เชิญร่วมสัมมนา สะสมศิลป์ปี 2 ฟรี 20-21 ส.ค.นี้ฟรี

สำนักพัฒนาการเรียนรู้ตลอดชีวิต ขอเรียนเชิญร่วมเปิดมุมมองใหม่กับกิจกรรมเสวนา “สะสมศิลป์ ปีที่ 2”เปิดมุมมองใหม่กับการเรียนรู้ การสะสมศิลป์ เป็น สิน (ทรัพย์) จากของเก่า ที่มีคุณค่า สู่โอกาสสร้างอาชีพและรายได้

เชียงใหม่ 13 ส.ค. สำนักพัฒนาการเรียนรู้ตลอดชีวิต มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน แจ้งว่า สำนักพัฒนาการเรียนรู้ตลอดชีวิตชวนเข้าร่วมกิจกรรมพร้อมเปิดมุมมองใหม่กับกิจกรรมเสวนา “สะสมศิลป์ ปีที่ 2”เปิดมุมมองใหม่กับการเรียนรู้ การสะสมศิลป์ เป็น สิน (ทรัพย์) จากของเก่า ที่มีคุณค่า สู่โอกาสสร้างอาชีพและรายได้ งานครั้งนี้พบกับการแลกเปลี่ยนความรู้ เทคนิคการ ดู ของสะสมจากผู้เชี่ยวชาญตัวจริง สัมผัสเสน่ห์ของโบราณวัตถุอย่างใกล้ชิด พร้อมแนวคิดที่อาจเปลี่ยนชีวิตคุณไปตลอดกาล กิจกรรมดีๆ ที่คนรักศิลปะ ของเก่า และนักสะสมไม่ควรพลาด ผู้สนใจ สามารถเข้าชมนิทรรศการของสะสมเครื่องสังคโลก ได้ระหว่าง วันที่ 20-21 สิงหาคม 2568 นี้ ตั้งแต่เวลา 10.00-16.00 น. ณ บริเวณโถงหน้าห้องประชุมวัฒนาสวรรยาธิปัติ ชั้น 4 โดยภายในงานมีกิจกรรมเสวนา เข้าชมฟรี! (มีที่นั่งจำนวนจำกัด) โดยมีกำหนดการดังนี้

วันที่ 20 สิงหาคม 2568 เวลา 13.00–15.00 น.
เสวนาวิชาการ เรื่อง เครื่องกระเบื้องไทยและจีนที่ค้นพบจากอดีตจนถึงมุมมองเครื่องกระเบื้องจีนในต่างแดน
วิทยากรโดย :คุณวิทูรย์ ธนามาศ,ดร.ธันยกานต์ วงษ์อ่อน,รศ.ดร.ธนะกาญจน์ มัญชุพาณี
วันที่ 21 สิงหาคม 2568  เวลา 13.00-15.00 น.
เสวนาวิชาการ เรื่อง เบญจภาคีกับสิ่งใกล้ตัว และมุมมองงานกระเบื้องในทางพุทธศิลป์
วิทยากรโดย : คุณวิทูรย์ ธนามาศ,คุณอาทิตย์ ทองฉิน,คุณพจน์ ท่าพระจันทร์
สถานที่จัดงาน สำนักพัฒนาการเรียนรู้ตลอดชีวิต ม.เกษตรศาสตร์ บางเขน ห้องประชุมวัฒนา สวรรยาธิปัติ ชั้น 4
ลงทะเบียนฟรีได้ที่:
https://forms.gle/vJJhB8Pn2How7cDB8
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ฝ่ายส่งเสริมการเรียนรู้ สำนักพัฒนาการเรียนรู้ตลอดชีวิต มก. โทรศัพท์ 090 952 7768

เอกชนส่งออกผลไม้พรีเมี่ยมหนุนเสริมศักยภาพชาวสวนลำไยขยายผล”ลำพูนโมเดล”

แพลททินัม ฟรุ๊ต เดินหน้าขยายพื้นที่ปั้นคุณภาพสวนลำไยเพื่อส่งออกหลัง“ลำพูนโมเดล” เวิร์ก เตรียมขยับหนุนจัดการลดต้นทุนอีก ช่วยยกระดับชาวสวนลำไยสู่นักปลูกมืออาชีพ

31 ก.ค.- นายณธกฤษ เอี่ยมสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แพลททินัม ฟรุ๊ต จำกัด (มหาชน) หรือ PTF ผู้ส่งออกผักและผลไม้สดเกรดพรีเมียมนำคณะบริหารและสื่อมวลชนลงพื้นที่แปลงใหญ่ลำไยอำเภอแม่ทา จังหวัดลำพูน เพื่อขยายผลการช่วยพัฒนาคุณภาพการผลิตและการบริหารจัดการต้นทุนที่แท้จริงให้กับเกษตรกรต้นแบบ หลังจากที่ได้เริ่มโครงการลำพูนโมเดลในการพัฒนาคุณภาพการผลิตลำไยให้กับเจ้าของสวนนำร่องที่อำเภอลี้ จังหวัดลำพูนจนสามารถได้ผลผลิตคุณภาพเกรดพรีเมี่ยมเพื่อการส่งออกได้เพิ่มขึ้นจากเดิม จึงขยายผลของการมาพัฒนาต่อยอดเรื่องการจัดการต้นทุนในพื้นที่อำเภอแม่ทา ทั้งนี้ได้เปิดเผยว่า ปัจจุบัน แพลททินัม ฟรุ๊ต รับซื้อลำไยจากชาวสวนเพื่อส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศต่อเนื่อง โดยเฉพาะลำไยสดช่อคุณภาพเกรด AA และ A สินค้าเกรดพรีเมียมที่ตลาดต่างประเทศมีความต้องการบริโภคสูง ทั้งสาธารณรัฐประชาชนจีน อินโดนีเซีย รวมถึงอินเดีย ล่าสุดบริษัทฯ ได้ส่งออกลำไยเกรดพรีเมียมไปยังสหราชอาณาจักรเพิ่มเติมด้วย ซึ่ง “ลำไยอีดอ” จะเป็นสายพันธุ์หลักที่บริษัทฯ ส่งออก เพราะรสชาติหวานกรอบ หอมอร่อย กุญแจสำคัญที่จะช่วยชาวสวนลำไยภาคเหนือหลุดพ้นจากปัญหาวงจรราคาอย่างยั่งยืน คือ การเพิ่มคุณภาพผลผลิตให้ดียิ่งขึ้น สังเกตได้ว่า ราคารับซื้อลำไยเบอร์บนเกรดพรีเมียม A, AA มีความห่างจากราคาลำไยเบอร์ล่าง B,C เยอะมาก เหตุเพราะลำไยพรีเมียมยังเป็นที่ต้องการและมีตลาดรองรับอยู่มาก โดยเฉพาะกลุ่มประเทศที่มีจำนวนประชากรและปริมาณการบริโภคสูง ซึ่งทางบริษัทฯ เห็นช่องว่างตรงนี้จึงอยากที่จะนำองค์ความรู้เข้าไปช่วยชาวสวนพัฒนาคุณภาพของผลผลิตต่อไร่ให้ได้ตามเกรดส่งออกมากขึ้น ในปีที่ผ่านมา แพลททินัม ฟรุ๊ต มีการพัฒนาโมเดลแก้ปัญหาและช่วยพัฒนาองค์ความรู้ในการยกระดับคุณภาพผลผลผลิตลำไยของชาวสวนให้เป็นไปตามมาตรฐานส่งออก ภายใต้ชื่อ “ลำพูนโมเดล” บนพื้นที่จำนวน 150 ไร่ ของเกษตรกรในอำเภอลี้ จังหวัดลำพูน ผลลัพธ์ที่ออกมาถือว่า เป็นไปได้ด้วยดีตามเป้า สร้างความพอใจให้กับเกษตรกรเป็นอย่างมาก จึงได้มีการขยายพื้นที่ความร่วมมือเฟสต่อเนื่องไปยังเครือข่ายชาวลำไยแปลงใหญ่แม่ทา จังหวัดลำพูนด้วย ส่งผลให้ปัจจุบันมีสวนลำไยที่เข้าร่วมโครงการลำพูนโมเดลที่ลี้รวม 350 ไร่ โดยมุ่งหวังว่าจะช่วยให้ลำไยภาคเหนือมีคุณภาพผลผลิตต่อไร่ที่ดีมากยิ่งขึ้นต่อไป

นายณธกฤษ กล่าวเพิ่มว่า กระบวนการลำพูนโมเดล ประกอบด้วย 1.หารือร่วมกับชาวสวนที่ต้องการพัฒนาลำไยให้ได้เกรดส่งออก โดย แพลททินัม ฟรุ๊ต มีทีมงาน R&D เข้าไปร่วมสำรวจสวน ให้คำแนะนำกับชาวสวนที่สนใจ 2.พาไปดูงานตัวอย่างสวนลำไยที่อำเภอสอยดาว จังหวัดจันทบุรี ให้เห็นวิถีการทำเกษตรเชิงอุตสาหกรรม เพื่อนำองค์ความรู้ แนวทางปฏิบัติไปยกระดับคุณภาพสวนลำไยของตนเองเพิ่มผลผลิตต่อไร่ให้มากขึ้น และผลิตได้ตามมาตรฐานส่งออก ซึ่งการดูงานทางบริษัทฯ เป็นผู้สนับสนุนค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้

3. คัดเลือกชาวสวนที่ต้องการทำตามโปรแกรมที่บริษัทฯ ออกแบบร่วมกับนักวิชาการเกษตร คือ ให้เลือกทดลองพัฒนาตามความสมัครใจ ระหว่าง ปลูกลำไยในฤดู และ ปลูกลำไยนอกฤดู 4. ชาวสวนแต่ละรายต้องแบ่งพื้นที่ 5 ไร่มาทำแปลงทดลองเพาะปลูกตามโปรแกรมที่กำหนด โดย แพลททินัม ฟรุ๊ต สนับสนุนองค์ความรู้ ส่งมีทีม R&D ช่วยดูแลให้คำปรึกษาแนะนำการพัฒนาที่เหมาะสมกับสวนแต่ละแห่งอย่างใกล้ชิด จากนั้นจะมีการติดตามวัดผลต่อเนื่อง การดำเนินโครงการลำพูนโมเดล สอดรับตาม Business Model ของ แพลททินัม ฟรุ๊ต ที่มุ่งพัฒนา New Economic System ให้ธุรกิจส่งออกผลไม้ไทยเติบโตพร้อมกันทั้งระบบซัพพลายเชน ที่ผ่านมาให้ความสำคัญกับการนำ Knowledge & Knowhow ที่เป็นวิทยาศาสตร์ไปช่วยสนับสนุนภาคการเกษตร เพื่อสร้างให้เกิดความยั่งยืน “คุณภาพผลผลิตที่ได้ตามความต้องการของตลาด – คุณภาพชีวิตเกษตรกรที่ดีขึ้นจากรายได้ที่เพิ่มขึ้น – คุณภาพชีวิตผู้บริโภคที่ได้รับประทานผลไม้สด รสชาติอร่อย ปลอดภัยจากสารปนเปื้อน” ตามวิสัยทัศน์ Growing Together Fruitfully ซึ่งจะมีทีม r&d คอยติดตามประเมินผลเพื่อพัฒนาศักยภาพอย่างใกล้ชิด

สำหรับพื้นที่ขยายสู่แปลงใหญ่อำเภอแม่ทามองว่า เป็นกลุ่มเกษตรกรที่มีความเข้มแข็ง มีการพัฒนาคุณภาพการผลิตที่ดีระดับหนึ่งแล้ว จึงเข้ามาช่วยต่อยอดในบางเรื่องโดยเฉพาะการจัดการเรื่องต้นทุนที่ไม่จำเป็นเพื่อไม่ให้เป็นภาระด้านต้นทุนให้กับเกษตรกรชาวสวน ให้องค์ความรู้เรื่องของคุณภาพการเก็บเกี่ยวและเกี่ยวข้อง เพื่อจะให้การผลิตคุณภาพมีความสมบูรณ์และเต็มศักยภาพมากขึ้น โดยให้แปลงใหญ่แม่ทาฯ เป็นต้นแบบอีกเฟสหนึ่งที่ต่อยอดขยายผลจากอำเภอลี้ภายใต้ลำพูนโมเดล

ทางด้านนายดำรงค์ จินะกาศ ประธานศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร(ศพก.)และประธานแปลงใหญ่ลำไยอำเภอแม่ทา เปิดเผยว่า เป็นโอกาสที่ดีที่ได้มาร่วมเป็นต้นแบบของการพัฒนาครั้งนี้จากเดิมก็มีการพัฒนาคุณภาพอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะผลิตลำใยนอกฤดูแต่ยังติดปัญหาหลายด้านโดยเฉพาะต้นทุนการผลิตและดำเนินการการเก็บเกี่ยวและแรงงาน ซึ่งทางกลุ่มมีสมาชิกกว่า 400 รายมีพื้นที่ดำเนินการกว่า 400 ไร่ผลผลิตไม่น้อยกว่า 4,000 ตัน การเรียนรู้พัฒนาเรื่องการจัดการกับต้นทุนแฝงที่ไม่จำเป็นการการพัฒนาการผลิตที่มีคุณภาพรวมถึงการจัดการที่เกี่ยวข้องจะสามารถช่วยให้ชาวสวนลำไยมีอำนาจการต่อรองและได้ผลผลิตที่ดีรวมถึงลดต้นทุนต่างๆได้เป็นอย่างดี อีกทั้งสามารถเชื่อมโยงกลไกทางการตลาดอื่นๆได้ง่าย ซึ่งจะเป็นโอกาสที่จะไม่ต้องติดกับดักปัญหาราคาตกต่ำในทุกปีเช่นปีนี้ที่ราคาต่ำมากจากผลผลิตที่ออกมาจำนวนมากเช่นเดียวกัน แต่เปอร์เซ็นต์คุณภาพยังมีน้อย

“มาตรการของรัฐเวลานี้ไม่ว่าจะเป็นการกระจายผลผลิตการเข้ามาแทรกแซงราคานำตลาดหรือสนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำสุดท้ายก็ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาที่ยังคงวนเวียนอยู่แบบเดิมๆเม็ดเงินการช่วยเหลือก็ไม่มาถึงเกษตรกรเต็มเม็ดเต็มหน่วย ไม่เฉพาะแค่ลำไยผลไม้เศรษฐกิจและพืชผลอื่นๆก็เช่นเดียวกัน ส่วนกรณีของลำไยขณะนี้กำลังเร่งผลักดันเรื่องพ.ร.บ.ลำไยหากสำเร็จก็เชื่อว่า ปัญหาลำไยการบริหารจัดการต่างๆที่เกี่ยวข้องน่าจะหมดไป”นายดำรงค์ย้ำ

ผู้บริหารแพลททินัม ฟรุ๊ต จำกัด (มหาชน) หรือ PTF ยีงยืนยันเจตนารมณ์ ในฐานะผู้ประกอบธุรกิจหลักในการส่งออกผักและผลไม้สดเกรดพรีเมียม เช่น ทุเรียน ลำไย มังคุด มะพร้าว สามารถดำเนินธุรกิจแบบครบวงจรตั้งแต่จัดหาสินค้าเกษตรที่มี “คุณภาพ” โดยคัดเลือกจากสวนผลไม้ที่มีมาตรฐาน GAP และ Global GAP รับรอง มีการลงทุนระบบโลจิสติกส์ในรูปแบบ One Stop Service ทำให้มีตลาดส่งออกผลไม้สดกระจายอยู่ทั้งในเอเชีย ยุโรป อาทิ สาธารณรัฐประชาชนจีน อินโดนีเซีย อินเดีย นิวซีแลนด์ สหราชอาณาจักร เป็นต้น ในตอนนี้มีบทบาทสำคัญต่อการขับเคลื่อนด้านลำไยและผลไม้ส่งออกที่รัฐบาลโดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กำลังให้ความสนใจและถือเป็นต้นแบบสำคัญของภาคเอกชนในการร่วมพัฒนาคุณภาพการผลิตและเกี่ยวข้องให้กับเกษตรกร ที่สามารถเติบโตอย่างยั่งยืนได้ และพร้อมให้รัฐบาลนำแนวทางดังกล่าวไปขยายผล ซึ่งมีผลลัพธ์ชัดเจนจากลำพูนโมเดลที่เริ่ม อ.ลี้ และขยายมา อ.แม่ทา โดยมีเป้าหมายและพร้อมสนับสนุนตามแนวคิดนี้ให้ชาวสวนเชียงใหม่และภาคเหนือ เพื่อแก้ปัญหาที่ซ้ำซากให้เกิดความยั่งยืนอย่างคุณภาพ เกษตรกรไม่ต้องอยู่วังวนเดิมๆ.

 

จิตอาสาปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติฯในหลวง

สถานีวิทยุ ม.ก.เชียงใหม่ร่วมภาคีเครือข่าย คณะทำงานภาคประชาชน จัดกิจกรรมจิตอาสาปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 73 พรรษา 28 กรกฎาคม 2568 ฟื้นคืนผืนป่าต้นน้ำเพิ่มคาร์บอนเครดิตและคลังอาหารชุมชน

เชียงใหม่ 14 ก.ค.– ผศ.อนุพร สุวรรณวาจกกสิกิจ ผู้อำนวยการใหญ่สถานีวิทยุม.ก.,รักษาการผู้อำนวยการสถานีวิทยุ ม.ก.เชียงใหม่ เผยว่า ได้มอบหมายทีมงานสถานีวิทยุ ม.ก.เชียงใหม่ ร่วมกับคณะทำงานภาคประชาชนสถานีวิทยุ ม.ก.เชียงใหม่ นำโดย นายอาทิตย์ เกษมศรี คณะทำงานภาคประชาชนฯ สำนักงานคุมประพฤติจังหวัดเชียงใหม่ ศูนย์เพาะชำกล้าไม้เชียงใหม่ สภาเกษตรกรจังหวัดเชียงใหม่และภาคีเครือข่ายฯ จัดกิจกรรมจิตอาสาร่วมกันปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ครบ 73 รอบ 28 กรกฎาคม 2568 ณ บริเวณป่าชุมชนรอบวัดพระพุทธบาทข่วงเปา หมู่ที่ 9 บ้านห้วยไร่ ตำบลขี้เหล็ก อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อทำความดีถวายในหลวง ปลุกจิตสำนึกเด็กและเยาวชน ทุกภาคส่วนร่วมกันอนุรักษ์หวงแหนทรัพยากรป่าไม้ ลดภาวะโลกร้อนและเป็นคลังอาหารให้แก่ชุมชน ซึ่งเป็นกิจกรรมที่จัดขึ้นประจำทุกปี โดยมีหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน สถาบันการศึกษา เด็ก เยาวชน ภาคประชาชนบ้านห้วยไร่ อำเภอแม่แตงและพื้นที่ใกล้เคียงร่วมกิจกรรมจำนวนมาก โดยยึดหลักการทำงานร่วมกัน “บวร” ทั้ง บ้าน วัด ราชการ เป็น “ป่าของชุมชน โดยชุมชน เพื่อชุมชน”สำหรับพันธุ์ไม้ได้รับการสนับสนุนจากศูนย์เพาะชำกล้าไม้เชียงใหม่ เช่น ต้นสัก พยุง ประดู่ มะค่าโมง มะขามป้อม สมอไทย สมอพิเภก จำนวน 2,750 ต้น สวนดุษณี (สวนคุณลุงอาทิตย์) คณะทำงานภาคประชาชนสถานีวิทยุ ม.ก.เชียงใหม่ สนับสนุนกล้าพันธุ์ไผ่ เช่น ไผ่รวกดำ ไผ่รวกแดง จำนวน 1,000 ต้น “ครอบครัวม.ก.” โดยนายสมบูรณ์ ดวงวะนา (อดีตผู้ใหญ่บ้าน) ตำบลป่าแป๋ อำเภอแม่แตง สนับสนุนกล้าพันธุ์ไม้ นนทรี พยุง อินทนิลน้ำ ฯลฯ จำนวน 300 ต้น

สำหรับกิจกรรมการปลูกป่าเพื่อเฉลิมพระเกียรติฯครั้งนี้ได้ยึดหลักการปฏิบัติตามแนวพระราชดำริ ปลูกป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง เป็นแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ที่ส่งเสริมการปลูกป่าเพื่อประโยชน์ในการดำรงชีวิตและรักษาสิ่งแวดล้อม โดยการปลูกป่า 3 อย่าง คือ ไม้ใช้สอย, ไม้กินได้, และ ไม้เศรษฐกิจ จะนำมาซึ่งประโยชน์ 4 อย่าง คือ พอกิน, พอใช้, พออยู่ และ พอร่มเย็น (ช่วยอนุรักษ์ดินและน้ำ) ซึ่งเป็นพระราชปณิธานของในหลวงรัชกาลที่ 10 ที่พระองค์ทรงสืบสาน รักษาและต่อยอด นอกเหนือจากนี้ยังช่วยกันฟื้นคืนป่าต้นน้ำที่สมบูรณ์สร้างพื้นที่คาร์บอนเครดิตอีกทางหนึ่งด้วย

ช่วงภาคบ่ายวันเดียวกันทางคณะยังได้ร่วมกันทำบุญทอดถวายผ้าป่าสามัคคีสมทบทุนสร้างที่กั้นดินพังทลายด้านหลังอาคารหลังใหม่ ของวัดพระพุทธบาทข่วงเปา โดยกิจกรรมครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานภาคีเครือข่าย ที่ร่วมบูรณาการการทำงานด้วยดี.

ม.ก.ทำสำเร็จอีกจุด ร.ร.ผู้สูงอายุทางอากาศต้นแบบสร้างความมั่นคงเข้มแข็งยั่งยืนพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุอย่างมีคุณค่า

ปิดคอร์สอีกรุ่น “ร.ร.ผู้สูงวัยทางอากาศต้นแบบความเข้มแข็งยั่งยืน”ที่วิทยุ-มูลนิธิ ม.ก.หนุนท้องถิ่น อปท.ที่เชียงใหม่

เชียงใหม่ 28 พ.ค.- ที่ห้องประชุม เทศบาลตำบลป่าไผ่ อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ ได้มีพิธีปิดและปัจฉิมนิเทศน์พร้อมมอบใบประกาศนียบัตรในนามมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในโครงการโรงเรียนผู้สูงอายุทางอากาศ ของเทศบาลตำบลป่าไผ่ “ด้านการส่งเสริมและเผยแพร่ข้อมูลการพัฒนาคุณภาพชีวิตและการจัดการเรียนรู้ตลอดชีวิตของผู้สูงอายุ” ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โดย สถานีวิทยุกระจายเสียงมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มูลนิธิมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์โดย ผศ.อนุพร สุวรรณวาจกกสิกิจ ผู้อำนวยการใหญ่สถานีวิทยุกระจายเสียงมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในฐานะคณะกรรมการบริหารและผู้จัดการมูลนิธิมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์เป็นประธานร่วมกับ ดร.ไชยยันต์ วิริยา นายกเทศมนตรีตำบลป่าไผ่ โดยมี นางสาวภัคนิจ งามเกษม นักประชาสัมพันธ์ ชำนาญการพิเศษ ผู้ช่วยผู้อำนวยการใหญ่สถานีวิทยุกระจายเสียง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ นายสกุล มูลคำ ที่ปรึกษาและคณะทำงานครอบครัว ม.ก. คณะผู้บริหาร เจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลป่าไผ่ ผู้แทนองค์กร ตัวแทนผู้สูงอายุและผู้เกี่ยวข้องร่วมพิธี หลังจากได้ร่วมกันเปิดโครงการฯ ไปเมื่อ 18 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมาใน “หลักสูตรโรงเรียนผู้สูงอายุทางอากาศ” โดยมีผู้สูงอายุเข้าร่วมเรียนในหลักสูตรดังกล่าวจำนวน 42 คน

ผศ.อนุพร กล่าวว่า โครงการครั้งนี้ดำเนินตามข้อตลงความร่วมมือทั้งสององค์กร ในการส่งเสริมและเผยแพร่ข้อมูลการพัฒนาคุณภาพชีวิตและการจัดการเรียนรู้ตลอดชีวิตของผู้สูงอายุ ผ่านสื่อวิทยุกระจายเสียงและสื่อดิจิทัล เป็นส่วนหนึ่งในการเชื่อมโยงเครือข่ายและประสานความร่วมมือทางวิชาการร่วมกันในการถ่ายทอดองค์ความรู้ ด้านสุขภาพ สาธารณสุข การดูแลตัวเองของผู้สูงอายุและผู้ที่กำลังเตรียมตัวเข้าสู่วัยสูงอายุ ในพื้นที่ตำบลป่าไผ่ อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ ให้ได้รับข้อมูลข่าวสารที่ครอบคลุม มีความรู้ ความเข้าใจ ภายใต้โครงการ “โรงเรียนผู้สูงอายุทางอากาศ เทศบาลตำบลป่าไผ่” ผ่านช่องทางสื่อวิทยุกระจายเสียงและสื่อดิจิทัล ของเครือข่ายสถานีวิทยุ ม.ก. เป้าหมายสำคัญเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตทั้งร่างกายและจิตใจให้เป็นผู้สูงวัยอย่างมีคุณค่าและสามารถปรับตัวอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข ซึ่งเป็นอีกแห่งหนึ่งที่มีการขยายผลจากโครงการโรงเรียนทางอากาศให้กับผู้สูงอายุและเกษตรกรกลุ่มต่างๆมาอย่างต่อเนื่อง ถือเป็นบทบาทหน้าที่สำคัญของสถานีวิทยุ ม.ก.นอกเหนือจากภารกิจในวิชาชีพสื่อมวลชน “โรงเรียนผู้สูงอายุทางอากาศ” เป็นโครงการรายการต้นแบบผสมผสาน เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต กลุ่มผู้สูงอายุและจะพัฒนาไปสู่สื่อรูปแบบอื่นๆ อันจะเป็นประโยชน์กับผู้สูงอายุในอนาคตต่อไป

ผู้อำนวยการใหญ่สถานีวิทยุกระจายเสียงมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในฐานะคณะกรรมการบริหารและผู้จัดการมูลนิธิมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์กล่าวว่า การให้บริการวิชาการเพื่อสังคมร่วมพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนและผู้สูงอายุ เป็นอีกด้านหนึ่งที่ให้ความสำคัญรองรับสังคมสูงวัยภายใต้พันธกิจหน้าที่สำคัญอีกด้านหนึ่งของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์และทุกองค์กรในสังกัด รวมถึงสถานีวิทยุ ม.ก.ด้วย ซึ่งได้ขยายความร่วมมือกับกรมกิจการผู้สูงอายุ กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์มาต่อเนื่องและโครงการ “โรงเรียนผู้สูงอายุทางอากาศ” ก็เป็นอีกโครงการหนึ่งที่ได้ดำเนินการนำร่องเป็นต้นแบบในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ โดยการผลิตรายการต้นแบบหลักสูตร “การพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ”ให้ครอบคลุมทุกภาค

ด้าน ดร.ไชยยันต์ วิริยา นายกเทศมนตรีตำบลป่าไผ่ ได้กล่าวยินดีและขอบคุณทาง ม.เกษตรศาสตร์ สถานีวิทยุ ม.ก.และหน่วยงานเกี่ยวข้องที่ให้การสนับสนุนในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้สูงวัยในพื้นที่เทศบาลตำบลป่าไผ่อย่างเต็มที่และถือเป็นโอกาสอันดียิ่งในการได้ร่วมภารกิจสำคัญในการพัฒนาทรัพยากรบุคคลอันเป็นประโยชน์ต่อสังคมในครั้งนี้ ซึ่งความร่วมมือดังกล่าวเกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุในพื้นที่ได้เป็นอย่างดี เป็นแรงบันดาลใจให้ผู้สูงวัยมีคุณภาพชีวิตที่ดี ชีวิตมีคุณค่าเข้มแข็งอย่างยั่งยืนและยังจะสร้างโอกาสขยายความร่วมมือในด้านอื่นๆ ในอนาคตต่อไป.

ม.เกษตรฯหนุนสร้างคุณภาพชีวิตผู้สูงวัยทำวิทยุทางอากาศให้องค์ความรู้อยู่มีสุขสมวัยยุคดิจิทัล

เปิดฉากแล้วโรงเรียนผู้สูงอายุทางอากาศต้นแบบเทศบาลตำบลป่าไผ่ โดยมูลนิธิ ม.เกษตรฯ-สถานีวิทยุ ม.ก.หนุนสร้างคุณภาพชีวิตผู้สูงวัยให้อยู่อย่างรู้เท่าทันมีสุขในยุคดิจิทัล

เชียงใหม่ 20 มี.ค.- ที่ห้องประชุม เทศบาลตำบลป่าไผ่ อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ ได้มีพิธีเปิดและปฐมนิเทศน์โครงการโรงเรียนผู้สูงอายุทางอากาศ เทศบาลตำบลป่าไผ่ “ด้านการส่งเสริมและเผยแพร่ข้อมูลการพัฒนาคุณภาพชีวิต และการจัดการเรียนรู้ตลอดชีวิตของผู้สูงอายุ” ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โดย สถานีวิทยุกระจายเสียงมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มูลนิธิมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์โดย ผศ.อนุพร สุวรรณวาจกกสิกิจ ผู้อำนวยการใหญ่สถานีวิทยุกระจายเสียงมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในฐานะคณะกรรมการบริหารและผู้จัดการมูลนิธิมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้ร่วมกับเทศบาลตำบลป่าไผ่ อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ โดยมี ดร.ไชยยันต์ วิริยา นายกเทศมนตรีตำบลป่าไผ่ พร้อมคณะผู้บริหารให้การต้อนรับและร่วมพิธี นางเครือวัลย์ คำมูล รองนายกเทศมนตรีตำบลป่าไผ่ กล่าวรายงานวัตถุประสงค์โครงการฯ และนางสาวภัคนิจ งามเกษม นักประชาสัมพันธ์ ชำนาญการพิเศษ ผู้ช่วยผู้อำนวยการใหญ่สถานีวิทยุกระจายเสียง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ แนะนำวิธีการศึกษาและเนื้อหา “หลักสูตรโรงเรียนผู้สูงอายุทางอากาศ” โดยมีนายสกุล มูลคำ ที่ปรึกษาและคณะทำงานครอบครัว ม.ก. คณะผู้บริหาร เจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลป่าไผ่ ผู้แทนองค์กร ตัวแทนผู้สูงอายุและผู้เกี่ยวข้องร่วมพิธี โดยมีผู้สูงอายุเข้าร่วมเรียนในหลักสูตรดังกล่าวจำนวน 42 คน

ผศ.อนุพร กล่าวว่า โครงการครั้งนี้ดำเนินตามข้อตลงความร่วมมือทั้งสององค์กร ในการส่งเสริมและเผยแพร่ข้อมูลการพัฒนาคุณภาพชีวิตและการจัดการเรียนรู้ตลอดชีวิตของผู้สูงอายุ ผ่านสื่อวิทยุกระจายเสียงและสื่อดิจิทัล เป็นส่วนหนึ่งในการเชื่อมโยงเครือข่ายและประสานความร่วมมือทางวิชาการร่วมกันในการถ่ายทอดองค์ความรู้ ด้านสุขภาพ สาธารณสุข การดูแลตัวเองของผู้สูงอายุและผู้ที่กำลังเตรียมตัวเข้าสู่วัยสูงอายุ ในพื้นที่ตำบลป่าไผ่ อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ ให้ได้รับข้อมูลข่าวสารที่ครอบคลุม มีความรู้ ความเข้าใจ ภายใต้โครงการ “โรงเรียนผู้สูงอายุทางอากาศ เทศบาลตำบลป่าไผ่” ผ่านช่องทางสื่อวิทยุกระจายเสียงและสื่อดิจิทัล ของเครือข่ายสถานีวิทยุ ม.ก. เป้าหมายสำคัญเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตทั้งร่างกายและจิตใจให้เป็นผู้สูงวัยอย่างมีคุณค่าและสามารถปรับตัวอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข ซึ่งเป็นอีกแห่งหนึ่งที่มีการขยายผลจากโครงการโรงเรียนทางอากาศให้กับผู้สูงอายุและเกษตรกรกลุ่มต่างๆมาอย่างต่อเนื่อง ที่เป็นบทบาทหน้าที่สำคัญของสถานีวิทยุ ม.ก.นอกเหนือจากภารกิจในวิชาชีพสื่อมวลชน “โรงเรียนผู้สูงอายุทางอากาศ” เป็นโครงการรายการต้นแบบผสมผสาน เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต กลุ่มผู้สูงอายุและจะพัฒนาไปสู่สื่อรูปแบบอื่นๆ อันจะเป็นประโยชน์กับผู้สูงอายุในอนาคตต่อไป โดยมีระยะเวลาดำเนินการ 1 ปี

ผู้อำนวยการใหญ่สถานีวิทยุกระจายเสียงมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในฐานะคณะกรรมการบริหารและผู้จัดการมูลนิธิมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ระบุว่า ภายใต้พันธกิจหน้าที่สำคัญอีกด้านหนึ่งของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ทุกองค์กรในสังกัด รวมถึงสถานีวิทยุ ม.ก. คือ การบริการวิชาการเพื่อสังคมร่วมพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน และผู้สูงอายุ ก็เป็นอีกด้านหนึ่งที่ให้ความสำคัญที่จะต้องพัฒนาคนรองรองรับสังคมสูงวัย จึงได้ขยายความร่วมมือกับกรมกิจการผู้สูงอายุ กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และเกี่ยวข้องดำเนินภารกิจในด้านดังกล่าวมาต่อเนื่องและโครงการ “โรงเรียนผู้สูงอายุทางอากาศ” ก็เป็นอีกโครงการหนึ่งที่ได้ดำเนินการนำร่องเป็นต้นแบบในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ โดยการผลิตรายการต้นแบบหลักสูตร “การพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ”

ด้าน ดร.ไชยยันต์ วิริยา นายกเทศมนตรีตำบลป่าไผ่ ได้กล่าวยินดีและขอบคุณ ม.เกษตรศาสตร์ สถานีวิทยุ ม.ก.และหน่วยงานเกี่ยวข้องที่ให้การสนับสนุนในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้สูงวัยในพื้นที่เทศบาลตำบลป่าไผ่อย่างเต็มที่และถือเป็นโอกาสอันดียิ่งในการได้ร่วมภารกิจสำคัญในการพัฒนาทรัพยากรบุคคลอันเป็นประโยชน์ต่อสังคมในครั้งนี้ โดยคาดหวังว่า ความร่วมมือดังกล่าวจะเกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุในพื้นที่ได้เป็นอย่างดีและสร้างโอกาสขยายความร่วมมืออื่นๆ ในอนาคตต่อไป.

เปิดฉากเวทีประชุมวิชาการอารักขาพืชครั้งที่ 16 ปลุกทุกส่วนตื่นรู้สู้ภาวะ “โลกเดือด”

เปิดแล้วเวทีวิชาการอารักขาพืชครั้งที่ 16 กระตุ้นทุกส่วนร่วมตระหนักรับมือภาวะ “โลกเดือด!”
18 กุมภาพันธ์ 2025

เชียงใหม่ 18 ก.พ.- ที่ โรงแรมดิเอ็มเพรส จังหวัดเชียงใหม่ นางวิลาวัณย์ ใคร่ครวญ รองอธิบดีกรมวิชาการเกษตร เป็นประธานในการเปิดการประชุมวิชาการอารักขาพืชแห่งชาติ ครั้งที่ 16“การอารักขาพืชไทยในยุคโลกเดือด”“Thai Plant Protection in a Global Boiling Era” ที่จัดขึ้นระหว่าง วันที่ 18 – 20 กุมภาพันธ์ 2568 โดยมีนายชัชวาล ปัญญา รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่กล่าวให้การต้อนรับ มีส่วนราชการทั้งภาครัฐและเอกชนรวมถึงผู้เกี่ยวข้องจากทั่วประเทศเข้าร่วมพิธีในครั้งนี้จำนวนมาก

นายศรุต สุทธิอารมณ์ นายกสมาคมกีฏและสัตววิทยาแห่งประเทศไทย ประธานจัดงานกล่าวว่า การประชุมวิชาการอารักขาพืชแห่งชาติ เป็นความร่วมมือของทั้งหมด 7 สมาคม ได้แก่ สมาคมกีฏและสัตววิทยาแห่งประเทศไทย สมาคมนักโรคพืชแห่งประเทศไทย สมาคมวิทยาการวัชพืชแห่งประเทศไทย สมาคมอารักขาพืชไทย สมาคมคนไทยธุรกิจเกษตร สมาคมวิศวกรรมเกษตรแห่งประเทศไทยและสมาคมการค้านวัตกรรมเพื่อการเกษตรไทย เป็นเวทีสำคัญที่จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี พ.ศ. 2536 ในครั้งนี้ สมาคมกีฏและสัตววิทยาแห่งประเทศไทย เป็นเจ้าภาพการจัดประชุม โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ผลงานวิจัย แลกเปลี่ยนองค์ความรู้และสร้างเครือข่ายความร่วมมือในด้านการอารักขาพืช ครอบคลุมสาขาวิชาด้านต่างๆ ทั้งกีฏวิทยา สัตววิทยาโรคพืช วัชพืช วิศวกรรมเกษตรและเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในการพัฒนาการผลิตอย่างมีประสิทธิภาพ มีความปลอดภัยต่อเกษตรกรผู้ผลิต และสิ่งแวดล้อม ผลผลิตที่ได้มีคุณภาพปลอดภัยต่อผู้บริโภค รวมถึงการนำไปใช้เป็นข้อมูลพื้นฐานสำหรับการพัฒนางานวิจัยต่อไป
การจัดประชุมวิชาการฯ จัดให้มีขึ้นทุก 2 ปี โดยแต่ละสมาคมจะหมุนเวียนเป็นเจ้าภาพสำหรับปีนี้สมาคมกีฏและสัตววิทยาแห่งประเทศไทย ได้รับเกียรติให้เป็นแกนนำร่วมกับ สมาคมชั้นนำในด้านงานอารักขาพืช เพื่อจัดการประชุมครั้งที่ 16 ภายใต้หัวข้อ “การอารักขาพืชไทยในยุคโลกเดือด” ซึ่งสะท้อนถึงความท้าทายของภาคเกษตรกรรมท่ามกลางสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วจากเดิที่เป็นภาวะโลกร้อนซึ่งปัจจุบันกลายเป็นภาวะโลกเดือดตามที่สหประชาชาติได้ให้คำจำกัดความไว้ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องร่วมกันตลอดในการร่วมมือกันทุกฝ่ายเพื่อรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าวทั้งภาครัฐเอกชนนักวิชาการรวมถึงเกษตรกรและประชาชนทั่วไปที่ต้องร่วมมือกันอย่างจริงจังที่ต้องเผชิญกับภาวะแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง
โดยรูปแบบการประชุมได้แบ่งออกเป็นการบรรยายพิเศษ การอภิปรายเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และความคิดเห็น การนำเสนอผลงานวิจัยภาคบรรยาย และการนำเสนอผลงานวิจัยภาคแผ่นภาพ ไฮไลท์สำคัญของการประชุมครั้งนี้ ได้แก่ การบรรยายพิเศษ โดยผู้เชี่ยวชาญระดับประเทศและนานาชาติ ในหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับการรับมือกับศัตรูพืชในยุคโลกเดือด และแนวทางพัฒนาเคมีเกษตรที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การเสวนาพิเศษ 3 หัวข้อ “เกษตรไทยเตรียมพร้อมอย่างไรในยุคโลกเดือด” “นวัตกรรมโดรนเพื่อการอารักขาพืชสมัยใหม่”และ”นวัตกรรมยุคใหม่ของการป้องกันกำจัดศัตรูพืช” ในงานมีการนำเสนอผลงานวิจัย ทั้งในรูปแบบการบรรยายและโปสเตอร์ การประกวดภาพถ่าย รวมถึงการมอบรางวัลให้แก่ผลงานดีเด่น นิทรรศการเทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านการอารักขาพืช จากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนการประชุมครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจากองค์กรพันธมิตรทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และสถาบัน การศึกษาต่างๆ โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมกว่า 400 คน

“เวทีครั้งนี้จะสะท้อนถึงความสำคัญของการอารักขาพืชที่มีต่อความมั่นคงทางอาหารและความยั่งยืนของภาคเกษตรกรรมไทย การประชุมวิชาการในครั้งนี้ ถือเป็นโอกาสสำคัญในการร่วมกันแสวงหาความรู้ แลกเปลี่ยนแนวคิด และนำเสนอแนวทางใหม่ๆ ในการจัดการศัตรูพืชและพัฒนาการอารักขาพืชให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป เพื่อให้ภาคเกษตรกรรมไทยสามารถก้าวไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคงและสามารถผลิตอาหารที่ปลอดภัยตามมาตรฐานสากลรวมทั้งการรับมือกับภาวะโลกเดือดตามที่สหประชาชาติได้ให้ข้อย้ำเตือนไว้”นายกสมาคมกีฏฯ กล่าว

งบ

ประชาคมงดเหล้าเชียงรายจัดงาน”ป๊ะ ปุ๊ แป๋ง เปี๊ยะ ปี2 สานพลังเครือข่ายประกาศเจตนารมณ์ลดปัจจัยเสี่ยงปกป้องเยาวชน

ประชาคมงดเหล้าจังหวัดเชียงรายจับมือเครือข่ายจัดงานประจำปี “ป๊ะ ปุ๊ แป๋ง เปี๊ยะ ปี2”: จับเข่าเล่าเรื่องเพื่อคนเชียงฮาย สุขก๋าย ม่วนใจ๋ เพื่อเชื่อมเพื่อนภาคีร่วมประกาศเจตนารมณ์ หวังขับเคลื่อนงานลดปัจจัยเสี่ยงปกป้องเยาวชนในภาคเหนือตอนบน
เชียงราย 10 ธ.ค.67 – เร็วๆ นี้ที่บ้านสิงหไคล (มูลนิธิมดชนะภัย) ตำบลเวียง อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย นายราชัน มีน้อย รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายเป็นประธานพิธีเปิดกิจกรรม “ป๊ะ ปุ๊ แป๋ง เปี๊ยะ ปี2”: จับเข่าเล่าเรื่องเพื่อคนเชียงฮาย สุขก๋าย ม่วนใจ๋ โดย นางกัญญานันท์ ตาทิพย์ ผู้จัดการเครือข่ายงดเหล้าภาคเหนือตอนบน กล่าวว่า ประชาคมงดเหล้าฯและภาคีเครือข่ายจังหวัดเชียงรายจัดงานครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสื่อสาร การแสดงออก มีพื้นที่สร้างสรรค์และเชื่อมเครือข่ายเด็กเยาวชน เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ แชร์ โชว์ เชื่อมและกำหนดแนวทางการพัฒนาของเพื่อนภาคีเครือข่าย : เพื่อคนเชียงฮาย สุขก๋าย ม่วนใจ๋ และเพื่อนำเสนอผลการดำเนินงานประจำปี 2566/67 ของประชาคมงดเหล้าจังหวัดเชียงราย ภายในงานมีทั้งการ ออกบู๊ธนิทรรศการผลการดำเนินงาน ผลิตภัณฑ์ของชุมชนคนสู้เหล้าประจำปี 2566/67 การแสดงของเด็กเยาวชนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้การดำเนินงานพัฒนาเด็กเยาวชนให้ลดปัญหาจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ บุหรี่ บุหรี่ไฟฟ้า สุขภาพจิต ยาเสพติดและปัจจัยเสี่ยงต่างๆ การเสวนาแนวทางการพัฒนาภายใต้กรอบคิด “จับเข่าเล่าเรื่องเพื่อคนเชียงฮาย สุขก๋าย ม่วนใจ๋” การแสดงของเครือข่ายเยาวชนจังหวัดเชียงรายและประกาศเจตนารมณ์สานพลังเครือข่ายร่วมขับเคลื่อนงานการพัฒนาเด็กและเยาวชน ภายใต้การสนับสนุนงบประมาณจากสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า(สคล.)
ขณะที่นายฤทธิรงค์ หน่อแหวน ประชาคมงดเหล้าจังหวัดเชียงราย เปิดเผยว่า จากจังหวัดเชียงรายที่มีพื้นที่ 18 อำเภอ 124 ตำบล 1,751 หมู่บ้าน โดยมีสถานการณ์การบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในจังหวัดเชียงราย พบว่า อัตราการดื่มสุราหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของประชากรอายุ 15 ปีขึ้นไปในปี 2564 พบว่า มีอัตราการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์สูงเป็นอันดับที่ 3 ของประเทศ จากการคัดกรองข้อมูลพฤติกรรมการดื่มสุราของประชากรอายุ 15 ปีขึ้นไปในโปรแกรม Jhcis และ Hosxp ระบบ special pp ปีงบประมาณ 2566 มีกลุ่มเป้าหมายทั้งหมดจำนวน 755,935 ราย ได้รับการคัดกรองจำนวน 300,059 ราย คิดเป็นร้อยละ 39.69 โดยแยกตามพฤติกรรมการดื่มดังนี้ ไม่เคยดื่มเลยจำนวน 160,251 ราย คิดเป็นร้อยละ 53.40 เคยดื่มสุราแต่หยุดมาแล้ว 1 ปีขึ้นไปจำนวน 32,778 ราย คิดเป็นร้อยละ 10.92 มีพฤติกรรมดื่มสุรา จำนวน 96,108 ราย คิดเป็นร้อยละ 32.03 เมื่อมีการจำแนกปริมาณการดื่มสุราเพื่อประเมินความเสี่ยงในการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ตามระบบ Assist พบว่า มีผู้บริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มีระดับความเสี่ยงต่ำจำนวน 89,646 ราย คิดเป็นร้อยละ 93.28 มีผู้บริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มีระดับความปานกลางจำนวน 5,766 ราย คิดเป็นร้อยละ 6.00 มีผู้บริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มีระดับความเสี่ยงสูง จำนวน 696 ราย คิดเป็นร้อยละ 0.72 มีการส่งต่อเพื่อรับการบำบัดช่วยเลิกจำนวน 266 ราย คิดเป็นร้อยละ 38.21 (ข้อมูลจากรายงานสรุปผลการดำเนินงานการควบคุมยาสูบและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงราย ปีงบประมาณ 2566 ณ วันที่ 30 เมษายน 2566)
ในภารกิจการทำงานทางประชาคมงดเหล้าจังหวัดเชียงราย ที่ได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และเครือข่ายองค์กรงดเหล้า(สคล.) มาอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมในการลดผลกระทบและแก้ไขปัญหาการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และปัจจัยเสี่ยงต่อสุขภาพอื่นๆ เน้นการป้องกันและการลด ละ เลิกของนักดื่ม นักสูบ นักเสพทั้งหน้าเก่า-หน้าใหม่ บูรณาการภาคีเครือข่ายสร้างเสริม งานบุญประเพณีปลอดเหล้าระดับพื้นที่โดยใช้ชุมชนเป็นฐาน โดยบูรณาการกับกลไก พชอ. และพัฒนาศักยภาพยกระดับแกนนำคนทำงานในพื้นที่ชุมชนสุขปลอดเหล้า ให้สามารถขับเคลื่อนงานต่อเนื่องของชมรมคนหัวใจเพชร เครือข่ายผู้หญิง เครือข่ายพระภิกษุสงฆ์ เครือข่ายสถานศึกษาและเครือข่ายเยาวชนอำเภอป้องกันนักดื่มหน้าใหม่ YSDN (Youth Stop Drink Network) ซึ่งในพื้นที่ 7 อำเภอคือ 1) อำเภอเวียงชัย 2) อำเภอเทิง 3) อำเภอแม่จัน 4) อำเภอพาน 5) อำเภอเวียงป่าเป้า 6) อำเภอแม่สาย และ7) อำเภอเชียงแสน
สำหรับงาน “ป๊ะ ปุ๊ แป๋ง เปี๊ยะปี2”: จับเข่าเล่าเรื่องเพื่อคนเชียงฮาย สุขก๋าย ม่วนใจ๋ ปีนี้ เป็นการจัดงานที่มีเป้าหมายเชิญชวนแกนนำพื้นที่ เพื่อนภาคีเครือข่ายในจังหวัดเชียงราย มานำเสนอผลการดำเนินงานประจำปี 2566/67 เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้แชร์ โชว์ เชื่อมเพื่อนภาคี การแสดงผลงานและเป็นพื้นที่กลางที่สร้างสรรค์ที่ปลอดภัยสำหรับเด็กเยาวชนและทุกคน อีกทั้งมีการประกาศเจตนารมณ์ของภาคีเครือข่ายที่ขับเคลื่อนงานพัฒนาเด็กและเยาวชน เพื่อสนับสนุนให้จังหวัดเชียงรายเป็นเมืองแห่งการพัฒนาสังคมสร้างสรรค์ เป็นการขับเคลื่อนงานสนับสนุนให้แผนพัฒนาจังหวัดเชียงราย เน้นสานพลังความร่วมมือในการขับเคลื่อนงานรณรงค์เรื่องดังกล่าวของทั้งองค์กรภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคมในทุกภาคีเครือข่ายที่จะร่วมกันตระหนักรู้ในการสร้างเกราะป้องกันให้กับเยาวชนต่อไป
โอกาสนี้ทางภาคีเครือข่ายฯ ยังได้ร่วมกันประกาศเจตนารมณ์เพื่อสนับสนุนให้จังหวัดเชียงรายเป็นเมืองแห่งการพัฒนาสังคมสร้างสรรค์ด้วย โดยมีเจตนารมณ์ดังนี้ 1. ร่วมกันขับเคลื่อนให้เด็กและเยาวชนของจังหวัดเชียงรายมีสุขภาวะที่ดี โดยมีความรู้ด้านสุขภาพและมีพฤติกรรมที่เหมาะสม ทั้งการบริโภคอาหาร การออกกำลังกาย การไม่ใช้สารเสพติด รวมถึงสุขภาวะทางเพศและ สุขภาวะทางอารมณ์ที่เหมาะสม 2. หน่วยงานต่างๆจะร่วมกันขับเคลื่อนงานในประเด็นการพัฒนาเด็กและเยาวชนในรูปแบบการบูรณาการการทำงานเพื่อส่งเสริมความรอบรู้ด้านสุขภาวะ สร้างสิ่งแวดล้อมที่สร้างสรรค์และปลอดภัย พัฒนาศักยภาพให้แก่เด็กและเยาวชน 3. ส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพของภาคีเครือข่ายที่ทำงานด้านเด็กและเยาวชนในมิติต่างๆ ทั้งหน่วยงานภาครัฐ เอกชน ภาคประชาสังคม อาทิ เครือข่ายสารวัตรนักเรียน บุคลากรด้านการศึกษา บุคลากรมูลนิธิและสมาคมต่างๆ ด้วยการจัดอบรม แลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์การทำงาน สนับสนุนสื่อการเรียนรู้ สนับสนุนการขับเคลื่อนกิจกรรมสร้างสรรค์เพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงด้านสุขภาพกาย สุขภาพจิต สังคมและสติปัญญาในเด็กและเยาวชน และ 4. การจัดทำฐานข้อมูล ด้านสุขภาวะและการเรียนรู้ของเด็กเยาวชน รวมถึงการเฝ้าระวังติดตามสถานการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อเด็กและเยาวชน รวมถึงการออกแบบกิจกรรมปฏิบัติการและข้อเสนอแนะต่อภาคส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เกิดการทำงานเชิงรุก ที่สอดคล้องกับบริบทและการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง.

ม.ก.MOU เทศบาลตำบลป่าไผ่ทำ’โรงเรียนผู้สูงอายุทางอากาศ’ ต้นแบบ พัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุรองรับสังคมสูงวัย

สถานีวิทยุ ม.ก.เดินหน้าพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุต่อเนื่อง ทำ mou ‘โรงเรียนผู้สูงวัยทางอากาศ’ต้นแบบเพิ่มอีกที่ @เทศบาลตำบลป่าไผ่ จ.เชียงใหม่

Oplus_131072

Oplus_131072

เชียงใหม่ 20 พ.ย.- ที่ห้องประชุม เทศบาลตำบลป่าไผ่ อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ ได้มีพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ โครงการโรงเรียนผู้สูงอายุทางอากาศ เทศบาลตำบลป่าไผ่ “ด้านการส่งเสริมและเผยแพร่ข้อมูลการพัฒนาคุณภาพชีวิต และการจัดการเรียนรู้ตลอดชีวิตของผู้สูงอายุ” ระหว่างมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โดย สถานีวิทยุกระจายเสียงมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มูลนิธิมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์โดย ผศ.อนุพร สุวรรณวาจกกสิกิจ ผู้อำนวยการใหญ่สถานีวิทยุกระจายเสียงมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในฐานนะคณะกรรมการบริหารและผู้จัดการมูลนิธิมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กับเทศบาลตำบลป่าไผ่ อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ โดย ดร.ไชยยันต์ วิริยา นายกเทศมนตรีตำบลป่าไผ่ โดยมีนางสาวภัคนิจ งามเกษม ผู้ช่วยผู้อำนวยการใหญ่สถานีวิทยุกระจายเสียง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และ ว่าที่ร้อยตรี จำรอง อ่อนพุทธา ปลัดเทศบาลตำบลป่าไผ่ ลงนามเป็นพยาน โดยมีคณะผู้บริหาร เจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลป่าไผ่ ผู้แทนองค์กร ตัวแทนผู้สูงอายุและผู้เกี่ยวข้องร่วมพิธี

จากข้อตดลงความร่วมมือครั้งนี้ทั้งสององค์กร จะร่วมมือในการส่งเสริมและเผยแพร่ข้อมูลการพัฒนาคุณภาพชีวิตและการจัดการเรียนรู้ตลอดชีวิตของผู้สูงอายุ ผ่านสื่อวิทยุกระจายเสียงและสื่อดิจิทัล ซึ่งหน่วยงาน ทั้งสองมีศักยภาพสามารถเชื่อมโยงเครือข่ายและประสานความร่วมมือทางวิชาการร่วมกันในการถ่ายทอดองค์ความรู้ ด้านสุขภาพ สาธารณสุข การดูแลตัวเองของผู้สูงอายุและผู้ที่กำลังเตรียมตัวเข้าสู่วัยสูงอายุ ในพื้นที่ตำบลป่าไผ่ อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ ให้ได้รับข้อมูลข่าวสารที่ครอบคลุม มีความรู้ ความเข้าใจ ภายใต้โครงการ “โรงเรียนผู้สูงอายุทางอากาศ เทศบาลตำบลป่าไผ่” ผ่านช่องทางสื่อวิทยุกระจายเสียงและสื่อดิจิทัล ของเครือข่ายสถานีวิทยุ ม.ก. เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตทั้งร่างกายและจิตใจให้เป็นผู้สูงวัยอย่างมีคุณค่าและสามารถปรับตัว อยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข โดยการผลิตรายการต้นแบบหลักสูตร“การพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ” ผ่านสื่อวิทยุกระจายเสียงมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จังหวัดเชียงใหม่ (สถานีวิทยุ ม.ก.เชียงใหม่) โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

ข้อ 1 เทศบาลตำบลป่าไผ่ อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ จะให้การส่งเสริม ประสานงานกับชมรมผู้สูงอายุ ของเทศบาลส่วนตำบลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อคัดเลือกผู้สูงอายุ และสนับสนุนเอกสารบทเรียน แบบทดสอบสำหรับแจกให้กับผู้สูงที่เข้าร่วมโครงการโรงเรียนผู้สูงอายุทางอากาศ เทศบาลตำบลป่าไผ่

ข้อ 2 สถานีวิทยุกระจายเสียงมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จังหวัดเชียงใหม่ (สถานีวิทยุ ม.ก.เชียงใหม่) นำองค์ความรู้และหลักสูตรต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับผู้สูงอายุ อาทิ ด้านการดูแลสุขภาพตัวเอง ด้านโภชนาการ ด้านสิทธิและสวัสดิการสังคม สำหรับผู้สูงอายุ ด้านสังคมและเศรษฐกิจ การพัฒนาคุณภาพชีวิต และการเตรียมตัวเข้าสู่วัยผู้สูงอายุ ทั้งนี้ ตามผังรายการหลักของสถานีวิทยุ ม.ก. โดยถ่ายทอดผ่านสัญญาณเครือข่ายของสถานี วิทยุ ม.ก.เชียงใหม่ AM 612 kHz ซึ่งเป็นฐานในการดำเนินงานข้างต้น และผ่านสถานีวิทยุกระจายเสียง ทั้ง 4 ภูมิภาค และสื่อดิจิทัล (ตามความเหมาะสม) และเครื่องรับวิทยุกระจายเสียงจำนวน 42 เครื่อง เพื่อส่งมอบให้กับผู้สูงอายุ ที่เข้าร่วมโครงการ

ข้อ 3 ร่วมกันสร้างแรงจูงใจ กระตุ้น หรือหาสิ่งเร้าเพื่อให้กลุ่มผู้สูงอายุได้ตระหนักถึงความจำเป็น ในการพัฒนาตนเอง การดูแล การพัฒนาคุณภาพชีวิต การส่งเสริมสุขภาพที่ดีของตนเองทั้งด้านร่างกายและจิตใจ การจัดการเรียนรู้ตลอดชีวิตของผู้สูงอายุ และสร้างแรงจูงใจให้กลุ่มผู้สูงอายุสนใจมารับฟังและรับชมรายการ “โรงเรียนผู้สูงอายุทางอากาศ” มากยิ่งขึ้น ซึ่งจะเป็นโครงการรายการต้นแบบผสมผสาน เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต กลุ่มผู้สูงอายุ และจะพัฒนาไปสู่สื่อรูปแบบอื่น อันจะเป็นประโยชน์กับผู้สูงอายุในอนาคตต่อไป โดยมีระยะเวลาดำเนินการ 1 ปี

ผศ.อนุพร สุวรรณวาจกกสิกิจ ผู้อำนวยการใหญ่สถานีวิทยุกระจายเสียงมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในฐานนะคณะกรรมการบริหารและผู้จัดการมูลนิธิมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ระบุว่า ภายใต้พันธกิจหน้าที่สำคัญอีกด้านหนึ่งของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ทุกองค์กรในสังกัด รวมถึงสถานีวิทยุ ม.ก. คือ การบริการวิชาการเพื่อสังคมร่วมพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน และผู้สูงอายุ ก็เป็นอีกด้านหนึ่งที่ให้ความสำคัญที่จะต้องพัฒนาคนรองรองรับสังคมสูงวัย จึงได้ขยายความร่วมมือกับกรมกิจการผู้สูงอายุ กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และเกี่ยวข้องดำเนินภารกิจในด้านดังกล่าวมาต่อเนื่องและโครงการ “โรงเรียนผู้สูงอายุทางอากาศ” ก็เป็นอีกโครงการหนึ่งที่ได้ดำเนินการนำร่องเป็นต้นแบบในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ ที่ภาคเหนือ จ.เชียงใหม่นำร่องที่เทศบาลเมืองแม่เหียะ อ.เมืองเชียงใหม่ มีผลสำเร็จเกิดขึ้นกับประชาชนที่จับต้องได้ชัดเจน ในครั้งนี้ได้มีความร่วมมือกับเทศบาลตำบลป่าไผ่แห่งนี้ ซึ่งจะได้ให้ความรู้ผ่านสื่อวิทยุกระจายเสียงและสื่อดิจิทัลของเครือข่ายสถานีวิทยุ ม.ก. ซึ่งทั้งสองหน่วยงานจะเชื่อมโยงเครือข่ายและประสานความร่วมมือทางวิชาการร่วมกันในการถ่ายทอดองค์ความรู้ ด้านสุขภาพ สาธารณสุข การดูแลตัวเองของผู้สูงอายุและผู้ที่กำลังเตรียมตัวเข้าสู่วัยสูงอายุ ในพื้นที่ตำบลป่าไผ่ ให้ได้รับข้อมูลข่าวสารที่ครอบคลุม มีความรู้ ความเข้าใจ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตทั้งร่างกายและจิตใจให้เป็นผู้สูงวัยอย่างมีคุณค่าและสามารถปรับตัวอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข โดยการผลิตรายการต้นแบบหลักสูตร “การพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ”

ด้าน ดร.ไชยยันต์ วิริยา นายกเทศมนตรีตำบลป่าไผ่ กล่าวขอบคุณ ม.เกษตรศาสตร์และคณะ พร้อมยืนยันในความร่วมมือในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้สูงวัยในพื้นที่อย่างเต็มที่และถือเป็นโอกาสอันดียิ่งในการได้ร่วมภารกิจสำคัญในการพัฒนาทรัพยากรบุคคลอันเป็นประโยชน์ต่อสังคมในครั้งนี้ โดยมีผู้สูงอายุสนใจเข้าร่วมโครงการดังกล่าวจำนวน 42 คน คาดหวังว่า ความร่วมมือดังกล่าวจะเกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุในพื้นที่ได้เป็นอย่างดีและสร้างโอกาสขยายความร่วมมือในอนาคตต่อไป.

กกล.ผาเมืองแถลงผลงาน 9 เดือนปีงบ’67 สกัดจับยาบ้า 3 เท่าของปี’66 ได้ของกลางกว่า 150 ล้านเม็ด

กกล.ผาเมืองแถลงผลงานรอบ 9 เดือนยึดยาเสพติดได้ 3 เท่าปีผ่านมา ยาบ้ามากสุดกว่า 150 ล้านเม็ด มูลค่ากว่า 2.4 หมื่นล้าน

เชียงใหม่ 25 มิ.ย.- ที่กองกำลังผาเมือง(กกล.ผาเมือง)จังหวัดเชียงใหม่ พลตรีประพัฒน์ พบสุวรรณ ผู้บัญชาการกองกำลังผาเมือง/ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดกองกำลังผาเมือง พร้อมด้วยนายวรวิทย์ ชัยสวัสดิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ นายอนุชา ไชยวงค์ ผอ.ส่วนบังคับใช้กฎหมาย ปปส.ภาค 5 ผู้แทนตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่และเกี่ยวข้องร่วมกันแถลงผลการปฏิบัติงานรอบ 9 เดือนปีงบประมาณ 2567 ตามนโยบายในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดของรัฐบาล สั่งการให้หน่วยกำลังป้องกันชายแดน สกัดกั้นยาเสพติดให้ได้ตั้งแต่พื้นที่แนวชายแดนนั้น หน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ชายแดนภาคเหนือ (นบ.ยส.35) โดยกองกำลังผาเมือง ได้เปิดยุทธการในการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดเชียงรายในห้วงตั้งแต่ตุลาคม 2566 ถึงปัจจุบัน หน่วยสามารถสกัดกั้นยาเสพติดได้ 318 ครั้ง จับกุมผู้ต้องหาได้ 327 คน ตรวจยึดยาบ้าได้มากกว่า 150.4 ล้านเม็ด, เฮโรอีน 256.7 กิโลกรัม, ไอซ์ 1,248.3 กิโลกรัม, ฝิ่น 179.5 กิโลกรัม และคีตามีน 29.2 กิโลกรัม กลุ่มขบวนการเสียชีวิต 29 ศพ จากการปะทะกับเจ้าหน้าที่ จำนวน 38 ครั้ง ซึ่งถือว่า สามารถดำเนินการได้มากกว่า 3 เท่าของปีที่ผ่านมา ซึ่งหากยาเสพติดที่ตรวจยึดได้ดังกล่าว ถูกลำเลียงเข้าสู่พื้นที่กรุงเทพมหานคร จะสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจจากมูลค่าของยาเสพติดที่จำหน่ายถึง 24,107 ล้านบาท (24,107,483,200 บาท)
โอกาสนี้ผู้บัญชาการกองกำลังผาเมืองยังได้ร่วมกับผู้เกี่ยวข้องแถลงข่าวผลการตรวจยึดยาเสพติดยาเสพติดให้โทษประเภท 1(ยาบ้า)จำนวน 1,600,000 เม็ด ที่ชายแดน อ.ฝาง คืนที่ผ่านมา ซึ่งหากเล็ดลอดสู่ตลาดจะมีมูลค่าสูงถึง 240,000,000 บาท (สองร้อยสี่สิบล้านบาท)

จากเหตุการณ์ดังกล่าว พลตรีประพัฒน์ กล่าวว่า ได้สั่งการให้หน่วยในพื้นที่ยังคงเพิ่มความเข้มงวดในการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด อย่างต่อเนื่องต่อไปเพราะพวกการเคลื่อนไหวของกระบวนการยาเสพติดอยู่ตลอดเวลาไม่ว่าจะเป็นห้วงฤดูกาลไหนโดยเฉพาะยามวิกาลเพราะผลจากการปฏิบัติหน้าที่ผ่านมามักจะเกิดการปะทะในช่วงกลางคืนอยู่เป็นประจำอีกทั้งยังพบว่า มีการผลิตยาเสพติดในประเทศตรงข้ามเพื่อรอทะลักเข้ามาอีกจำนวนมหาศาลจึงต้องบูรณาการกับทุกหน่วยเพื่อเฝ้าระวังป้องกันอย่างเต็มที่ทำให้มีการจับกุมได้บ่อยครั้งและมากกว่าอดีต

ปปส.ภ.5 เพิ่มเติมว่า สาเหตุหนึ่งที่ทำให้ปริมาณยาบ้าพบมากขึ้นเนื่องจากมีการผลิตสูงและใช้สารตั้งต้นที่หาได้ง่ายความเข้มข้นลดลงปริมาณความต้องการทั้งในประเทศไทยและประเทศที่ 3 ก็มีมาก ความไม่สงบในประเทศเพื่อนบ้านเป็นเหตุปัจจัยที่ทำให้ปริมาณยาเสพติดมีการผลิตสูง ส่วนในเรื่องของการขยายผลยึดทรัพย์ก็ยังคงมีต่อเนื่องและได้เพิ่มมากขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ระบุว่า ส่วนผสมหลักแอมเฟตามีนในยาบ้ามีสัดส่วนลดลงจากอดีตมีความเข้มข้น 20% ปัจจุบันลดเหลือ 14-15% เท่านั้นทำให้เพิ่มปริมาณการเสพและราคาก็ไม่แพงด้วย ซึ่งยังไม่นับรวมสารเสพติดในกลุ่มวัยรุ่นนักเที่ยวกลางคืนอีกหลายชนิดก็เริ่มพบเพิ่มขึ้นแต่ไม่มากนัก

ด้านรองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่กล่าวเสริมว่า ตามนโยบายสำคัญของรัฐบาลที่เพิ่มความเข้มข้นใน 90 วันนั้นได้กำชับยั้งทุกหน่วยเพื่อเฝ้าระวังเต็มที่โดยเฉพาะองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นฝ่ายปกครองท้องที่ตามแนวตะเข็บชายแดนกว่า 270 กิโลเมตรใน 5 อำเภอชายแดนหลัก เน้นเรื่องของชุมชนเข้มแข็งเพื่อเป็นเกราะป้องกันสำคัญในการร่วมมือกับท่านเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย.