลเมตร

กองทัพอากาศร่วมกับกองทัพภาคที่ 3 นำอากาศยาน: BT-67 โปรยน้ำดับไฟในพื้นที่ อ.บ้านโฮ่ง จ.ลำพูน

กองทัพอากาศร่วมกับกองทัพภาคที่ 3 นำอากาศยาน BT-67 สนับสนุนการปฏิบัติภารกิจแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ในพื้นที่เขตป่าสงวนแห่งชาติ อ.บ้านโฮ่ง จังหวัดลำพูน

วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 14.00 น. กองทัพอากาศร่วมกับกองทัพภาคที่ 3 นำอากาศยาน BT-67 สนับสนุนการปฏิบัติภารกิจแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ในพื้นที่เขตป่าสงวนแห่งชาติ อ.บ้านโฮ่ง จังหวัดลำพูน เนื่องจากเกิดไฟป่าติดต่อมาหลายวัน ขณะที่หน่วยงานในจังหวัดเร่งดับไฟอย่างต่อเนื่อง โดยปัญหาที่พบเกิดจากบริเวณดังกล่าวเป็นภูเขาสูงชัน ยากต่อการเข้าควบคุมไฟ และเกินขีดความสามารถของเจ้าหน้าที่ภาคพื้นในการเข้าควบคุมไฟป่า

ทั้งนี้กองทัพอากาศ ได้ส่งเครื่องบินลำเลียงแบบที่ 2 ก. (BT-67) จำนวน 1 เครื่อง จากกองบิน 46 จ.พิษณุโลก บินโปรยน้ำและสารควบคุมไฟป่า เพื่อสร้างแนวกันไฟที่มีทิศทางเข้าหาชุมชน รวมถึงเพื่อดับไฟอันเป็นสาเหตุของการเกิดปัญหาฝุ่นละอองในอากาศ

อากาศยานแบบ BT-67 ถือเป็นเครื่องบินบรรเทาสาธารณภัย มีภารกิจหลักในการลำเลียง ทำฝนหลวง และ ช่วยดับไฟป่า  BT-67 ใช้เครื่องยนต์เทอร์ โบพรอป Pratt & Whitney PT6-67R ให้กำลัง 1,424 แรงม้า จำนวน 2 เครื่อง เพดานบิน: 25, 000 ฟุต ความเร็วสูงสุด: 398 กม./ชม. มีการเปลี่ยนระบบเครื่องวัด ระบบสื่อสารไฟฟ้า เชื้อเพลิง ฐานล้อ ระบบไฮดรอลิก เบรกและยางเป็นแบบใหม่ที่ทันสมัย ยืดลำตัวส่วนหน้าออกไปอีก 1 เมตร เปลี่ยนพื้นบังคับจากผ้าใบเป็นเหล็กทั้งหมด ซึ่งได้มารตฐาน จาก FAA และกองทัพสหรัฐฯ

ขณะที่ตลอดทั้งวันเกิดจุดความร้อนในพื้นที่ภาคเหนือจำนวน 841 จุด สูงสุดที่ จังหวัดลำปาง จำนวน 198 จุด รองลงมาคือ จังหวัดตาก จำนวน 128 จุด และ จังหวัดอุตรดิตถ์ จำนวน 83 จุด ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ จำนวน 419 จุด รองลงมาคือ ป่าสงวนฯ จำนวน 337 จุด และ เขต สปก. จำนวน 45 จุด ส่งผลให้ค่าฝุ่นเกินเกณฑ์มาตรฐานแล้ว 15 จังหวัด สูงสุดที่ ต.บ้านต๋อม อ.เมือง จังหวัดพะเยา. 88.20 มคก./ลบ.ม.

น่องเหล็กกว่า 1,500 คน ร่วมงานอินทนนท์ คนพันธุ์อึด Inthanon Challenge ครั้งที่ 16

สมาคมจักรยานเพื่อสุขภาพจอมทอง จัดกิจกรรมแข่งขันปั่นพิชิตอินทนนท์ คนพันธุ์อึด Inthanon Challenge ครั้งที่ 16 เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงกีฬาและอนุรักษ์ธรรมชาติของพื้นที่อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ มีนักปั่นน่องเหล็กพิชิตดอยอินทนนท์กว่า 1,500 คนร่วมแข่งขัน

นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม ผู้ช่วยรัฐมนตรีท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมด้วยนายสุรพลเกียรติ ไชยากร ที่ปรึกษารัฐมนตรีท่องเที่ยวและกีฬา ได้เป็นประธานพิธีเปิดการแข่งขันปั่นจักรยานพิชิตอินทนนท์ คนพันธุ์อึด Inthanon Challenge ครั้งที่ 16 ซึ่งสมาคมจักรยานเพื่อสุขภาพจอมทอง ได้จัดขึ้น เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงกีฬาและอนุรักษ์ธรรมชาติของพื้นที่อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ ซึ่งเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในประเทศไทย โดยมีนักปั่นทั้งมือสมัครเล่นและมืออาชีพเข้าร่วมแข่งขัน ระยะทางที่ยาวและเส้นทางขึ้นเขาที่มีความชันสูง ซึ่งในการจัดงาน INTHANON CHALLENGE ได้มีการแบ่งกลุ่ม นักปั่นจักรยานเป็น 3 กลุ่ม ประกอบด้วย 1. กลุ่มแข่งขัน Race เพื่อความเป็นเลิศด้านกีฬา ระยะ 48 กม. ซึ่งได้รับการรับรองการจัดการแข่งขันจากสมาคมกีฬาจักรยานแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมป์ 2. กลุ่มท้าทายตนเอง Challenge ระยะทาง 48 กม. เพื่อสร้างสถิติของตนเองเอาชนะใจตนเอง ในการฝึกฝน 3. กลุ่มปั่นท่องเที่ยวอินทนนท์ ระยะทาง 31 กม.โดยจะมีนักปั่นจักรยานกว่า 1,500 คนร่วมกิจกรรม

ทั้งนี้ กิจกรรมดังกล่าวได้รับความสนใจจากนักปั่นทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งนอกจากจะช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์การท่องเที่ยวแล้ว ยังเป็นการสร้างความตระหนักถึงการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่ทั้งยังได้สร้างความสนุกสนานและความภูมิใจให้แก่ผู้เข้าร่วมงานที่สามารถพิชิตยอดดอยอินทนนท์ได้สำเร็จ พร้อมทั้งเสริมสร้างการท่องเที่ยวกีฬาในจังหวัดเชียงใหม่อย่างยั่งยืน

ฮ.ปภ.32 บินสนับสนุนจังหวัดเชียงใหม่ ดับไฟป่าดอยเต่า

วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 09.00 น. ศูนย์ควบคุมอากาศยานและดับไฟป่า ศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองภาค 3 ส่วนหน้า รายงานว่า ชุดปฏิบัติการบิน ฮ.ปภ.32 เตรียมขึ้นบินสนับสนุนจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ อำเภอดอยเต่า จังหวัดเชียงใหม่

เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวเป็นภูเขาสูงเข้าถึงยากลำบาก และ สถานการณ์ไฟป่าในพื้นที่ไหม้ติดต่อกันมาหลายวัน ประกอบกับ เมื่อ 15 ก.พ.68 เวลา 20.30 น. จังหวัดเชียงใหม่ โดยสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงใหม่และสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเชียงใหม่ ได้ประสานขอใช้อากาศยานดับไฟป่า KA-32 เพื่อแก้ไขปัญหา

ทั้งนี้ก่อนขึ้นบินจะร่วมประชุมกับฝ่ายปกครองของอำเภอดอยเต่าเพื่อรับทราบสถานการณ์ก่อนขึ้นดับไฟควบคู่กับหน่วยทางภาคพื้นที่ยังคงปฏิบัติหน้าที่อย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตามอากาศยานดับไฟป่า KA-32 ยังคงให้การสนับสนุนการปฏิบัติภารกิจแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือร่วมกับกองทัพภาคที่ 3 อย่างต่อเนื่องจนกว่าสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควันภาคเหนือจะไม่ส่งผลกระทบกับประชาชนในพื้นที่

