ฝนตกหนัก 2 วัน อ่างแม่หาดน้ำล้นสปรินเวย์ ชลประทานเชียงใหม่ ผันไปเติมอ่างแม่ตูบแล้ว

ฝนหนักต่อเนื่องสองวัน น้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำแม่หาดจนล้น Spillway 19 cm. คป.เชียงใหม่ เร่งผันน้ำส่วนเกินเติมอ่างแม่ตูบที่ยังมีช่องว่ารับน้ำได้อีก 13 ล้าน ลบ.ม.

วันที่ 29 สิงหาคม 67 นายเกื้อกูล มานะสัมพันธ์สกุล ผู้อำนวยการโครงการชลประทานเชียงใหม่ เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากมีฝนตกต่อเนื่อง 1-2 วันที่ผ่านมา ในพื้นที่บริเวณอำเภอลี้ จังหวัดลำพูน ซึ่งเป็นบริเวณต้นน้ำห้วยแม่หาด ซึ่งเป็นพื้นที่ต้นน้ำของอ่างเก็บน้ำแม่หาด และอ่างเก็บน้ำแม่ตูบ อำเภอดอยเต่า จังหวัดเชียงใหม่ ทำให้มีปริมาณน้ำไหลลงอ่างฯ ในเช้าวันนี้ในปริมาณที่มาก โดยที่อ่างเก็บน้ำแม่หาด มีปริมาณไหลเข้าอ่างจนน้ำเต็มความจุ ล้น Spillway ที่ระดับ 19 cm. (วัดเมื่อเวลา 10.00 น.)

ทั้งนี้ในการดำเนินการ โครงการชลประทานเชียงใหม่ได้ประสานกลุ่มผู้ใช้น้ำแม่หาด ในการผันน้ำส่วนเกินที่ล้นอ่างเก็บน้ำแม่หาดไปยังอ่างเก็บน้ำแม่ตูบ เพื่อเก็บกักน้ำที่ผันไปใช้ในฤดูแล้ง ซึ่งอ่างแม่ตูบยังสามารถรับน้ำได้อีก 13 ล้าน ลบ.ม พร้อมกันนี้ได้จัดเจ้าหน้าที่เฝ้าติดตามสถานการณ์น้ำ พร้อมให้ความช่วยเหลือสนับสนุน จนกว่าจะเข้าสู่สภาวะปกติ

อ.อมก๋อย เกิดดินสไลต์ปิดเส้นทาง 11 หมู่บ้าน อบต.นาเกียน นำรถไถเคลียร์เปิดทาง

นาเกียน ดินสไลต์ถนนในหมู่บ้าน 11 หมู่ อำเภออมก๋อย สั่งการ อบต.นาเกียน นำรถไถเคลียร์เส้นทาง ทั้ง 11 หมู่บ้าน สามารถเปิดเส้นทางได้แล้ว

วันที่ 29 สิงหาคม 2567 อำเภออมก๋อย จ.เชียงใหม่ รายงานว่า ภายใต้การอำนวยการของ นายวชิรวิทย์ อิ่มแสงจันทร์ นายอำเภออมก๋อย สั่งการให้ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลนาเกียน อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ ทำการแก้ไขเส้นทางถนนในพื้นที่ที่เกิดเหตุดินสไลด์ ปิดถนนเส้นทางที่ใช้สัญจรภายในหมู่บ้าน ได้แก่ หมู่ที่ 4 บ้านใบหนา, หมู่ที่ 7 หนองอึ่ง, หมู่ที่ 8 แม่ลอก, หมู่ที่ 9 ห้วยสัม, หมู่ที่ 10 บ้านผีปาน, หมู่ที่ 11 บ้านแม่สะเต, หมู่ที่ 13 บ้านสงิน, หมู่ที่ 14 บ้านห้วงบง, หมู่ที่ 18 บ้านห้วยลอก, หมู่ที่ 19 หมองอึ่งเหนือ และหมู่ที่ 20 บ้านก๋องป้อเหนือ

ทั้งนี้มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ อบต.นาเกียน ได้นำรถไถเข้าเคลียร์เส้นทางปรับผิวทาง ทั้ง 11 เส้นทาง ในพื้นที่ โดยดำเนินการแก้ไขทั้งหมดเสร็จสิ้น ขณะนี้สามารถเปิดเส้นทางได้ตามปกติแล้ว

อ่างแม่มาวใกล้เต็ม ฝางฝนตกหนัก น้ำแม่งอนหลากท่วมสวนริมน้ำ น้ำแม่มาวหลากเข้าท่วมบ้านเรือน

