ลุยต่อ ชาวบ้าน 4 ตำบล อำเภอดอยสะเก็ด รวมตัวเรียกร้องปิดบ่อขยะ

ชาวบ้าน 4 ตำบล อำเภอดอยสะเก็ด รวมตัวเรียกร้องปิดบ่อขยะ หลังจากบุกยื่นหนังสือถึงผู้ว่าฯ เชียงใหม่ ที่ศูนย์การจัดการขยะมูลฝอยรวมแบบครบวงจร องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ หลังต้องทนกับกลิ่นเหม็นไม่ นานว่า 3 เดือน เนื่องจากมีการรับขยะนอกพื้นที่ อ.ดอยสะเก็ด เกินปริมาณ ยิ่งช่วงฤดูฝน ทำให้ขยะส่งกลิ่นเหม็น ทั่วพื้นที่ ด้าน อบจ.เชียงใหม่ ประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหาทางออกยืนยันจะแก้ไขปัญหาให้ได้ภายใน 1 เดือน ขณะที่ชาวบ้านไม่มีความเชื่อมั่นว่าจะสามารถแก้ไขปัญหาได้

ที่หน้า ศูนย์การจัดการขยะมูลฝอยรวมแบบครบวงจร องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ บ้านป่าตึงน้อย ต.ป่าป้อง อ.ดอยสะเก็ด นายชนัตถ์ สุทธสุวรรณ นำชาวบ้านในพื้นที่ 4 ตำบลในอำเภอดอยสะเก็ดได้แก่ ตำบลป่าป้อง,ตำบลเชิงดอย,อำเภอแม่โป่ง และตำบลดอยสะเก็ด ที่ได้รับผลกระทบจากมลภาวะขยะที่ถูกนำมากองไว้ภายในศูนย์ ศูนย์การจัดการขยะมูลฝอยรวมแบบครบวงจร องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ รวมตัวถือป้ายประท้วง และติดตามความคืบหน้าการแก้ไขปัญหามลภาวะจากขณะจากศูนย์ฯ มาตั้งแต่ช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งที่ผ่านมาได้รับความเดือดร้อนจากกลิ่นเหม็นรบกวนของขยะ มานาน ก่อนหน้านี้ได้รวมตัวกันยื่นหนังสือร้องเรียนร้องทุกข์เกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้นจากโรงคัดแยกขยะและบ่อขยะดังกล่าวพร้อมกับรายชื่อชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนเสนอถึงผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่

โดยได้เรียกร้อง 1.ขอให้ทาง อบจ.เชียงใหม่และบริษัทฯผู้รับจ้าง เปลี่ยนคณะกรรมการบริหารชุดปัจจุบันทั้งหมดของโรงงานเนื่องจากไม่สามารถบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่เคยรับฟังหรือสนใจในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น และไม่เคยเห็นในความสำคัญต่อผลกระทบต่างๆที่มีต่อชุมชน นอกจากกลิ่นขยะแล้ว ถนนหน้าโครงการฯที่ใช้ร่วมกับชุมชนมีแต่ดินโคลนจากการวิ่งของรถบรรทุกสร้างความลำบากให้ชาวบ้าน แจ้งแล้วก็ไม่เคยแก้ไข,2.ขอกำหนดระยะเวลาในการแก้ปัญหาเรื่องกลิ่นมีผลกระทบกับชุมชนในปัจจุบันให้ชัดเจนว่าจะใช้ระยะเวลาเท่าไหร่ โดยหากไม่สามารถบริหารจัดการได้ตามระยะที่ที่ประชุมได้แจ้งและตกลงกันไว้ทางชุมชนขอให้พิจารณาปิดการรับขยะ,3.หลังจากแก้ไขปัญหาเรื่องกลิ่นแล้ว ปริมาณขยะที่เข้ามาในโรงงานขอให้เป็นไปตามที่กำหนดไว้ในสัญญาและที่ตกลงไว้กับชุมชน คือไม่เกิน 250 ตันต่อวัน และต้องเสนอวิธีการจัดการขยะที่จะไม่ส่งผลกระทบต่อชุมชนมาให้ชุมชนได้ทำการพิจารณาเห็นชอบก่อนเริ่มดำเนินการ และ 4.จัดตั้งคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบจัดการแก้ไขปัญหาในครั้งนี้ โดยแต่งตั้งผู้แทนจากชุมชนที่ได้รับผลกระทบเป็นกรรมการไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของกรรมการทั้งหมด

ซึ่งวันนี้ องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ นายสมชาติ วัฒนากล้า รองนายกอบจ.เชียงใหม่ ได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้ง ตัวแทนจาก ฝ่ายปกครอง อ.ดอยสะเก็ด สำนักงานสิ่งแวดล้อมฯ สำนักงานสาธารณสุข จ.เชียงใหม่ สำนักงานอุตสาหกรรม จ.เชียงใหม่ เทศบาลตำบลป่าป้อง เข้าประชุมหาแนวทางในการก้ไขปัญหา ซึ่งขณะที่มีการประชุมหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาขยะอยู่ยังมีรถบรรทุกขยะทั้งภาครัฐ และเอกชนในพื้นที่รอบๆเมืองเชียงใหม่ ขนขยะมาทิ้งอยู่ตลอดเวลา ซึ่งจากการสังเกตพบว่า มีรถบรรทุกขยะจาก อปท.หนึ่งในพื้นที่ อ.แม่แตง ซึ่งอยู่ห่างจากศูนย์ศูนย์การจัดการขยะไม่ต่ำกว่า 50 กม.