ศึกแย่งน้ำชาวนา-สวนส้ม อ.แม่อาย สั่งให้รื้อท่อดักน้ำภายใน 15 วันตามคำสั่งศาลก่อนหน้านี้

ศึกแย่งน้ำชาวนา-สวนส้ม อ.แม่อายร้อนระอุอีกครั้ง หน.อุทยานฯสั่งรื้อท่อดักน้ำของสวนส้มที่เป็นปมขัดแย้งมานานนับทศวรรษตามคำสั่งศาลปกครองใน 15 วัน ฝั่งสวนส้มยังคาใจและขอผ่อนปรนต่อพร้อมสร้างเงื่อนไขต่อรองค้านสร้างอ่างเก็บน้ำ ถกจนวุ่นที่ประชุม

เชียงใหม่ 14 ก.พ.- ที่ห้องประชุมมะลิกาที่ว่าการ อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ วันที่ 13 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา นางสาวพัฒน์นภา พานมะ ปลัดอำเภอหัวหน้ากลุ่มงานบริหารงานปกครอง เป็นประธานการประชุมการแก้ไขปัญหาการใช้น้ำในพื้นที่ป่าต้นน้ำแม่สาว ในเขตอุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปก ตำบลแม่สาว อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีผู้เกี่ยวข้องทั้ง นายนพรัตน์ นวลอนงค์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปก ผู้ประกอบการสวนส้มกับชาวนาในพื้นที่เกี่ยวกับปัญหาพิพาทมาตั้งแต่ปี 2559 เรื่องการใช้น้ำกรณีการรื้อถอนท่อ pvc ที่กระทำผิดกฎหมายในเขตอุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปก อันสืบเนื่องมาจากคดีที่ศาลปกครอง จ.เชียงใหม่พิพากษา ให้เจ้าหน้าที่อุทยานฯ ทำการรื้อถอนท่อออกจากเขตอุทยานฯ หลังมีคำพิพากษาถึงที่สุดภายใน 30 วัน ก่อนหน้านี้ตั้งแต่ปี 2567 ล่าสุดนายนพรัตน์ นวลอนงค์ หน.อุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปก อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ ได้ปิดประกาศหนังสือให้ผู้ประกอบการสวนส้มในเขตอุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปก ให้ทำการรื้อถอนท่อ pvc ที่วางท่อดักน้ำในเขตอุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปกที่ผิดกฎหมายมีกำหนด 15 วัน นับตั้งแต่วันที่ 3-18 ก.พ.68 หลังจากนั้นถ้ายังไม่มีการรื้อถอนท่อออกจากเขตอุทยานฯ ทางเจ้าที่จะเข้าทำการรื้อถอนท่อออกเอง โดยจะต้องคิดค่ารื้อถอนจากเจ้าของสวนส้มที่ยังไม่ดำเนินการใดๆตามคำสั่งของเจ้าหน้าที่อุทยานฯ โดนยืนยันต่อที่ประชุมว่า หลังจากได้ย้ายมาดำรงตำแหน่งหัวหน้าอุทยานฯ เมื่อปลายปี 2567 ก็มาขึ้นศาลปกครองด้วยตนเองช่วงเดือนธันวาคมจนล่าสุดได้ออกประกาศเรื่องนี้ให้มีผล 15 วันในการรื้อถอนท่อดังกล่าวตามคำพิพากษาของศาล

นายวิชัย วงค์หลวง ประธานกลุ่มผู้ประกอบการสวนส้ม กล่าวว่า เข้าใจกระบวนการยุติธรรม แต่อยากจะขอทางอุทยานฯ ผ่อนปรน การวางท่อใช้น้ำไปก่อนไม่เช่นนั้นสวยส้มเขาจะตาย โดยให้ปฏิบัติตาม mou ที่เคยตกลงกันไว้จะได้หรือไม่ และกลุ่มผู้ประกอบการสวนส้ม ขอให้ทางอำเภอผ่อนปรนการรื้อถอนไปก่อน