ฝางยังฝนหนัก อ่างแม่มาวใกล้เต็มความจุ ปริมาณน้ำอยู่ที่ 98% ขณะที่ฝนในพื้นที่หยุดตกแล้ว น้ำแม่งอนหลากเข้าท่วมสวนริมน้ำ ส่วนน้ำแม่มาวมีระดับสูง หลากท่วมบ้านเรือนพื้นที่บ้านม่อนปิ่น หน่วยงานร่วมประชาชนช่วยกันบรรจุกระสอบทรายเสริมตลิ่ง

วันที่ 29 สิงหาคม 2567 นายปรีชา ศิรินาม ปลัดอาวุโสอำเภอฝาง จ.เชียงใหม่ รายงานสถานการณ์น้ำในพื้นที่อำเภอฝาง ว่า ระดับน้ำประจำวันที่ 29 สิงหาคม 2567 เวลา 07.00 น. อ่างเก็บน้ำแม่มาว วัดได้ 699.42 เมตร รทก. ปริมาณน้ำ 20.22 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 98.18 เปอร์เซ็นต์ ใกล้ล้นสปรินเวย์ ขณะนี้ฝนในพื้นที่หยุดตกแล้ว

ทั้งนี้ยังมีรายงานว่า มวลน้ำจากน้ำแม่งอนไหลจากบ้านสันมะกอกหวาน หมู่ที่ 9 ต.แม่งอน อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ ไหลผ่านลำเหมือง พื้นที่หมู่ที่ 12/2 บ้านมิตรภาพ-บ้านดงป่าลัน ต.แม่ข่า อ.ฝาง ทำให้เกิดน้ำหลากท่วมสวนลำไยเป็นสวนที่ติดลำเหมือง ฝ่ายปกครองตำบลแม่ข่า นำโดย กำนันศุภฤกษ์ มะโนราช และผู้ใหญ่บ้าน ในเขตรับผิดชอบ พร้อมเจ้าหน้าที่ กองช่าง เทศบาลตำบลแม่ข่า ได้ลงพื้นที่และประชาส้มพันธ์เสียงตามสายให้ประชาชนในชุมชนได้เฝ้าระวังแล้ว

นอกจากนี้ยังมีรายงานอีกว่า เกิดน้ำจากน้ำแม่มาวหลากเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรในพื้นที่ บ้านม่อนปิ่น หมู่ที่ 3 ต.ม่อนปิ่น อ.ฝาง อำเภอได้ประสานหน่วยงาน ปภ. อบต.ม่อนปิ่น เจ้าหน้าที่ทหาร ร้อย ม.4 เข้าพื้นที่ให้ความช่วยเหลือ และร่วมกับประชาชนในหมู่บ้าน ร่วมกันนำกระสอบทรายกั้นลำน้ำบริเวณลุ่มต่ำ และนำเครื่องจักรขุดสิ่งกีดขวางทางน้ำ เพื่อให้น้ำระบายได้โดยเร็ว ลดระดับปริมาณน้ำที่เอ่อล้น

เขื่อนแม่กวงฯ ช่องว่างรับน้ำได้อีกเพียบ พายุ 3 ลูกอ่างยังรับได้ หวั่นสันกำแพงพื้นที่เสี่ยง ฝน 80 มม. ต้องระวัง

เขื่อนแม่กวงฯ ยังรับน้ำได้อีกเยอะ ช่องว่างรอน้ำเติมมีมากกว่า 52% ผอ.เขื่อนเผยน้ำขนาดนี้รับพายุได้อีก 3 ลูก หวั่นพื้นที่เสี่ยงท้ายเขื่อน อ.สันกำแพง ลำน้ำเข้าพื้นที่รับน้ำได้แค่ 23 ลบ.ม. วางแผนตัดน้ำทั้งหมดไปลงแม่น้ำกวง เตือนหากฝนหนัก 80-100 มม. ให้ระวัง ฟังคำเตือนจากราชการ

นายอัธยา อรรณพเพ็ชร ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาแม่กวงอุดมธารา (ผคบ.แม่กวง) กล่าวถึงสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำเขื่อนแม่กวงอุดมธารา ว่า จากการคาดการณ์ฝนของกรมอุตุนิยมวิทยาที่จะตกเพิ่มมากขึ้นในช่วงนี้ถึงวันที่ 2 ก.ย. 2567 เมื่อมาดูปริมาณน้ำของเขื่อนแม่กวงฯ ขณะนี้มีอยู่ 126 ล้าน ลบ.ม. หรือ 48% ซึ่งยังมีช่องว่างที่จะรับน้ำได้อีกประมาณ 52 ล้าน ลบ.ม. ปัจจุบันมีการส่งน้ำในฤดูนาปีปลูกข้าว 113,000 ไร่ รวมทั้งลำไยอีก 32,000 ไร่ ซึ่งยังมีการส่งน้ำสนับสนุนอยู่

“จะเห็นได้ว่าช่องว่างของเขื่อนแม่กวงฯ มีราว 52% ซึ่งจะสามารถรอบรับพายุที่จะเข้ามาพื้นที่รับน้ำเขื่อนได้ 3 ลูก ก็ขอให้สบายใจได้ เขื่อนแม่กวงฯ จะเป็นปราการรับน้ำป้องกันน้ำท่วมให้พื้นที่รับผิดชอบทั้ง 5 อำเภอได้ ประเด็นที่เป็นห่วงก็คือ อุทกภัยที่เกิดบริเวณด้านท้ายของเขื่อน ไม่ว่าจะเป็นอำเภอสันทราย ดอยสะเก็ด สันกำแพง บ้านธิ และอำเภอเมืองลำพูน” ผคบ.แม่กวงฯ กล่าว

“จุดที่ต้องเฝ้าระวังมากที่สุดคือ เขตพื้นที่อำเภอสันกำแพง ซึ่งเขื่อนแม่กวงได้มีแผนบริหารจัดการในบริเวณจุดเสี่ยงนี้ โดยจุดนี้น้ำที่สร้างปัญหาให้อำเภอสันกำแพงก็คือ น้ำแม่ออน ซึ่งเป็นลำน้ำสายใหญ่ ทางเขื่อนแม่กวงฯ มีแผนที่จะตัดน้ำไม่ให้เข้าอำเภอสันกำแพง กรณีที่ปริมาณน้ำมีมากกว่า 48 ลบ.ม.ต่อวินาที จะตัดน้ำจากฝายกู่เบี้ยเข้าไปทางคลองฝั่งซ้าย และน้ำที่มาจากอ่างเก็บน้ำผาแหนจะตัดน้ำก่อนที่จะเข้าอำเภอสันกำแพง เพราะความจุของลำน้ำที่อำเภอสันกำแพงรับได้ที่ประมาณ 23 ลบ.ม.ต่อวินาที ก็จะตัดน้ำทั้งหมดให้เข้าคลองฝั่งซ้ายและเหมืองลึกก่อนจะลงสู่ลำน้ำกวง ประเด็นที่น่าเป็นห่วงในพื้นที่อำเภอสันกำแพงหากปริมาณฝนสะสมอยู่ที่ 80-100 มม. พี่น้องประชาชนก็ต้องระมัดระวัง และเฝ้าติดตามคำเตือนจากหน่วยงานราชการเป็นหลัก” นายอัธยาฯ กล่าว

“ประเมินไว้ว่า มีการคาดการณ์ว่าพายุจะเข้าประเทศไทย 1-2 ลูก ขณะนี้เป็นร่องความกดอากาศต่ำ โดยจะเทียบเคียงสถิติของปี 2567 กับปี 2553 ประมาณการณ์ไว้ว่าเมื่อสิ้นฤดูฝน ประมาณวันที่ 1 ธันวาคม เขื่อนแม่กวงฯ จะมีน้ำกักเก็บอยู่ประมาณ 180 – 200 ล้าน ลบ.ม. ไว้บริหารจัดการ ก็ยังไม่เต็มความจุ ซึ่งเขื่อนแม่กวงฯ มีน้ำเต็มเขื่อนอยู่ 2 ปี คือ ปี 2548 และ 2554 โดยที่ปี 2554 มีพายุเข้า 5 ลูก ส่วนปี 2548 พายุเข้า 2 ลูก ในเรื่องอุทกภัยเขื่อนแม่กวงฯ สบายใจได้ เพราะเขื่อนยังรับน้ำได้อีกมาก” นายอัธยา อรรณพเพ็ชร ผคบ.แม่กวงฯ กล่าว

ฝนตกหนักพื้นที่เชียงดาว ดินสไลด์ปิดถนนบ้านแม่แมะ อำเภอบูรณาการเคลียร์ทางสัญจรได้แล้ว

วันที่27 สิงหาคม 2567 เวลา 21.00 น. อำเภอเชียงดาว จ.เชียงใหม่ รายงานว่า เมื่อเวลา 16:00 น. ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยอำเภอเชียงดาว ได้รับแจ้งจากศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเทศบาลตำบลแม่นะ ว่า ช่วงเวลาประมาณ 15:30 น. บ้านแม่แมะ หมู่ที่11 ต.แม่นะ มีฝนตกหนักในพื้นที่ เกิดดินสไลด์กีดขวางเส้นทางจราจร ไม่สามารถสัญจรไปมาไม่ได้

ภายใต้การอำนวยการของนายกฤตพล รชตเมธานนท์ นายอำเภอเชียงดาว/ผอ.ศูนย์อำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยอำเภอเชียงดาว สั่งการให้ฝ่ายความมั่นคงอำเภอเชียงดาว พร้อมด้วย กองร้อย อส.อ.เชียงดาว ที่ 6 บูรณาการร่วมกับ ผู้ใหญ่บ้านแม่แมะ หมู่ที่11 ต.แม่นะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ และเทศบาลตำบลแม่นะ ลงตรวจสอบพื้นที่และนำเครื่องจักรกลเข้าเคลียร์พื้นที่เส้นทาง ซึ่งผลการปฏิบัติสามารถเปิดเส้นทางให้สามารถสัญจรได้ตามปกติแล้ว

ฝนตกหนักพื้นที่ อ.แม่อาย น้ำหลากท่วมโรงเรียน บ้านเรือนราษฎร ต.สันต้นหมื้อ ต.แม่นาวาง

วันที่ 27 สิงหาคม 2567 เวลา 20.30 น. อำเภอแม่อาย จ.เชียงใหม่ รายงานสถานการณ์ฝนตกในพื้นที่อำเภอแม่อาย ว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2567 เวลา 18.00 น. ได้เกิดเหตุฝนตกหนักในพื้นที่อำเภอแม่อาย ทำให้เกิดเหตุน้ำหลากและน้ำท่วมขัง ในพื้นที่ ดังนี้

1. เกิดเหตุน้ำหลากและเอ่อล้นเข้าท่วมถนนสาธารณะ โรงเรียน บ้านเรือนของประชาชน และพื้นที่เกษตร ในพื้นที่ ม.1, 3, 5, 6, 7 ต.สันต้นหมื้อ ขณะนี้ระดับน้ำยังคงมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะนี้ได้แจ้งเตือนประชาชนรีบขนย้ายของขึ้นที่สูง และ อบต.สันต้นหมื้อ ได้แจกจ่ายกระสอบทรายให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบ เพื่อบรรเทาภัยในเบื้องต้นแล้ว

2. เกิดเหตุฝนตกหนักในพื้นที่ ม.8 ต.แม่นาวาง เป็นเหตุให้น้ำนองเอ่อล้นเข้าพื้นที่เกษตร และบ้านเรือนของประชาชน เนื่องจากระบายน้ำไม่ทันของลำน้ำประกอบกับพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่รับน้ำจากหย่อมบ้านห้วยม่วงนอกใน ม.5 และหย่อมบ้านห้วยเฮี๊ยะ ม.8 ต.แม่นาวาง ขณะนี้ระดับน้ำยังคงทรงตัว ฝ่ายปกครองอำเภอแม่อาย จึงได้แจกจ่ายกระสอบทราย เพื่อบรรเทาภัยในเบื้องต้นแล้ว

ทั้งนี้อำเภอแม่อายได้สั่งการให้ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เฝ้าระวังสถานการณ์ และดำเนินการสำรวจและตรวจสอบความเสียหาย เพื่อให้ความช่วยเหลือต่อไป

นอกจากนี้ วันนี้ (17 ส.ค.) เมื่อเวลา 09.00 น. กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยอำเภอแม่อาย ร่วมกับ อบต.แม่นาวาง ชมรมกำนัน ผู้ใหญ่บ้านฯ ต.แม่นาวาง และชาวบ้านหย่อมบ้านห้วยจันสี ม.13 ต.แม่นาวาง ดำเนินการสร้างพนังกั้นน้ำและซ่อมแซมสะพานข้ามลำน้ำ ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย ฝนตกหนักในช่วงที่ผ่านมา เพื่อให้เกษตรกรในพื้นที่สามารถใช้สัญจรได้ตามปกติ

ทั้งนี้อำเภอแม่อายได้สั่งการให้ อปท.ทุกแห่ง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำ เพื่อแจ้งเตือนให้ศูนย์อำเภอทราบ ตลอด 24 ชั่วโมง

ต.แม่งอน ฝาง เจออย่างหนัก น้ำแม่งอนทะลักท่วม กว่า 10 หมู่บ้าน เสียหาย

อ.ฝาง เกิดอุทกภัยน้ำป่าไหลหลาก 3 ตำบล 12 หมู่บ้าน ได้รับผลกระทบ ต.แม่งอน หนักสุด น้ำแม่งอนทะลักท่วมถนน บ้านเรือน พื้นที่เกษตร 10 หมู่บ้านได้รับผลกระทบ อีก 2 ตำบล ต.สันทราย ต.เวียง เจอน้ำท่วม 2 หมู่บ้านได้รับความเสียหาย

วันที่ 27 สิงหาคม 2567 เวลา 18.00 น. อำเภอฝางรายงานความเสียหายเบื้องต้น จากเหตุอุทกภัย น้ำป่าไหลหลาก ในพื้นที่อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ ว่า วันที่ 27 สิงหาคม 2567 เวลา 15.00 น. เกิดเหตุอุทกภัยน้ำป่าไหลหลากส่งผลกระทบในพื้นที่อำเภอฝาง จำนวน 3 ตำบล 12 หมู่บ้าน ได้แก่ พื้นที่ หมู่ที่ 1, 2, 6, 7, 10, 11, 12, 13, 14, และหมู่ที่ 15 ตำบลแม่งอน น้ำแม่งอนไหลหลากทะลัก เข้าท่วมบ้านเรือน พื้นที่ทางการเกษตรได้รับความเสียหาย และหลากท่วมถนนทำให้รถเล็กไม่สามารถสัญจรไปได้ ความเสียหายอยู่ระหว่างการสำรวจ

พื้นที่หมู่ที่ 5 ต.สันทราย เกิดน้ำป่าไหลหลากในลำน้ำห้วยงู หลากเข้าท่วมพื้นที่ทางการเกษตรซึ่งเป็นนาข้าวได้รับความเสียหาย ซึ่งอยู่ระหว่างการสำรวจ พื้นที่หมู่ที่ 3 ต.เวียง น้ำในลำน้ำใจหลากล้นเข้าท่วมบริเวณถนนและบ้านเรือนราษฎร ฝ่ายปกครองท้องที่ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เร่งดำเนินการให้ความช่วยเหลือแล้ว

ทั้งนี้ อำเภอฝาง ได้มอบหมายและประสานให้ฝ่ายปกครองท้องที่ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งสำรวจความเสียหาย และเข้าช่วยเหลือเยียวยา บรรเทาความเดือดร้อนเบื้องต้นแล้ว พร้อมทั้งให้รายงานเหตุด่วนสาธารณภัยให้อำเภอทราบ เพื่อจะได้รายงานให้จังหวัดต่อไป พร้อมกันนี้ได้สั่งการ กำชับ กำนัน ผู้ใหญ่บ้านฯ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่ง หน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามสถานการณ์น้ำอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะพื้นที่จุดเสี่ยงที่เคยเกิดน้ำท่วมประจำ แจ้งเตือนประชาชนให้เฝ้าระวังเตรียมพร้อมหากเกิดสถานการณ์น้ำท่วม และให้ติดตาม ตรวจสอบ ซ่อมแซมแนวคันดินบริเวณแม่น้ำและพนังกั้นน้ำ เตรียมพร้อมบุคลากร เครื่องจักร เครื่องมือ ให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอ

 

 

เชียงใหม่ อบรมการป้องกันและควบคุมไฟป่า ด้วย Drone

จังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกับ ภาคีเครือข่ายอบรมเจ้าหน้าที่ อปท.นำร่องการป้องกันและควบคุมไฟป่า ด้วย Drone เพื่ออากาศสะอาด

นายทศพล เผื่อนอุดม รองผู้ว่ารชาการจังหวัดเชียงใหม่ ประธานเปิดโครงการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการการบังคับอากาศยานไร้คนขับ หรือ(Drone)สำหรับภารกิจการป้องกันและควบคุมไฟป่า ประจำปี 2567 โดยมีบุคลากรขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ 21 แห่ง และภาคีเครือข่ายเข้าร่วม 50 คน

รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า พื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ต้องเผชิญกับปัญหาใหญ่ทุกปีกับสถานการณ์ไฟป่า หมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ในช่วงเดือนมกราคมถึงเดือนพฤษภาคม ส่งผลต่อสุขภาพอนามัย สิ่งแวดล้อม อีกทั้งยังส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งปัจจัยหลักเกิดจากการขนส่ง การเผาในพื้นที่ปา การเผาในพื้นที่เกษตรกรรม และมลพิษข้ามแดน

ดังนั้นการฝึกอบรมการบังคับอากาศยาน ไร้คนขับ หรือ Drone จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะการใช้เทคโนโลยีอากาศยานไร้คนขับ มาช่วยในการปฏิบัติงานด้านไฟป่า ซึ่งที่ผ่านมาได้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างยิ่ง สามารถสนับสนุนการปฏิบัติงานด้านการบินควบคุมไฟป่าและสามารถระบุพิกัด ยืนยันเป้าหมายให้หน่วยงานภาคพื้นได้เดินเท้าเข้าไปยังจุดเป้าหมายได้อย่างแม่นยำ และสามารถปฏิบัติงานร่วมกับเครื่องบินบรรทุกน้ำในการบินขี้เป้า แนวไฟป้า และระบุพิกัดแหล่งน้ำ ได้อย่างแม่นยำ รวมถึงการใช้ Drone เพื่อค้นหาคนสูญหายพลัดหลงป่าและภารกิจสนับสนุนอื่นๆ ได้อีกด้วย

นอกจากนั้นการฝึกอบรมยังส่งเสริมให้เจ้าหน้าที่ อปท.เชียงใหม่ มีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับกฎหมาย ข้อบังคับ และหลักการเดินอากาศ มีทักษะ ความเข้าใจในการบังคับควบคุม Drone ตามมาตรฐานสากล ตลอดจนเทคนิคการบิน Drone ให้ปลอดภัย ถูกต้องตามกฎหมาย การบินพลเรือน อีกด้วย

ยึดไม้เถื่อนกลางบ้านถวาย คาดเตรียมส่งนอก สอบสวนกลางบุกจับ

เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษตำรวจสอบสวนกลาง ร่วมกับ ชุดพญาเสือ ตำรวจตระเวนชายแดน 33 เจ้าหน้าที่ตำรวจหน่วยปฏิบัติการพิเศษ กก.สืบสวนภาค 5 และเจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ชม.13 สนธิกำลังบุกยึดไม้เถื่อนประกอบด้วยไม่ชิงชันแปรรูป ไม้ประดู่แปรรูป และปมประดู่ มูลค่า 10 บาท ในโกดังกลางบ้านถวาย อ.หางดง แหล่งท่องเที่ยวชื่อดังเตรียมส่งออกต่างประเทศ หลังเจ้าหน้าที่ฝั่ง GPS ไว้กับไม้ที่ถูกแปรรุปกลางป่าก่อนสะกดรอย ขบวนการลักลอบค้าไม้เถื่อนมาพักไว้ในโกดัง เตรียมส่งขายให้กับนายทุนชาวต่างชาติ

กำลังเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษตำรวจสอบสวนกลาง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ชุดพญาเสือ เจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดน 33 เจ้าหน้าที่ตำรวจหน่วยปฏิบัติการพิเศษ กก.สืบสวนภาค 5 และเจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ชม.13 นำหมายศาลเข้าตรวจค้นโรงงานไม่มีเลขที่ ท้องที่บ้านหนองแก๋ว ต.หนองแก๋ว อ.หางดง จ.เชียงใหม่ ย่านบ้านถวายซึ่งแหล่งท่องเที่ยวจำหน่ายผลิตภัณฑ์สินค้าหัตถกรรมชื่อดัง จากการตรวจค้นเจ้าหน้าที่พบไม้ชิงชันแปรรูป ขนาด 12×12 นิ้ว และขนาด 8×8 นิ้วรวมทั้งหมด 65 ท่อน และไม้ประดู่แปรรูป 70 นิ้ว หนา 3 นิ้ว และขนาด 13 นิ้วหนา 1 นิ้ว 115 แผ่น นอกจากนี้ยังพบปมไม้ประดู่ทั้งหมด 20 ชิ้น น้ำหนักกว่า 1 ตัน กองอยู่ภายในโกดัง จากการตรวจสอบพบว่าพบร่องรอยการขนไม้เข้า ออกจากโกดังได้ไม่นาน

ขณะเข้าตรวจค้นเจ้าหน้าที่พบ นางเอ (นามสมมุติ) ชาวจังหวัดแม่ฮ่องสอน คนดูแลโกดัง จึงนำตัวมาสอบปากคำ ทราบว่า เป็นเพียงคนดูแลโกดัง อาศัยอยู่ที่นี่มานานนับ 10 ปี ช่วงเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา เจ้าของโกดังได้ให้กลุ่มคนขับรถบรรทุกเช่าโกดัง ซึ่งมีการนำไม้แปรรูปมาพักไว้ในโกดัง แต่ตนไม่ทราบว่าไม้แปรรูปเป็นไม้ที่ผิดกฎหมาย มีหน้าที่เพียงคอยเปิด-ปิดประตูโกดังขณะที่มีการขนไม้เข้าออกเท่านั้น ล่าสุดมีการขนไม้ออกจากโกดังเมื่อเช้ามืดที่ผ่านมาก่อนที่เจ้าหน้าที่จะเข้าตรวจยึดไม้เถื่อนทั้งหมด ตนรู้สึกตกใจมาก ไม้คิดว่าไม้ทั้งหมดที่อยู่ในโกดังจะเป็นไม้เถื่อน

หลังจากสอบปากคำ นางเอ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งกล่าวหา 1.ร่วมกันทำไม้หรือกระทำด้วยประการใดๆ แก่ไม้หวงห้ามในป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต 2.ภายในเขตควบคุมการแปรรูปไม้ ร่วมกันมีไม้หวงห้ามชนิดอื่นแปรรูปมีปริมาตรเกินกว่า 0.20 ลูกบาศก์เมตรไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต 3.ภายในเขตควบคุมการแปรรูปไม้ ร่วมกันมีไม้ชิงชันแปรรูปไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต 4.รับไว้ด้วยประการใด ซ่อนเร้น จำหน่าย หรือช่วยพาเอาไปเสียให้พ้น ซึ่งไม้หรือของป่า ซึ่งตนรู้อยู่แล้วว่าเป็นไม้หรือของป่าที่มีผู้ได้มาโดยการกระทำความผิดกฎหมายตามพระราชบัญญัติป่าไม้ฯ

และพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติฯ ฐาน 1.ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ร่วมกัน ทำไม้ หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนังานเจ้าหน้าที่ 2.รับไว้ด้วยประการใด ซ่อนเร้น จำหน่าย หรือช่วยพาเอาไปเสียให้พ้น ซึ่งไม้หรือของป่า ซึ่งตนรู้อยู่แล้วว่าเป็นไม้หรือของป่าที่มีผู้ได้มาโดยการกระทำความผิดกฎหมายตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติฯ หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้นำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สภ.หางดง ดำเนินคดีต่อไป

ด้าน ร.ต.อ. ร.ต.อ.จิรายุ อิ่นแก้ว รอง สว.(สอบสวน) กก.4 บก.ปทส.ช่วยราชการ กก.4 บก.ป. หัวหน้าชุดจับกุม เปิดเผยว่า พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ได้ให้นโยบายเจ้าหน้าที่ฯ ในสังกัดได้เร่งรัดปราบปรามการกระทำความผิดด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่จังหวัดภาคเหนือ จึงได้มีการสนธิกำลังเจ้าหน้าที่หลายหน่วยงานประสานข้อมูลในการสืบสวนสอบสวนผู้กระทำความผิด รายดังกล่าว ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ได้ออกลาดตระเวนในพื้นที่สุ่มเสี่ยงที่มีการลักลอบตัดไม้ทำลายป่าพื้นที่ จ.เชียงใหม่ และได้พบมีการแปรรูปไม้กลางป่าในพื้นที่ อำเภอแม่ริม พบกองไม้ประดู่ถูกแปรรูปไว้กลางป่า จึงได้มีการวางแผนนำเครื่องติดตาม GPS ไว้กับไม้แปรรูปล็อต ดังกล่าว หลังจากนั้นขบวนการลักลอบค้าไม้เถื่อนจึงได้ลำเลียงไม้แปรรูปออกจากพื้นที่ป่า เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้สะกดรอยตามพบว่าไม้เถื่อนล็อตดังกล่าวถูกนำมาเก็บไว้ในโกดัง บริเวณดังกล่าวหลังจากนั้นเจ้าหน้าที่จึงได้ขอหมายศาลเข้าตรวจค้นและตรวจยึดไม้แปรรูปทั้งหมด

ร.ต.อ.จิรายุ อิ่นแก้ว กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการสืบสวนข้อมูลเชิงลึก ไม้ประดู่และไม้ชิงชันล็อตนี้ได้มีการเตรียมส่งขายให้นายทุนชาวต่างประเทศ ด้วยการปะปนอำพรางกับสินค้าหัตถกรรม ส่งออกไปยังต่างประเทศทางเรือ ซึ่งไม้ชิงชัน และไม้ประดู่ เป็นที่นิยมในกลุ่มชาวต่างชาติ เชื่อว่าเป็นไม้มงคล ทำให้มีความต้องการและมีราคาสูง ส่วนราคาไม้ชิงชันหากสามารถนำออกไปต่างประเทสได้จะมีราคากิโลกรัมล่ะ 1,500 บาท ส่วนไม้ประดู่ราคากิโลกรัมล่ะ 300 บาท ขณะที่ปมประดู่ ซึ่งเป็นต้นไม้ที่มีลักษณะพิการ จะมีราคาสูงถึงกิโลกรัมล่ะ 2 พันบาท ซึ่งหากไม้เถื่อนล้อตนี้หลุดรอดไปยังต่างประเทศ คาดจะมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท ด้วยความเป็นไม้ที่มีราคาสูงจึงทำให้มีการลักลอบตัดไม้ประดู่และไม้ชิงชันเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งพื้นที่ อ.ฮอด อ.แม่แจ่ม และ อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ และบางพื้นที่ของ จ.แม่ฮ่องสอน ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถตรวจจับขบวนการลักลอบขนไม้เถื่อนได้บ่อยครั้ง ซึ่งหลังจากนี้เจ้าหน้าที่จะได้ขยายผลติดตามจับกุมขบวนการค้าไม้เถื่อนข้ามชาติกลุ่มนี้มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

แม่อายอ่วม!! ฝนตกหนัก พื้นที่ 4 ตำบล ได้รับผลกระทบ เร่งให้ความช่วยเหลือแล้ว

อ.แม่อาย ฝนตกหนัก 11 หมู่บ้าน ในพื้นที่ 4 ตำบลได้รับผลกระทบ อำดภอกำขับ อปท. พื้นที่ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งช่วยเหลือ

วันที่ 15 สิงหาคม 2567 อำเภอแม่อายรายงานเหตุพายุฝนตกหนักและอุทกภัยในพื้นที่ เมื่อคืนวันที่ 14 สิงหาคม 2567 ว่า ในพื้นที่ได้รับความเสียหาย รวม 4 ตำบล ได้แก่

1. ตำบลบ้านหลวง หมู่ที่ 4 น้ำป่าไหลหลากท่วมถนนสาธารณะภายในชุมชน ไม่พบราษฎรได้รับความเดือนร้อนแต่อย่างใด ขณะนี้สถานการณ์กลับสู่สภาวะปกติแล้ว

2. ตำบลสันต้นหมื้อ หมู่ที่ 2, 3 และหมู่ที่ 7 น้ำป่าไหลหลากเข้าพื้นที่บ้านเรือนของชาวบ้าน ถนนสาธารณะภายในชุมชน และพื้นที่ทางการเกษตร (สวนข้าวโพด) ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 30 ราย พื้นที่ความเสียหายประมาณ 10 ไร่ ขณะนี้ระดับยังคงที่ จึงได้จัดชุดเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

3. ตำบลแม่นาวาง หมู่ที่ 8 น้ำป่าไหลหลากเข้าพื้นที่บ้านเรือนของชาวบ้าน ถนนสาธารณะภายในชุมชน และพื้นที่ทางการเกษตร (นาข้าว) ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 4 ราย พื้นที่ความเสียหายประมาณ 10 ไร่ ขณะนี้ระดับน้ำลดลงกลับสู่สภาวะปกติแล้ว

4. ตำบลท่าตอน หมู่ที่ 3, 8, 9, 11, 12 และหมู่ที่ 13 น้ำป่าไหลหลากทำให้ดินสไลด์ และน้ำหลากเข้าพื้นที่ทางการเกษตร (สวนข้าวโพด) ของชาวบ้านได้รับความเสียหายประมาณ 40 ไร่ ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการให้ความช่วยเหลือเบื้องต้นและเปิดเส้นทางจราจรให้กลับสู่สภาวะปกติโดยเร็ว

อำเภอแม่อายได้มอบหมายให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งสำรวจความเสียหาย เพื่อเยียวยาความเดือดร้อนและรายงานเหตุด่วนสาธารณภัยให้อำเภอ เพื่อจะได้รายงานให้จังหวัดทราบต่อไป

ทั้งนี้เมื่อเวลา 09.00 น. นางสลีลญา คำภาแก้ว นายอำเภอแม่อาย/ผู้อำนวยการกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยอำเภอแม่อาย มอบหมายให้ นายสมภพ หน่อแก้ว ปลัดอำเภอหัวหน้าฝ่ายความมั่นคง นำสมาชิกกองร้อยอาสารักษาดินแดนอำเภอแม่อายที่ 5 ร่วมกับ สนง.เกษตร อ.แม่อาย อบต.ท่าตอน ผู้ใหญ่บ้าน และชาวบ้านในพื้นที่ ลงพื้นที่ตรวจสอบพื้นที่ความเสียหายของราษฎร ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุอุทกภัยในพื้นที่ ม.3 และ ม.8 ต.ท่าตอน น้ำกัดเซาะตลิ่งทำให้ดินทรุดประมาณ 400 เมตร และน้ำหลากเข้าพื้นที่การเกษตรของชาวบ้าน (สวนข้าวโพด) จากการตรวจสอบพบพื้นที่ความเสียหายประมาณ 40 ไร่ ซึ่งสำนักงานเกษตรอำเภอ และ อบต.ท่าตอน ได้รับเรื่องเพื่อเข้าคณะกรรมการให้ความช่วยเหลือเพื่อดำเนินการด้านการเยี่ยวยาให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยต่อไป