ด้าน นายสมชาติ วัฒนากล้า รองนายกอบจ.เชียงใหม่ เปิดเผยว่าหลังการประชุมว่า ศูนย์การจัดการขยะมูลฝอยรวมแบบครบวงจร องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ มีบริษัทเอกชนรายหนึ่ง ได้เข้ามาบริหารจัดการ ซึ่ง แนวทางการแก้ไขปัญหา ในที่ประชุมได้ข้อสรุปในการแก้ไขปัญหาขยะล้นบ่อ ศูนย์การจัดการขยะมูลฝอยรวมแบบครบวงจร 1. ใช้โดรนพ่นและรถดับเพลิงในการพ่น EM เพื่อลดปัญหากลิ่นและมลภาวะในระยะเร่งด่วน 2. จำกัดจำนวนไม่ให้ขยะเข้ามาในศูนย์ไม่เกิน 300 ตันต่อวัน 3. เสนอ จังหวัดแต่งตั้งคณะกรรมการควบคุมการทำงานของบริษัท โดยให้มีชาวบ้านเข้าร่วม 4. ตั้งกำแพง และแสลมสูง เพื่อบังลมไม่ให้กลิ่นขยะฟุ้งกระจายไปไกลและลดกลิ่นเหม็น 5. อบจ.ทำแผนการบริหารจัดการตัดยอดกองขยะลงให้ได้ แต่ปัญหาคือปริมาณขยะในศูนย์ฯ มากเกิน หากรับขยะเข้ามาเยอะ ก็แก้ปัญหารยะยาวไม่ได้ จึงได้มีการเสนอต้องหยุดรับขยะ แล้วเคลียร์ขยะเดิมออกให้หมดโดยเร็ว เพราะมีขยะ ค้าง 30,000 ตัน ต้องหยุดรับก่อน เคลียร์ให้หมด โดยนำออกนอกพื้นที่แล้วค่อยมาเริ่มบริหารจัดการใหม่ ซึ่งกองที่นี่มีความสูงถึง 7 เมตรไม่มีทางลดขยะได้ ถ้ายังมีขยะเข้ามาทุกวันแบบนี้ อย่างไรก็ตามขณะนี้ได้แจ้งให้บริษัทมีเวลา 1 เดือนในการแก้ไขปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้น

ขณะที่นายชนัตถ์ สุทธสุวรรณ ตัวแทนชาวบ้าน เปิดเผยว่า ตั้งแต่เดือน พ.ค.67 เป็นต้นมา ถึงทุกวันนี้เป็นระยะเวลารวมประมาณ 3 เดือนแล้ว ที่ชาวบ้านในพื้นที่ 3-4 ตำบล ที่อยู่โดยรอบและใกล้เคียงศูนย์การจัดการขยะมูลฝอยรวมแบบครบวงจร อบจ.เชียงใหม่ ต่างได้รับความเดือดร้อนอย่างหนักจากกลิ่นขยะที่เหม็นรุนแรงและฝูงแมลงวันรบกวนที่เป็นพาหะของโรคต่างๆ ซึ่งส่งผลกระทบแทบจะตลอดทั้งวันต่อการใช้ชีวิตประจำวัน หลังจากที่รับฟังคำชี้แจงของ ท่าน รอง นายก อบจ.วันนี้ตนและชาวบ้านยังไม่มีความเชื่อมั่นว่าทางเจ้าหน้าที่จะสามารถแก้ไขปัญหาได้ภายใน 1 เดือน อย่างไรก็ตามคงต้องให้เวลาในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น เช่นภายใน 1 สัปดาห์จะมีการตั้งคณะกรรมการควบคุมการทำงานของบริษัท โดยให้มีชาวบ้านเข้าร่วม นอกจากนี้ระยะเวลา 1 เดือนจะสามารถเคลียร์กองขยะที่ทับถมภายในศูนย์จัดการขยะให้ได้ตามที่รับปากกับชาวบ้านไว้ อย่างวไรก็ตามหากจะมีการนำขยะมาคัดแยกที่ศูนย์นเมื่อคัดแยกขยะแล้วต้องนำขยะออกไปทันทีไม่ต้องนำมาฝังกลบที่นี่ อย่างไรก็ตามหลังจากนี้ชาวบ้านจะเฝ้าติดตามการแก้ไขปัญหาอย่างใกล้ชิด หากไม่สามารถดำเนินการได้คงต้องใช้มวลชนเรียกร้องกับผู้ที่เกี่ยวข้องและจะมีการปิดศูนย์จัดการขยะฯ อย่างแน่นอน

จัดงาน “วันเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าโลก” รำลึกความเสียสละของเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า

หน่วยงานกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จัดงาน “วันเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าโลก” รำลึกคุณงามความดี และการทำงานอันเสียสละของเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า พร้อมเผยข่าวดีปีงบ 68 เพิ่มค่าตอบแทนของเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า จาก 9,000 บาท เป็น 11,000 บาท

วันนี้ (31 ก.ค. 67) กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ร่วมกับ กรมป่าไม้ และกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง จัดงานวันเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าโลก หรือ World Ranger Day ที่ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา จังหวัดเชียงใหม่ โดยมี ร้อยเอก รชฏ พิสิษฐบรรณกร ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธาน พร้อมทั้งมี ผู้บริหารกระทรวงทรัพยากรณธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมถึง นายทศพล เผื่อนอุดม รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ส่วนราชการจังหวัดเชียงใหม่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมงาน

สำหรับการจัดงานดังกล่าว จัดขึ้นเพื่อเป็นการรำลึกถึงคุณงามความดี และการทำงานอันเสียสละของเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า ในการปกป้องรักษาทรัพยากรป่าไม้และสัตว์ป่าทั้งบนบกและท้องทะเล ซึ่งข้อมูล ณ วันที่ 26 กรกฎาคม 2567 พบว่าปัจจุบันมีเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าอยู่ประมาณ 21,000 คน โดยในปีที่ผ่านมามีเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าที่เสียชีวิตจำนวน 11 คน เป็นของกรมอุทยานฯ 8 คน และกรมป่าไม้ 2 คน

โดยภายในงาน มีการวางพวงมาลา กล่าวสดุดีเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า และกิจกรรมสร้างขวัญกำลังใจ ทั้งการมอบโล่ประกาศเกียรติคุณ อุปกรณ์ยังชีพของเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า รวมถึงการเลี้ยงโต๊ะจีนเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าที่ร่วมงานกว่า 1,000 คน กิจกรรมสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับบทบาทหน้าที่ของเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า และการแสดงรถยนต์ปฏิบัติการเฝ้าระวังและติดตามการลักลอบตัดไม้และล่าสัตว์ในอุทยานแห่งชาติ

นอกจากนี้ ในปีงบประมาณ 2568 กรมอุทยานแห่งชาติฯ ได้รับการอนุมัติให้ปรับอัตราค่าตอบแทนของเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า จาก 9,000 บาท เป็น 11,000 บาท โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2567 เป็นต้นไป ตลอดจนโครงการจัดหาวัสดุสำหรับใช้ในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ โดยให้สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 1-16 และสาขาทุกสาขา จัดหาวัสดุจำนวน 15 รายการ ที่จำเป็นสำหรับใช้ในการปฏิบัติงาน เช่น เปลนอนประกอบมุ้ง ถุงนอน ฟลายชีท ผ้าใบกันฝน กระบอกกรองน้ำแบบพกพา เป็นต้น เพื่อส่งมอบให้เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าในสังกัด 8,875 คน ในวงเงิน 9,210,000 บาท