ด้านนายเสถียร มณีผ่อง ประธานกลุ่มผู้ใช้น้ำแม่สาว กล่าวว่า mou ที่ทำกับทางอำเภอไว้มันหมดเวลาผ่อนปรนไปตั้งแต่เดือนธันวาคม 2567 แล้ว

ทั้งนี้ปลัดอาวุโส อ.แม่อายกล่าวว่า ห้วงเวลาผ่านมาเกือบ 10 ปี มันเลยเวลาที่จะไกล่เกลี่ยไปแล้ว วันนี้ศาลสั่งจึงมีความจำเป็นต้องปฏิบัติไปตามกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม  ในขณะที่ประชุมเป็นเวลานานในการชี้แจงโดยเฉพาะกลุ่มผู้ก่อการสวนส้มที่พยายามจะขอผ่อนปรนต่อไปอีก อีกทั้งพยายามโยงไปถึงเรื่องโครงการสร้างอ่างเก็บน้ำแม่สาว ที่รัฐบาลให้กรมชลประทานทำการศึกษาเพื่อดำเนินการอยู่ โดยนายวรเชษฐ์ เขื่อนคำ รองประกลุ่มผู้ประกอบการสวนส้มกล่าวว่า ตัวเขาเองได้พูดคุยกับหน.อุทยานฯ ในการสร้างอ่างเก็บน้ำแม่สาว โดยยกเอาคำพูดของ หน.อุทยานฯ มาระบุว่า ถ้าไม่มีเรื่องขัดแย้งก็สามารถเดินหน้าสร้างอ่างเก็บน้ำแม่สาวได้เพื่อให้ทุกคนอยู่ร่วมกันได้ แต่ยังมีข้อขัดแย้งแบบนี้ก็สร้างอ่างเก็บน้ำไม่ได้ เช่นดียวกับ น.ส.ชลธร เรือนเงิน กรรมการกลุ่มผู้กำกับการสวนส้มอีกคนกล่าวเสริมว่า เรื่องอ่างเก็บน้ำก็ไม่เป็นอันต้องสร้างแล้ว

ด้านนายสมศักดิ์ เขื่อนแก้ว เลขานุการกลุ่มผู้ใช้น้ำกล่าวว่า จริงๆแล้วคนที่จะดิ้นรนสร้างอ่างเก็บน้ำแม่สาวคือกลุ่มผู้ประกอบการสวนส้มเพราะไม่มีแหล่งน้ำเป็นของตนเอง แต่กลับเอาอ่างเก็บน้ำมาเป็นตัวประกันในเรื่องนี้ นั่นก็เท่ากับว่า ถ้าชาวนาคัดค้านการวางท่อในเขตอุทยานฯ กลุ่มสวนส้มก็จะมีการต่อต้านเรื่องการสร้างอ่างเก็บน้ำ มันสวนทางกันกับความต้องการของตัวเองที่มีความต้องการใช้น้ำมากกว่า

โดยที่ประชุมใช้เวลาถกเถียงกันไม่มีข้อยุติสุดท้ายต่างฝ่ายก็เดินออกห้องประชุมทำให้ต้องเลิกประชุมในครั้งนี้โดยปริยายซึ่งทางด้าน เลขานุการผู้ใช้น้ำแม่สาวได้กล่าวหลังประชุมว่า เกือบ 3 ทศวรรษที่ผ่าน ชาวนาสองตำบลของอำเภอแม่อายกว่า 600 ครัวเรือนจำนวนกว่าสองพันคน ได้รับผลกระทบจากการแย่งน้ำของผู้ประกอบการสวนส้มซึ่งไปวางท่อดักน้ำที่ต้นน้ำลำธารในเขตอุทยานฯ ซึ่งอำนาจรัฐไม่สามารถจัดการกับพวกนายทุนเหล่านี้ได้มีการหารือแก้ปัญหามาตลอดแต่ไม่ได้ข้อยุติมีเงื่อนไขตลอดมาเช่นการประชุมวันนี้ แต่ต้องขอชื่นชมปลัดอาวุโส อ.แม่อายและหัวหน้าอุทยานดอยผ้าห่มปก ที่ปฎิบัติหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา โดยไม่เกรงกลัวต่ออิทธิพลใดๆ ไม่ใช่เพราะเป็นคำสั่งศาลเท่านั้น ซึ่งก่อนหน้านั้นก็มีคำสั่งรื้อถอนที่ 56-172/2562 ลงวันที่ 9 สิงหาคม 2562 มีแต่คำสั่งแต่ไม่มีการรื้อถอน คดีที่อุทธรณ์ต่อศาลปกครองสุงสุด จำนวน 65 คดี ศาลปกครองสูงสุดไม่รับไว้พิจารณาและคดีที่ไม่อุทธรณ์อีก 21 คดี ผ่านมาหลายปีไม่มีเจ้าหน้าที่กล้ารื้อถอน จนมาวันนี้ทั้งสองท่านกล้าทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาเพื่อดับทุกข์แก่ชาวบ้านอย่างเท่าเทียม และต้องติดตามดูว่าครบ 15 วันวันที่ 18 กุมภาพันธ์นี้ทางผู้ประกอบการสวนส้มจะทำการรื้อถอนเองหรือไม่

ผาเมือง ปะทะกลุ่มขบวนการลำเลียงยาเสพติด ยึดยาบ้า 7แสนเม็ด

กองกำลังผาเมือง ปะทะกลุ่มขบวนการลักลอบลำเลียงยาเสพติด ยึดยาบ้า 700,000 เม็ด ในบริเวณพื้นที่ ช่องทางดอยอุ่น บ้านขุนมาว ตำบลม่อนปิ่น อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่

เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 09.00 นาฬิกา กองกำลังผาเมือง โดย พลตรี กิดากร จันทรา ผู้บัญชาการกองกำลังผาเมือง มอบหมายให้ พันเอก ฐานพัฒน์ แสงนาค รองผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจไชยานุภาพ เป็นผู้แทน ผู้บัญชาการกองกำลังผาเมือง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุและตรวจนับของกลาง พร้อมทั้งชี้แจงให้ข้อมูลกับสื่อมวลชนบริเวณพื้นที่เกิดเหตุ

กรณี เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 15.00 น. กองร้อยทหารม้าที่ 4 หน่วยเฉพาะกิจไชยานุภาพ จัดกำลังพล 1 ชุดปฏิบัติการ ปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนเฝ้าตรวจเพื่อป้องกัน และสกัดกั้นการกระทำผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติด บริเวณ ช่องทางดอยอุ่น บ้านขุนมาว ตำบลม่อนปิ่น อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ ตรวจพบกลุ่มบุคคลต้องสงสัยสะพายเป้ ประมาณ 5 – 6 คน จึงได้แสดงตัวเพื่อขอทำการตรวจค้น แต่กลุ่มบุคคลดังกล่าวได้ใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิด และขนาดยิงใส่ฝ่ายเรา ทำให้เกิดการปะทะกันประมาณ 10 นาที ผลการปะทะฝ่ายเราปลอดภัย ไม่พบกลุ่มขบวนการฯ หน่วยได้เข้าตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุเพิ่มเติม

จากการตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุ พบกระสอบดัดแปลงเป็นเป้สะพายหลัง จำนวน 4 กระสอบ ภายในบรรจุยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) รวมประมาณ 700,000 เม็ด ไม่พบกลุ่มขบวนการฯ บาดเจ็บหรือเสียชีวิต ปัจจุบันหน่วยได้นำของกลางทั้งหมดส่ง สถานีตำรวจภูธรฝาง เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

.

ส่ง 20 ชุดปฏิบัติการ จำนวน 200 นาย ลาดตระเวนดับไฟป่าเชียงใหม่

ศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองภาค 3 ส่วนหน้า( ศอ.ปกป.ภาค 3 สน. )ส่งมอบชุดปฏิบัติการลาดตระเวนดับไฟป่า 20 ชุดปฏิยัติการ จำนวน 200 นาย ลงพื้นที่ในการป้องกันและบรรเทาปัญหาความรุนแรงของไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็กทั้งในพื้นที่เปราะบาง รอยต่อระหว่างจังหวัด และพื้นที่เผาไหม้ซ้ำซาก เพื่อลาดตระเวนป้องกันปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่

วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 13.00 น.ที่ สนามกีฬารามัญวงศ์ พล.ร.7 อ.แม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ พลตรีชายแดน กฤษณสุวรรณ รองผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองภาค 3 ศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองภาค 3 ส่วนหน้า เป็นประธานพิธีส่งมอบชุดปฏิบัติการลาดตระเวนดับไฟป่าในพื้นที่ จังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 20 ชุดปฏิยัติการ จำนวน 200 นาย ให้กับนายศิวกร บัวป้อง รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ โดยมี พ.อ. ยรรยง ทิพาปกรณ์ รอง ผอ.รมน.จังหวัด ช.ม.(ท.) นายกริชสยาม คงสตรี ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 ,นายปิยะพงษ์ ประพันธ์วัฒนะ ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเชียงใหม่ และผู้แทนจากสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงใหม่ เข้าร่วม เพื่อลงพื้นที่ในการป้องกันและบรรเทาปัญหาความรุนแรงของไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็กทั้งในพื้นที่เปราะบาง รอยต่อระหว่างจังหวัด และพื้นที่เผาไหม้ซ้ำซาก ตลอดจนบรรเทาความเสียหายที่เกิดขึ้นจากไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็กในห้วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนพฤษภาคม 2568

โดยชุดปฏิบัติการดังกล่าวเป็นการบูรณาการกำลังจากหน่วยงานทหาร กรมป่าไม้ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช อาสาสมัครพลเรือน และกำลังจิตอาสาที่อยู่ในแต่ละชุมชนทั้ง 25 อำเภอของจังหวัดเชียงใหม่

ด้านนายศิวกร บัวป้อง รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่กล่าวว่า ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองได้สร้างความเสียหายให้แก่ชาวจังหวัดเชียงใหม่และพื้นที่ภาคเหนือตอนบน ทั้งด้านเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และที่สำคัญคือปัญหาสุขภาพ ดังนั้นจึงเป็นวาระอันสำคัญยิ่งที่เราจะร่วมมือกันทุกหน่วยงานเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้ยุติโดยเร็วที่สุด ทั้งนี้ต้องขอบคุณทางศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองภาค 3 ส่วนหน้าที่เห็นความสำคัญในปัญหาดังกล่าว และได้บูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกรมป่าไม้ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช อาสาสมัครพลเรือน ตลอดจนกำลังจิตอาสาที่จัดชุดลาดตระเวนดับไฟป่า จำนวนทั้ง 42 ชุดปฏิบัติการ ที่จะเข้าปฏิบัติงานตั้งแต่เดือน ก.พ. ไปจนถึงเดือน พ.ค. ครั้งนี้หวังว่าปัญหาไฟป่าหมอกควันในจังหวัดเชียงใหม่จะเบาบางจนไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนในจังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดใกล้เคียง

