“ฮือฮา! น้ำลำห้วยไหลผิดปกติกลางฤดูแล้ง เชื่อมโยงแผ่นดินไหวเมียนมา”

เกิดปรากฏการณ์ประหลาด น้ำไหลในลำห้วยอุทยานแห่งชาติแม่ตะไคร้ ช่วงฤดูแล้ง ไม่เคยเกิดขึ้นในรอบหลายสิบปี สันนิษฐานอาจเกิดจากแผ่นดินไหวเมียนมา เจ้าหน้าที่เร่งตรวจสอบ

เมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2568 อุทยานแห่งชาติแม่ตะไคร้ได้รายงานสถานการณ์น้ำไหลผิดปกติในลำห้วยช่วงฤดูแล้ง ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในรอบหลายสิบปีที่ผ่านมา โดยเหตุการณ์ดังกล่าวได้รับความสนใจอย่างมากจากสื่อออนไลน์และประชาชน

จากการตรวจสอบเบื้องต้นของเจ้าหน้าที่ประจำจุดเฝ้าระวังไฟป่าและอาสาสมัครพิทักษ์อุทยานแห่งชาติฯ พบว่า ณ จุดพักแรมชั่วคราวริมลำห้วยน้ำตกห้วยหก ในพื้นที่ตำบลบ้านธิ อำเภอบ้านธิ จังหวัดลำพูน ซึ่งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติแม่ตะไคร้ ปรากฏว่ามีน้ำไหลในลำห้วย ทั้งที่โดยปกติแล้วลำห้วยดังกล่าวจะแห้งแล้งในช่วงฤดูแล้ง (ธันวาคม-พฤษภาคม) และจะมีน้ำไหลเฉพาะช่วงฤดูน้ำหลากเท่านั้น เบื้องต้น สันนิษฐานว่าปรากฏการณ์ดังกล่าวอาจเป็นผลกระทบต่อเนื่องจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวในประเทศเมียนมา เมื่อวันที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2568

อุทยานแห่งชาติแม่ตะไคร้ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่เข้าสำรวจพื้นที่อย่างเร่งด่วน เพื่อตรวจสอบสภาพทางกายภาพ ตำแหน่งที่ตั้ง และบันทึกภาพถ่ายของแหล่งน้ำที่ไหลออกมา เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงและประเมินความปลอดภัย อย่างไรก็ตาม เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวเป็นภูเขาสูงชันและหุบเขา ทีมสำรวจยังคงอยู่ในระหว่างการปฏิบัติงาน หากมีความคืบหน้าประการใด จะรายงานให้ทราบต่อไป

ขณะนี้ยังคงเป็นช่วงฤดูไฟป่า ซึ่งอุทยานฯ และชุมชนได้ร่วมมือกันป้องกันไฟป่าในพื้นที่มาเป็นเวลาหลายเดือนแล้ว การอนุญาตให้บุคคลภายนอกเข้าไปในพื้นที่อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดไฟป่าได้ ดังนั้น จึงควรควบคุมการเข้า-ออกพื้นที่บริเวณนี้อย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันการแอบแฝง และจะประสานงานกับนักธรณีวิทยาเพื่อเข้าตรวจสอบอีกครั้ง

กันย์ จำนงค์ภักดี
หน.อช.มค.
รายงาน

เหนือวิกฤต PM2.5: เชียงรายอ่วมสุด ค่าฝุ่นพุ่งเกินมาตรฐานต่อเนื่อง สสภ.1 เร่งรับมือ

สถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ในภาคเหนือยังคงอยู่ในขั้นวิกฤต โดยเฉพาะจังหวัดเชียงรายที่เผชิญกับค่าฝุ่นเกินมาตรฐานต่อเนื่องยาวนานที่สุดในภูมิภาค ส่งผลกระทบโดยตรงต่อสุขภาพของประชาชนและสร้างความกังวลให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ขณะที่หน่วยงานภาครัฐเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน ประชาชนในพื้นที่ยังคงต้องเผชิญกับสภาพอากาศที่เลวร้ายและผลกระทบต่อสุขภาพที่ตามมา

สถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ในภาคเหนือยังคงน่าเป็นห่วง โดยเฉพาะจังหวัดเชียงรายที่พบค่าฝุ่นละอองเกินมาตรฐานต่อเนื่องยาวนานที่สุดในภูมิภาค จากรายงานของสำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1 (สสภ.1) ณ วันที่ 2 เมษายน 2568 พบว่าเชียงรายมีจำนวนวันที่ PM2.5 เกินมาตรฐานแล้วถึง 58 วัน นับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมที่ผ่านมา

ค่าฝุ่นพุ่งสูง กระทบสุขภาพ ข้อมูลค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมง ณ เวลา 09.00 น. ระบุว่าหลายพื้นที่ในจังหวัดเชียงรายมีค่า PM2.5 พุ่งสูงเกินระดับที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ โดยเฉพาะที่ตำบลเวียง อำเภอเชียงของ ซึ่งวัดค่าได้สูงถึง 124.4 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ขณะที่จังหวัดอื่น ๆ ในภาคเหนือก็เผชิญปัญหาไม่แพ้กัน โดยลำพูนมีจำนวนวันที่เกินมาตรฐาน 52 วัน เชียงใหม่ 42 วัน และแม่ฮ่องสอน 32 วัน

