ทะเลสาบดอยเต่าฟื้นคืนชีพส่งผลดีต่อการท่องเที่ยว

ทะเลสาบดอยเต่าฟื้นคืนชีพ กลับมาสวยงามอีกครั้ง นับเป็นข่าวดีสำหรับทั้งนักท่องเที่ยวและชาวบ้านในพื้นที่ ไม่เพียงแต่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่น แต่ยังเป็นการฟื้นฟูระบบนิเวศน์ให้กลับมาสมบูรณ์อีกครั้ง

ทะเลสาบดอยเต่า กลับมาคึกคักอีกครั้ง เป็นข่าวดีสำหรับนักท่องเที่ยวและชาวบ้านในพื้นที่ดอยเต่า หลังจากประสบปัญหาภัยแล้งมาอย่างยาวนาน ทะเลสาบดอยเต่า แหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของจังหวัดเชียงใหม่ ได้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง เนื่องจากปริมาณน้ำฝนในปีนี้เพิ่มมากขึ้นถึงแม้จะทำให้น้ำท่วมหลายพื้นที่ในจังหวัดเชียงใหม่ จนส่งผลกระทบเป็นวงกว้างแต่กลับส่งผลดีทำให้น้ำในทะเลสาบสูงขึ้นจนถึงระดับปรกติ

ด้านคุณพัชรี นันต๊ะสาร เจ้าของเรือนแพดอยเต่าริมปิง กล่าวว่า วันนี้ ทะเลสาบดอยเต่า กลับมาสวยงามอีกครั้ง อยากเชิญชวนนักท่องเที่ยวสามารถมาสัมผัสบรรยากาศอันร่มรื่นของทะเลสาบดอยเต่ามีบริการนั่งเรือชมวิว บริการห้องพัก และร้านอาหารบนเรือนแพ ลิ้มลองเมนูต้มยำปลาคังน้ำจืด ยำปลากรอบที่ขึ้นชื่อและยังมีบริการที่เดียว ที่ร้านอาหารแพริมน้ำทะเลสาบดอยเต่าอีกด้วย

นอกจากนั้น ชาวบ้านในพื้นที่ยังได้รับประโยชน์จากการกลับมาของทะเลสาบดอยเต่า โดยเฉพาะชาวประมงพื้นบ้านที่สามารถกลับมาทำประมงและผลิตปลาแห้งที่ขึ้นชื่อ รสชาติอร่อยและความเป็นธรรมชาติ มาจำหน่ายให้แก่นักท่องเที่ยว ซึ่งเป็นการฟื้นฟูเศรษฐกิจของชุมชนให้กลับมาคึกคัก อีกด้วย ส่วนบรรยากาศช่วงเย็นขณะที่พระอาทิตย์กำลังตกดิน ช่วงปลายฝนต้นหนาวขณะนี้กำลังดี นักท่องเที่ยวที่ไปท่องเที่ยวทะเลวาบดอยเต่าต่างประทับใจชมแสงพระอาทิตย์ที่กลังจะลับขอบฟ้าตัดกับผืนน้ำสวยงามอย่างน่าประทับใจนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก

สำหรับนักท่องเที่ยวที่สนใจจะเดินทางมาเที่ยวทะเลสาบดอยเต่า สามารถเดินทางมาได้โดยใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 108 (เชียงใหม่-ฮอด) จากตัวเมืองเชียงใหม่ประมาณ 125 กิโลเมตร

ป่าป้อง ดอยสะเก็ด คืนสมดุลให้ป่าชุมชนด้วยจุลินทรีย์แก้ปัญหาไฟป่า

ชาวบ้านตำบลป่าป้อง ดอยสะเก็ด ร่วมกับภาคเอกชนฯ จัดกิจกรรม คืนสมดุลให้ป่าชุมชนด้วยจุลินทรีย์ แก้ปัญหาไฟป่าฟื้นนิเวศป่าไม้อย่างยั่งยืน นำตัวแทนชาวบ้านอบรมการ EM จากจุลินทรีย์ และเพาะเชื้อเห็ดป่าจากจุลินทรีย์ นำไปหว่านในป่าชุมชนบ้านทุ่งยาว ฟื้นคืนสมดุลให้ป่า นอกจากนี้ยังได้มีการนำEM น้ำไปฉีดพ่นเพื่อเร่งการย่อยสลายของซากพืชเพื่อลดเชื้อเพลิงในช่วงฤดูแล้ง

