ฮ.กระทรวงทรัพย์ฯโปรยน้ำทางอากาศ กำลังภาคพื้นดินเข้าดับไฟซ้ำ ดอยเต่า

ศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละออง ภาค 3 ส่วนหน้า รายงานจุดความร้อน (Hotspot) ประจำวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2568 (รอบบ่าย) ข้อมูลจาก suomi-NPP เวลา 13.05 น. จำนวน 9 จุด ประกอบด้วย ฮอด 6 จุด ดอยเต่า 3 จุด ฮ.กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมโปรยน้ำทางอากาศ กำลังภาคพื้นดินเข้าไปดับซ้ำ ฮอด+ดอยเต่า
ศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละออง ภาค 3 ส่วนหน้า รายงานว่า วันนี้ 12 ก.พ.68 ฮ.H.130 ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ยังคงเข้าปฎิบัติการดับไฟต่อเนื่องจากเมื่อวานร่วมกับอากาศยาน ka -32 และหน่วยงาน ปกครองอำเภอดอยเต่า จนท.อส อุทยานฯ และเครือข่ายภาคพื้นดิน เพื่อปฎิบัติการ ดับไฟในพื้นที่ ต.โป่งทุ่งและตำบลมืดกา อ.ดอยเต่า จ.เชียงใหม่
ขณะที่ กรมทหารราบที่ 7 (ร.7 )ได้ทำการฝึกตรวจสอบเป็นหน่วยกองร้อย ประจำปี 2568 บริเวณพื้นที่ฝึกยิงปืนใหญ่ มทบ.33 ต.สบเตี๊ยะ อ.จอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ ช่วงเวลาประมาณ 0800 น. ได้สังเกตเห็นกลุ่มควันไฟขึ้นที่หน้าดอย จึงได้ประสานกับ เจ้าหน้าที่อุทยานออบหลวง,สถานีดับไฟป่าจอมทอง,ชาวบ้านในพื้นที่ ม.8,ม.11,ม.14 ต.สบเตี๊ยะ อ.จอมทอง ขึ้นไปตรวจสอบพื้นที่ดังกล่าว ปรากฎว่าจุดที่พบไฟไหม้ป่า พิกัด 47Q MA 628278 จึงได้จัดกำลังทหารร่วมกับเน้าหน้าที่ป่าไม้ทำการเป่าแนวกันไฟ ดับไฟ และสามารถดับไฟได้ในเวลา 14.20 น.

วัดพระธาตุศรีจอมทองสรงน้ำพระธาตุวันมาฆบูชา

วัดพระธาตุศรีจอมทอง สืบสานประเพณีสรงน้ำพระบรมธาตุศรีจอมทองเดือน ห้า เป็ง ในวันวันมาฆบูชา โดยมีพุทธศาสนิกชนและชาวบ้านนับพันคนเข้าร่วมพิธีสรงน้ำพระธาตุ

พระสุวรรณเมธี รอง เจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่ , เจ้าอาวาสวัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร, พระศรีศิลปาจารย์ ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 7, พร้อมด้วยผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร, พระภิกษุ, สามเณร นายสุรพล เกียรติไชยากร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา อุบาสกอุบาสิกา ได้ร่วมกันอาราธนาพระทักษิณโมลีธาตุเสด็จออกพรรษา จากมณฑปปราสาท เข้าขบวนแห่ตามประเพณี เพื่อไปรับภัตตาหาร ณ พระอุโบสถ เสร็จแล้ว กลับมายังพระวิหารหลวง อัญเชิญลงโกศสรงน้ำ อาราธนาเสด็จลงหอล้อม (ห้องสรงน้ำพระบรมธาตุเจ้า) เพื่อขอโอกาสสรงน้ำตามประเพณี จากนั้นเปิดให้ศรัทธาประชาชนสรงน้ำ พระทักษิณโมลีธาตุ โดยเปิดโอกาสให้คณะศรัทธาประชาชนได้สรงน้ำพระทักขิณโมลีธาตุได้ ตามประเพณีโบราณ หรือที่เรียกกันว่าสรงน้ำพระธาตุ เดือนห้าเป็ง หรือวันออกพรรษาพระธาตุ ซึ่งมีพุทธศาสนิกชนนันพันร่วมพิธีและสรงน้ำองค์พระธาตุเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตนเองและคนในครอบครัวในวันมาฆบูชา

สำหรับประเพณีสรงน้ำพระธาตุเดือนห้าเป็ง ที่วัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร จะตรงกับวันมาฆบูชาชองทุกปี ซึ่งโบราณถือว่า งานสรงน้ำพระธาตุ เดือนห้าเป็งจะศักดิ์สิทธิ์ และเป็นมงคลกับชีวิต เพราะได้สรงน้ำพระธาตุ องค์จริง หากเป็นพิธีสรงน้ำพระธาตุ เดือนอื่นจะเป็นการสรงน้ำพระธาตุองค์จำลอง ทำให้มีชาวบ้านมาร่วม พิธีสรง น้ำพระธาตุในวันนี้กันอย่างคับคั่ง

อำเภอเมืองเชียงใหม่จับร้านไม่มีใบอนุญาตขายเหล้า 3 แห่ง

เจ้าหน้าที่อำเภอสนธิกำลังออกตรวจจับร้านไม่มีใบอนุญาตขายเหล้า 3 แห่ง อ.เมืองเชียงใหม่ ออกตรวจสถานประกอบการตามได้รับร้องเรียน พร้อมเตือนอีกร้านให้ปรับปรุงเรื่องเสียงดังรบกวน

วันที่ 11 ก.พ. 68 เวลา 19.00 น. นายณัชฐเดช มุลาลี นายอำเภอเมืองเชียงใหม่ ได้มอบหมายให้ นางสาวปรียารัตน์ อธิกคีรีพงศ์ และนางสาวภิญญาพัชญ์ สรณวัชรเอกกากุล ปลัดอำเภอเมืองเชียงใหม่ พร้อมด้วย สมาชิกกองอาสารักษาดินแดนอำเภอเมืองเชียงใหม่ที่ 2 บูรณาการร่วมกับ เทศบาลตำบลป่าแดด เทศบาลตำบลช้างเผือก สภ.เมืองเชียงใหม่ สภ.ช้างเผือก ลงพื้นที่ตรวจสอบเรื่องร้องเรียนสถานประกอบการ รวม 5 แห่ง ได้แก่ ร้าน Milk Club ร้าน Back club ร้าน ส.ส.ร. ร้านเสือเฒ่า และ ร้านนั่งเล่น

ที่ร้าน Milk Club เจ้าหน้าที่ได้ ตรวจใบอนุญาตต่างๆ และการปฏิบัติตามระเบียบกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และได้แจ้งให้เจ้าของร้าน/ผู้จัดการทำการปรับปรุงแก้ไขปัญหาตามข้อร้องเรียนเรื่องเสียงดังรบกวนและให้ปฎิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง อาทิ เน้นย้ำและกำชับให้เปิด-ปิด ตามเวลาที่กฏหมายกำหนด ห้ามมิให้ผู้มีอายุต่ำกว่ากฏหมายกำหนดเข้าใช้บริการ การควบคุมเรื่องเสียงดนตรี และเสียงจากผู้มาใช้บริการไม่ให้เกิดเสียงดังรบกวนผู้พักอาศัยโดยรอบ ทั้งในเวลาให้บริการและหลังจากปิดให้บริการ

สำหรับ ร้าน ส.ส.ร. , ร้านเสือเฒ่า และ ร้านนั่งเล่น เจ้าหน้าที่ตรวจพบการกระทำผิดกฎหมาย ทั้ง 3 ร้าน โดยไม่มีใบอนุญาตจำหน่ายสุรา และพบผู้เข้าใช้บริการและนั่งดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ภายในร้านจำนวนมาก เจ้าหน้าจึงได้จับกุม ในข้อหา “จำหน่ายแอลกอฮอล์ โดยไม่ได้รับอนุญาต ” ตามพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2560 ส่วน ร้าน Back club ได้ปิดทำการแล้ว

ทั้งนี้ อำเภอเมืองเชียงใหม่ และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง จะได้ตรวจสอบและเข้มงวดในการดูแลเรื่องใบอนุญาตและการปฎิบัติตามกฎหมายที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของเจ้าพนักงานท้องถิ่นที่เกี่ยวข้อง ซึ่งหากพบว่ามีสถานประกอบการใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามจะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

KA 32 ลุยดับไฟรอยต่อป่าสงวนแห่งชาติและป่าอนุรักษ์อุทยานฯดอยสอยมาลัย

วันที่ 8 ก.พ. 68 ศอ.ปกป.ภาค 3 สน.ส่งอากาศยาน KA -32 สนับสนุนการดับไฟในพื้นที่จังหวัดตากวันที่ 2 เร่ง โดยเข้าปฏิยัติการดับไฟรอยต่อป่าสงวนแห่งชาติและป่าอนุรักษ์อุทยานดอยสอยมาลัย จังหวัดตาก

ศูนย์ควบคุมอากาศยานและดับไฟป่า ศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองภาค 3 ส่วนหน้า รายงานว่า วันนี้เป็นวันที่ 2 ที่ ชุดปฏิบัติการบิน ฮ.ปภ.32 จ.เชียงใหม่ปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ จ.ตาก โดยโดยได้ทำการสูบน้ำจากอ่างเก็บน้ำแม่ท้อ อ.เมืองตาก เพื่อบินทิ้งน้ำดับไฟป่าบริเวณป่าสงวนแห่งชาติ (ป่าแม่ท้อและป่าห้วยตากฝั่งขวา) บ้านลานสาง ต.แม่ท้อ อ.เมืองตาก ซึ่งเป็นพื้นที่เกิดจุดความร้อนขึ้นในห้วงบ่าย และเป็นจุดที่เจ้าหน้าที่ภาคพื้นไม่สามารถเข้าไปดำเนินการดับไฟได้ เนื่องจากเป็นพื้นที่สูงชัน ทั้งการเดินทางเข้าไปยากลำบากและต้องใช้เวลานาน ซึ่งการปฏิบัติภารกิจบินสนับสนุนในวันนี้ ได้บินทิ้งน้ำ จำนวน 10 เที่ยวบิน ปริมาณน้ำที่ใช้จำนวน 30,000 ลิตร

ทั้งนี้อากาศยาน KA -32 ยังคงสนับสนุนการปฏิบัติภารกิจแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือร่วมกับกองทัพภาคที่ 3 อย่างต่อเนื่อง หากพื้นที่ไหนเกินกำลังของภาคพื้นสามารถร้องขอการใช้อากาศยานมาได้ที่ศูนย์ควบคุมอากาศยานและดับไฟป่า ศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองภาค 3 ส่วนหน้า เพื่อทางศูนย์จะได้วางแผนการใช้ให้สอดคล้องกับสถานการณ์

รอง ผอ.รมน.เชียงใหม่ ลงพื้นที่ป่าหน้าดอยสุเทพ ให้กำลังใจหน่วยพิทักษ์ผาดำ

รอง ผอ.รมน.เชียงใหม่ ลงพื้นที่ป่าหน้าดอยสุเทพ ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจ มอบนโยบาย ที่หน่วยพิทักษ์ผาดำ พร้อมรณรงค์ “เชียงใหม่ ไม่เผา” ในพื้นที่บ้านขุนช่างเคี่ยน

วันที่ 7 ก.พ.68 เวลา 10.00 น. พ.อ.ยรรยง ทิพาปกรณ์ รอง ผอ.รมน.จ.เชียงใหม่ (ท.) ตรวจเยี่ยม ชป.ป้องกันไฟป่า (ร.7 พัน.1) ในการปฏิบัติภารกิจ ตามแผนป้องกันปัญหาไฟป่า หมอกควันในพื้นที่บริเวณหน้าดอยสุเทพ(ฝั่ง อ.เมืองเชียงใหม่)ในห้วงเดือน ก.พ. 68 ณ หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติดอย สุเทพ-ปุย ที่ 1 (ผาดำ) โดยได้รับฟังการบรรยายสรุป และมอบนโยบาย แนวทางการปฏิบัติ รวมทั้งได้มอบเครื่องอุปโภคบริโภคให้กับกำลังพล และ จนท.อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย

จากนั้น เวลา 11.30 น. ได้ร่วมกันลงพื้นที่บ้านขุนช่างเคี่ยน ต.ช้างเผือก อ.เมืองเชียงใหม่ เพื่อรณรงค์ประชาสัมพันธ์ “เชียงใหม่ ไม่เผา” เพื่อเป็นการสร้างการตระหนักรู้ ให้กับชาวบ้านในพื้นที่ดอยสุเทพ

ทหารปรับแผนใช้จิตอาสา รณรงค์ร่วมกับฝ่ายปกครอง รพ.สต.เคาะประตูบ้านงดเผา

ทหารปรับแผนใช้กำลังพลจิตอาสา ชุดรณรงค์ฯลงพื้นที่ร่วมกับฝ่ายปกครองและโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล ในการเคาะประตูบ้านรณรงค์ลดการเผาป่า แจกหน้ากากกลุ่มเปราะบาง

วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 10.00 น.ที่ ศอ.ปกป.ภาค 3 สน. อ.แม่ริม พลตรี ชายแดน กฤษณสุวรรณ รองแม่ทัพภาคที่ 3 ในฐานะ รองผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละออง ภาค 3 เปิดเผยว่า จากการติดตามรายงานสถานการณ์ไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองในพื้นที่ 17 จว.ภาคเหนือ ค่าเฉลี่ยสะสม ประจำวันที่ 7 ก.พ. 68 เวลา 0700 ที่ผ่านมา ตรวจพบจุดความร้อน ในพื้นที่ 17 จว.ภาคเหนือ จำนวน 259 จุด สูงสุดที่ จว.ต.ก. จำนวน 36 จุด รองลงมาคือ จว.พ.ช. จำนวน 35 จุด และ จว.ล.ป. จำนวน 30 จุด ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นป่าอนุรักษ์ จำนวน 116 จุด รองลงมาคือ ป่าสงวนฯ จำนวน 91 จุด และ เขต สปก. จำนวน 31 จุด
ส่งผลให้ปัจจุบันภาคเหนือมีค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก เกินเกณฑ์มมตรฐาน จำนวน 14 จังหวัด สูงสุดที่ ต.ในเมือง อ.เมือง จว.พ.ล. 61.00 มคก./ลบ.ม. รองลงมาที่ ต.ในเวียง อ.เมือง จว.น.น. 57.80 มคก./ลบ.ม. และ ต.อุทัยใหม่ อ.เมือง จว.อ.น. 53.30 มคก./ลบ.ม. ซึ่งเริ่มมีผลต่อสุขภาพของประชาชน

ขณะเดียวกันศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละออง ภาค 3 ได้จัดกำลังพลจิตอาสา ชุดรณรงค์ฯลงพื้นที่ร่วมกับฝ่ายปกครองและโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบลในการเคาะประตูบ้านรณรงค์ลดการเผาป่าจากประชาชน เนื่องจากปัจจุบันภาคเหนือเริ่มมีอากาศร้อนในตอนกลางวันหากเกิดไฟป่าจะส่งผลกระทบต่อพื้นที่ป่า นอกจากนี้ได้แจกหน้ากากอนามัยให้ประชาชนกลุ่มเสี่ยงในชุมชนเพื่อป้องกันสุขภาพของประชาชนในพื้นที่อีกด้วย

จัดกำลังกว่าพันนาย ปูพรมลาดตระเวนป้องกันไฟป่าในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ

กำลังทหารร่วมกับเจ้าหน้าที่อุทยานฯ จัดกำลังกว่า 1,000 นายปูพรมลาดตระเวนเพื่อป้องกันปัญหาไฟป่าในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ หลังพบว่าหลายจังหวัดเริ่มมีจุดความร้อนเกิดขึ้น ส่งผลให้ค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก เกินเกณฑ์มาตรฐานในหลายพื้นที่ 

วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 09.00 น.ที่ ศอ.ปกป.ภาค 3 สน. อ.แม่ริม พลตรี ชายแดน กฤษณสุวรรณ รองแม่ทัพภาคที่ 3 ในฐานะ รองผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละออง ภาค 3 เปิดเผยว่า จากการติดตามสถานการณ์ไฟป่าหมอกควันในพื้นที่ภาคเหนือพบว่าหลายจังหวัดเริ่มมีจุดความร้อนเกิดขึ้น ส่งผลให้ค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก เกินเกณฑ์มาตรฐานในหลายพื้นที่ ที่สำคัญเริ่มมีผลต่อสุขภาพของประชาชน

พลโทกิตติพงษ์ แจ่มสุวรรณ แม่ทัพภาคที่ 3 ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองภาค 3 จึงสั่งการให้ศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองภาค 3 ส่วนหน้า นำกำลังกว่า 1,000 นาย ร่วมกับเจ้าหน้าที่อุทยานกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธ์พืชจัดชุดปฏิบัติการลาดตระวนเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและฝุ่นละอองขนาดเล็ก จำนวน 208 ชุด ลงพื้นที่ปฏิบัติงานตั้งแต่วันนี้จนถึง 31 พ.ค.2568 ตามพื้นที่ควบคุมไฟป่า 12 กลุ่มป่าที่ทางสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 11 – 16 กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธ์พืชกำหนดไว้ ประกอบกับทางหน่วยทหารทุกในพื้นที่ภาคเหนือได้ปรับแผนการฝึกประจำปีของหน่วยให้สอดคล้องกับการสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควันในปัจจุบัน ตามนโยบาย แม่ทัพภาคที่ 3 เพื่อลดผลกระทบกับประชาชนให้น้อยที่สุด

ทั้งนี้การปฏิบัติงานของชุดลาดตระเวนดังกล่าว มีภาระกิจในลาดตระเวน เฝ้าระวังและรณรงค์ประชาสัมพันธ์ร่วมกับชุมชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อสร้างความเข้าใจกับประชาชนในการลดการเผาป่าตามประกาศห้ามเผาในแต่ละจังหวัด อันเป็นการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ

ขณะเดียวกันภาคเอกชนและชมรมต่างๆในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่และลำพูน ได้มอบน้ำดื่มให้กับเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติการควบคุมและดับไฟป่า ผ่านทางศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองภาค 3 ส่วนหน้า เพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่

แก๊งค์ยาบ้าหัวใส ซุกยาบ้าห่อฟอยล์ห่อทับด้วยมะขามเปียก เตรียมส่งผ่านบริษัทขนส่ง

ยาบ้าเกือบ 4 พันเม็ด ห่อกระดาษคาร์บอนและฟอยล์ เอามะขามเปียกห่ออีกชั้น เตรียมส่งผ่านบริษัทรับส่งพัสดุ ชุด ศป.ปส.อ.แม่ฟ้าหลวง เชียงราย ตรวจเจอก่อน พร้อมขยาบผลตามรวบตัวคนฝากส่งได้ สารภาพรับจ้างมาสองพันห้านำมาส่ง

วันที่ 23 ม.ค 68 ที่ผ่านมา ภายใต้การอำนวยการของ นายปรีชา ศิรินาม นายอำเภอแม่ฟ้าหลวง/ ผอ.ศป.ปส.อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย มอบหมายให้ นายอานนท์ ขันคำ ปลัดอำเภอหัวหน้ากลุ่มงานบริหารงานปกครอง พร้อมด้วย ชุดปฏิบัติการพิเศษฝ่ายปกครอง อ.แม่ฟ้าหลวง เข้าตรวจสอบสถานประกอบการ รับ-ส่ง พัสดุในระบบโลจิสติกส์ จำนวน 5 แห่ง ในพื้นที่ ต.เทอดไทย อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 22 ม.ค.68 เวลาประมาณ 20.00 น. ได้รับแจ้งจากสายลับ ว่า จะมีการลักลอบขนส่งยาเสพติด ผ่านระบบโลจิสติกส์บริษัท รับ-ส่ง พัสดุเอกชน ในพื้นที่บ้านเทอดไทย ม.1 ต.แม่ฟ้าหลวง อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย ต่อมาเมื่อวันที่ 23 ม.ค. 68 เวลาประมาณ 09.00 น. เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าตรวจสอบ ร้านรับ-ส่ง พัสดุในระบบโลจิสติกส์ ตั้งอยู่ ม.1 ต.เทอดไทย อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย

เจ้าหน้าที่ตรวจพบกล่องพัสดุต้องสงสัย โดยมีปลายทาง จ.ยะลา จึงอาศัยอำนาจของ นายอานนท์ ขันคำ ปลัดอำเภอหัวหน้ากลุ่มงานบริหารงานปกครอง เจ้าพนักงาน ป.ป.ส. ทำการเปิดตรวจสอบ ผลการตรวจสอบภายในกล่องพัสดุ พบยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาบ้า) จำนวน 3,926 เม็ด ห่อหุ้มด้วยกระดาษคาร์บอนและกระดาษฟอยล์ มีมะขามเปียกห่อหุ้มอำพรางอีก 1 ชั้น จึงได้ทำการตรวจยึดไว้

ทั้งนี้เจเาหน้าที่ได้ทำการติดตามขยายผลหาผู้กระทำความผิด สามารถจับกุม นายปกรณ์เกียรติฯ อายุ 38 ปี ราษฎรบ้านพนาสวรรค์ ม.9 ต.แม่สลองนอก อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย พร้อมรถยนต์ที่ใช้ในการกระทำความผิด หมายเลขทะเบียน 4484 เชียงราย จับได้บริเวณถนนสาธารณะหมู่บ้านพนาสวรรค์

จากการสอบถามนายปกรณ์เกียรติ ให้การรับสารภาพว่า ตนได้นำยาเสพติดดังกล่าวไปส่งที่บริษัทรับ-ส่งพัสดุเอกชนในพื้นที่ ต.เทอดไทย จริง โดยมีผู้จ้างวานให้นำยาเสพติดไปส่ง ได้รับค่าจ้างเป็นเงินจำนวน 2,500 บาท เจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวมายัง ที่ทำการปกครองอำเภอแม่ฟ้าหลวง เพื่อทำบันทึกการจับกุมและสอบสวนหาข้อมูลเครือข่ายเพิ่มเติม จากนั้นได้นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.แม่ฟ้าหลวง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

สมรสเท่าเทียมวันแรก อำเภอเมืองลำพูน คู่สมรสนั่งรถถีบสามล้อจดทะเบียน

คู่สมรสกลุ่ม LGBTQ นั่งรถถีบสามล้อจดทะเบียนสมรสที่ ที่ว่าการอำเภอเมืองลำพูน ฉลองสมรสเท่าเทียมวันแรก บรรยากาศอบอวลเต็มไปด้วยความสุขของคู่รักที่มาร่วมจดทะเบียนสมรส ขณะเดียวกันพบคู่รักหญิง วัย 64 ปี และ 59 ปีจดทะเบียนสมรสคู่แรกตั้งแต่เช้าตรู่ คู่รักกลุ่ม LGBTQ พยานรักต่างพากันนั่งรถถีบสามล้อจากอนุสาวรีย์พระนางจามเทวี เพื่อเข้ามาจดทะเบียนสมรสที่ ที่ว่าการอำเภอเมือง จังหวัดลำพูน ฉลองสมรสเท่าเทียมวันแรก

นายยุทธพงศ์ ไชยศร นายอำเภอเมืองลำพูน พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมและความมั่นคงมนุษย์ จ.ลำพูน ให้การต้อนรับและร่วมแสดงความยินดีกับคู่สมรส ทั้ง 3 คู่ ที่จูงมือกันมาจดทะเบียนสมรสอย่างถูกต้องตามกฎหมาย หลังกฎหมายสมรสเท่าเทียม หรือพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ 24) พุทธศักราช 2567 ได้รับการประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อเดือนกันยายน 2567 และกำหนดเวลาอีก 120 วัน เพื่อปรับปรุงกฎระเบียบกฎหมายต่างๆ ได้ให้สอดคล้อง และมีผลใช้บังคับอย่างเป็นทางการวันแรกในวันนี้ คือวันที่ 23 มกราคม 2568 ท่ามกลางเพื่อนๆใน กลุ่มอาสาสมัครเพื่อการพัฒนาชุมชนและการคุ้มครองสิทธิ หรือกลุ่ม VCAP ลำพูนร่วมเป็นสักขีพยาน ในวันสำคัญทางประวัติศาสตร์ครั้งนี้

นายอำเภอเมืองลำพูน เปิดเผยว่า วันนี้ถือว่าเป็นวันแรกในการเปิดให้มีการจดทะเบียนสมรส ตามกฎหมายสมรสเท่าเท่าเทียม ซึ่งทางรัฐบาลก็ได้มีการปรับปรุงกฎหมายสมรสเท่าเทียมซึ่งทุกหน่วยงานได้จัดเตรียมความพร้อมด้านบุคลากร สถานที่ สำหรับอำเภอเมืองลำพูนเองก็มีความยินดีและพร้อมให้บริการกับคู่สมรสทุกเพศทุกวัย ที่จะมาจดทะเบียนสมรสตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป อย่างไรก็ตามก่อนช่วงเช้ามีคู่สมรสยื่นจดทะเบียนสมรสแล้ว 2 คู่ คู่แรกเป็นคู่ผู้หญิงกับ ผู้หญิงอายุ 64 ปี และ 59 ปีจดทะเบียนสมรสคู่แรกตั้งแต่เช้าตรู่ ซึ่งทั้งสองคู่ทำงานกะดึกเพิ่งเลิกงานตอนเช้าเข้ามายื่นขอจดทะเบียนสมรสซึ่งใช้เวลาไม่เกิน 20 นาทีก็เสร็จสิ้น

สำหรับคู่รัก LGBTQ นายภัทรนันท์ แดงบุญ  เปิด เผยว่า ตนกับนายจตุพร โนสัก อยู่กินกันมานานถึง 10 ปี วันนี้ถือเป็นโอกาสที่ดี หลังจากที่เมื่อคืนทำงานกะดึก พอช่วงเช้าถือโอกาสพากันมาจดทะเบียนสมรส ซึ่งตนกับแฟนรู้สึกดีใจมากที่มีวันนี้ นอกจากนี้สิทธิการใช้ชีวิตคู่จะเท่าเทียมกับคนอื่นยกตัวอย่างเรื่องทรัพย์สินที่หามาด้วยกันและการทำประกันชีวิตที่ต้องยกผลประโยชน์ให้กันและกันจะทำให้ชีวิตมีความมั่นคงขึ้น

ด้านนางสาวชนรดี พรมเรือง ( และนางสาวกมลวรรณ เพ็ญจิต ทั้งสองกล่าวว่าตนทั้งสองคบหาอยู่กินกันมานานกว่า 7 ปี ดีใจมากที่มีวันนี้หลังจากที่รอมานานวันนี้จึงไม่ลังเลใจเลยในการมาจดทะเบียนสมรส ซึ่งจะทำให้ทั้งสองเข้าถึงสิทธิประโยชน์หลายๆ อย่างหลังจากจดทะเบียนสมรสแล้ว นอกจากนี้ยังรู้สึกดีที่สังคมยอมรับเรามากขึ้น ทำอะไรง่ายขึ้นและเปิดเผยตัวเองได้ อย่างไรก็ตามอยากเชิญชวนให้เพื่อนๆในกลุ่ม LGBTQ ที่มีคู่รักจูงมือพากันมาจดทะเบียนสมรสซึ่งขั้นตอนไม่ยุ่งยาก และมีสิทธิประโยชน์คุ้มครองเราและคู่สมรสเรามากขึ้น

เร่งระบายฝุ่นละอองในอากาศ ภายหลังพบค่าฝุ่นเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ

ศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองภาค 3 ( ศอ.ปกป.ภาค 3 ) ร่วมกับศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคเหนือ กรมฝนหลวงและการบินเกษตร เร่งระบายฝุ่นละอองในอากาศ ภายหลังพบค่าฝุ่นเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ

วันที่ 22 มกราคม 2568 ที่หน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดเชียงใหม่ พลตรีชายแดน กฤษณสุวรรณ รองผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองภาค 3 พร้อมคณะตรวจเยี่ยมและรับฟังการบรรยายแผนการปฏิบัติปี 68 ของศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคเหนือ โดยมี นายรังสรรค์ บุศย์เมือง ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคเหนือและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องให้การต้อนรับ

รองผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองภาค 3 กล่าวว่าตรวจเยี่ยมในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อรับฟังแผนการปฏิบัติปี 68 ของศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคเหนือ กรมฝนหลวงและการบินเกษตร ในการร่วมกันแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองในพื้นที่ภาคเหนือ ซึ่งจากการติดตามสถานการณ์ไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองในพื้นที่ 17 จว.ภาคเหนือพบว่า เริ่มมีค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก เกินเกณฑ์มาตรฐานหลายจังหวัดโดยเฉพาะภาคเหนือตอนล่าง ดังนั้น ศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองภาค 3 ( ศอ.ปกป.ภาค 3 )จึงได้ร่วมกับศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคเหนือและศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคเหนือ(ตอนล่าง) กรมฝนหลวงและการบินเกษตร เร่งระบายฝุ่นละอองในอากาศ โดยใช้เครื่องบิน CASA จำนวน 3 ลำขึ้นบินฉีดสเปรย์น้ำเจาะชั้นบรรยากาศเพื่อระบายฝุ่นออกจากพื้นที่ที่ประสบปัญหาหมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) โดยเฉพาะ จ.พิษณุโลก จ.สุโขทัย และ จ.อุตรดิตถ์

ด้านนายรังสรรค์ บุศย์เมือง ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคเหนือ เปิดเผยว่า ปัจจุบันศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคเหนือ และศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคเหนือ(ตอนล่าง) มีแผนการบิน (เพิ่มเติม) ในการเป็นหน่วยดัดแปรสภาพอากาศ ในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ จ.ตาก จ.แพร่ และ จ.พิษณุโลก เพื่อบรรเทาปัญหาหมอกควันและสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) โดยใช้เทคนิคการก่อเมฆ การเลี่ยงเมฆเพื่อดูดซับและระบายฝุ่นละออง และเทคนิคการลดอุณหภูมิชั้นบรรยากาศผกผันเพื่อระบายฝุ่นก่อนเข้าพื้นที่(ในวันที่ความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศมีปริมาณน้อย)

ทั้งนี้ ตั้งแต่เริ่มปฏิบัติการที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลตลอดจนในพื้นที่ภาคเหนือเมื่อพิจารณาพื้นที่เป้าหมายเทียบความเข้มข้นก่อน-หลัง ปฏิบัติการ พบว่าค่าฝุ่นละออง (Pm2.5) มีแนวโน้มลดลง โดยการเปลี่ยนแปลงลดลงน้อยกว่าวันก่อนหน้า และค่าดัชนีคุณภาพอากาศ มีแนวโน้มคงที่ และมีค่ามากกว่าวันก่อนหน้า อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ของศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคเหนือ ยังคงประชุมวางแผนการปฏิบัติการระบายฝุ่นละอองในพื้นที่อย่างต่อเนื่องเพื่อเพื่อบรรเทาปัญหาหมอกควันและสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5)