จุดความร้อนและการกระจายตัว ภาพถ่ายดาวเทียมแสดงจุดความร้อน (Hotspot) จำนวน 1,433 จุดทั่วประเทศ ชี้ให้เห็นถึงการเผาไหม้ในที่โล่งซึ่งเป็นแหล่งกำเนิด PM2.5 ที่สำคัญ นอกจากนี้ ทิศทางลมที่พัดจากทิศตะวันตกเฉียงใต้ยังส่งผลต่อการกระจายตัวของฝุ่นละอองในพื้นที่ภาคเหนือ

มาตรการรับมือสสภ.1 ได้เร่งดำเนินการมาตรการต่าง ๆ เพื่อรับมือกับสถานการณ์ PM2.5 ที่เกิดขึ้น รวมถึงการเฝ้าระวังและแจ้งเตือนประชาชน การควบคุมการเผาในที่โล่ง และการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน

คำเตือนประชาชน ประชาชนในพื้นที่ภาคเหนือควรติดตามข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับสถานการณ์ PM2.5 อย่างใกล้ชิด และปฏิบัติตามคำแนะนำของหน่วยงานภาครัฐ เพื่อป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพ

เชียงใหม่ขับเคลื่อนโครงการ “ป่าจุลินทรีย์” ลดการเผา ป้องกันฝุ่น PM 2.5

ภาคเอกชนและนักวิชาการอิสระร่วมกันผลักดันโครงการ “ป่าจุลินทรีย์” ในพื้นที่ตำบลป่าป้อง อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อลดการเผาป่าและป้องกันปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) โดยนำชาวบ้านในพื้นที่ทำแนวกันไฟในป่าชุมชนกว่า 3,000 ไร่ เพื่อป้องกันไฟป่า และต่อยอดโครงการ “คืนสมดุลให้ป่าชุมชนด้วยจุลินทรีย์” เพื่อฟื้นฟูระบบนิเวศป่าไม้อย่างยั่งยืน ก่อนหน้านี้ ได้มีการอบรมตัวแทนชาวบ้านเกี่ยวกับการทำ EM จากจุลินทรีย์ และการเพาะเชื้อเห็ดป่าจากจุลินทรีย์ เพื่อนำไปหว่านฟื้นฟูสมดุลให้ป่า นอกจากนี้ ยังมีการฉีดพ่น EM น้ำเพื่อเร่งการย่อยสลายใบไม้ ลดเชื้อเพลิงในช่วงฤดูแล้ง

ณ สุสานบ้านป่าตึงน้อย หมู่ 1 ตำบลป่าป้อง อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ นางสาวจันทร์จิรา จำปาอิน ผู้ใหญ่บ้านบ้านป่าตึงน้อย พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ทหาร มณฑลทหารบกที่ 33 (มทบ.33) และทหารจิตอาสา ชาวบ้าน เจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลป่าป้อง และนายจิรศักดิ์ มีสัตว์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายชุมชนสัมพันธ์ กลุ่มบริษัท กัลฟ์ ได้ร่วมกันทำแนวกันไฟป่าและฟื้นฟูสมดุลป่าด้วยจุลินทรีย์ ซึ่งเป็นโครงการต่อเนื่องที่นำองค์ความรู้ด้านฐานชีวภาพและจุลินทรีย์ที่มีประสิทธิภาพมาอบรมแก่ผู้นำชุมชนและประชาชนในพื้นที่ตำบลป่าป้อง ซึ่งมีพื้นที่ป่าชุมชนกว่า 3,000 ไร่ เพื่อลดปัญหาหมอกควันไฟป่าและฝุ่น PM 2.5

นางสาวจันทร์จิรา จำปาอิน ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 บ้านป่าตึงน้อย กล่าวว่า ชุมชนให้ความสำคัญกับโครงการนี้อย่างมาก เพราะป่าชุมชนเป็นแหล่งอาหาร ทรัพยากร และสิ่งแวดล้อมที่สำคัญต่อการดำรงชีวิตของชาวบ้านมาตั้งแต่บรรพบุรุษ ปัญหาไฟป่าเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงหน้าแล้งที่มีใบไม้แห้งจำนวนมาก ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงที่ก่อให้เกิดไฟป่าและสร้างความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงปัญหาฝุ่น PM 2.5 ด้วยเหตุนี้ ชุมชนจึงรวมกลุ่มกันเฝ้าระวังและป้องกันไฟป่า ทำแนวกันไฟเป็นประจำทุกปี อีกทั้งภาครัฐยังมีนโยบายลดการเผาป่าและป้องกันไฟป่าเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม จึงร่วมกันทำแนวกันไฟอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับการสนับสนุนจากโครงการโรงไฟฟ้าขยะฯ ของบริษัทเชียงใหม่ เวสท์ ทู เอ็นเนอร์จี จำกัด (CMWTE) และกลุ่มบริษัท กัลฟ์ (GULF) นำพนักงานและประสานกองกำลังทหาร มทบ. 33 มาร่วมทำแนวกันไฟป่า นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังนำองค์ความรู้ด้านฐานชีวภาพและจุลินทรีย์ที่มีประสิทธิภาพมาอบรมแก่ผู้นำชุมชนในโครงการ “คืนสมดุลให้ป่าด้วยจุลินทรีย์” และสนับสนุนการจัดตั้งศูนย์เรียนรู้และธนาคารจุลินทรีย์ชุมชน ซึ่งอยู่ระหว่างการพัฒนา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ชุมชนมีความรู้เกี่ยวกับฐานชีวภาพและระบบนิเวศ สามารถเพาะเลี้ยงจุลินทรีย์ชนิดต่างๆ เพื่อนำมาช่วยย่อยสลายใบไม้จากการทำแนวกันไฟ ลดการเป็นเชื้อเพลิงไฟป่า และเพิ่มอินทรียวัตถุและธาตุอาหารในดิน ช่วยให้ดินมีชีวิตชีวา และเสริมสร้างการกระจายเชื้อจุลินทรีย์ในป่าที่เสื่อมโทรมจากการถูกไฟป่าหรือการตัดไม้ทำลายป่า นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมฟื้นฟูป่าด้วยเชื้อราไมคอร์ไรซา หรือเชื้อเห็ดป่า เพื่อปลูกป่าเพิ่มเติมและฟื้นฟูสมดุลป่าในระยะต่อไป ซึ่งเป็นแนวทางที่ช่วยให้ชุมชนมีโอกาสอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าชุมชนได้ดียิ่งขึ้น ชุมชนขอขอบคุณบริษัทฯ และทุกภาคส่วนที่ให้การสนับสนุน ซึ่งจะเกิดประโยชน์ต่อประชาชนต่อไป สำหรับบ้านป่าตึงน้อยเป็น 1 ใน 4 หมู่บ้านในตำบลป่าป้อง ที่มีพื้นที่ป่า 670 ไร่ ในวันนี้ ได้ทำแนวกันไฟป่าประจำปี ระยะทาง 6 กิโลเมตร ในป่าชุมชนและพื้นที่ป่าคาร์บอนเครดิตรวม 5 แปลง ป่าชุมชนบ้านป่าตึงน้อยมีความสมบูรณ์ มีต้นพะยูง ไม้แดง ไม้สัก และต้นยางนา เป็นแหล่งอาหารของชาวบ้านทุกฤดูกาล มีทั้งไข่มดแดง ผักหวาน ผักกรูด แมงมัน ผักพ่อค้าตีเมีย เห็ดเผาะ เห็ดตับเต่า และเห็ดระโงก ชาวบ้านสามารถเข้ามาเก็บไปบริโภคได้ โดยเฉพาะในฤดูแล้งที่ไม่ต้องเผาป่า ก็มีผักหวานให้เก็บกิน

นายสมพงค์ เจริญศิริ กำนันตำบลป่าป้อง อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า พื้นที่ป่าชุมชนบ้านทุ่งยาวมีพื้นที่ 2,307 ไร่ ชุมชนมีวิถีชีวิตที่อาศัยและพึ่งพาป่าชุมชนมาตั้งแต่บรรพบุรุษ ป่าไม้คือชีวิตของทุกคน ในช่วงที่ผ่านมา มีปัญหาการทำลายป่าและความเสื่อมโทรม จึงรวมกลุ่มกันอนุรักษ์ฟื้นฟูป่าอย่างต่อเนื่อง ทั้งการทำแนวกันไฟป่าและการเฝ้าระวังการทำลายป่า จนสามารถขึ้นทะเบียนผืนป่าแห่งนี้เป็นป่าชุมชนที่ดูแลโดยชุมชนได้ตามพระราชบัญญัติป่าชุมชน และอยู่ระหว่างการทำโครงการคาร์บอนเครดิต รวมถึงการทำแนวกันไฟป่าเป็นประจำทุกปี ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากหลายหน่วยงาน ทั้งภาครัฐ ท้องถิ่น และเอกชน ที่สำคัญคือการสนับสนุนจากบริษัทเชียงใหม่ เวสท์ ทู เอ็นเนอร์จี จำกัด ที่นำองค์ความรู้ด้านฐานชีวภาพและจุลินทรีย์มาเสริมการดำเนินงานเชิงคุณภาพต่อระบบนิเวศ เพราะเดิมชุมชนมองเชิงกายภาพและปฏิบัติการบนพื้นดินเป็นหลัก ยังขาดความรู้เชิงชีวภาพ ซึ่งเป็นกลไกสำคัญของระบบนิเวศ ทำให้ชุมชนเข้าใจมิติการอนุรักษ์ฟื้นฟูป่าไม้และระบบนิเวศป่าไม้มากยิ่งขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาป่าชุมชนเชิงชีวนิเวศน์ที่ยั่งยืนต่อไป

นายจิรศักดิ์ มีสัตว์ ผู้อำนวยการบริหาร กลุ่มบริษัทกัลฟ์ กล่าวว่า บริษัทฯ ตระหนักถึงการเป็นส่วนหนึ่งของชุมชน และมีนโยบายร่วมกับชุมชนในการรักษาสิ่งแวดล้อมและพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีของชุมชน ป่าชุมชนเป็นแหล่งทรัพยากรทางเศรษฐกิจ การอาชีพ และแหล่งอาหารที่สำคัญ บริษัทฯ จึงอาสาเข้ามาสนับสนุนชุมชน รวมถึงการประสานองค์ความรู้จากนักวิชาการและหน่วยงานต่างๆ เพื่อเสริมสร้างศักยภาพในการอนุรักษ์ฟื้นฟูป่าชุมชนให้มีประสิทธิภาพและยั่งยืน บริษัทฯ ยินดีที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาสิ่งแวดล้อมชุมชน และยินดีสนับสนุนชุมชนต่อไป

ดร.กฤษณ์ พงษ์เทพิน นักวิชาการอิสระ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายชุมชนสัมพันธ์ กลุ่มบริษัทกัลฟ์ กล่าวว่า กิจกรรมนี้เป็นโครงการเพื่อสังคม (CSR) เริ่มจากการทำแนวกันไฟป่าในพื้นที่ป่าชุมชนบ้านทุ่งยาวและบ้านป่าตึงน้อย ซึ่งมีพื้นที่ป่าชุมชนรวมกันประมาณ 3,700 ไร่ และอยู่ในกระบวนการป่าคาร์บอนเครดิต ในช่วงฤดูฝนที่จะมาถึง จะนำองค์ความรู้จากงานวิจัยของมหาวิทยาลัยทั้งในและต่างประเทศ เช่น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยแม่โจ้ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เกี่ยวกับเชื้อเห็ด “ไมคอร์ไรซา” ซึ่งเป็นเชื้อราที่มีความสำคัญต่อระบบเครือข่ายการเชื่อมโยงการเจริญเติบโตร่วมกันของรากพืชไม้ป่าและจุลินทรีย์ในดิน ช่วยการเจริญเติบโต สร้างภูมิคุ้มกันโรคพืช และสลายอินทรียวัตถุให้เป็นธาตุอาหารแก่พืช เชื้อราไมคอร์ไรซากับรากต้นไม้อาศัยอยู่ร่วมกันตลอดอายุขัยของพืช และเป็นต้นกำเนิดของเห็ดป่านานาชนิด เช่น เห็ดเผาะ เห็ดไคล เห็ดระโงก เห็ดตับเต่า และเห็ดโคนปลวก เป็นต้น ศูนย์เรียนรู้และธนาคารจุลินทรีย์ได้วางแผนร่วมกับชุมชนในการนำเชื้อเห็ดไมคอร์ไรซากลับคืนสู่ป่า เพาะเชื้อใส่ในกล้าไม้ปลูกเสริมในป่า และกระจายเชื้อเห็ดป่าสู่บริเวณรากต้นไม้ในป่า เพื่อเพิ่มจุลินทรีย์ในผืนป่าเสื่อมโทรม นอกจากนี้ จะนำเมล็ดพันธุ์กล้าไม้ป่ามาแช่จุลินทรีย์เพิ่มอัตราการงอก และนำมาปั้นกับก้อนดินจุลินทรีย์และเชื้อเห็ด เพื่อกระจายสู่ป่าในช่วงฤดูฝน และมีแผนนำเชื้อเห็ดป่าต่างๆ ให้ชุมชนเพาะในป่าใกล้ชุมชนและสวนไร่นา เพื่อเป็นแหล่งอาหารประเภทเห็ดในชุมชนทดแทนการเผาป่า ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดไฟป่า แนวทางนี้จะช่วยลดปัญหาไฟป่าและผลกระทบจากฝุ่น PM 2.5 ได้ ความสำคัญอยู่ที่ความรู้และการมีส่วนร่วมของชุมชน โดยเฉพาะศูนย์เรียนรู้ฯ จะเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่อง รวมถึงภาคีความร่วมมือจากภาคส่วนต่างๆ จะช่วยเสริมพลังให้มากยิ่งขึ้น โครงการนี้เป็นอีกทางเลือกในการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 อย่างยั่งยืน อาศัยความร่วมมือและความมุ่งมั่นของชาวบ้านตำบลป่าป้อง ที่มีความตั้งใจป้องกันไฟป่ามาอย่างต่อเนื่อง และสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับภาครัฐ องค์กรท้องถิ่น ทหาร และภาคเอกชน เพื่ออนุรักษ์ฟื้นฟูป่าไม้ชุมชนและลดฝุ่น PM 2.5 ได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน ป่าที่เสื่อมโทรมจากน้ำป่ากัดเซาะหรือไฟป่า ทำให้ป่าไม่เหมือนเดิม ต้นไม้ใหญ่ 1 ต้น มีเชื้อไมคอร์ไรซาขยายไปหลายกิโลเมตร หากต้นไม้ใหญ่ 1 ต้นตาย จะส่งผลเสียต่อต้นไม้อื่นๆ อีก 47 ต้น

ดร.กฤษณ์ พงษ์เทพิน กล่าวเพิ่มเติมว่า การทำแนวกันไฟในพื้นที่ป่าชุมชนทั้งสองหมู่บ้าน เป็นกิจกรรมต่อยอดจากโครงการ “คืนสมดุลให้ป่าชุมชนด้วยจุลินทรีย์” เพื่อแก้ปัญหาไฟป่าและฟื้นฟูระบบนิเวศป่าไม้อย่างยั่งยืน ก่อนหน้านี้ ได้อบรมตัวแทนชาวบ้านเกี่ยวกับจุลินทรีย์และความรู้ฐานชีวภาพ (Biobased) ซึ่งเป็นกลไกสำคัญของระบบนิเวศ ให้ชุมชนเข้าใจความสัมพันธ์ของวัฏจักรธรรมชาติและวิถีชีวิตชุมชน รวมถึงการใช้จุลินทรีย์เพื่อสิ่งแวดล้อม การเกษตร และการพัฒนาอาชีพ และอบรมการทำ EM จากจุลินทรีย์และการเพาะเชื้อเห็ดป่า เพื่อนำไปหว่านฟื้นฟูสมดุลป่าในป่าชุมชนบ้านทุ่งยาว นอกจากนี้ ยังมีการฉีดพ่น EM น้ำเพื่อเร่งการย่อยสลายซากพืช ลดเชื้อเพลิงในช่วงฤดูแล้ง และชาวบ้านได้ตั้งศูนย์เรียนรู้และธนาคารจุลินทรีย์ เพื่อสร้างรายได้ให้ชุมชน

ปัญหาสิ่งแวดล้อมของโลกเกิดจากภาวะเสียสมดุลของระบบนิเวศ จึงมีแนวคิดลดภาวะโลกร้อนและฟื้นฟูโลกด้วยระบบฐานชีวภาพ ซึ่งอธิบายการเสียสมดุลได้ดี จึงส่งเสริมยุทธศาสตร์นี้แก่ชุมชนในรูปแบบ “เมืองจุลินทรีย์” โดยนำองค์ความรู้ด้านจุลินทรีย์มาแก้ไขปัญหาต่างๆ เช่น การเผาป่าเพื่อหาเห็ด หรือการเผาป่าเพื่อความสะดวกในการหาพืชพันธุ์ ซึ่งสร้างความเสียหายต่อระบบนิเวศ จุลินทรีย์เป็นกลไกวัฏจักรของระบบนิเวศที่จะเร่งการย่อยสลายเศษใบไม้และอินทรียวัตถุจากภาคการเกษตรและเศษอาหาร ให้กลายเป็นปุ๋ย EM และจุลินทรีย์ที่ใช้ในการฟื้นฟูป่า จุลินทรีย์เป็นตัวกระตุ้นการทำงานของต้นไม้ ระบบนิเวศ และอุณหภูมิ ฟื้นฟูดินให้มีชีวิต เมื่อดินดี ต้นไม้และป่าก็มีชีวิตชีวา

กองกำลังผาเมืองรวบ 2 ผู้ต้องหา ยึดยาบ้ากว่าล้านเม็ด ปฏิบัติการ “SEAL STOP SAFE”

“ปฏิบัติการ ‘SEAL STOP SAFE’ กองกำลังผาเมืองสนธิกำลังรวบ 2 ผู้ต้องหารายสำคัญ ยึดยาบ้าล็อตใหญ่ 1,011,000 เม็ด มูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจกว่า 19 ล้านบาท จากการจับกุมที่อำเภอเทิง จังหวัดเชียงราย เมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2568 ตอกย้ำความเข้มข้นของการปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่ชายแดนภาคเหนือ”

เชียงราย – กองกำลังผาเมืองสนธิกำลังจับกุมผู้ต้องหา 2 ราย พร้อมยึดยาบ้า 1,011,000 เม็ด ในพื้นที่อำเภอเทิง จังหวัดเชียงราย นับเป็นการปฏิบัติการสกัดกั้นยาเสพติดตามนโยบาย “SEAL STOP SAFE” ที่รัฐบาลให้ความสำคัญ

เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2568 เวลา 08:30 น. ร้อยทหารพราน 3105 หน่วยเฉพาะกิจทหารพราน 31 ได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวว่าจะมีการลักลอบลำเลียงยาเสพติดมาพักคอยบริเวณโรงแรมแสงคำรีสอร์ท บ้านปี้ หมู่ 7 ตำบลหงาว อำเภอเทิง จังหวัดเชียงราย เพื่อเตรียมส่งต่อไปยังพื้นที่ตอนใน เจ้าหน้าที่จึงสนธิกำลังกับสถานีตำรวจภูธรอำเภอเทิงเข้าทำการสกัดกั้น

ผลการปฏิบัติงานสามารถจับกุมผู้ต้องหาชาย 1 คนและหญิง 1 คน พร้อมตรวจยึดรถยนต์ 2 คัน และยาบ้า 1,011,000 เม็ด โดยของกลางซุกซ่อนในกระสอบฟาง 3 กระสอบ และกล่องพัสดุบริษัทขนส่งเอกชน 4 กล่อง ซึ่งบรรจุรวมกับถุงข้าวสาร

จากการสรุปผลการสกัดกั้นยาเสพติดของกองกำลังผาเมือง พบว่าในห้วงตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2567 ถึงปัจจุบัน สามารถสกัดกั้นยาเสพติดได้ 219 ครั้ง จับกุมผู้ต้องหา 240 คน ตรวจยึดยาบ้า 79,981,526 เม็ด เฮโรอีน 145 กิโลกรัม ไอซ์ 7,141 กิโลกรัม ฝิ่น 6.1 กิโลกรัม และคีตามีน 355 กิโลกรัม นอกจากนี้ยังมีการปะทะกับกลุ่มขบวนการค้ายาเสพติด 32 ครั้ง ทำให้กลุ่มขบวนการเสียชีวิต 11 ราย

หากยาเสพติดที่ตรวจยึดได้ทั้งหมดถูกลำเลียงเข้าสู่พื้นที่กรุงเทพมหานคร จะสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจคิดเป็นมูลค่าถึง 19,638,977,000 บาท

กองกำลังผาเมืองยังคงมุ่งมั่นปฏิบัติภารกิจ “SEAL STOP SAFE” อย่างต่อเนื่อง เพื่อปิดผนึกชายแดน หยุดยั้งการแพร่ระบาดของยาเสพติด และรักษาผู้ติดยาเสพติดให้สามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ

“เฮงเฮงแสนแสนล้าน” มอบถุงมือยาง 1.8 หมื่นชิ้น หนุนภารกิจตำรวจ-รพ.

บริษัท เฮงเฮงแสนแสนล้าน จำกัด ส่งมอบถุงมือยางทางการแพทย์ จำนวน 18,000 ชิ้น ให้แก่ตำรวจภูธรภาค 5 และโรงพยาบาลตำรวจแม่ริม จ.เชียงใหม่ เพื่อสนับสนุนภารกิจของเจ้าหน้าที่ในการดูแลประชาชน

วันที่ 1 เมษายน 2568 ที่สำนักงานตำรวจภูธรภาค 5 พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผบช.ภ.5 เป็นประธานในพิธีรับมอบถุงมือยาง จาก บริษัท เฮงเฮงแสนแสนล้าน จำกัด โดย นายภาคิน เฮงตระกูล นายธนันวัฒน์ เวียนทองธนโชติ นายภารุจ เลิศจิรานุวัฒน์ และนายกิตติศักดิ์ เวียนทองธนโชติ โดยมอบถุงมือยางทางการแพทย์ให้กับตำรวจภูธรภาค 5 และโรงพยาบาลตำรวจ จำนวน 18,000 ชิ้น เพื่อใช้ในกิจการ ภารกิจของเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ภูธรภาค 5 และโรงพยาบาลตำรวจ

สำหรับ บริษัท เฮงเฮงแสนแสนล้าน จำกัด เป็นบริษัทที่ดำเนินโครงการพัฒนาเสื้อเกราะป้องกันกระสุน ระดับ Level 3A และระดับ Level 3 ซึ่งมีส่วนประกอบเป็นไฟเบอร์ที่ผลิตจากกัญชง โดยมีวิสัยทัศน์ในการพัฒนานวัตกรรมเทคโนโลยีการป้องกันประเทศ โดยฝีมือคนไทย (Made in Thailand) ส่งเสริมเกษตรกรเพิ่มมูลค่าให้ชุมชนได้ประโยชน์และได้มีส่วนร่วมในการผลิตกัญชงมาจำหน่ายแก่โครงการเพื่อแปรรูปเป็นไฟเบอร์อันเป็นส่วนประกอบหนึ่งของชุดเกราะ Matrix G Hemp series และสร้างการลงทุน การจ้างงาน การผลิตภายใน ก่อให้เกิดกระแสเงินไหลเวียนภายในประเทศตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ของรัฐ

ทบ. เข้ม! ตรวจเยี่ยมภารกิจดับไฟป่าเหนือ ห่วงความปลอดภัยเฮลิคอปเตอร์ MI-17

วันที่ 31 มีนาคม 2568 พ.อ.ยอดยุทธ ฦาชา เสนาธิการศูนย์การบินทหารบก พร้อมคณะ เดินทางลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานของศูนย์ควบคุมอากาศยานและดับไฟป่า ณ จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อรับฟังปัญหาและข้อขัดข้องในการปฏิบัติภารกิจดับไฟป่าในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ โดยเฉพาะการใช้อากาศยาน เฮลิคอปเตอร์ MI-17 ซึ่งเป็นอากาศยานขนาดใหญ่ ที่ต้องอาศัยความระมัดระวังในการปฏิบัติภารกิจอย่างสูง

พ.อ.ยอดยุทธเน้นย้ำถึงความสำคัญของความปลอดภัยในการปฏิบัติภารกิจ โดยเฉพาะการใช้เฮลิคอปเตอร์ MI-17 ซึ่งเป็นอากาศยานขนาดใหญ่ ที่ต้องพิจารณาปัจจัยด้านสภาพอากาศ ภูมิประเทศ และทัศนวิสัยอย่างรอบคอบ นอกจากนี้ ยังกำชับให้นักบินวางแผนการบินอย่างรัดกุมและมีแผนสำรองอยู่เสมอ เนื่องจากภูมิประเทศภาคเหนือเป็นหุบเขา

การลงพื้นที่ครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อรับทราบปัญหาและปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้อากาศยานในการดับไฟป่า เพื่อให้ภารกิจเป็นไปอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงสุด

ก.พาณิชย์เร่งแทรกแซงราคาหอมหัวใหญ่ หลังเกษตรกรเชียงใหม่เผชิญวิกฤตราคาตกต่ำ

เกษตรกรผู้ปลูกหอมหัวใหญ่ในอำเภอแม่วาง จังหวัดเชียงใหม่ กำลังเผชิญหน้ากับวิกฤตราคาผลผลิตตกต่ำอย่างหนัก หลังจากราคาหอมหัวใหญ่ร่วงลงมาเหลือเพียงกิโลกรัมละ 6 บาท จากที่เคยสูงถึง 13-15 บาทในช่วงต้นฤดูเก็บเกี่ยว ปัญหานี้ส่งผลกระทบต่อรายได้ของเกษตรกรอย่างมาก และเรียกร้องให้ภาครัฐเร่งเข้ามาให้ความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน

เชียงใหม่ – กระทรวงพาณิชย์เร่งดำเนินการแทรกแซงราคาหอมหัวใหญ่ หลังเกษตรกรผู้ปลูกหอมหัวใหญ่ในอำเภอแม่วาง จังหวัดเชียงใหม่ ประสบปัญหาราคาผลผลิตตกต่ำอย่างหนัก เหลือเพียงกิโลกรัมละ 6 บาท จากต้นฤดูที่เคยสูงถึง 13-15 บาท

นายสุรพล เกียรติไชยากร อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดเชียงใหม่ ได้ประสานงานไปยังกระทรวงพาณิชย์ เพื่อขอความช่วยเหลือ โดยนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้สั่งการให้สำนักงานพาณิชย์จังหวัดเชียงใหม่ ประสานบริษัทมาตาเทรดดิ้ง เข้ารับซื้อหอมหัวใหญ่จากเกษตรกรในราคากิโลกรัมละ 10 บาท ซึ่งเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 20 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และรับซื้อไปแล้วกว่า 6 พันตัน

สาเหตุของปัญหาราคาตกต่ำมาจากปีนี้ผลผลิตหอมหัวใหญ่ในจังหวัดเชียงใหม่มีปริมาณมากถึง 25,000 ตัน ประกอบกับมีการนำเข้าหอมหัวใหญ่จากต่างประเทศ ทำให้ผลผลิตในประเทศล้นตลาด

นายสุรพล เกียรติไชยากร กล่าวว่า “ปีนี้ผลผลิตหอมหัวใหญ่ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ มีปริมาณมากถึง 25,000 ตัน ซึ่งพื้นที่อำเภอแม่วาง เป็นแหล่งปลูกหอมหัวใหญ่มากที่สุดของจังหวัดเชียงใหม่ แต่ละปีมีผลผลิตประมาณ 1 หมื่นตัน แต่ปัญหาคือเมล็ดพันธุ์หอมหัวใหญ่ 1 ปอนด์ ที่เราปลูกได้ผลผลิตเพียง 5 พัน กก. ซึ่งเทียบกับต่างประเทศ 1 ปอนด์จะได้ผลผลิต 8-9 พัน กก. ประกอบกับช่วงเดือนมกราคม ซึ่งเป็นต้นฤดูการเก็บเกี่ยวผลผลิตราคาอยู่ที่ กก.13 บาท ขึ้นสูงถึง กก. 15 บาท หลังจากนั้นราคาตกอยู่ที่ 6-7 บาทต่อ กก.”

นอกจากมาตรการแทรกแซงราคาแล้ว นายสุรพลยังได้เสนอแนวทางแก้ไขปัญหาระยะยาว โดยขอให้รัฐบาลช่วยสกัดการนำเข้าหอมหัวใหญ่จากต่างประเทศ และสนับสนุนการพัฒนาสายพันธุ์หอมหัวใหญ่ในประเทศให้มีประสิทธิภาพในการผลิตสูงขึ้น เพื่อให้เกษตรกรสามารถแข่งขันในตลาดได้

ทั้งนี้ เกษตรกรผู้ปลูกหอมหัวใหญ่ในอำเภอแม่วาง หวังว่ามาตรการแทรกแซงราคาของกระทรวงพาณิชย์ จะช่วยบรรเทาความเดือดร้อน และรัฐบาลจะเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาในระยะยาว เพื่อให้เกษตรกรสามารถมีรายได้ที่มั่นคง

ปฏิบัติการ “SEAL STOP SAFE” ผาเมืองยึดยาบ้าล้านเม็ด สกัดชายแดนเชียงราย

ภายใต้นโยบาย “SEAL STOP SAFE” ของรัฐบาล กองกำลังผาเมืองสนธิกำลัง 51 อำเภอชายแดน ปฏิบัติการกวาดล้างยาเสพติดอย่างเข้มข้นในพื้นที่ 4 จังหวัด 14 อำเภอชายแดน ล่าสุดสามารถจับกุมผู้ต้องหา 2 ราย พร้อมยึดยาบ้า 1 ล้านเม็ด บริเวณชายแดนอำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย นับเป็นผลงานสำคัญในการสกัดกั้นยาเสพติดไม่ให้แพร่ระบาดเข้าสู่พื้นที่ตอนใน

เชียงราย – ตามนโยบายรัฐบาลในการเปิดปฏิบัติการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด “SEAL STOP SAFE” ที่มุ่งเน้นการปิดผนึกชายแดน หยุดยั้งการแพร่ระบาด และรักษาผู้ติดยาเสพติดให้กลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ กองกำลังผาเมืองได้สนธิกำลัง 51 อำเภอชายแดน ดำเนินการอย่างเข้มข้นในพื้นที่ 4 จังหวัด 14 อำเภอชายแดน

ล่าสุด เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 เวลา 22.00 น. กองร้อยทหารพรานที่ 3106 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 31 ได้ทำการตั้งจุดตรวจ/จุดสกัด บริเวณเส้นทางบ้านกิ่วสะไต – บ้านอาดี่ ตำบลป่าตึง อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย พบกลุ่มบุคคลต้องสงสัยขับขี่รถจักรยานยนต์ 3 คัน ผ่านเข้ามายังจุดตรวจ แต่กลุ่มบุคคลดังกล่าวได้ทิ้งรถและหลบหนี เจ้าหน้าที่จึงไล่ติดตามจับกุมได้ 2 คน พร้อมรถจักรยานยนต์ 3 คัน และยาบ้า 1 ล้านเม็ด บรรจุในกระสอบดัดแปลง 6 กระสอบ

ในวันที่ 29 มีนาคม 2568 เวลา 09.30 น. พลตรี กิดากร จันทรา ผู้บัญชาการกองกำลังผาเมือง ได้มอบหมายให้ พันเอก อนุวัช ปัญญานันท์ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจทัพเจ้าตาก และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าตรวจสอบของกลางยาเสพติด และแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ก่อนนำผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งสถานีตำรวจภูธรแม่จัน ดำเนินคดีตามกฎหมาย

พลตรี กิดากร จันทรา ได้สั่งการให้หน่วยในพื้นที่เพิ่มความเข้มงวดในการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2567 ถึงปัจจุบัน กองกำลังผาเมืองสามารถสกัดกั้นยาเสพติดได้ 217 ครั้ง จับกุมผู้ต้องหา 237 คน ยึดยาบ้ากว่า 78 ล้านเม็ด เฮโรอีน 145 กิโลกรัม ไอซ์ 7,141 กิโลกรัม ฝิ่น 6.1 กิโลกรัม และคีตามีน 355 กิโลกรัม หากยาเสพติดเหล่านี้ถูกลำเลียงเข้าสู่กรุงเทพฯ จะสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจมูลค่ากว่า 19,487 ล้านบาท

กองกำลังผาเมืองยังคงมุ่งมั่น “พิทักษ์อาณารักษาชายแดน” ภายใต้ปฏิบัติการ “SEAL STOP SAFE” เพื่อความปลอดภัยของประชาชน

กรมป่าไม้ลงดาบ ริบคืน!! ที่ดินทำกินให้ชุมชน (คทช.) หลังพบประกาศขายโจ่งครึ่มผ่านโซเชียล

กรมป่าไม้ปฏิบัติการเด็ดขาด ยึดคืนที่ดินทำกินที่จัดสรรให้ชุมชน (คทช.) ในอำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ หลังพบการประกาศขายที่ดินผ่านสื่อสังคมออนไลน์อย่างเปิดเผย ซึ่งเป็นการละเมิดเงื่อนไขของโครงการและขัดต่อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการจัดการที่ดินของรัฐ

เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2568 เจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ ร่วมกับฝ่ายปกครองและเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบที่ดินในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าขุนแม่กวง อำเภอดอยสะเก็ด หลังได้รับรายงานว่ามีการประกาศขายที่ดินที่จัดสรรภายใต้โครงการ คทช. ผ่านสื่อสังคมออนไลน์

ผลการตรวจสอบพบว่า ที่ดินดังกล่าวตั้งอยู่ในพื้นที่หมู่ 4 บ้านโป่งกุ่ม ตำบลป่าเมี่ยง ซึ่งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ และมีลักษณะตรงกับภาพถ่ายที่ปรากฏในการประกาศขาย นอกจากนี้ ยังพบว่าที่ดินดังกล่าวอยู่ในขอบเขตของโครงการ คทช. ซึ่งมีข้อกำหนดห้ามซื้อขายหรือเปลี่ยนมือ

นายสุรชัย อจลบุญ อธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวว่า การกระทำดังกล่าวเป็นการละเมิดกฎหมายว่าด้วยการป่าไม้ และขัดต่อวัตถุประสงค์ของโครงการ คทช. ซึ่งมุ่งหวังให้ผู้ยากไร้ได้มีที่ดินทำกินอย่างมั่นคง กรมป่าไม้จึงได้ดำเนินการตรวจยึดและดำเนินคดีตามกฎหมาย

อธิบดีกรมป่าไม้ยังได้เตือนประชาชนที่ได้รับสิทธิ์ในที่ดิน คทช. ให้ปฏิบัติตามเงื่อนไขการใช้ประโยชน์ที่ดินอย่างเคร่งครัด และระมัดระวังในการซื้อที่ดินที่อ้างว่าเป็นที่ดิน คทช. หรือที่ดินที่อยู่ระหว่างการรับรองสิทธิ์ เนื่องจากที่ดินเหล่านี้ไม่สามารถซื้อขายได้ หากฝ่าฝืนจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย

อบจ. เปิดสะพานลอยเเห่งใหม่ ลดอุบัติเหตุ-หนุนกิจกรรมวิ่งเทรลระดับโลก

องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ (อบจ.) จัดพิธีทำบุญเปิดสะพานลอยข้ามถนนแห่งใหม่ บริเวณหน้าสวนเฉลิมพระเกียรติ 82 พรรษา เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทาง และรองรับการแข่งขันวิ่งเทรลระดับโลก UTMB เชียงใหม่ ไทยแลนด์ ครั้งที่ 4

เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2568 นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานในพิธีทำบุญเปิดสะพานลอยข้ามถนนองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ โดยมีนายชัชวาลย์ ปัญญา รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ และหัวหน้าส่วนราชการเข้าร่วม

นายพิชัย เลิศพงษ์อดิศร นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า สะพานลอยแห่งนี้ใช้งบประมาณ 10,600,000 บาท สร้างขึ้นเพื่อสนับสนุนการแข่งขันวิ่งเทรลระดับโลก UTMB เชียงใหม่ ไทยแลนด์ ครั้งที่ 4 ซึ่งจะจัดขึ้นในเดือนธันวาคม 2567 โดยสะพานลอยนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นและเส้นชัยของการแข่งขัน

นอกจากนี้ สะพานลอยดังกล่าวยังออกแบบให้รองรับผู้ใช้ทุกกลุ่ม ทั้งคนเดินเท้า ผู้ใช้จักรยาน และผู้ใช้วีลแชร์ นับเป็นสะพานลอยแห่งแรกของจังหวัดเชียงใหม่ที่ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ทุกกลุ่มเป้าหมาย ส่งเสริมคุณภาพชีวิต ลดอุบัติเหตุ และเชื่อมโยงเส้นทางการออกกำลังกายระหว่างสนามกีฬาสมโภช 700 ปี และสวนเฉลิมพระเกียรติ 82 พรรษาฯ