ชาวบ้านตำบลป่าป้อง อ.ดอยสะเก็ด ต่างน้ำเชื้อเห็ดป่า 16 ชนิด น้ำจุลินทรีย์ และ EM บอลที่ผลิตขึ้นจากการเข้าอมรมที่ศูนย์จุลินทรีย์ ตำบลป่าป้อง อำเภอดอยสะเก็ด มาหว่านและรด ในพื้นที่ป่าชุมชมบ้านทุ่งยาว ตำบลป่าป้อง อำเภอดอยสะเก็ดจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อฟื้นคืนสมดุลให้ป่า เร่งการย่อยสลายของซากพืชเพื่อลดเชื้อเพลิงในช่วงฤดูแล้ง หลังจากที่บริษัทกัลฟ์ (GULF ) และ บริษัท เชียงใหม่เวสท์ ทู เอ็นเนอร์จี จำกัด (CMWTE) ร่วมกับ ชุมชนบ้านทุ่งยาว ต.ป่าป้อง อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ ได้จัดโครงการ “คืนสมดุลให้ป่าชุมชนด้วยจุลินทรีย์ “ เพื่อแก้ปัญหาไฟป่าและฟื้นฟูระบบนิเวศป่าไม้ ณ อาคารเอนกประสงค์ บ้านทุ่งยาว ต.ป่าป้อง อ.ดอยสะเก็ด โดยมีนายสมพงศ์ เจริญศิริ กำนันตำบลป่าป้อง และนายจิรศักดิ์ มีสัตย์ ผู้อำนวยการบริหารฝ่ายชุมชนสัมพันธ์ บริษัท GULF CMWTE และ เทศบาลตำบลป่าป้อง มูลนิธิเกษตรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร่วมให้การสนับสนุนวิทยาการอบรมให้ความรู้กับชาวบ้าน

กิจกรรมในวันนี้ อบรม ด้านความรู้เกี่ยวกับจุลินทรีย์ และความรู้ฐานชีวภาพ (Biobased) ซึ่งเป็นกลไกสำคัญของระบบนิเวศสิ่งแวดล้อม ให้ชุมชนเข้าใจมิติความสัมพันธ์ของวัฏจักรธรรมชาติด้านชีววิทยากับวิถีชีวิตชุมชนและป่าไม้ ฯลฯ การรู้จักใช้จุลินทรีย์เพื่อสิ่งแวดล้อม การเกษตร และแนวทางพัฒนาอาชีพรายได้ชุมชนด้วย นอกจากนั้น มีการสาธิตจากวิทยากรและผู้เข้าร่วมลงมือปฏิบัติ การขยายเชื้อจุลินทรีย์ การหมักปุ๋ยหมักจากวัสดุท้องถิ่น เช่นใบไม้ หญ้าฟาง เศษอาหารจากครัวเรือน ผลิต ปุ๋ยหมักชีวภาพ ชนิดต่างๆ การทำจุลินทรีย์ก้อน (EM Ball) เป็นปุ๋ยและบำบัดน้ำเสีย และการเพาะชยายเชื้อเห็ดป่า เป็นต้น นอกจากนี้ยัง มีกิจกรรมในป่าชุมชน คือ การคืนสมดุลให้ป่าด้วยจุลินทรีย์ ซึ่งผู้เข้าร่วมได้นำ จุลินทรีย์ชนิดน้ำชนิดแห้งไปฉีดพ่นโรย บริเวณป่าชุมชน บ้านทุ่งยาว ต.ป่าป้อง ฯ และหมักใบไม้ในป่า เพื่อเพิ่มการย่อยสลายใบไม้ซึ่งเป็นเชื้อไฟได้ และหมักเป็นปุ๋ยฟื้นฟูดินในป่าที่เสื่อมโทรมหรือเคยถูกไฟป่าเผาผลาญ ทำให้จุลินทรีย์ในดินป่าตาย นิเวศเสียสมดุล นอกจากสอนชุมชนขยายเชื้อเห็ดยังนำเชื้อเห็ดป่าหลายชนิดนำไปใส่กระจายในป่าที่โคนต้นไม้ใหญ่น้อย และยังกระจายเชื้อเห็ดในชุมชนสวนไร่นา เพื่อจะได้มีแหล่งเห็ดรับประทานในชุมชน รณรงค์ลดการเผาป่าหาเห็ดของชุมชนควบคู่กับการอนุรักษ์ป่าของชุมชน และได้นำจุลินทรีย์ก้อนไปโยนสู่ป่าและแหล่งน้ำด้วย

ด้าน นายสมพงศ์ เจริญศิริ กำนันตำบลป่าป้องฯ กล่าวว่า วันนี้ชุมชนได้ความรู้มาก ซึ่งวิถีชีวิตของชาวบ้าน นั้นยังขาดองค์ความรู้ด้านวิชาการ นับว่าเป็นโอกาสที่ดีมาก ที่ บริษัทฯ บ.กัลฟ์ และ เชียงใหม่เวสท์ ทู เอ็นเนอร์จี จำกัด ที่สนับสนุน งบประมาณ นักวิชาการ มาให้ความรู้แก่ชุมชน ส่งเสริมจัดตั้งศูนย์เรียนรู้และธนาคารจุลินทรีย์ แก่ชุมชน ซึ่งจะเกิดประโยชน์ทั้งชุมชนและการฟื้นฟูป่าไม้ชุมชนได้เป็นอย่างมากต่อไป

ขณะที่นายจิรศักดิ์ มีสัตย์ GULF CMWTE กล่าวว่า บริษัทฯ มีนโยบายและให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ต่อการร่วมอนุรักษ์ฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมร่วมกับชุมชน โดยเฉพาะปัญหาไฟป่า หมอกควัน PM 2.5 การเสื่อมโทรมของระบบนิเวศ ป่าไม้ ฯ ซึ่งมีผลกระทบอย่างรุนแรงในปัจจุบัน ทั้งชาวดอยสะเก็ด และ จ. เชียงใหม่ บริษัทฯเป็นส่วนหนึ่งของชุมชน ยินดีที่ร่วมสนับสนุนชุมชนเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิตที่ดีของชุมชน

ออกตรวจยาเสพติดตามร้อง ดันเจอ “ชนแล้วหนี” มีหมายจับ รวบตัวดำเนินคดี

อำเภอสันทราย บูรณาการตรวจรีสอร์ทตามเรื่องร้องเรียน ตรวจผู้พัก 10 ราย ไม่พบสารเสพติด สิ่งผิดกฎหมาย รวบได้ 1 ราย ตามหมายจับ “ชนแล้วหนี”

วันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 ตั้งแต่เวลา 20.00 น. นายณัชฐเดช มุลาลี นายอำเภอสันทราย มอบหมายให้ นายพลภัทร จันทร์ลุน ปลัดอำเภอหัวหน้าฝ่ายความมั่นคง พร้อมด้วย นายไพรรักษ์ ของเดิม ปลัดอำเภอ นำกำลังสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน อส.อ.สันทราย 15 ร่วมกับ พ.ต.ท.กิตติพงษ์ จริญสิริวัฒนกุล สวป.สภ.สันทราย เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สันทราย, นายกิติศักดิ์ พันธรักษ์ กำนันตำบลหนองแหย่ง และผู้ใหญ่บ้าน สารวัตรกำนัน ผู้ช่วยฯ ชรบ. ตำบลหนองแหย่ง บูรณาการ ออกตรวจสอบสถานที่ที่ได้รับการร้องเรียน ณ บี รีสอร์ท เลขที่ 207 ม.8 ต.หนองแหย่ง อ.สันทราย จ.เชียงใหม่

มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตรวจพบกลุ่มบุคคลที่เช่าพักอาศัย จำนวน 10 ราย จึงได้ทำการตรวจหาสารเสพติดด้วยวิธี ตรวจปัสสาวะ และเข้าค้นที่พักอาศัย ตามความยินยอมของผู้เช่าพักฯ ซึ่งผลตรวจไม่พบสารเสพติดทั้ง 10 ราย และไม่พบสิ่งของผิดกฎหมาย แต่ตรวจพบบุคคลตามหมายจับ 1 ราย ในคดี พรบ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 กรณีชนแล้วหนี เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.สันทรายจึงได้ควบคุมตัวดำเนินการต่อไป จากนั้นได้บูรณาการร่วมกันตรวจตรา รักษาความสงบเรียบร้อย ในพื้นที่ตำบลหนองแหย่ง

วันภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยแห่งชาติ และงานมหกรรมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย

สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกับ อำเภอสันป่าตอง โรงพยาบาลสันป่าตอง โรงพยาบาลเทพรัตนเวชชานุกูลเฉลิมพระเกียรติ 60 พรรษา หน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชน จัดงานวันภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยแห่งชาติ และงานมหกรรมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย จังหวัดเชียงใหม่ ปี 2567

ที่ ศูนย์การเรียนรู้เฮือนป้อสล่าแดง อำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่ นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ มอบหมายให้ นายศิวะ ธมิกานนท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานพิธีเปิดงาน วันภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยแห่งชาติ และงานมหกรรม วันภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย จังหวัดเชียงใหม่ และ พิธีเปิดเส้นทางท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ และวัฒนธรรม โดยมี นพ.ฐิติกานต์ ณ ปั่น รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวรายงาน

สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกับ อำเภอสันป่าตอง โรงพยาบาลสันป่าตอง โรงพยาบาลเทพรัตนเวชชานุกูลเฉลิมพระเกียรติ 60 พรรษา หน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชน ได้ร่วมกันจัดพิธีถวายราชสักการะ รัชกาลที่ 3 พระบิดาแห่งการแพทย์แผนไทย และจัดงานวันภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยแห่งชาติ และงานมหกรรมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย จังหวัดเชียงใหม่ ปี 2567 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่ออนุรักษ์ และเผยแพร่ ภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย การแพทย์พื้นบ้านล้านนา และการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ภายในงานมหกรรมฯ ประกอบด้วย การเสวนาทางวิชาการ คลินิกการแพทย์แผนไทยเคลื่อนที่

โดยภาครัฐ และภาคเอกชน การแพทย์พื้นบ้าน การแพทย์แผนจีน หมอพื้นบ้านผู้ทรงคุณวุฒิ สาธิตบริการย่ำขาง ตอกเส้น แช่เท้า พอกเข่า พอกตา นิทรรศการจาก คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โรงพยาบาลป่าซาง จังหวัดลำพูน สมาพันธ์การแพทย์แผนไทยล้านนา สมาคมแพทย์แผนไทยจังหวัดเชียงใหม่ สมาคมไทยล้านนาสปา ชมรมผู้ประกอบการนวดไทยล้านนา มูลนิธิฯบราห์มากุมารี ราชาโยคะ เชียงใหม่ และผลิตภัณฑ์ชุมชน จากวิสาหกิจชุมชน และพิธีมอบใบประกาศเกียรติ Thainess Wellness Destination (TWD) จำนวน 7 ราย,ใบประกาศนียบัตร เมืองคนสุขภาพดี วิถีชุมชนคนอายุยืน (Healthy City MODELs) จำนวน 2 ราย,ใบประกาศเกียรติคุณ หน่วยงานที่มีการดำเนินการแพทย์แผนไทย และการแพทย์ทางเลือกดีเด่น จำนวน 5 ราย และใบประกาศนียบัตร หน่วยงานที่ให้การสนับสนุน งานมหกรรมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย จำนวน 52 ราย การเปิดเส้นทางการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ และวัฒนธรรมอำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่ นอกจากนี้ ยังมีเวทีบรรยาย วิชาการจากโรงพยาบาลชุมชน และ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

ลำพูน จัดงานแถลงข่าวกิจกรรม วิถีล้านนา กล้า – ท้า – แกร่ง เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ

ลำพูน จัดงานแถลงข่าวกิจกรรมกีฬาเพื่อการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ กับแนวคิด วิถีล้านนา กล้า – ท้า – แกร่ง เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ จังหวัดลำพูน โดยสำนักงานท่องเที่ยวและกีฬากลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง และแม่ฮ่องสอน จัดงานแถลงข่าวกิจกรรมกีฬาเพื่อการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ กับแนวคิด วิถีล้านนา กล้า – ท้า – แกร่ง เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงเปิดฤดูกาลการท่องเที่ยวปลายปี 2567

วันที่ 2 ตุลาคม 2567 เวลา 14.00 น. ที่ โรงแรมแกรนด์ ปา โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท ลำพูน นายสันติธร ยิ้มละมัย ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน มอบหมายให้นายโยธิน ประสงค์ความดี รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน เป็นประธานการแถลงข่าวกิจกรรมกีฬาเพื่อการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ วิถีล้านนา กล้า – ท้า – แกร่ง ร่วมกับท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ และลำปาง กับกิจกรรมกีฬา 3 รายการต่อเนื่อง ซึ่งประกอบด้วย กิจกรรมการปั่นจักรยานเพื่อการท่องเที่ยว เส้นทางลำพูน – เชียงใหม่ – แม่ฮ่องสอน ระยะทาง 156 กิโลเมตร ระหว่างวันเสาร์ที่ 26 – อาทิตย์ที่ 27 ตุลาคม 2567 , กิจกรรมการแข่งขันไตรกีฬา เชียงใหม่ – ลำพูน ระหว่างวันเสาร์ที่ 2 – อาทิตย์ที่ 3 พฤศจิกายน 2567 และกิจกรรมการแข่งขันวิ่งเทรล ลำพูน – ลำปาง ระหว่างวันเสาร์ที่ 9 – อาทิตย์ที่ 10 พฤศจิกายน 2567 โดยมีเป้าหมายเพื่อเชิญชวนนักท่องเที่ยวได้ร่วมท่องเที่ยวช่วงเปิดฤดูกาลการท่องเที่ยวภาคเหนือตอนบน 1 อันจะนำมาซึ่งการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงเปิดฤดูกาลท่องเที่ยวปลายปี 2567 โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ ประชาชน และสื่อมวลชนในพื้นที่ ให้ความสนใจร่วมงานเป็นจำนวนมาก

ด้าน นายกรวิทย์ ช่วยดู ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดแม่ฮ่องสอน กล่าวเชิญชวนนักปั่นร่วมกิจกรรม Lanna Cycling ที่แลนด์มาร์คและจุดท่องเที่ยวสวยสุด อาทิ อุทยานราชพฤกษ์ จุดชมวิวรักจัง อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง ดอยกิ่วลม แล้วสิ้นสุดที่สะพานประวัติศาสตร์ท่าปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน และมีความท้าทายนักปั่นขีดสุด ด้วยระยะทาง 156 กม. ระยะไต่มากกว่า 2,100 เมตร กับระยะเวลา 12 ชั่วโมง

ในขณะที่ร้อยเอก สันติพงศ์ บุลยเลิศ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวเชิญชวนนักไตรกีฬาเข้าร่วมกิจกรรม Lanna Triathlon ซึ่งเป็นเส้นทางการแข่งขันใกล้ชิดธรรมชาติที่สวยงาม สด ใหม่ แต่ให้ความสำคัญกับมาตรฐานการแข่งขัน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของการแข่งขันไตรกีฬา เพื่อการก้าวสู่การเป็นคนเหล็กที่แข็งแกร่งตามมาตรฐานการแข่งขันสากล และปิดท้ายกับนายวรวิทย์ วีระเชวงกุล ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดลำปาง ที่ร่วมเชิญชวนนักวิ่งร่วมกิจกรรม Lanna Trail และสนุกสนานไปกับเส้นทางธรรมชาติอย่างเต็มที่กับระยะทางวิ่ง 25 และ 34 กิโลเมตรในอุทยานแห่งชาติดอยขุนตาล และเสริมทางเลือกแก่นักวิ่งเทรลใหม่ที่สนใจทดสอบ กับระยะ 7 และ 15 กิโลเมตร ซึ่งสามารถสนุกกับเส้นทางการวิ่งที่ผ่านทั้งน้ำ ทั้งน้ำตก ทั้งป่า ภายใต้การดูแลจากเจ้าหน้าที่อย่างใกล้ชิด

สำหรับผู้สนใจร่วมกิจกรรมกีฬาเพื่อการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์วิถีล้านนา กล้า – ท้า – แกร่ง สามารถสมัครเข้าร่วมกิจกรรมได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย ในวันศุกร์ที่ 4 ตุลาคมนี้ โดยเริ่มต้นการสมัครกิจกรรมการปั่นจักรยาน เวลา 16.00 น. กิจกรรมไตรกีฬา เวลา 17.00 น.และกิจกรรมวิ่งเทรล เวลา 18.00 น. เป็นต้นไป

เดินgเครื่องเต็มสูบเครื่องสูบน้ำไฮโดร์โฟล์ 2 เครื่อง ช่วยเหลือพื้นที่อำเภอสารภี ผันน้ำลงน้ำกวง

เดินเครื่องสูบน้ำไฮโดร์โฟล์ 2 เครื่อง เร่งสูบน้ำช่วยเหลือพื้นที่อำเภอสารภี ผันน้ำลงน้ำกวง

ชลประทานเชียงใหม่ และสำนักงานชลประทานที่ 1 เดินเครื่องสูบน้ำไฮโดร์โฟล์ 2 เครื่อง เร่งสูบน้ำช่วยเหลือพื้นที่อำเภอสารภี ผันน้ำลงน้ำกวง

วันจันทร์ ที่ 30 ก.ย. 67 นายเกื้อกูล มานะสัมพันธ์สกุล ผู้อำนวยการโครงการชลประทานเชียงใหม่ กล่าวว่า จากกรณีน้ำท่วมพื้นที่ตัวเมืองเชียงใหม่ และพื้นที่อำเภอรอบนอกของเมืองเชียงใหม่ ต่อมาทางด้านนายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้ร่วมลงพื้นที่สำรวจเส้นทางการระบายน้ำตามเส้นทางตั้งแต่จังหวัดเชียงใหม่ – ลำพูน พร้อมสั่งการให้ดำเนินการขุดลอกและเร่งระบายน้ำช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ยังประสบปัญหาน้ำท่วมขัง ขณะเดียวกันได้ให้ทางโครงการชลประทานเชียงใหม่ สำนักงานชลประทานที่ 1 นำเครื่องจักร เครื่องมือ และกำลังเจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือพื้นที่จังหวัดลำพูน ที่เป็นรอยต่อในเส้นทางน้ำด้วย

ทั้งนี้ เมื่อเวลา 03.00 น. วันนี้ (30 ก.ย. 67) ทางสำนักงานชลประทานที่ 1 ได้ทำการติดตั้งและเดินเครื่องสูบน้ำเพื่อดึงมวลน้ำที่ท่วมในเขต ต.หนองแฝก อ.สารภี ผ่าน ต.อุโมงค์ และต.เหมืองง่า อ.เมืองลำพูน ลงแม่น้ำกวง ที่ประตูน้ำปิงห่าง ต. เหมืองง่า จ.ลำพูน ระยะทาง 12 กิโลเมตร โดยใช้เครื่องสูบน้ำไฮโดรโฟล์ ขนาด 30 นิ้ว จำนวน 2 เครื่อง อัตราการสูบ 2 เครื่อง ประมาณ 300,000 ลบ.ม.ต่อวัน เพื่อเร่งระบายน้ำในพื้นที่อำเภอสารภี

ชลประทานเชียงใหม่ เร่งส่งเครื่องจักรกลหนักเข้าช่วยเหลือพื้นที่อุทกภัยแม่อาย

ผู้อำนวยการโครงการชลประทานเชียงใหม่ชลประทานเชียงใหม่ ขานรับนโยบาย รรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เร่งส่งเครื่องจักรกลหนัก พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่เร่งช่วยเหลือพื้นที่อุทกภัยแม่อาย

วันที่ 14 ก.ย. 67 นายเกื้อกูล มานะสัมพันธ์สกุล ผู้อำนวยการโครงการชลประทานเชียงใหม่ ได้ส่งเครื่องจักรกลหนัก เริ่มปรับเส้นทางที่ได้รับความเสียหายจากดินโคลนถล่ม ทางขึ้นสถานีพัฒนาการเกษตรที่สูงอันเนื่องมาจากพระราชดำริห้วยเมืองงาม บ้านสุขฤทัย ต.ท่าตอน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่

นายเกื้อกูล มานะสัมพันธ์สกุล ผู้อำนวยการโครงการชลประทานเชียงใหม่ กล่าวว่า จากเหตุการณ์อุทกภัยในพื้นที่อำเภอฝาง และอำเภอแม่อาย ซึ่งได้รับผลกระทบอย่างหนัก มีบ้านเรือน หน่วยงานราชการ และพื้นที่ทางการเกษตร รวมทั้งฝาย ได้รับความเสียหาย ล่าสุดทางด้าน นายอัครา พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ลงพื้นที่อำเภอแม่อาย เมื่อวันที่ 13 ก.ย. 67 พร้อมกับได้กำชับให้ทุกหน่วยงานเร่งให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบ

ทางโครงการชลประทานเชียงใหม่ ได้ขานรับนโยบายของท่านรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ อธิบดีกรมชลประทาน และผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ในวันนี้จึงได้ส่งเครื่องจักรกลหนัก เข้าไปในพื้นที่้เพื่อให้การช่วยเหลือเพื่อรับเส้นทางที่ได้รับความเสียหายจากดินโคลนถล่ม ทางขึ้นสถานีพัฒนาการเกษตรที่สูงอันเนื่องมาจากพระราชดำริห้วยเมืองงาม บ้านสุขฤทัย ต.ท่าตอน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ และได้ส่งกำลังเจ้าหน้าที่พร้อมรถบรรทุกน้ำ ขนาด 6,000 ลิตร จำนวน 2 คัน ไปช่วยชำระล้างถนน และบ้านเรือนของราษฎร ตามความต้องการของพี่น้องประชาชนบ้านใหม่หมอกจ๋าม ต.ท่าตอน แม่อาย พร้อมเจ้าหน้าที่

ในขณะเดียวกันทางสำนักงานชลประทานที่ 1 สนับสนุนรถบรรทุกน้ำ ขนาด 6,000 ลิตร จำนวน 8 คัน รถบรรทุกเทท้าย จำนวน 5 คัน พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ เครื่องจักร เครื่องมือ เข้าพื้นที่อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชนด้วยเช่นกัน

เชิญชวนเที่ยวงานเทศกาลอะโวคาโด และ ของดีอำเภอหางดง ครั้งที่ 4

เชิญชวนเที่ยวงานเทศกาลอะโวคาโด และ ของดีอำเภอหางดง ครั้งที่ 4 เลือกซื้ออะโวคาโดคุณภาพดี และสินค้าเกษตรปลอดภัย ระหว่าง วันที่ 12 ถึง วันที่ 16 กันยายน นี้ พร้อมชมความสวยงามของ โลหะปราสาท พระธาตุศรีเมืองปง แห่งเดียวของภาคเหนือ ส่งเสริมการท่องเที่ยว และกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก

ที่ สนามกีฬาเทศบาลตำบลบ้านปง อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ เทศบาลตำบลบ้านปง ร่วมกับ องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ อำเภอหางดง และหน่วยงานภาคีเครือข่าย จัดงานเทศกาลอะโวคาโด และของดีอำเภอหางดง ครั้งที่ 4 ระหว่าง วันที่ 12 ถึง วันที่ 16 กันยายนนี้ นายจิรายุทธ วงค์แสนใจ นายกเทศมนตรีตำบลบ้านปง เชิญชวนประชาชน และนักท่องเที่ยว ท่องเที่ยวในเทศกาลอะโวคาโด และของดีอำเภอหางดง ครั้งที่ 4 เพื่อเป็นการส่งเสริมอาชีพ การปลูกอะโวคาโด และพืชผลทางการเกษตร อื่น ๆ ของเกษตรกรในพื้นที่ ตลอดจนเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยว ในตำบลบ้านปง ให้เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยว ทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ สร้างรายได้ให้เกษตรกร และประชาชนในพื้นที่ ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก ให้มั่นคงยั่งยืน

กิจกรรมภายในงานพบกับ การประกวดอะโวคาโด และพืชผลทางการเกษตร การแข่งขันลาบเมือง การแข่งขันกินอะโวคาโด การประกวดหนูน้อยอะโวคาโด การประกวดธิดาอะโวคาโด การออกร้านจำหน่ายสินค้า และผลิตภัณฑ์ของดีตำบลบ้านปง การจัดนิทรรศการของหน่วยงานในพื้นที่อำเภอหางดง กิจกรรมวิ่งเทรล และมหรสพ การละเล่นต่างๆ อีกมากมาย

นอกจากนี้ เชิญชวนนักท่องเที่ยว เยี่ยมชม และกราบสักการะ พระธาตุศรีเมืองปง โลหะปราสาทแห่งเดียวของภาคเหนือ แหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตที่กำลังเป็นกระแสอยู่ในขณะนี้

นายกเทศมนตรีตำบลบ้านปง กล่าวเพิ่มเติมว่า ตำบลบ้านปง มีพื้นที่ปลูกอะโวคาโดมากในหมู่ที่ 5 6 7 8 10 และ หมู่ 11 เนื่องจากเป็นพืชผล ที่เจริญเติบโตได้ดี ในทุกสภาพพื้นที่ ให้ผลผลิตเร็ว และดก มีความหลากหลายของสายพันธุ์ ทั้งยังเป็นผลไม้ เพื่อสุขภาพที่มีคุณค่า ทางโภชนาการ ให้พลังงานสูง แต่มีประมาณน้ำตาลต่ำ จึงเป็นที่นิยม มีปริมาณความต้องการสูง ทั้งตลาดภายในประเทศ และต่างประเทศ เพิ่มขึ้นทุกปี

นอกจากอะโวคาโด ที่ส่งเสริมให้เป็นพืชเศรษฐกิจ ของตำบลบ้านปงแล้ว ยังมีพืชผลทางการเกษตรอื่น ที่มีการส่งเสริมให้ปลูก เช่น ผักกาดกวางตุ้ง คะน้าฮ่องกง ยอดชาโยเต้ เบบี้ฮ่องเต้ ผักกาดหอมใบแดง มะเขือม่วงก้านเขียว มะเขือม่วงก้านดำ ถั่วแขก กุยช่ายดอกไต้หวัน มะระหยก มะระขาว เสาวรสหวาน โกโก้ งาดำ ถั่วขาว ข้าว กุหลาบกระถาง เป็นต้น

ขอเชิญชวนประชาชน นักท่องเที่ยว และผู้สนใจร่วมงานเทศกาลอะโวคาโด และของดีอำเภอหางดง ครั้งที่ 4 ได้ตามกำหนดวันดังกล่าว ณ สนามกีฬาเทศบาลตำบลบ้านปง อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่

ชลประทานเชียงใหม่ ส่งเครื่องจักร เครื่่องมือ กำลังคน ช่วยเหลือประชาชนฝางและแม่อาย

ผอ.ชลประทานเชียงใหม่ ส่งเครื่องจักร เครื่่องมือ กำลังเจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือประชาชนพื้นที่ฝางและแม่อาย จากผลกระทบพายุ “ยางิ” หลังผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้ให้ทุกหน่วยงานเข้าไปดำเนินการช่วยเหลือพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ

 

วันที่ 11 ก.ย. 67 นายเกื้อกูล มานะสัมพันธ์สกุล ผู้อำนวยการโครงการชลประทานเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ตามที่เกิดฝนตกหนักจากพายุ “ยางิ” ในเขต อ.ฝาง และแม่อาย และตามข้อสั่งการของศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย น้ำป่าไหลหลาก และดินถล่ม จังหวัดเชียงใหม่ ปี 2567 ทางผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้ให้ทุกหน่วยงานเข้าไปดำเนินการช่วยเหลือพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ

ทางโครงการชลประทานเชียงใหม่ ได้มอบหมายให้ นายชนม์ฐพัฒน์ เครือศรี หัวหน้าฝ่ายจัดสรรน้ำและปรับปรุงระบบชลประทาน โครงการชลประทานเชียงใหม่ พร้อมด้วย นายวิสูตร จันทร์เขียว หัวหน้าฝ่ายช่างกล โครงการชลประทานเชียงใหม่ นำเครื่องจักร เครื่องมือ ประกอบด้วย เครื่องสูบน้ำขนาด 8 นิ้ว จำนวน 3 เครื่อง โรงเรียนรังษีวิทยา อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วยรถ รถขุดไฮดรอลิคตีนตะขาบ รถบรรทุกน้ำ ขนาด 6,000 ลิตร รถบรรทุก 6 คัน รถบรรทุกพร้อมน้ำมันเชื้อเพลิงสนับสนุนเบื้องต้น 1,000 ลิตร และกำลังเจ้าหน้าที่เข้าทำการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน

สำหรับในพื้นที่อำเภอแม่อาย ก็ได้ให้เจ้าหน้าที่โครงการชลประทานเชียงใหม่ เข้าไปตรวจสอบพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบและเข้าให้การช่วยเหลือพี่น้องประชาชนอย่างเร่งด่วนเช่นกัน นอกจากนี้ก็ได้สั่งการให้ตรวจสอบอาคารชลประทาน อ่างเก็บน้ำที่อยู่ส่วนรับผิดชอบของโครงการชลประทานด้วย ซึ่งเบื้องต้นยังอยู่ในระหว่างการตรวจสอบว่ามีหรือไม่ หากพบก็จะดำเนินการแก้ไขทันที และได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เฝ้าระวัง ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดจนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติ

ภารกิจที่เข้าดำเนินการสนับสนุนอุทกภัยในเขต อ.แม่อาย อ. ฝาง ของโครงการชลประทานเชียงใหม่ มีแผนเข้าดำเนินการดังนี้ จุดที่1 คันกันน้ำแม่สาว ต.แม่สาว อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ ภารกิจ ปิดคันที่ขาดให้น้ำไหลกลับสู่ลำน้ำเดิม โดยใช้เครื่องจักร:รถขุดไฮดรอลิค 1 คัน รถบรรทุกเทท้าย 2 คัน รถ service 1 คัน จุดที่2: โรงเรียนรังสีวิทยา อ. ฝาง จ.เชียงใหม่ ภารกิจสูบน้ำที่ท่วมขังในโรงเรียน โดยใช้เครื่องสูบน้ำขนาด 8 นิ้ว 1 เครื่อง รถบรรทุกน้ำ 6,000 ลิตร 1 คัน นอกจากนี้ในจุดอื่นๆ ได้ส่งเครื่องจักรที่พร้อมให้การสนับสนุนเมื่อมีการร้องขอรับการช่วยเหลือ ประกอบด้วย เครื่องสูบน้ำ 8 นิ้ว 2 เครื่อง รถเทรเลอร์หัวลาก 1 คัน

นอกจากนี้ในพื้นที่อื่นๆ ตลอดลำน้ำแม่ปิง ลำน้ำสาขา ตั้งแต่ต้นน้ำแม่ปิง ที่อำเภอเชียงดาว จนถึงท้ายน้ำที่อำเภอจอมทอง ซึ่งมีประตูระบายน้ำแม่สอย ก็ให้ตรวจสอบระดับน้ำและควบคุมปริมาณน้ำให้อยู่ในเกณฑ์ ไม่ให้เกิดผลกระทบกับพื้นที่ ซึ่งเบื้องต้นระดับน้ำในแม่น้ำปิง และแม่น้ำสาขา ยังอยู่ในเกณฑ์ปกติ

ดินถล่มระหว่างเส้นทางบ้านดอยแหลม-ปางต้นฆ้อง ล่าสุดมีผู้สูญหาย 4 ราย

ฝนตกหนักพื้นที่ อุทยานแห่งชาติฟ้าห่มปก ดินถล่มระหว่างเส้นทางบ้านดอยแหลม-ปางต้นฆ้อง ล่าสุดมีผู้สูญหาย 4 ราย สนธิกำลังเร่งติดตาม เจออุปสรรคพื้นที่ติดต่อสื่อสารยาก

วันที่ 10 ก.ย. 2567 นางสาวนิภาพร ไพศาล หัวหน้าอุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปก รายงานว่า สืบเนื่องวันนี้ (10 ก.ย. 67) เกิดฝนตกหนักในพื้นที่ ปริมาณน้ำฝนบริเวณหน่วยฯ ดป.1 (ดอยลาง) 110 มม. ปริมาณน้ำฝนบริเวณหน่วยฯ ดป.4 (บ้านเล็กในป่าใหญ่) 160 มม. และลานกางเต็นท์กิ่วลม ปริมาณน้ำฝน 143 มม. ส่งผลให้เกิดน้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วม ดินถล่ม ในพื้นที่ อุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปก ได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่

เจ้าหน้าที่ หน่วยฯ ดป. 4 (บ้านเล็กในป่าใหญ่) เข้าช่วยเหลือราษฎรบ้านหมอกเปา ต.แม่สาว อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ ขนย้ายสิ่งของ ขนกระสอบทราย กั้นบ้านเรือนที่อยู่ริมน้ำ

นอกจากนี้ยังพบว่า เกิดดินถล่มระหว่างเส้นทางบ้านดอยแหลม-ปางต้นฆ้อง ไม่สามารถสัญจรได้ จนท. หน่วยฯ ดป.1 (ดอยลาง) ได้เข้าช่วยเหลือในจุดเกิดเหตุแล้ว เบื้องต้นรายงานว่ามีผู้สูญหาย 4 ราย แต่เนื่องจากสัญญาณโทรศัพท์ขัดข้อง การติดต่อสื่อสารเป็นไปด้วยความยากลำบาก และได้ส่งเจ้าหน้าที่หน่วยอื่นๆ เข้าสบทบแล้ว