ชาวดอยสะเก็ด ทนกลิ่นขยะไม่ไหวยื่นหนังสือถึงผู้ว่าฯ

ร้องผู้ว่าฯ  ศูนย์การจัดการขยะมูลฝอยรวมแบบครบวงจร องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ ที่ตั้งอยู่หมู่ที่ 1 บ้านป่าตึงน้อย ตำบลป่าป้อง อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ เหม็นจนทนไม่ไหว!! ชาวบ้านในอ.ดอยสะเก็ด ทนกลิ่นไม่ไหวยื่นหนังสือถึงผู้ว่าฯ ขอเปลี่ยนคณะกรรมการบริหารชุดปัจจุบันทั้งหมดของโรงงานเนื่องจากไม่สามารถบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่เคยรับฟังหรือสนใจในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น

ที่ว่าการอำเภอดอยสะเก็ด อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ ทางตัวแทนชาวบ้านจาก 4 ตำบล ของอ.ดอยสะเก็ด ได้แก่ ตำบลป่าป้อง,ตำบลเชิงดอย,อำเภอแม่โป่ง และตำบลดอยสะเก็ด ที่อยู่โดยรอบและใกล้เคียงกับศูนย์การจัดการขยะมูลฝอยรวมแบบครบวงจร องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ ที่ตั้งอยู่หมู่ที่ 1 บ้านป่าตึงน้อย ตำบลป่าป้อง อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งได้รับความเดือดร้อนจากกลิ่นเหม็นรบกวนของขยะ มานาน รวมตัวกันยื่นหนังสือร้องเรียนร้องทุกข์เกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้นจากโรงคัดแยกขยะและบ่อขยะดังกล่าว พร้อมข้อเสนอ 4 ข้อให้ดำเนินการแก้ไขปัญหา และรายชื่อชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนเสนอถึงผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ โดยนายชนัตถ์ สุทธสุวรรณ เป็นตัวแทนชาวบ้านยื่นหนังสือผ่านนายจักรินทร์ สิรินทรภูมิ นายอำเภอดอยสะเก็ด

โดยข้อเสนอในหนังสือร้องเรียนดังกล่าวนั้น ประกอบด้วย 1.ขอให้ทาง อบจ.เชียงใหม่และบริษัทฯผู้รับจ้าง เปลี่ยนคณะกรรมการบริหารชุดปัจจุบันทั้งหมดของโรงงานเนื่องจากไม่สามารถบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่เคยรับฟังหรือสนใจในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น และไม่เคยเห็นในความสำคัญต่อผลกระทบต่างๆที่มีต่อชุมชน นอกจากกลิ่นขยะแล้ว ถนนหน้าโครงการฯที่ใช้ร่วมกับชุมชนมีแต่ดินโคลนจากการวิ่งของรถบรรทุกสร้างความลำบากให้ชาวบ้าน แจ้งแล้วก็ไม่เคยแก้ไข,2.ขอกำหนดระยะเวลาในการแก้ปัญหาเรื่องกลิ่นมีผลกระทบกับชุมชนในปัจจุบันให้ชัดเจนว่าจะใช้ระยะเวลาเท่าไหร่ โดยหากไม่สามารถบริหารจัดการได้ตามระยะที่ที่ประชุมได้แจ้งและตกลงกันไว้ทางชุมชนขอให้พิจารณาปิดการรับขยะ,3.หลังจากแก้ไขปัญหาเรื่องกลิ่นแล้ว ปริมาณขยะที่เข้ามาในโรงงานขอให้เป็นไปตามที่กำหนดไว้ในสัญญาและที่ตกลงไว้กับชุมชน คือไม่เกิน 250 ตันต่อวัน และต้องเสนอวิธีการจัดการขยะที่จะไม่ส่งผลกระทบต่อชุมชนมาให้ชุมชนได้ทำการพิจารณาเห็นชอบก่อนเริ่มดำเนินการ และ 4.จัดตั้งคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบจัดการแก้ไขปัญหาในครั้งนี้ โดยแต่งตั้งผู้แทนจากชุมชนที่ได้รับผลกระทบเป็นกรรมการไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของกรรมการทั้งหมด

ทั้งนี้นายชนัตถ์ เปิดเผยว่า ตั้งแต่เดือน พ.ค.67 เป็นต้นมา ถึงทุกวันนี้เป็นระยะเวลารวมประมาณ 3 เดือนแล้ว ที่ชาวบ้านในพื้นที่ 3-4 ตำบล ที่อยู่โดยรอบและใกล้เคียงศูนย์การจัดการขยะมูลฝอยรวมแบบครบวงจร อบจ.เชียงใหม่ ต่างได้รับความเดือดร้อนอย่างหนักจากกลิ่นขยะที่เหม็นรุนแรงและฝูงแมลงวันรบกวนที่เป็นพาหะของโรคต่างๆ ซึ่งส่งผลกระทบแทบจะตลอดทั้งวันต่อการใช้ชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะผลกระทบที่เกิดขึ้นกับเด็กและผู้สูงอายุ รวมทั้งผู้ป่วยในชุมชน โดยที่ผ่านมาทางเทศบาลตำบลป่าป้อง ได้ออกหนังสือแจ้งเตือนให้ทางศูนย์ฯ เร่งปรับปรุงแก้ไขปัญหาเพื่อลดผลกระทบต่อชาวบ้านและชุมชน แต่ปรากฏว่าปัญหายังคงรุนแรงและขยายวงกว้าง ทำให้ชาวบ้านต้องรวบรวมรายชื่อกันและยื่นหนังสือร้องเรียนในครั้งนี้ โดยหวังว่าข้อเรียกร้องจากชาวบ้านจะได้รับการพิจารณาและปัญหาได้รับการแก้ไขโดยเร็วที่สุด

PEA ทุ่มเกือบ 80 ล้าน นำแบตเตอร์รี่สำรองช่วยแก้ไขไฟฟ้าให้ชาวอำเภอพร้าว

จังหวัดเชียงใหม่ PEA ใช้งบประมาณเกือบ 80 ล้านบาท ในการดำเนินการพัฒนาระบบไฟฟ้าด้วยระบบกักเก็บพลังงานเชื่อมต่อในระบบ ระบบกักเก็บพลังงานแบตเตอรี่ (Battery Energy Storage System หรือ BESS ให้แก่ประชาชนกว่า 22,124 ครัวเรือน ได้ใช้ไฟฟ้าที่มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น และช่วยแก้ปัญหาไฟฟ้าดับเป็นระยะเวลานานในพื้นที่ อำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่ ให้ลดลง

นายศุภชัย เอกอุ่น ผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค หรือ PEA เป็นประธานพิธีเปิดโครงการพัฒนาระบบไฟฟ้าด้วยระบบกักเก็บพลังงานเชื่อมต่อในระบบจำหน่ายพื้นที่ อำเภอพร้าวจังหวัดเชียงใหม่ ณ สำนักงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคสาขาพร้าว พร้อมด้วยหน่วยงานภาครัฐ เอกชน องค์กรปกครองส่วนท้อง และประชาชนในอำเภอพร้าว เพื่อเปิดใช้งานหลังจากในพื้นที่อำเภอพร้าว ประสบปัญหาไฟฟ้าดับบ่อยครั้ง โดยเฉพาะในห้วงฤดูฝนหากเกิดต้นไม้ล้ม ทับพาดสายไฟฟ้าจะทำให้เกิดผลกระทบเป็นวงกว้างประชาชนในอำเภอพร้าวจะขาดไฟฟ้าทั้งหมด เพื่อเป็นการแก้ไขปํญหาได้นำระบบกักเก็บพลังงาน ไว้ในแบตเตอรี่ ซึ่งสามารถสำรองไฟฟ้าไว้ใช้ได้ทั้งอำเภอนาน 4 ชั่วโมงหากเกิดไฟฟ้าดับ ช่วยบรรเทาปัญหาไฟฟ้าดับไม่ให้เกิดผลกระทบต่อประชาชน ภาคธุรกิจ ร้านค้า สถานที่ราชการ โรงพยาบาล ตลอดจนภาคการเกษตร อย่างไรก็ตามใช้งบประมาณเกือบ 80 ล้านบาท ในการดำเนินการพัฒนาระบบไฟฟ้าด้วยระบบกักเก็บพลังงานเชื่อมต่อในระบบ ระบบกักเก็บพลังงานแบตเตอรี่ (Battery Energy Storage System หรือ BESS ยังมีฟังก์ชัน Voltage Regulation ช่วยรักษาระดับแรงดันไฟฟ้าในพื้นที่ให้อยู่ในมาตรฐานการให้บริการ พร้อมฟังก์ชัน Peak Shaving ที่ช่วยบริหารจัดการการจ่ายไฟตามความต้องการพลังงานไฟฟ้าสูงสุด ซึ่งประโยชน์ที่จะได้รับจากระบบ BESS ให้แก่ประชาชนกว่า 22,124 ครัวเรือน ได้ใช้ไฟฟ้าที่มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น และช่วยแก้ปัญหาไฟฟ้าดับเป็นระยะเวลานานในพื้นที่ อำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่ ให้ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

อำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่ เป็นพื้นที่ห่างไกลจากแหล่งจ่ายไฟฟ้า (Substation) และเกิดปัญหาไฟฟ้าขัดข้อง ทั้งไฟดับและแรงดันไฟฟ้าตกติดอันดับต้น ๆ ของประเทศ ในปี 2561 ถึงปี 2564 เกิดปัญหากระแสไฟฟ้าขัดข้องจำนวน 302 ครั้ง และมีระยะเวลาไฟฟ้าดับเฉลี่ย 2,944 นาทีต่อปี หรือ 49 ชั่วโมงต่อปี เนื่องจากไม่มีแหล่งจ่ายกระแสไฟฟ้าในพื้นที่ ต้องรับกระแสไฟฟ้าจากแหล่งจ่ายกระแสไฟฟ้านอกพื้นที่ ซึ่งอาจไม่มีเสถียรภาพที่ดี รวมทั้งจากสาเหตุอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ฤดูมรสุม พายุ ไฟป่า จากความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) ส่วนราชการ และผู้นำชุมชน ต้องหารือร่วมกันเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างเร่งด่วน โดยการนำร่องการติดตั้งระบบกักเก็บพลังงานเพื่อแก้ปัญหากระแสไฟฟ้าขัดข้องในพื้นที่ อำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งPEA ให้ความสำคัญกับการพัฒนาระบบไฟฟ้าในพื้นที่ทั่วประเทศ ด้วยการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาใช้เพิ่มขีดความสามารถในการจ่ายไฟฟ้าในสภาวะฉุกเฉิน เพื่อแก้ปัญหาไฟฟ้าตก ไฟฟ้าดับในพื้นที่ โดยมุ่งมั่นให้บริการพลังงานไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพ เชื่อถือได้ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต เศรษฐกิจ และสังคมอย่างยั่งยืน

แก๊งยาซิ่งบิ๊กไบค์ ดูลาดเลา กระบะขับตามไม่รอด ทหารยึดลอตใหญ่ 6 ล้านเม็ด

แก๊งยาซิ่งบิ๊กไบค์ ดูลาดเลา กระบะขับตามไม่รอด ทหารยึดลอตใหญ่ 6 ล้านเม็ดยัดกระสอบซุกเต็มท้ายรถ หน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ชายแดนภาคเหนือ หรือ นบ.ยส.35 (นปส.เชียงราย) ร่วมกับ ฉก.ทัพเจ้าตาก จับกุมผู้ต้องหา 2 ราย พร้อมรถกระบะและบิ๊กไบค์ ยึดยา 6,000,000 เม็ด ในพื้นที่จังหวัดเชียงราย

วันที่ 31 ก.ค. 67 พล.อ.นฤทธิ์ ถาวรวงษ์ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ชายแดนภาคเหนือ หรือ นบ.ยส.35 เปิดเผยว่า จากการเพิ่มมาตรการสกัดกั้นยาเสพติดตามแนวชายแดนด้านจังหวัดเขียงราย และพะเยาโดยการมอบหมายให้ พลตรี นิรันดร์ชัย ทิพย์กาญจนกุล รองผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดสารตั้งตั้นและเคมีภัณท์ชายแดนภาคเหนือ ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ด้านยาเสพติด เพื่อเพิ่มมาตรการในการแก้ไขปัญหาเส้นทางลำเลียงยาเสพติดของ 2 จังหวัด โดยเฉพาะในพื้นที่ อ.เทิง จว.เชียงราย และ อ.ภูซางจว.พะเยา เมื่อวันที่ 30 ก.ค.ที่ผ่านมา

ส่งผลให้เมื่อคืน กก.2 บก.ปส.3 บช.ปส.(นปส.เชียงราย) ร่วมกับ ฉก.ทัพเจ้าตาก จับกุมผู้ต้องหา 2 ราย พร้อมรถกระบะ 1 คัน และรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ 1 คัน คาดว่าเป็นรถนำ บริเวณ บ.หัวดอย ต.ท่าสาย อ.เมือง จว.ช.ร. พร้อมของกลางยาบ้าบรรจุอยู่ภายในกระสอบ ซุกซ่อนอยู่ท้ายกระบะรถยนต์ จำนวน 30 กระสอบๆ ละ 200,000 เม็ด รวมยาบ้า 6,000,000 เม็ด

ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ชายแดนภาคเหนือ หรือ นบ.ยส.35 กล่าวต่อว่า การจับกุมในครั้งนี้เป็นผลจากการติดตามกลุ่มขบวนการลักลอบลำเลียงยาเสพติดตามแนวชายแดน ในพื้นที่ อ.แม่สาย เข้ามาพักคอยในพื้นที่ อ.เมือง จว.ช.ร. ตามที่หน่วยข่าวของ กก.2 บก.ปส.3 บช.ปส.(นปส.เชียงราย)คาดการณ์ไว้

ทั้งนี้หน่วยงานด้านการสกัดกั้นยังคงเพิ่มความเข้มในการป้องกันการลักลอบนำเข้ายาเสพติดอย่างต่อเนื่องถึงแม้ช่วงนี้จะเป็นช่วงฤดูฝนซึ่งอาจจะเป็นอุปสรรคในการปฏิบัติงานก็ตาม

มช.จัดกิจกรรม 72 พรรษา มช สร้างสุขผู้สูงวัย เสริมใจพฤฒพลัง ถวายเป็นพระราชกุศล

มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จัดโครงการกิจกรรม 72 พรรษา มช สร้างสุขผู้สูงวัย เสริมใจพฤฒพลัง เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 72 พรรษา วันที่ 28 กรกฎาคม 2567

ที่ ศูนย์ส่งเสริมพฤฒพลังผู้สูงอายุ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จัดพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณ เพื่อเป็นข้าราชการที่ดี และ พลังของแผ่นดิน และ พิธีลงนามถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 72 พรรษา วันที่ 28 กรกกฎาคม 2567 โดยมี ศาสตราจารย์ ดร.นายแพทย์พงษ์รักษ์ ศรีบัณฑิตมงคล อธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เป็นประธานในพิธี พร้อด้วยผู้บริหาร คณาจารย์ บุคลากร และ ประชาชนร่วมพิธี

นอกจากนี้ ยังได้จัดกิจกรรม 72 พรรษา มช.สร้างสุขผู้สูงวัย เสริมใจพฤฒพลัง ขึ้น เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 72 พรรษา 28 กรกฎาคม 2567 รวมถึง เพื่อถ่ายทอดความรู้ ส่งเสริมสุขภาพกาย ใจ และปัญญา อีกทั้งการเป็นศูนย์กลาง บูรณาการศาสตร์ผู้สูงอายุเผยแพร่องค์ความรู้ ด้านผู้สูงอายุร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ภายใต้ความร่วมมือของ ศูนย์ส่งเสริมพฤฒพลังผู้สูงอายุ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ร่วมกับ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ ศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ คณะทันตแพทยศาสตร์ คณะเภสัชศาสตร์ ศูนย์สุขภาพพร้อม คณะเทคนิคการแพทย์ คณะพยาบาลศาสตร์ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ และ คณะอุตสาหกรรมเกษตร จัดกิจกรรม 72 พรรษา มช.สร้างสุขผู้สูงวัย เสริมใจพฤฒพลัง

กิจกรรมภายในงาน อาทิ การออกกำลังกายฟ้อนเจิง การออกกำลังกายแบบก้าวตามตาราง การออกกำลังกายด้วยการเดินแบบนอร์ดิก การคัดกรองสุขภาพผู้สูงวัย และ สื่อความรู้ในการดูแลสุขภาพสำหรับผู้สูงวัย เพื่อสร้างเสริมสุขภาพที่ดี ทั้งด้านสุขภาพกาย สุขภาพจิต รวมถึงการพัฒนาทักษะต่าง ๆ เพื่อการดำรงชีวิต และพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้สูงวัย

กิจกรรมเพื่อสุขภาพครั้งนี้ จัดขึ้นเพื่อส่งเสริมด้านสุขภาพกาย สุขภาพจิต พัฒนาทักษะต่างๆ สำหรับการดำรงชีวิต และสมาธิของผู้สูงอายุ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต สร้างเสริมสุขภาพที่ดีทั้งกาย และใจ โดยกิจกรรมทั้งหมดไม่เสียค่าใช้จ่าย

นอกจากนี้ ในทุกวันอังคาร วันพฤหัสบดี และวันเสาร์ ตลอดเดือนสิงหาคม 2567 (14 ครั้ง) เวลา 6 นาฬิกา ถึง 7 นาฬิกา จะมีกิจกรรมเพื่อสังคม กิจกรรมชี่กง ถวายเป็นพระราชกุศล แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ณ ศูนย์ส่งเสริมพฤฒพลังผู้สูงอายุ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

ทำบุญเมือง 1,383 ปี เมืองฝาง จัดพิธีตักบาตรพระยิ่งใหญ่ 1,384 รูป

1,383 ปี เมืองฝาง อำเภอร่วมภาคส่วนต่างๆ จัดพิธีตักบาตรพระยิ่งใหญ่ 1,384 รูป เพื่อทำบุญเมือง ถวายเป็นพระราชกุศล และช่วยเหลือผู้ยากไร้ในพื้นที่

วันที่ 27 กรกฎาคม 2567 เวลา 06.00 น. ณ ถนนหน้าที่ว่าการอำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ ว่าที่ร้อยตรี นพรัตน์ ศุภกิจโกศล นายอำเภอฝาง เป็นประธานฝ่ายฆราวาส ในพิธีตักบาตรพระ 1,384 รูป ทำบุญเมืองฝางครบรอบ 1,383 ปี โดยอำเภอฝาง ร่วมกับคณะสงฆ์อำเภอฝาง ส่วนราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และกำนันผู้ใหญ่บ้าน ได้ร่วมกันจัดพิธีตักบาตรพระ 1,384 รูป ทำบุญเมืองฝางครบรอบ 1,383 ปี ประจำปี พ.ศ.2567 เพื่อเป็นการถวายพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 72 พรรษา 28 กรกฎาคม 2567

นอกจากนี้ยังมีการร่วมตักบาตรข้าวสารอาหารแห้ง เพื่อนำไปช่วยเหลือคณะสงฆ์ 323 วัด 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และผู้ประสบภัยพิบัติถวายปัจจัย เพื่อสมทบกองทุนสงฆ์อาพาธอำเภอฝาง บริจาคข้าวสาร เพื่อช่วยเหลือผู้ยากไร้ในพื้นที่อำเภอฝาง และ ร่วมถวายกองทุนการศึกษาโรงเรียนพระปริยัติธรรม 5 โรงเรียน ในอำเภอฝาง แม่อาย ไชยปราการ อีกทั้งยังมอบข้าวสารอาหารแห้งให้กิ่งกาชาดอำเภอฝาง เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ยากไร้ ผู้ป่วยติดเตียง ในพื้นที่อำเภอฝาง

อมก๋อยอ่วม ฝนตกหนักต่อเนื่อง 2 วัน เกิดทั้งดินสไลต์ น้ำท่วมที่นา

อมก๋อยอ่วม ฝนตกหนักต่อเนื่อง 2 วัน พื้นที่ 4 ตำบลได้รัยความเสียหาย เกิดทั้งดินสไลต์ น้ำท่วมที่นา ฝ่ายปกครอง ร่วม อปท. เร่งให้ความช่วยเหลือแล้ว พร้อมเร่งสำรวจความเสียหายเพื่อให้การช่วยเหลือ

วันที่ 27 ก.ค. 2567 เวลา 11.00 น. อำเภออมก๋อย จ.เชียงใหม่ รายงานสถานการณ์ในพื้นที่ว่า จากการเกิดฝนตกอย่างต่อเนื่อง วันที่ 25 – 26 ก.ค. 2567 ทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลาก และเกิดดินสไลด์ปิดในหลายเส้นทางในพื้นที่ตำบลนาเกียน พื้นที่ หมู่ 3 บ้านเกียน น้ำหลากท่วมนา หมู่ 4 บ้านใบหนา ดินสไลด์ปิดถนน หมู่ 21 บ้านทีเนอะ น้ำท่วมนา หมู่ 12 บ้านห่างหลวง ดินสไลด์ปิดถนน 8 บ้านแม่ลอบ มีน้ำท่วมนา และ หมู่ 1 บ้านแม่สะเต น้ำท่วมนา

พื้นที่ตำบลแม่หลอง เกิดดินสไลด์ปิดถนน บริเวณบ้านห้วยปูก่อนเข้าตำบลแม่หลอง ทำให้ไฟฟ้าดับ ติดต่อในพื้นที่ยังไม่ได้ พื้นที่ตำบลแม่ตื่น เกิดฝนตกหนัด ถนน สะพานได้รับความเสียหาย หมู่ 1 บ้านหลวง พนังกั้นน้ำได้รับความเสียหาย หมู่ 7 ซิแบร หมู่ 8 ห้วยยาบ หมู่ 9 แม่ระอาใน หมู่10 แม่ระอานอก หมู่14 ห้วยไก่ป่า ถนน สะพานได้รับความเสียหาย

ตำบลยางเปียง เกิดดินสไลด์ปิดถนนเส้นทาง บ้านขุนสอง ม.11 ต.ยางเปียง สำหรับการดำเนินการเบื้องต้น อำเภออมก๋อย ทั้งฝ่ายปกครอง และ อปท.ในพื้นที่ ได้แจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยง ตำบลแม่หลอง ตำบลยางเปียง ตำบลแม่ตื่น ตำบลม่อนจอง และตำบลนาเกียน และจัดทำป้ายปิดกั้นพื้นที่ ห้ามบุคคลเข้าพื้นที่เสี่ยง พร้อมทั้งจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงดังกล่าว

ส่วนการให้ความช่วยเหลือ ในเส้นทางที่เกิดดินสไลด์ อปท.ในพื้นที่ ผู้นำชุมชน ได้นำรถไถเข้าเปิดเส้นทางให้สามารถสัญจรผ่านได้แล้วบางหมู่บ้าน และรายละเอียดของความเสียหายในพื้นที่ อำเภอ และ อปท. อยู่ระหว่างการเข้าสำรวจ เพื่อให้ความช่วยเหลือต่อไป

ตรวจประตูระบายน้ำท่าวังตาล วางแผนรับมือพายุ หลังประชาชนกังวลจะเกิดน้ำท่วมเหมือนปี 65

ชลประทานเชียงใหม่ เร่งตรวจสอบประตูระบายน้ำท่าวังตาล วางแผนรับมือพายุ หลังประชาชนกังวลจะเกิดน้ำท่วมเหมือนปี 65 พร้อมเตรียมกระสอบทรายเสริมพนังกั้นน้ำไม่ต่ำกว่า 2,000 ใบ ปรับปรุงพนังกั้นน้ำบริเวณท้ายประตูระบายน้ำสูงขึ้นกว่า 1.50 เมตร และกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำ และวัชพืชในลำน้ำปิง ป้องกันปัญหาน้ำเอ่อล้นท่วมบ้านเรือนราษฎร

วันที่ 22 ก.ค. 67 นายชนม์ฐพัฒน์ เครือศรี หัวหน้าฝ่ายจัดสรรน้ำและปรับปรุงระบบชลประทาน โครงการชลประทานเชียงใหม่ พร้อมด้วย นายศิริฉัตร บัวพุทธา หัวหน้าฝ่ายส่งน้ำและบำรุงรักษาที่ 8 โคงการชลประทานเชียงใหม่ ลงพื้นที่ตรวจสอบอาคารประตูระบายน้ำ เครื่องจักรเครื่องมือ และการบริหารจัดการน้ำ เนื่องจากศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคเหนือได้คาดการณ์ว่าจะมีพายุเข้ามาในพื้นที่ภาคเหนือ จำนวน 2 ลูก ตั้งแต่เดือนสิงหาคม – ตุลาคม จะทำให้ฝนตกหนักในพื้นที่ ประกอบกับประชาชนในพื้นที่ตำบลป่าแดด และท่าวังตาลมีความกังวลว่าจะเกิดน้ำท่วมบ้านเรือนราษฎร เหมือนกับปี 65 ที่มีพายุโนรู เข้ามาในพื้นที่ฃ

นายชนม์ฐพัฒน์ เครือศรี หัวหน้าฝ่ายจัดสรรน้ำและปรับปรุงระบบชลประทาน โครงการชลประทานเชียงใหม่ กล่าวว่า ประตูระบายน้ำป่าแดด เป็นประตูระบายน้ำในแม่น้ำปิงที่สำคัญ 1 ใน 9 แห่ง ตาม 10 มาตรการรองรับน้ำในพื้นที่ตัวเมืองเชียงใหม่ การบริหารจัดการน้ำของโครงการชลประทานเชียงใหม่ ตาม 10 มาตรการของชลประทานที่ 1 เมื่อวันที่ 21 มิ.ย. 67 ทางผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 1 มอบหมายให้รองผู้อำนวยการสำนักฯ และผู้อำนวยการส่วนบริหารจัดการน้ำและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ ตรวจสอบอาคารชลประทานที่อยู่ในลำน้ำปิงทั้งหมดตั้งแต่ประตูระบายน้ำท่าวัตาล ในตัวเมืองเชียงใหม่ ถึงประตูระบายน้ำแม่สอย ที่เป็นตัวสุดท้าย ตรวจสอบการบริหารจัดการน้ำ เครื่องมือต่างๆ ให้สามารถใช้การได้ พร้อมใช้งาน 100 เปอร์เซ็นต์ แต่มีบางส่วนที่ได้รับงบประมาณและอยู่ระหว่างการซ่อมแซม การกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำและการกำจัดวัชพืช ทางโครงการชลประทานเชียงใหม่ได้ดำเนินการที่ด้านหน้าประตูระบายน้ำท่าวังตาลไปเรียบร้อยแล้วตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2567 บางส่วนที่มีวัชพืชลอยมาก็ใช้แรงคนทำการเก็บต่อเนื่อง ปัจจุบันประตูท่าวังตาลมีความพร้อม 100 เปอร์เซ็นต์ด้านการบริหารจัดการน้ำ

การกำจัดวัชพืชที่อื่นๆ ทางโครงการชลประทานเชียงใหม่ ก็ดำเนินการจัดเก็บวัชพืชไปหมดแล้ว โดยใช้งบประมาณเป็นค่าน้ำมันในการดำเนินการกับเครื่องจักรในการจัดเก็บวัชพืช สำหรับประตูระบายน้ำท่าวังตาล มีหัวหน้าฝ่ายส่งน้ำและบำรุงรักษาที่ 8 เชียงใหม่ พร้อมเจ้าหน้าที่ทำการเฝ้าระวังเรื่องของสถานการณ์น้ำตลอด 24 ชั่วโมง ทางโครงการชลประทานเชียงใหม่ มีการแต่งตั้งคณะทำงานติดตามสถานการณ์น้ำตั้งแต่ต้นน้ำใน อ.เชียงดาว จุดวัด P.20 มาถึงจุดวัด P.1 สะพานนวรัฐ ตัวเมืองเชียงใหม่ ระยะทาง 100 กว่ากิโลเมตร การเดินทางของน้ำตั้งแต่ต้นน้ำถึงตัวเมืองเชียงใหม่ ใช้เวลากว่า 1 วัน จึงมีเวลารองรับน้ำและแจ้งเตือนภายใน 24 ชั่วโมง และมีการระบายน้ำบางส่วนเพื่อเตรียมความพร้อมในการรองรับน้ำที่จะมาถึง ซึ่งทางศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคเหนือได้มีการแจ้งเตือนในไลน์กลุ่มของผู้บริหารจังหวัดเชียงใหม่ ให้เฝ้าระวังเพราะจะมีสภาวะฝนตกหนัก และมีการติดตามปริมาณน้ำฝนในพื้นที่ตอนบนตั้งแต่อำเภอเชียงดาว แม่แตง เขื่อนแม่งัด ลำน้ำแม่ริมที่เป็นลำน้ำสาขาของลำน้ำปิง มีการติดตามอย่างต่อเนื่อง

สำหรับราษฎรในเขตพื้นที่ตำบลป่าแดด และท่าวังตาล มีความเป็นห่วงว่าจะเกิดน้ำท่วมอีกหรือไม่เหมือนในปี 65 ที่ผ่านมา ซึ่งในปี 65 ได้เกิดพายุ “โนรู” ในวันที่ 3 ตุลาคม 2565 ซึ่งทางสำนักงานชลประทานที่ 1 ได้เก็บสถิติไว้ โดยน้ำที่ไหลผ่านลำน้ำปิงตัวเลขประมาณ 500 ลบ.ม.ต่อวินาที ซึ่งน้ำที่มาจากพายุ “โนรู” วันที 3 – 4 ต.ค. 65 สูงเกินกว่าตลิ่งประมาณ 1 เมตร มีปริมาณน้ำที่วัดได้ 574 ลบ.ม.ต่อวินาที ปริมาณน้ำที่มาจะมากกว่าศักยภาพของลำน้ำปิงที่รองรับได้ถึง 74 ลบ.ม.ต่อวินาที ทำให้น้ำบางส่วนไหลเอ่อล้นพนังกั้นน้ำปิงในจุดที่เป็นฟันหลอต่างๆ ปัจจุบันทางโยธาธิการและผังเมืองได้จัดทำพนังกั้นน้ำไปบางส่วนแล้ว แต่ยังมีจุดที่ยังวิกฤติอยู่ ในช่วงที่เกิดพายุโนรู ทางจังหวัดเชียงใหม่ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้ง ปภ.เชียงใหม่ , สำนักงานชลประทานที่ 1 , เทศบาลตำบลป่าแดด , เทศบาลตำบลท่าวังตาลแจ้งเตือนให้กับประชาชนทราบ แล้วมีการวางกระสอบทราย ซึ่งหลังจากวันที่ 4 ต.ค. 65 เมื่อพายุโนรูผ่านไปแล้วแต่มีน้ำท่วมขังที่บ้านเรือนของราษฎรก็มีการติดตั้งเครื่องสูบน้ำช่วยเหลือในหลายๆ จุด ในส่วนของประตูระบายน้ำท่าวังตาลก็มีการยกประตูระบายน้ำขึ้นทั้งหมด 6 บาน จะเห็นว่าน้ำที่มาจากพายุโนรู เกินศักยภาพของลำน้ำปิง ประกอบกับบริเวณด้านท้ายประตูระบายน้ำมีระดับตลิ่งที่ต่ำกว่าด้านหน้า และเส้นทางน้ำคับแคบ ทางโครงการชลประทานเชียงใหม่ ก็มีแผนในการปรับปรุงยกระดับตลิ่งขึ้นมาประมาณ 1.50 เมตร ป้องกันแนวตลิ่งให้สูงขึ้น

ระดับตลิ่งปัจจุบันด้านหน้าประตูระบายน้ำท่าวังตาล บางจุดยังมีจุดที่เป็นฟันหลอ ยังไม่ได้มีการปรับปรุงพนังกั้นน้ำบางส่วน ก็จะได้ใช้กระสอบทรายและแผ่นไม้บางส่วนทำการปิด ส่วนด้านท้ายน้ำที่มีระตลิ่งต่ำ ทางโครงการชลประทานเชียงใหม่ก็ได้ขอเสนองบประมาณในการปรับปรุงระดับพนังให้สูงขึ้นเท่ากับระดับพนังด้านหน้า ก็จะต้องยกระดับขึ้นมาประมาณ 1.50 เมตร อยู่ในระหว่างการขอสนับสนุนงบประมาณ เมื่อดำเนินการแล้วเสร็จก็จะสามารถป้องกันน้ำที่จะเอ่อล้นเข้าไปท่วมบ้านเรือนของราษฎรในพื้นที่ได้ นอกจากนี้ก็มีการเตรียมกระสอบทรายไว้บางส่วนแล้ว เพื่อจัดทำเป็นทำนบชั่วคราว ไม่ต่ำกว่า 2,000 ใบ และจะมีการประสานเทศบาลเพื่อขอสนับสนุนในบางส่วนเพิ่มเติม และแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งพื้นที่ที่อยู่ในการควบคุมของประตูระบายน้ำท่าวังตาลมีทั้งหมด 44,000 ไร่ และมีฝาย 3 แห่ง ทั้งฝายพญาคำ ฝายหนองผึ้ง และท่าวังตาล แต่ละฝายจะมีระบบส่งน้ำและระบายน้ำ ทั้งหมดนี้น้ำบางส่วนในปี 65 ที่เกิดพายุโนรู จะเห็นว่าน้ำจะเอ่อล้นในจุดที่ต่ำที่เป็นฟันหลอเข้าท่วมบ้านเรือนของประชาชน ตอนนี้ได้สรุปบทเรียนและเสริมพนังกั้นน้ำปิงขึ้น เนื่องจากไม่สามารถขยายความกว้างของลำน้ำปิงได้ ซึ่งด้านท้ายประตูระบายน้ำท่าวังตาลมีเส้นทางน้ำคับแคบ บางช่วงมีความกว้างเพียง 65 – 70 เมตร ทำให้น้ำเอ่อล้นในจุดตลิ่งที่ต่ำ และก็มีการปรับปรุงลำเหมืองเพิ่มเติม และเมื่อเกิดเหตุการณ์น้ำหลากก็จะประสานไปยังจังหวัดลำพูน ที่เทศบาลตำบลอุโมงค์ ที่เป็นปลายน้ำ ให้มีการกำจัดวัชพืช สิ่งกีดขวางทางน้ำ และเปิดประตูระบายน้ำ เพื่อให้น้ำทั้งหมดไหลสู่แม่น้ำกวง

ทางโครงการชลประทานเชียงใหม่ เป็นตัวแทนของกรมชลประทาน ก็ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมีการติดตามสถานการณ์น้ำเป็นประจำทุกวัน สภาพอากาศ พายุ ปริมาณน้ำฝนน้ำท่าในลำน้ำปิง เมื่อเกิดเหตุการณ์ก็จะแจ้งไปยังเลขาของสำนักงานจังหวัดเชียงใหม่ คือ ปภ.เชียงใหม่ ในส่วนของจังหวัดมีการบูรณาการกันอย่างใกล้ชิด ขอให้พี่น้องประชาชนในพื้นที่ ขอให้มีความเชื่อมั่นในการปฏิบัติหน้าที่ของกรมชลประทานและจังหวัดเชียงใหม่

วัดพระธาตุดอยสะเก็ดพระอารามหลวงปลูกต้นไม้เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

วัดพระธาตุดอยสะเก็ดพระอารามหลวง ทำบุญผ้าป่าต้นไม้ และ ปลูกต้นไม้ ถวายเป็นพุทธบูชา และเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระชนมายุครบ 6 รอบ 72 พรรษา ณ วัดพระธาตุดอยสะเก็ดพระอารามหลวง

ที่วัดพระธาตุดอยสะเก็ดพระอารามหลวง นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานในพิธีทำบุญผ้าป่าต้นไม้ ถวายเป็นพุทธบูชา เนื่องในวัน อาสาฬหบูชา และวันเข้าพรรษา และ เฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระชนมายุครบ 6 รอบ 72 พรรษา โดยมี พระราชโพธิวรคุณ รองเจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ พร้อมส่วนราชการ พุทธศาสนิกชน เข้าร่วมพิธีอย่างพร้อมเพียงกัน โดยวันนี้ถือว่าเป็นวันสำคัญทางพุทธศาสนา เป็นวันอาสาฬหบูชา และวันเข้าพรรษา มีนักท่องเที่ยวมาร่วมทำบุญจำนวนมาก

หลังจากเสร็จพิธี นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อม นางกุสุมาล พงษ์สิทธิถาวร นายกเหล่ากาชาด พร้อมหัวหน้าส่วนราชการ ภาคเอกชนประชน และนักท่องเที่ยว ช่วยกันปลูกต้นไม้ บริเวณ วัดพระธาตุดอยสะเก็ดพระอารามหลวง จำนวน 2 พัน กว่าต้น สำหรับการปลูกต้นไม้ครั้งนี้เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมโครงการ ดอยสะเก็ดรุ่งเรือง เมืองดอกไม้งาม เพื่อเปลี่ยนให้ทุกพื้นที่ในอำเภอดอยสะเก็ด เป็นพื้นที่สีเขียว โดยเริ่มต้นที่วัดวัดพระธาตุดอยสะเก็ดพระอารามหลวง เป็นแห่งแรก