ฮ.กระทรวงทรัพย์ฯโปรยน้ำทางอากาศ กำลังภาคพื้นดินเข้าดับไฟซ้ำ ดอยเต่า

ศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละออง ภาค 3 ส่วนหน้า รายงานจุดความร้อน (Hotspot) ประจำวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2568 (รอบบ่าย) ข้อมูลจาก suomi-NPP เวลา 13.05 น. จำนวน 9 จุด ประกอบด้วย ฮอด 6 จุด ดอยเต่า 3 จุด ฮ.กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมโปรยน้ำทางอากาศ กำลังภาคพื้นดินเข้าไปดับซ้ำ ฮอด+ดอยเต่า
ศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละออง ภาค 3 ส่วนหน้า รายงานว่า วันนี้ 12 ก.พ.68 ฮ.H.130 ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ยังคงเข้าปฎิบัติการดับไฟต่อเนื่องจากเมื่อวานร่วมกับอากาศยาน ka -32 และหน่วยงาน ปกครองอำเภอดอยเต่า จนท.อส อุทยานฯ และเครือข่ายภาคพื้นดิน เพื่อปฎิบัติการ ดับไฟในพื้นที่ ต.โป่งทุ่งและตำบลมืดกา อ.ดอยเต่า จ.เชียงใหม่
ขณะที่ กรมทหารราบที่ 7 (ร.7 )ได้ทำการฝึกตรวจสอบเป็นหน่วยกองร้อย ประจำปี 2568 บริเวณพื้นที่ฝึกยิงปืนใหญ่ มทบ.33 ต.สบเตี๊ยะ อ.จอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ ช่วงเวลาประมาณ 0800 น. ได้สังเกตเห็นกลุ่มควันไฟขึ้นที่หน้าดอย จึงได้ประสานกับ เจ้าหน้าที่อุทยานออบหลวง,สถานีดับไฟป่าจอมทอง,ชาวบ้านในพื้นที่ ม.8,ม.11,ม.14 ต.สบเตี๊ยะ อ.จอมทอง ขึ้นไปตรวจสอบพื้นที่ดังกล่าว ปรากฎว่าจุดที่พบไฟไหม้ป่า พิกัด 47Q MA 628278 จึงได้จัดกำลังทหารร่วมกับเน้าหน้าที่ป่าไม้ทำการเป่าแนวกันไฟ ดับไฟ และสามารถดับไฟได้ในเวลา 14.20 น.

วัดพระธาตุศรีจอมทองสรงน้ำพระธาตุวันมาฆบูชา

วัดพระธาตุศรีจอมทอง สืบสานประเพณีสรงน้ำพระบรมธาตุศรีจอมทองเดือน ห้า เป็ง ในวันวันมาฆบูชา โดยมีพุทธศาสนิกชนและชาวบ้านนับพันคนเข้าร่วมพิธีสรงน้ำพระธาตุ

พระสุวรรณเมธี รอง เจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่ , เจ้าอาวาสวัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร, พระศรีศิลปาจารย์ ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 7, พร้อมด้วยผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร, พระภิกษุ, สามเณร นายสุรพล เกียรติไชยากร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา อุบาสกอุบาสิกา ได้ร่วมกันอาราธนาพระทักษิณโมลีธาตุเสด็จออกพรรษา จากมณฑปปราสาท เข้าขบวนแห่ตามประเพณี เพื่อไปรับภัตตาหาร ณ พระอุโบสถ เสร็จแล้ว กลับมายังพระวิหารหลวง อัญเชิญลงโกศสรงน้ำ อาราธนาเสด็จลงหอล้อม (ห้องสรงน้ำพระบรมธาตุเจ้า) เพื่อขอโอกาสสรงน้ำตามประเพณี จากนั้นเปิดให้ศรัทธาประชาชนสรงน้ำ พระทักษิณโมลีธาตุ โดยเปิดโอกาสให้คณะศรัทธาประชาชนได้สรงน้ำพระทักขิณโมลีธาตุได้ ตามประเพณีโบราณ หรือที่เรียกกันว่าสรงน้ำพระธาตุ เดือนห้าเป็ง หรือวันออกพรรษาพระธาตุ ซึ่งมีพุทธศาสนิกชนนันพันร่วมพิธีและสรงน้ำองค์พระธาตุเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตนเองและคนในครอบครัวในวันมาฆบูชา

สำหรับประเพณีสรงน้ำพระธาตุเดือนห้าเป็ง ที่วัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร จะตรงกับวันมาฆบูชาชองทุกปี ซึ่งโบราณถือว่า งานสรงน้ำพระธาตุ เดือนห้าเป็งจะศักดิ์สิทธิ์ และเป็นมงคลกับชีวิต เพราะได้สรงน้ำพระธาตุ องค์จริง หากเป็นพิธีสรงน้ำพระธาตุ เดือนอื่นจะเป็นการสรงน้ำพระธาตุองค์จำลอง ทำให้มีชาวบ้านมาร่วม พิธีสรง น้ำพระธาตุในวันนี้กันอย่างคับคั่ง

อำเภอเมืองเชียงใหม่จับร้านไม่มีใบอนุญาตขายเหล้า 3 แห่ง

เจ้าหน้าที่อำเภอสนธิกำลังออกตรวจจับร้านไม่มีใบอนุญาตขายเหล้า 3 แห่ง อ.เมืองเชียงใหม่ ออกตรวจสถานประกอบการตามได้รับร้องเรียน พร้อมเตือนอีกร้านให้ปรับปรุงเรื่องเสียงดังรบกวน

วันที่ 11 ก.พ. 68 เวลา 19.00 น. นายณัชฐเดช มุลาลี นายอำเภอเมืองเชียงใหม่ ได้มอบหมายให้ นางสาวปรียารัตน์ อธิกคีรีพงศ์ และนางสาวภิญญาพัชญ์ สรณวัชรเอกกากุล ปลัดอำเภอเมืองเชียงใหม่ พร้อมด้วย สมาชิกกองอาสารักษาดินแดนอำเภอเมืองเชียงใหม่ที่ 2 บูรณาการร่วมกับ เทศบาลตำบลป่าแดด เทศบาลตำบลช้างเผือก สภ.เมืองเชียงใหม่ สภ.ช้างเผือก ลงพื้นที่ตรวจสอบเรื่องร้องเรียนสถานประกอบการ รวม 5 แห่ง ได้แก่ ร้าน Milk Club ร้าน Back club ร้าน ส.ส.ร. ร้านเสือเฒ่า และ ร้านนั่งเล่น

ที่ร้าน Milk Club เจ้าหน้าที่ได้ ตรวจใบอนุญาตต่างๆ และการปฏิบัติตามระเบียบกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และได้แจ้งให้เจ้าของร้าน/ผู้จัดการทำการปรับปรุงแก้ไขปัญหาตามข้อร้องเรียนเรื่องเสียงดังรบกวนและให้ปฎิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง อาทิ เน้นย้ำและกำชับให้เปิด-ปิด ตามเวลาที่กฏหมายกำหนด ห้ามมิให้ผู้มีอายุต่ำกว่ากฏหมายกำหนดเข้าใช้บริการ การควบคุมเรื่องเสียงดนตรี และเสียงจากผู้มาใช้บริการไม่ให้เกิดเสียงดังรบกวนผู้พักอาศัยโดยรอบ ทั้งในเวลาให้บริการและหลังจากปิดให้บริการ

สำหรับ ร้าน ส.ส.ร. , ร้านเสือเฒ่า และ ร้านนั่งเล่น เจ้าหน้าที่ตรวจพบการกระทำผิดกฎหมาย ทั้ง 3 ร้าน โดยไม่มีใบอนุญาตจำหน่ายสุรา และพบผู้เข้าใช้บริการและนั่งดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ภายในร้านจำนวนมาก เจ้าหน้าจึงได้จับกุม ในข้อหา “จำหน่ายแอลกอฮอล์ โดยไม่ได้รับอนุญาต ” ตามพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2560 ส่วน ร้าน Back club ได้ปิดทำการแล้ว

ทั้งนี้ อำเภอเมืองเชียงใหม่ และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง จะได้ตรวจสอบและเข้มงวดในการดูแลเรื่องใบอนุญาตและการปฎิบัติตามกฎหมายที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของเจ้าพนักงานท้องถิ่นที่เกี่ยวข้อง ซึ่งหากพบว่ามีสถานประกอบการใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามจะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป