เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี เปิด “ศูนย์บริจาคเพื่อช่วยเหลือฟื้นฟูผู้ประสบภัยน้ำท่วม ในเขตพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ – เชียงราย และพื้นที่เกี่ยวเนื่อง”

เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี เปิด “ศูนย์บริจาคเพื่อช่วยเหลือฟื้นฟูผู้ประสบภัยน้ำท่วม ในเขตพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ – เชียงราย และพื้นที่เกี่ยวเนื่อง”

วันที่ 18 กันยายน 2567 เวลา 10.30 น. สำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) โดยสำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี เปิด “ศูนย์บริจาคเพื่อช่วยเหลือฟื้นฟูผู้ประสบภัยน้ำท่วม ในเขตพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ – เชียงราย และพื้นที่เกี่ยวเนื่อง” เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือและจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ประสบภัยพิบัติ โดยมี พลเอกโกศล ประทุมชาติ กรรมการบริหาร ทำหน้าที่ ประธานกรรมการบริหารการพัฒนาพิงคนคร เป็นประธานเปิดศูนย์บริจาคฯ และมี นายกฤษดา ลาพิมล รองผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาพิงคนคร ปฏิบัติหน้าที่แทนผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาพิงคนคร พร้อมด้วยนางสาวฐิติรัตน์ ต๊ะวันวงค์ ผู้อำนวยการสำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี เข้าร่วมเปิดศูนย์บริจาคฯ ร่วมกัน ณ สำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี

พลเอกโกศล ประทุมชาติ เปิดเผยถึงการจัดตั้ง “ศูนย์บริจาคเพื่อช่วยเหลือฟื้นฟูผู้ประสบภัยน้ำท่วม ในเขตพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ – เชียงราย และพื้นที่เกี่ยวเนื่อง” ว่า จากสถานการณ์น้ำท่วมในเขตพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย และพื้นที่ใกล้เคียง ถือได้ว่ารุนแรงและมีผู้ที่ได้รับผลกระทบหลายจังหวัด สำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) โดยสำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี จึงตระหนักถึงความทุกข์ยากและขาดแคลนสิ่งของเครื่องใช้ต่าง ๆ ของพี่น้องที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติ โดยจัดตั้ง “ศูนย์บริจาคเพื่อช่วยเหลือฟื้นฟู ผู้ประสบภัยน้ำท่วม ในเขตพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ – เชียงราย และพื้นที่เกี่ยวเนื่อง” ขึ้น เพื่อเป็นหนึ่งในการช่วยเหลือ พื้นฟู ผู้ประสบภัยน้ำท่วม และเพื่อให้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล โดยศูนย์บริจาคนี้จะได้จัดตั้งรับบริจาคสิ่งของเครื่องใช้ต่าง ๆ ในระหว่างวันที่ 18 – 27 กันยายน 2567 เวลา 11.00 – 21.00 น. ณ สำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี และจะได้นำไปกระจายมอบให้พื้นที่ต่าง ๆ ที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติในครั้งนี้ ต่อไป

ฝ่ายปกครองร่วมอีกหลายหน่วยงาน ระดมความช่วยเหลือชาวบ้านท่าตาฝั่ง ที่ได้เจอน้ำสาละวินเอ่อท่วมหนักในรอบกว่า 30 ปี

ฝ่ายปกครองร่วมอีกหลายหน่วยงาน ระดมความช่วยเหลือชาวบ้านท่าตาฝั่ง ที่ได้เจอน้ำสาละวินเอ่อท่วมหนักในรอบกว่า 30 ปี ขณะที่ฝั่งประเทศเพื่อนบ้านมีรายงานได้รับผลกระทบทั้งน้ำป่าไหลหลาก ดินไหลและเส้นทางคมนาคมขาดหนักเช่นกัน

เมื่อวันนี้ 18 กันยายน 2567 นี้ นายวรศักดิ์ พานทอง นายอำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน และนางพิทยา พานทอง นายกกิ่งกาชาดอำเภอแม่สะเรียง พร้อมด้วย ผู้บริหารเทศบาลตำบลแม่ยวม ทหารพรานจากหน่วยเฉพาะกิจ กรมทหารรานที่ 36 แม่สะเรียงนำสิ่งของบรรเทาทุกข์ ชุดธารน้ำใจ สภากาชาดไทยและสิ่งของจำเป็นต่อการดำรงชีพอีกจำนวนมาก เดินทางโดยทางเรือในแม่น้ำสาละวิน เพื่อสิ่งของนำไปมอบให้แก่ราษฎร จำนวน 60 ครัวเรือน ซึ่งเป็นผู้ประสบภัยพิบัติในพื้นที่บ้านท่าตาฝั่ง ที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากระดับน้ำในแม่น้ำสาละวินไหลเอ่อเข้าท่วมไปเมื่อก่อนหน้านี้ ซึ่งชาวบ้านเองบอกว่าเป็นอุทกภัยครั้งใหญ่ในรอบกว่า 30 ปี ที่แม่น้ำสาละวินเพิ่มระดับสูงล้นฝั่งเข้าท่วมบ้านเรือนสองฝั่ง ทำให้มีชาวบ้านของบ้านท่าตาฝั่งกว่า 60 ครัวเรือน ได้รับผลกระทบและขาดแคลนอาหาร น้ำดื่มและสิ่งของที่จำเป็นต่อการดำรงชีพ ซึ่งนายอำเภอแม่สะเรียงที่เป็นนายอำเภอชนเผ่าคนแรกและยังเป็นคนแม่สะเรียงด้วย ก็ได้นำสิ่งของไปมอบให้และกล่าวให้กำลังใจแก่ชาวบ้านให้อดทน เตรียมความพร้อมในช่วงจากนี้ต่อไปอีก เพราะอาจจะมีสถานการณ์กลับมาได้ เพราะยังคงอยู่ในช่วงหน้าฝนและยังมีพายุเข้ามาอีกหลายระลอกนับจากนี้ พร้อมกันนี้ก็ได้ให้เจ้าหน้าที่ได้ช่วยกันเข้าเคลียร์ทำความสะอาดบ้านเรือนที่มีดินไหลเข้าบ้านด้วย

ส่วนผลกระทบที่เกิดขึ้นในประเทศเพื่อนบ้านนั้น มีรายงานว่าผลกระทบจากพายุฝนถล่มหนักในหลายพื้นที่ ในเขตรัฐฉานตอนใต้ ทั้งที่เมืองตองจี มัณฑะเลย์ ยาวไปตลอดแนวฝั่งตะวันออกของเมียนมา ที่มีอาณาเขตติดต่อกับประเทศไทยและจังหวัดแม่ฮ่องสอน ทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือนและพื้นที่การเกษตรของชาวบ้าน ถนนหลายสายถูกดินไหลลงมาปิดทับ ชาวบ้านต้องเร่งย้ายไปอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยและย้ายสัตว์เลี้ยง ที่เป็นปัญหาหนักก็คือบ้านเรือนและสถานที่ท่องเที่ยวที่ถูกน้ำท่วมขังและยังมีฝนตกลงมาอยู่อย่างต่อเนื่องในขณะ

แม่โจ้ไม่ทอดทิ้งกัน นักศึกษา ม.แม่โจ้ ลุยพื้นที่เชียงราย ช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วม

แม่โจ้ไม่ทอดทิ้งกัน นักศึกษา ม.แม่โจ้ ลุยพื้นที่เชียงราย ช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วม

วันที่ 16 กันยายน 2567 มหาวิทยาลัยแม่โจ้ โดยวิทยาลัยบริหารศาสตร์ ร่วมกับ คณะสัตวศาสตร์และเทคโนโลยี ลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม โดยมีอาจารย์นารีวรรณ กลิ่นรัตน์ รองคณบดีฝ่ายกิจการนักศึกษา วิทยาลัยบริหารศาสตร์ คอยกำกับดูแลอำนวยความสะดวกในการนำนักศึกษาเข้าพื้นที่ นำอุปกรณ์และสิ่งของเครื่องใช้จำเป็นจากการเปิดรับบริจาค ไปส่งมอบแก่ผู้ประสบภัยในพื้นที่ บ้านกกโท้ง ตำบลรอบเวียง และชุมชนบ้านน้ำลัด ตำบลริมกก อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย รวมถึงระดมกำลังนักศึกษาช่วยทำความสะอาดบ้านเรือนของชุมชน และเป็นกำลังใจให้ชุมชนชาวเชียงรายผ่านพ้นวิกฤติในครั้งนี้

ดำเนินการเร็วกว่าแผน ชลประทานเชียงใหม่ ช่วยฟื้นฟูพื้นที่ประสบอุทกภัยแม่อาย เหลือเพียง 2 จุด ลุล่วงไปแล้ว 70 เปอร์เซ็นต์

ดำเนินการเร็วกว่าแผน ชลประทานเชียงใหม่ ช่วยฟื้นฟูพื้นที่ประสบอุทกภัยแม่อาย เหลือเพียง 2 จุด ลุล่วงไปแล้ว 70 เปอร์เซ็นต์ คาดว่าไม่เกิน 1 สัปดาห์ พื้นที่ฟิ้นฟูจะเข้าสู่ปกติ

วันที่ 18 ก.ย. 67 นายเกื้อกูล มานะสัมพันธ์สกุล ผู้อำนวยการโครงการชลประทานเชียงใหม่ กล่าวว่า จากสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ ทำให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก และทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รวมทั้งอธิบดีกรมชลประทาน ได้สั่งการให้เร่งดำเนินการ ทั้งนำเครื่องจักร เครื่องมือ กำลังเจ้าหน้าที่เข้าดำเนินการอย่างเร่งด่วน เพื่อช่วยเหลือ ฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัย โดยผลการปฏิบัติงานของโครงการชลประทานเชียงใหม่ สำนักงานชลประทานที่ 1 ร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง จากเดิมพื้นที่ประสบภัย 4 จุด คาดว่าจะใช้เวลา 2 สัปดาห์ ปัจจุบันจากการเร่งดำเนินงาน เพียง 2 จุด ทำให้ผลการปฏิบัติเร็วกว่าแผนที่วางไว้

จุดที่ 1 บริเวณหมู่ที่ 8 บ้านใหม่หมอกจ๋าม ตำบลท่าตอน อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ ผลการเก็บกวาด ฉีดล้าง ดินโคลน สนับสนุนน้ำสะอาดสำหรับใช้ในการอุปโภค ดำเนินการไปแล้ว 70 เปอร์เซ็นต์ และจุดที่ 2 บริเวณหมู่บ้านปางต้นเดื่อ ตำบลแม่อาย อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ ดำเนินการติดตั้งเครื่องสูบน้ำ ในการช่วยพร่องน้ำในบ่อปลา เพื่อป้องกันการเกิดการทรุดตัวของพื้นดิน และความเสียหายอื่นๆ ที่จะตามมา ผลการปฏิบัติคิดเป็นร้อยละ 40 เปอร์เซ็นต์

พร้อมกันนี้ก็ได้นำรถบรรทุกน้ำออกเติมน้ำให้กับบ้านเรือนประชาชนที่ได้รับผลกระทบด้วย โดยกรมชลประทานปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือฯ ร่วมกันกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งมีหน่วยงานในสังกัด ดังนี้ กรมป่าไม้ และกรมอุทยานฯ เพื่อช่วยเหลือและฟื้นฟูพื้นที่เสียหาย บริเวณ หมู่ที่ 6 บ้านโห้งหน้อย ตำบลแม่อาย อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ ต่อไป

นอกจากนี้ จากการตรวจสภาพอ่างเก็บน้ำขนาดกลาง อ่างแม่ทะลบหลวง อ.ไชยปราการ และอ่างเก็บน้ำห้วยเดื่อ อ.ฝาง ยังมีความมั่นคงแข็งแรง พร้อมทั้งวางแผนการระบายน้ำแบบประณีตเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบพื้นที่ท้ายอ่างเก็บน้ำ ในขณะที่ช่วงกลางดึกของคืนวันที่ 17 ก.ย. ต่อเนื่องเช้าวันที่ 18 ก.ย. 67 มีฝนตกในหลายพื้นที่ของจังหวัดเชียงใหม่ ทางโครงการชลประทานเชียงใหม่ ได้สั่งการเจ้าหน้าที่ให้เฝ้าติดตามสถานการณ์น้ำฝนอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งสำรวจลำน้ำสายหลัก ลำน้ำสาขาต่างๆ ในพื้นที่ ปัจจุบันสถานการณ์น้ำยังคงอยู่ในเกณฑ์ปกติ

เศียรพระนอนวัดพระธาตุดอยสะเก็ด พระอารามหลวงหักโค่น สร้างผลกระทบต่อจิตใจของพุทธศาสนิกชน

เศียรพระนอนวัดพระธาตุดอยสะเก็ด พระอารามหลวงหักโค่น สร้างผลกระทบต่อจิตใจของพุทธศาสนิกชน

เจ้าอาวาสวัดพระธาตุดอยสะเก็ด พระอารามหลวง เปิดเผยว่า การเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้นเมื่อเศียรพระพุทธศากยมหามุนีศรีเวียงพิงค์ พระพุทธไสยาสน์ปางเสวยสุข ขนาดใหญ่ ซึ่งทางวัดเพิ่งมีพิธีเบิกเนตรไปเมื่อไม่นานมานี้ เกิดการหักโค่นลงมา สร้างความสะเทือนใจให้แก่พุทธศาสนิกชนเป็นอย่างมากซึ่งสาเหตุของเหตุการณ์น่าจะเกิดจากฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง ทำให้น้ำซึมเข้าไปในโครงสร้างของเศียรพระ และเมื่อรวมกับน้ำหนักของดินที่อุ้มน้ำไว้ ทำให้โครงสร้างรับน้ำหนักไม่ไหว จนเกิดการทรุดตัวและหักลงมา
หลังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ทางวัดได้ทำการปิดกั้นพื้นที่และนำสแลนมาคลุมส่วนที่เสียหาย เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอันตรายกับผู้ที่ผ่านไปมา และกำลังเร่งดำเนินการซ่อมแซม โดยคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 3 เดือนในการบูรณะให้กลับมาสมบูรณ์ดังเดิม และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสร้างความกังวลให้กับชาวบ้านและพุทธศาสนิกชนเป็นอย่างมาก หลายคนเชื่อว่าเหตุการณ์นี้เป็นเรื่องที่ไม่คาดคิด และอาจเป็นเพราะโครงสร้างของพระพุทธรูปยังไม่แข็งแรงพอที่จะรับน้ำหนักได้ หรืออาจเป็นเพราะมีปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง อย่างไรก็ตาม ทางวัดได้ยืนยันว่าจะเร่งดำเนินการซ่อมแซมให้เร็วที่สุด และจะจัดพิธีบวงสรวงเพื่อเป็นการขอขมากรรมในครั้งนี้


พระราชโพธิวรคุณ/รองเจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่ เจ้าอาวาสวัดพระธาตุดอยสะเก็ด พระอารามหลวง
สำหรับพระพุทธรูปองค์นี้ มีความยาวถึง 59.99 เมตร และเป็นที่เคารพสักการะของชาวบ้านและนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก การที่เศียรพระหักโค่นลงมา จึงสร้างความเสียใจและกระทบต่อจิตใจของพุทธศาสนิกชนเป็นอย่างยิ่ง ทางด้านหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้เข้ามาตรวจสอบเหตุการณ์ดังกล่าวแล้ว และจะร่วมกันหาแนวทางในการแก้ไขปัญหา เพื่อป้องกันไม่ให้เหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นอีกในอนาคต

เชียงใหม่ ฟื้นคืนจิตวิญญาณ รื้อฟื้นประเพณีตานก๋วยสลาก ณ วัดเชียงมั่น

เชียงใหม่ ฟื้นคืนจิตวิญญาณ รื้อฟื้นประเพณีตานก๋วยสลาก ณ วัดเชียงมั่น

ภาคเอกชน ภาคประชาชน และสถาบันการศึกษา ต่างร่วมมือกันขับเคลื่อนโครงการ “เชียงใหม่เมืองเทศกาล” เพื่อส่งเสริมและอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมอันทรงคุณค่าของเมืองเชียงใหม่ โดยมีเป้าหมายในการฟื้นคืนจิตวิญญาณของเมืองให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง

ไฮไลท์สำคัญของโครงการนี้ คือ การรื้อฟื้นประเพณีตานก๋วยสลาก ณ วัดเชียงมั่น ซึ่งตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 เหนือ เพื่อสืบสานประเพณีตานก๋วยสลาก ซึ่งเป็นประเพณีที่สำคัญของชาวล้านนา ที่ได้หายไปจากวิถีชีวิตนานกว่า 20 ปี การจัดงานในครั้งนี้จึงเป็นการส่งเสริมให้คนรุ่นหลังได้เรียนรู้และเข้าใจถึงวัฒนธรรมอันดีงามของท้องถิ่น และการทำบุญตานก๋วยสลาก ถือเป็นการอุทิศส่วนกุศลให้แก่พระญามังรายและบรรพบุรุษ เพื่อเป็นการแสดงความกตัญญูกตเวที และขอพรให้บ้านเมืองมีความเจริญรุ่งเรือง ส่งเสริมการท่องเที่ยว และยังช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติให้มาสัมผัสกับวัฒนธรรมล้านนา ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ท้องถิ่นที่สืบทอดกันมาเป็นเวลาช้านานและยังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของชุมชน นอกจากนั้นยังร่วมกันสร้างสรรค์เมืองเชียงใหม่ให้เป็นเมืองแห่งวัฒนธรรมที่น่าอยู่อีกด้วย

เชียงใหม่ อุบัติเหตุลดลง เตรียมรับรางวัลการสวมหมวกนิรภัยดีเด่นระดับประเทศ 25 ก.ย.นี้

เชียงใหม่ อุบัติเหตุลดลง เตรียมรับรางวัลการสวมหมวกนิรภัยดีเด่นระดับประเทศ 25 ก.ย.นี้

วันนี้ (17 ก.ย. 67) ที่ ห้องประชุม 3 ศูนย์ราชการจังหวัดเชียงใหม่ นายทศพล เผื่อนอุดม รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานเปิดการประชุมนิเทศเสริมพลังโครงการลดอุบัติเหตุจากการใช้รถจักรยานยนต์ 8 อำเภอเสี่ยงสูงมาก สู่อำเภอขับขี่ปลอดภัยจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อให้เกิดกลไกการทำงาน ของ “ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน” 8 อำเภอเสี่ยงสูง

กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัยได้ทำ MOU ร่วมกับ สอจร. เพื่อรณรงค์สร้างความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน ตามโครงการขับเคลื่อนผ่านกลไกในระดับจังหวัด/อำเภอ โดยมีเป้าหมายเพื่อลดการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนน ร้อยละ 25 ภายในสิ้นปี 2567 ทั้งนี้จากสถิติพบว่า ในปี 2567 ทั่วประเทศมีผู้บาดเจ็บจากอุบัติเหตุทางถนน 598,834 ราย เสียชีวิต 9,863 ราย ส่วนใหญ่เป็นชาย อยู่ในช่วงอายุ 46-60 ปี เป็นรถจักรยานยนต์มากถึงร้อยละ 85 และจากสถิติเมื่อปี 2566 เทียบกับปี 2567 ของจังหวัดเชียงใหม่ พบว่าจาก 25 อำเภอมี 8 อำเภอเสี่ยง ได้แก่ อำเภอเมืองเชียงใหม่ แม่ริม จอมทอง ดอยสะเก็ด ฝาง สันทราย สันป่าตอง และหางดง


ด้าน สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเชียงใหม่ รายงานข้อมูลการเกิดอุบัติเหตุตั้งแต่ปี 2566-2567 จังหวัดเชียงใหม่ว่า มีอัตราการเกิดอุบัติเหตุลดลงร้อยละ 2 จากเมื่อปี 2566 ที่มีการเกิดอุบัติเหตุ 1,540 ครั้ง บาดเจ็บ 964 ราย เสียชีวิต 634 ราย และในปี 2567 เกิดอุบัติเหตุลดลงเหลือ 1,400 ครั้ง บาดเจ็บ 856 ราย เสียชีวิต 570 ราย ซึ่งมีสาเหตุมาจากพฤติกรรมเสี่ยง ไม่สวมหมวกนิรภัยร้อยละ 62.26 และเกิดกับประเภทถนน ในหมู่บ้านร้อยละ 44.32 ในการนี้ ปภ.เชียงใหม่ จึงได้ขับเคลื่อนเพื่อรณรงค์การลดอุบัติเหตุและสวมหมวกนิรภัย พร้อมทั้งประชุมขับเคลื่อนกับ 8 อำเภอเสี่ยง โดยร่วมกับ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในการตั้งด่านชุมชน ทำให้จังหวัดเชียงใหม่มีอัตราการสวมหมวกนิรภัยเพิ่มขึ้น ส่งผลให้การเสียชีวิตจากอุบัติเหตุไม่สวมหมวกนิรภัยลดลง ดังนั้นจังหวัดเชียงใหม่จึงได้รับเลือกจาก ศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนนและมูลนิธิไทยโรดส์ เพื่อเข้ารับรางวัลการสวมหมวกนิรภัยดีเด่นระดับประเทศ ในวันที่ 25 กันยายน นี้

ในโอกาสนี้ นายทศพล เผื่อนอุดม รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้มอบแนวทางในการเสริมพลังโครงการลดอุบัติเหตุจากการใช้รถจักรยานยนต์ 8 อำเภอ ว่า ขอให้ทุกหน่วยงานภาคีเครือข่ายร่วมกันบูรณาการศึกษาข้อมูล วิเคราะห์วางแผนปรับกระบวนการทำงานให้เป็นระบบที่สามารถใช้งานได้จริง พร้อมทั้งให้หน่วยงานกรมทางหลวงและถนนในท้องถิ่นมีการปรับปรุงถนน ซ่อมแซมถนนให้เกิดความปลอดภัย ลดปัจจัยเสี่ยงทุกด้าน และขอให้ขนส่งจังหวัดเชียงใหม่ หมั่นตรวจสถาพรถส่วนบุคคล ยานพาหนะขนส่งสาธารณะให้เกิดความปลอดภัย นอกจากนี้ขอให้หน่วยงานด้านกฎหมาย เข้มงวดกับการใช้ข้อบังคับกฎหมายกับผู้ใช้รถใช้ถนน เพื่อช่วยเสริมสร้างความปลอดภัยบนท้องถนน

ม.แม่โจ้ ร่วมผลักดันสินค้าเครื่องสำอางและอาหารเสริม จากงานวิจัยขึ้นห้างจัดจำหน่ายทั่วประเทศ

ม.แม่โจ้ ร่วมผลักดันสินค้าเครื่องสำอางและอาหารเสริม จากงานวิจัยขึ้นห้างจัดจำหน่ายทั่วประเทศ

วันจันทร์ที่ 16 กันยายน 2567 รศ. ดร.วีระพล ทองมา อธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่โจ้ พร้อมด้วย อาจารย์ ดร.กัลย์ กัลยาณมิตร ผู้อำนวยการอุทยานวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีเกษตรและอาหาร (MAP) ให้การต้อนรับ คุณพิศาล ธาราพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท บิวตี้ คอมมูนิตี้ จำกัด(มหาชน), ดร. เมธัส เงินจันทร์ CEO บริษัท บี.ที.จี อินโน จำกัด, ดร. สิทธิกรณ์ อยู่แจ่ม CEO บริษัท เอส.ที.ดี จำกัด ในโอกาสลงนามสัญญาความร่วมมือในงานวิจัยและพัฒนา Innovation ด้านเครื่องสำอาง และอาหารเสริม ระหว่าง บริษัท บิวตี้ คอมมูนิตี้ จำกัด(มหาชน) บริษัทชั้นนำที่ดำเนินธุรกิจจำหน่ายปลีกผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและบำรุงผิว กับ บริษัท บี.ที.จี. อินโน จำกัด และ บริษัท เอส.ที.ดี. เมติกส์ จำกัด ที่บ่มเพาะการทำธุรกิจนวัตกรรม จากมหาวิทยาลัยแม่โจ้ โดยมีผู้บริหารของแต่ละหน่วยงาน ร่วมแสดงความยินดีและเป็นสักขีพยาน ณ ห้องประชุมสภามหาวิทยลัย ชั้น 5 มหาวิทยาลัยแม่โจ้

สำหรับ บริษัท บี.ที.จี. อินโน จำกัด และ บริษัท เอส.ที.ดี. เมติกส์ จำกัด เป็นผู้ประกอบการที่เป็นศิษย์เก่าปริญญาตรี โท และเอก จากคณะเทคโนโลยีการประมงและทรัพยากรทางน้ำแม่โจ้ โดยมี รศ. ดร. ดวงพร อมรเลิศพิศาล หัวหน้าศูนย์ความเป็นเลิศด้านนวัตกรรมทางการเกษตรสำหรับบัณฑิตผู้ประกอบการ เป็นที่ปรึกษา ได้เข้าร่วมกิจกรรมภายใต้โครงการบ่มเพาะวิสาหกิจในสถาบันอุดมศึกษาที่ดำเนินการโดย MAP มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ถือเป็นโครงการสำคัญที่สามารถตอบสนองเป้าหมายของมหาวิทยาลัยในการสร้างผู้ประกอบการใหม่ที่เกิดจากการต่อยอดองค์ความรู้และนวัตกรรม ผลักดันงานวิจัย นวัตกรรม ที่เกิดขึ้นในสถาบันอุดมศึกษาพัฒนาสู่กระบวนการใช้งานในเชิงพาณิชย์ได้อย่างประจักษ์ จากความร่วมมือในครั้งนี้ บริษัท บิวตี้ คอมมูนิตี้ จำกัด(มหาชน) จะนำผลิตภัณฑ์จากทั้ง 2 บริษัทจัดจำหน่ายภายใต้แบรนด์ผลิตภัณฑ์ SCENTIO ในร้าน Beauty Buffet ทุกสาขา , ร้าน EVEANDBOY และร้านค้าชั้นนำทั่วประเทศ

การฟื้นฟูหลังน้ำท่วมแม่อายลุล่วง จาก 4 จุดเหลือ 3 จุด ชลประทานเชียงใหม่ คาดว่าใช้เวลาไม่เกิน 10 วัน

การฟื้นฟูหลังน้ำท่วมแม่อายลุล่วง จาก 4 จุดเหลือ 3 จุด ชลประทานเชียงใหม่ คาดว่าใช้เวลาไม่เกิน 10 วัน ดำเนินการแล้วเสร็จ โดยเฉพาะหน้าตลลาดสดแม่อายและชุมชน ฟื้นฟูได้ 92 เปอร์เซ็นต์แล้ว

วันที่ 17 ก.ย. 67 นายเกื้อกูล มานะสัมพันธ์สกุล ผู้อำนวยการโครงการชลประทานเชียงใหม่ กล่าวว่า จากสถานการณ์ฝนตกหนักในพื้นที่แม่อาย ส่งผลให้เกิดอุทกภัย และมีดินโคลน เศษวัชพืช และขยะต่างๆ มากมายติดค้างตามถนน บ้านเรือนของประชาชน ประกอบกับทาง นายอัครา พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ลงพื้นที่ พร้อมสั่งการให้ช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน ทั้งหมด จำนวน 4 จุด ที่ได้รับผลกระทบ

ล่าสุดผลการปฏิบัติงานในจุดที่ 1 บริเวณตลาดสดแม่อาย ต.แม่อาย อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ ได้นำเครื่องจักร เป็นรถบรรทุกน้ำ ขนาด 6,000 ลิตร จำนวน 3 คัน รถตักหน้าขุดหลัง จำนวน 3 คัน รถบรรทุกปิดท้าย 6 ล้อ ขนาด 6 ตัน จำนวน 3 คัน รถบรรทุกเทท้าย จำนวน 3 คัน กำลังเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน 12 คน เข้าดำเนินการฟื้นฟู กำจัดดินโคลน ชำระล้างบริเวณพื้นที่ ผลการปฏิบัติงานคิดเป็นร้อยละ 92 เปอร์เซ็นต์ จุดที่ 2 บริเวณทางขึ้นสถานีพัฒนาเกษตรที่สูง ตามพระราชดำริ ห้วยเมืองงาม ตำบลท่าตอน อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 12 จุด ได้สนันสนุนเครื่องจักร รถแบคโฮ จำนวน 1 คัน สถานการณ์ปัจจุบันเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว ผลการปฏิบัติเต็ม 100 เปอร์เซ็นต์ จุดที่ 3 บริเวณหมู่ที่ 8 บ้านใหม่หมอกจ๋าม ตำบลท่าตอน อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ เนื่องจากหมู่บ้านได้รับการสนับสนุนเครื่องจักรจากหน่วยงานไม่เพียงพอต่อการดำเนินการช่วยเหลือ และได้รับการประสานจากศูนย์อำนวยการอำเภอแม่อาย สำนักงานชลประทานที่ 1 จึงได้รับมอบหมาย ให้เข้าดำเนินการช่วยเหลืออย่างเป็นการเร่งด่วน ได้สนับสนุนเครื่องจักร จำนวน 11 รายการ รถบรรทุกน้ำ ขนาด 6,000 ลิตร จำนวน 4 คัน รถบรรทุกเทท้าย จำนวน 5 คัน รถตักหน้าขุดหลัง จำนวน 2 คัน กำลังเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน จำนวน 30 คน ผลการปฏิบัติในการฟื้นฟู กำจัดดินโคลน และทำความสะอาดถนน คิดเป็นร้อยละ 60 เปอร์เซ็นต์ และจุดที่ 4 บริเวณหมู่บ้านปางต้นเดื่อ ตำบลแม่อาย อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ ดำเนินการติดตั้งเครื่องสูบน้ำ ในการช่วยพร่องน้ำในบ่อปลา เพื่อป้องกันการเกิดการทรุดตัวของพื้นดิน และความเสียหายอื่นๆ ที่จะตามมา โดยสนับสนุนเครื่องสูบน้ำเคลื่อนที่ ขนาด 8 นิ้ว จำนวน 1 เครื่อง อยู่ระหว่างฟื้นฟู และเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่เสียหาย ผลการปฏิบัติงานคิดเป็นร้อยละ 20 เปอร์เซ็นต์

ภาพรวมผลการปฏิบัติจะเหลือเพียง 3 จุด เนื่องจากได้ดำเนินการแล้วเสร็จไป 1 จุด ที่อยู่ระหว่างการฟื้นฟู คาดว่าน่าจะใช้ระยะเวลารวมไม่เกิน 10 วัน ในการปฏิบัติการฟื้นฟู โดยเฉพาะหน้าตลาดสดแม่อาย และชุมชนใกล้เคียง ปัจจุบันคิดเป็น 92 เปอร์เซ็นต์แล้ว คาดว่าภายใน 1 – 2 วัน จะเข้าสู่ภาวะปกติ ในขณะที่จุดอื่น ที่บริเวณหมู่ที่ 8 บ้านใหม่หมอกจ๋าม ก็จะเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ พร้อมเครื่องจักรเข้าไปดำเนินการ และจุดที่ 3 บ้านปางต้นเดื่อ ก็จะเสริมกำลังเจ้าหน้าที่เข้าไปช่วยดำเนินการเพิ่มเติมด้วย

เที่ยวด้วยใจ ไปด้วยกัน  ชวนเที่ยวงาน “แอ่วเหนือม่วนใจ๋ ไป เชียงราย พะเยา ลำปาง ลำพูน” 20-22 กันยายน 2567

เที่ยวด้วยใจ ไปด้วยกัน  ชวนเที่ยวงาน “แอ่วเหนือม่วนใจ๋ ไป เชียงราย พะเยา ลำปาง ลำพูน” 20-22 กันยายน 2567

พบกับของดีของเด็ด แพ็กเกจท่องเที่ยวราคาพิเศษสุดปัง! กว่า 30 บูธ
🌟 โรงแรมที่พักราคาพิเศษ
🌟 แพ็กเกจนำเที่ยวราคาพิเศษ
🌟 แหล่งท่องเที่ยวสุดฮิต
🌟 สินค้าของที่ระลึก งานหัตถกรรมท้องถิ่น OTOP
🌟 อาหารถิ่นสุดอร่อย
🌟 ชากาแฟรสเลิศ
🌟 กิจกรรม Workshop / D.I.Y รักษ์โลก

🎤กิจกรรมการแสดง
บนเวทีที่น่าสนใจ อาทิ เล่นเกมส์ชิงรางวัล การแสดงดนตรี Folk Song
พบกับศิลปินชาวเหนือที่จะขับกล่อมด้วยบทเพลง และการแสดงบนเวทีตลอด 3 วัน

20 กันยายน 2567
เตวิชญ์ ชัยธัช (18.00-19.00 น.)

21 กันยายน 2567
เก๋ วรรณ์ฐกานต์ (15.00-16.00 น.)

22 กันยายน 2567
เดอะ เพอะ (15.00-16.00 น.)

📍แล้วพบกันที่งาน
“แอ่วเหนือม่วนใจ๋ ไป เชียงราย พะเยา ลำปาง ลำพูน”20-22 กันยายน 2567ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเชียงใหม่ แอร์พอร์ต ชั้น G อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่

จัดโดย
ททท. สำนักงานเชียงราย
ททท. สำนักงานลำปาง

ติดตามรายละเอียด หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
☎️ ททท.สำนักงานเชียงราย 053-717433
☎️ ททท.สำนักงานลำปาง 054-222214

#แอ่วเหนือม่วนใจ๋
#TATchiangrai
#TATlampang
#AmazingThailand
#CentralChiangmaiAirport