เงินประมูลป้ายกว่า 5 แสน กปถ. จัดสรรให้ ทม.แม่ฮ่องสอน ทำโครงการถนนปลอดภัย

กปถ. จัดสรรเงินจากการประมูลป้ายทะเบียนรถเลขสวย เทศบาลเมืองแม่ฮ่องสอน รับกว่า 5 แสนบาท ลงนามบันทึกความความร่วมมือกับ ขนส่งจังหวัดแม่ฮ่องสอน เพื่อดำเนินงานโครงการด้านความปลอดภัยทางถนนในระดับจังหวัด เน้นจักรยานยนต์ปลอดภัย

วันที่ 30 ก.ค. 67 ที่ห้องประชุมเล็กชั้น 4 อาคารอำนวยการ ศาลากลางจังหวัดแม่ฮ่องสอน นายชูชีพ พงษ์ไชย ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน พร้อมด้วย นายอุดมศักดิ์ ชาวหนูนา และ นายบุญลือ ธรรมธนานุรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน และหัวหน้าส่วนราชการ ร่วมเป็นสักขีพยานการลงนามบันทึกข้อตกลงระหว่าง สำนักงานงานขนส่งจังหวัดแม่ฮ่องสอน โดย นายสุพิชัย เต็งประเสริฐ ขนส่งจังหวัดแม่ฮ่องสนอ และ เทศบาลเมืองแม่ฮ่องสอน โดย นางสาวมัลลิกา จีนาคำ นายกเทศมนตรีเมืองแม่ฮ่องสอน ในการร่วมกันดำเนินโครงการที่ได้รับการจัดสรรเงินจากกองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน (กปถ.) สำหรับดำเนินโครงการด้านความปลอดภัยทางถนนในระดับจังหวัด

กรมการขนส่งทางบก จัดสรรเงินที่ได้จากการประมูลป้ายทะเบียนรถเลขสวย ซึ่งได้จัดสรรให้หน่วยงานในจังหวัดที่เป็นนิติบุคคลซึ่งได้เขียนโครงการในด้านความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน โดยเน้นไปที่การใช้รถจักรยานยนต์เป็นหลัก ซึ่งจังหวัดแม่ฮ่องสอนได้รับการจัดสรรจำนวน 3,325,000 บาท โดยใช้ไปแล้วทั้งสิ้น 1,508,030 บาท โดยมีผู้ขอรับการจัดสรรทั้งสิ้น 5 หน่วยงาน ได้แก่ เทศบาลเมืองแม่ฮ่องสอน จำนวน 511,010 บาท สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเขต 2 จำนวน 383,380 บาท วิทยาลัยการอาชีพนวมินทราชินีแม่ฮ่องสอน จำนวน 44,480 บาท โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 22 จำนวน 142,450 บาท และสำนักงานขนส่งจังหวัดแม่ฮ่องสอน จำนวน 426,710 บาท

สำหรับวันนี้ สำนักงานขนส่งจังหวัดแม่ฮ่องสอน กับ เทศบาลเมืองแม่ฮ่องสอน ได้ลงนามสัญญาข้อตกลงในการร่วมกันดำเนินงานตามโครงการด้านความปลอดภัยในระดับจังหวัด โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนโครงการด้านความปลอดภัยทางถนนในระดับจังหวัดในการป้องกันการเกิดอุบัติเหตุและลดอัตราการเสียชีวิต และเพื่อส่งเสริมสนับสนุนการดำเนินงานด้านการป้องกันและลดการเกิดอุบัติเหตุและลดอัตราการเสียชีวิตให้สำเร็จตามเป้าหมายแผนปฏิบัติการกองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้ระใช้ถนน

ชลประทานเชียงใหม่ เฝ้าระวังใกลชิด 2 อ่างเก็บน้ำขนาดกลาง อ่างแม่ข้อน เชียงดาว อ่างสันหนอง แม่แจ่ม

ผคป.เชียงใหม่ สั่งเฝ้าระวังอ่างเก็บน้ำขนาดกลาง 2 แห่งใกล้ชิด อ่างแม่ข้อน อ.เชียงดาว อ่างสันหนอง อ.แม่แจ่ม ให้ระบายน้ำแล้วในเกณฑ์ควบคุม รักษาสมดุลปริมาณน้ำในอ่าง ยันไม่กระทบพื้นที่ท้ายอ่าง กำชับเจ้าหน้าที่ติดตามสถานการณ์ต่อเนื่อง พร้อมเตือนกลุ่มผู้ใช้น้ำราษฎรในพื้นที่เสี่ยง

จากประกาศของสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ฉบับที่ 8/2567 วันที่ 21 กรกฎาคม 2567 เรื่อง เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก คาดการณ์พื้นที่เสี่ยงน้ำหลากและพื้นที่เสี่ยงดินโคลนถล่มบริเวณพื้นที่ต้นน้ำ จากกรมทรัพยากรน้ำและกรมทรัพยากรธรณี ที่ต้องเฝ้าระวังในช่วงวันที่ 24 – 31 กรกฎาคม 2567 ซึ่งจังหวัดเชียงใหม่มีการคาดการณ์ฝนตกหนักในเขตอำเภออมก๋อย ฝนตกปานกลางดอยเต่า อำเภอแม่แจ่ม อำเภอฮอด อำเภอกัลยานิวัฒนา อำเภอเชียงดาว อำเภอพร้าว อำเภอไชยปราการ อำเภอฝาง และอำเภอแม่อาย ซึ่งเป็นพื้นที่ต้องเฝ้าระวัง พื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม และบริเวณตัวเมืองเชียงใหม่ที่มักเกิดน้ำท่วมขัง ในพื้นที่ลุ่มน้ำ

วันที่ 27 ก.ค. 2567 นายเกื้อกูล มานะสัมพันธ์สกุล ผู้อำนวยการโครงการชลประทานเชียงใหม่ (ผคป.เชียงใหม่) เปิดเผยว่า สถานการณ์น้ำปัจจุบัน (ข้อมูล ณ วันที่ 26 ก.ค. 67) พบว่า อ่างเก็บน้ำขนาดกลางในความรับผิดชอบของ คป.เชียงใหม่ ที่ต้องเฝ้าระวังมีด้วยกัน 2 แห่ง ได้แก่ อ่างเก็บน้ำข้อน ตั้งอยู่ในพื้นที่ ต.เมืองงาย อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ซึ่งขณะนี้มีปริมาณน้ำอยู่ที่ 3.237 ล้าน ลบ.ม. (คิดเป็น 79.34 ของความจุอ่าง) โดยได้มีการระบายน้ำออกจากอ่างฯ ในอัตรา 0.40 ลบ.ม./วินาที หรือ 34,560 ลบ.ม./วัน เพื่อรักษาสมดุลของปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำ ไม่ให้เกินกว่าระดับเก็บกักน้ำที่ 3.264 ล้าน ลบ.ม.

“อีกแห่งคือ อ่างเก็บน้ำสันหนอง ตั้งอยู่ในพื้นที่ ต.ช่างเคิ่ง อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ ขณะนี้มีปริมาณน้ำกักเก็บอยู่ที่ 1.292 ล้าน ลบ.ม. (คิดเป็น 89.10 ของความจุอ่าง) โดยได้มีการระบายน้ำออกจากอ่างฯ ในอัตรา 0.26 ลบ.ม./วินาที หรือ 22,464 ลบ.ม./วัน ซึ่งสามารถระบายน้ำผ่านอาคารระบายลงลำน้ำเดิม ได้สูงสุด 0.42 ลบ.ม./วินาที หรือ 36,288 ลบ.ม./วัน เพื่อรักษาสมดุลของปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำ ไม่ให้เกินกว่าระดับเก็บกักน้ำที่ 1.160 ล้าน ลบ.ม. โดยที่อัตราการระบายของอ่างเก็บน้ำ ทั้ง 2 แห่ง จะไม่ส่งผลกระทบต่อชุมชนตามแนวลำน้ำห้วยด้านท้ายอ่าง และเจ้าหน้าที่ได้มีการแจ้งเครือข่ายกลุ่มเกษตรกรผู้ใช้น้ำชลประทาน และราษฎรในพื้นที่เสี่ยงเบื้องต้นแล้ว” ผคป.เชียงใหม่ กล่าว

ทั้งนี้เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมรับมือเฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก โครงการชลประทานเชียงใหม่ ได้มีการจัดตั้งศูนย์ประมวลและวิเคราะห์สถานการณ์น้ำ โดยมีเจ้าหน้าที่ค่อยเฝ้าระวัง ติดตามสภาพอากาศและสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด พร้อมบริหารจัดการน้ำให้สอดคล้องกับสถานการณ์ เพื่อบริหารจัดการน้ำในอ่างฯ ให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม สอดคล้องกับสถานการณ์ และเกิดประโยชน์สูงสุด ควบคู่ไปกับการปฏิบัติตาม 10 มาตรการรับมือฤดู ปี 67 อย่างเคร่งครัด ที่สำคัญมีการทำงานเชิงบูรณาการกับหน่วยงานของจังหวัด และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้ ถึงสถานการณ์น้ำ การแจ้งเตือนอย่างต่อเนื่องและทั่วถึง เพื่อช่วยลดผลกระทบที่จะเกิดกับประชาชน ตามนโยบายของรัฐบาล และ ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์

ศูนย์อำนวยการจิตอาสาฯ จ.เชียงใหม่ จัดกิจกรรมจิตอาสาพระราชทาน

ศูนย์อำนวยการจิตอาสาพระราชทานจังหวัดเชียงใหม่ จัดกิจกรรมจิตอาสาพระราชทาน เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ที่ ข่วงประตูท่าแพ

วันที่ 26 ก.ค. 2567 นายวรวิทย์ ชัยสวัสดิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานเปิดกิจกรรมจิตอาสาพระราชทาน เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ที่ บริเวณลานข่วงประตูท่าแพ อำเภอเมืองเชียงใหม่ เพื่อแสดงความจงรักภักดีและเทิดทูนต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นศูนย์รวมจิตใจ ความรัก ความสามัคคีของคนในชาติ และร่วมกันน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ ของพระบาทสมเด็จพรเจ้าอยู่หัว ที่ทรงมีต่อปวงชนชาวไทยตลอดมา

ภายในงานได้มีการมอบถุงยังชีพพระราชทานให้แก่ผู้นำชุมชน เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ยากไร้และผู้ด้อยโอกาสในชุมชน จำนวน 10 แห่ง นอกจากนี้ ทางศูนย์อำนวยการจิตอาสาพระราชทานจังหวัดเชียงใหม่ ยังได้นำจิตอาสาและหน่วยงานต่างๆ มาออกบูธเพื่อให้บริการแก่พี่น้องประชาชนที่มาร่วมงาน อาทิ การบริการหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ รักษาโรคทั่วไป, การแจกจ่ายอาหารพระราชทานและน้ำดื่ม, การบริการซ่อมและเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องรถจักรยานยนต์, การบริการตัดผม, การออกหน่วยบริการของส่วนราชการต่างๆ และนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ โดยมีประชนเดินทางมารับบริการของหน่วยต่าง ๆ กันอย่างคึกคัก

อ.หางดง ขับเคลื่อน “สถานศึกษาสีขาว” ตรวจฉี่นักศึกษา ศกร.บ้านแหวน 80 ราย ผลเป็นลบ

ศป.ปส.อ.หางดง ลงพื้นที่ตรวจฉี่นักศึกษาศูนย์การเรียนรู้ตำบลบ้านแหวน 80 ราย ผลเป็นลบ ดำเนินการตามโครงการ “สถานศึกษาสีขาว”

วันที่ 25 กรกฎาคม 2567 นายชลิต ทิพย์คำ นายอำเภอหางดง มอบหมายให้ ฝ่ายความมั่นคง และ สมาชิก อส. หางดง ตรวจหาสารเสพติดของนักศึกษา ที่เข้าร่วมกิจกรรม เพื่อเป็นการคัดกรอง ป้องกัน และป้องปรามการใช้สารเสพติดภายในสถานศึกษาศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้หางดง ตามโครงการสถานศึกษาสีขาว ปลอดยาเสพติดและอบายมุข สกร.ระดับอำเภอ ประจำปี 2567 ณ สถานที่ห้องประชุมศูนย์ไชโยพลาซ่า เทศบาลตำบลบ้านแหวน อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีกลุ่มเป้าหมาย คือ นักศึกษา ศูนย์การเรียนรู้ (ศกร.) ตำบลบ้านแหวน โซนฮิมเวียง และโซนฮิมปิง รวมทั้งสิ้น 80 คน ซึ่งผลการปฏิบัติเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ผลการตรวจทั้ง 80 ราย ไม่พบผู้เสพสารเสพติด

กิ่งกาชาดแม่อาย มอบทุนการศึกษา “เรียนดีแต่ยากจน”

กิ่งกาชาดแม่อาย มอบทุนการศึกษา “เรียนดีแต่ยากจน” 50 ทุน สร้างโอกาสให้เด็กและเยาวชนในพื้นที่

วันที่ 25 กรกฎาคม 2567 นางสลีลญา คำภาแก้ว นายกกิ่งกาชาดอำเภอแม่อาย พร้อมด้วยสมาชิกกิ่งกาชาดอำเภอแม่อาย มอบทุนการศึกษาแก่เด็กและเยาวชนในโรงเรียนพื้นที่อำเภอแม่อายที่มีผลการเรียนดี มีความประพฤติดีแต่มีฐานะยากจน ตามโครงการ “มอบทุนการศึกษาเด็กและเยาวชน ในพื้นที่อำเภอแม่อาย” ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 จำนวน 50 ทุน เพื่อเป็นการส่งเสริมการศึกษาให้เด็กนักเรียนได้มีโอกาสรับการศึกษาอย่างต่อเนื่อง และเพื่อเป็นการปลูกฝังจิตสำนึกที่ดีให้แก่เด็กและเยาวชนได้เห็นถึงความสำคัญของการศึกษา ช่วยยกระดับคุณภาพทางการศึกษาและคุณภาพชีวิตให้ดียิ่งขึ้น ณ หอประชุมโรงเรียนไทยรัฐวิทยา 12 (บ้านเอก) อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่

“รวมพลังไทยสร้างครอบรัว ชุมชนอุ่นใจ พ้นภัยยาเสพติด” ศป.ปส.อ.ฮอด จัดอบรมกลุ่มเป้าหมาย

ศป.ปส.อ.ฮอด ขับเคลื่อน “รวมพลังไทยสร้างครอบรัว ชุมชนอุ่นใจ พ้นภัยยาเสพติด” จัดอบรมผู้นำ ประชาชนในพื้นที่เป้าหมาย ผ่านกลไกชุดปฏิบัติการตำบล

วันที่ 25 กรกฎาคม 2567 เวลา 08.30 น. ที่ผ่านมา นายจักรพันธุ์ ทองอ่ำ นายอำเภอฮอด/ผอ.ศป.ปส.อ.ฮอด มอบหมายให้ นายจิรพล สนธิคุณ ปลัดอำเภอหัวหน้าฝ่ายความมั่นคง เจ้าหน้าที่ปกครอง สมาชิกกองอาสารักษาดินแดนอำเภอฮอดที่ 17 ร่วมกับ ชุดปฏิบัติการประจำตำบลนาคอเรือ ได้จัดอบรมโครงการเสริมสร้างความมั่นคงและความสงบเรียบร้อย ในจังหวัดเชียงใหม่ รวมพลังไทยสร้างครอบครัว ชุมชนอุ่นใจ พ้นภัยยาเสพติด “ปลุกชุมชนให้เข้มแข็ง เปลี่ยนผู้เสพเป็นผู้ป่วย ปราบวงจรค้ายาเสพติด” กิจกรรมหลักที่ 1 กิจกรรมการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อความยั่งยืน ประจำปี 2567 กิจกรรมย่อยที่ 1 สนับสนุนส่งเสริมการจัดกิจกรรม เชิงสร้างสรรค์เพื่อป้องกัน และแก้ไขปัญหายาเสพติดในหมู่บ้าน/ชุมชน ที่แพร่ระบาด โดยใช้กลไกชุดปฏิบัติการประจำตำบล ในพื้นที่เป้าหมาย อำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่

เปิดปฏิบัติการ “Guardian Angel” จับเจ้าของกลุ่มลับ Telegram ลวงเด็กถ่ายคลิปโป๊

เปิดปฏิบัติการ “Guardian Angel” จับกุมหนุ่มใหญ่ภัยสังคม เจ้าของกลุ่มลับ Telegram ลวงเด็กถ่ายคลิปโป๊ บังคับเหยื่อตกเป็นทาส สั่งถ่ายคลิปหวิวตามบัญชา

วันที่ 25 ก.ค.67 เวลา 14.00 น. ณ ห้องสาทร ชั้น 2 อาคารเฉลิมพระเกียรติฯ 60 พรรษา บช.สอท. นำโดย พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร. รรท.รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท., พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ สุดสงวน รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบ.ตร., พล.ต.ต.ชูศักดิ์ ขนาดนิด ผบก.ตอท. และ พ.ต.อ.รุ่งเลิศ คันธจันทร์ ผกก.กลุ่มงานต่อต้านการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กทางอินเทอร์เน็ต บก.ตอท. พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมแถลงข่าว ปฏิบัติการ “Guardian Angel” จับกุมหนุ่มใหญ่ภัยสังคม เจ้าของกลุ่มลับ Telegram ลวงเด็กถ่ายคลิปโป๊ บังคับเหยื่อตกเป็นทาส สั่งถ่ายคลิปหวิว

สืบเนื่องจาก เมื่อเดือน กุมภาพันธ์ 2566 ได้มีผู้ปกครองของเด็กหญิงอายุ 9 ขวบ ได้เข้าร้องขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิปวีณา ว่า บุตรสาวของตนเองถูกคนร้ายอ้างว่าเป็นหมอดูหลอกให้ถ่ายภาพและคลิปลามกอนาจารไปให้ โดยบังคับข่มขู่เข็ญให้เด็กส่งข้อมูลดังกล่าวไปให้อย่างต่อเนื่องเป็นเวลากว่า 2 ปี จนผู้ปกครองทราบเรื่องจึงได้เข้าร้องขอความช่วยเหลือ ต่อมา ศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ศพดส.ตร. ได้ร่วมกับ บช.สอท. ร่วมกันสืบสวนกรณีดังกล่าว จนสามารถรวบรวมพยานหลักฐาน และเข้าจับกุมนายนัฐพงษ์ หรือหมู อายุ 26 ปี พร้อมตรวจยึดโทรศัพท์มือถือของกลางจำนวน 5 เครื่อง

จากการตรวจสอบข้อมูลในโทรศัพท์ของกลาง พบว่า เมื่อมีการล่อลวงเด็กให้ส่งสื่อลามกอนาจารไปให้แล้ว จะนำไปอวดกันในกลุ่มลับ Telegram ซึ่งจากการตรวจสอบข้อมูลภายในกลุ่มพบว่า มีเด็กผู้หญิงตกเป็นเหยื่อแล้วมากกว่า 30 ราย อีกทั้ง ยังมีการสอนสมาชิกในกลุ่มถึงวิธีการสนทนาหลอกล่อ และข่มขู่ให้เด็กถ่ายภาพและคลิปลามกอนาจารให้ เป็นการบังคับให้เหยื่อเป็นเสมือนทาส หากกลุ่มคนร้ายอยากดูสื่อลามกอนาจารเมื่อไหร่ต้องได้ดู และวางแผนกันว่าจะดูตั้งแต่เหยื่อเป็นเด็กจนโตเป็นสาว

จากการสืบสวน ติดตามข้อมูลและขยายผลกลุ่ม Telegram ดังกล่าว พบว่ามีผู้ต้องสงสัยในคดีจำนวน 5 ราย คือ นายหมู นายกุ้ง และผู้ต้องสงสัยเพิ่มเติมอีก 3 ราย (ขอสงวนนามเนื่องจากอยู่ระหว่างขยายผล) โดย นายหมู ได้ถูกจับกุมไปแล้วเมื่อ ก.พ. 66 ที่ผ่านมา จากหลักฐานพบว่ากลุ่มดังกล่าวเป็นกลุ่มที่ 1 ในผู้ต้องสงสัยเพิ่มเติม 3 รายดังกล่าว เปิดขึ้นใหม่หลังจากที่ นายหมู ถูกจับกุม โดยเปิดขึ้นเมื่อวันที่ 13 ก.พ.67 มีพฤติการเช่นเดียวกับกลุ่มเทเลแกรมชื่อ “รักมัธยม” ซึ่งเป็นกลุ่มเดิมที่นายหมูเป็นเจ้าของและโดนจับกุม

เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้สืบสวนจนทราบว่า เจ้าของบัญชีเทเลแกรมลับดังกล่าวคือ นายไชยยาฯ หรือ กุ้ง อายุ 48 ปี ซึ่งเจ้าหน้าที่พบข้อมูลที่เชื่อมโยงไปยัง นายกุ้ง ได้แก่ การโพสต์ภาพและวิดิโอลามกอนาจาร รวมถึงการโพสต์ภาพเด็กหญิงที่กล่าวอ้างว่าตนได้มีเพศสัมพันธ์ด้วย จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขอศาลจังหวัดตลิ่งชันออกหมายค้นได้สำเร็จ

ต่อมา เมื่อช่วงเช้ามืดของ วันที่ 24 ก.ค. 67 เจ้าหน้าที่ตำรวจกลุ่มงานต่อต้านการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กทางอินเทอร์เน็ต บก.ตอท. (TICAC) ได้ร่วมกันนำหมายค้นศาลจังหวัดตลิ่งชัน ที่ ค168/2567 ลงวันที่ 23 ก.ค.67 เข้าตรวจค้นคอนโดมิเนียมแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ ซอย 57 แขวงบางบำหรุ เขตบางพลัด กรุงเทพมหานคร และสามารรถจับกุมตัวนายไชยยาฯ หรือกุ้ง อายุ 48 ปี สามารถตรวจยึดโทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ จากการตรวจสอบข้อมูลภายในเครื่อง พบบัญชีเทเลแกรมที่ใช้โพสต์ภาพและคลิปไปยังกลุ่มดังกล่าว นอกจากนี้ พบว่า นายกุ้งยังเป็นแอดมินกลุ่มเทเลแกรมอื่นๆ อีกหลายกลุ่ม และยังพบข้อมูลการสนทนากับเด็กผู้หญิงในเชิงลามกอนาจารอีกจำนวนมาก

เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แจ้งข้อหา “ครอบครองและส่งต่อสื่อลามกอนาจารเด็กเพื่อประโยชน์ในทางเพศสำหรับตนเองหรือผู้อื่น, เพื่อประสงค์แห่งการค้าหรือโดยการค้า เพื่อการแจกจ่ายหรือเพื่อการแสดงอวดแก่ประชาชน ทำ ผลิต มีไว้ หรือทำให้แพร่หลายโดยประการใดๆ ซึ่งสื่อลามกอนาจารเด็ก, นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ ที่มีลักษณะอันลามกและข้อมูล คอมพิวเตอร์นั้นประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้ และ บังคับขู่เข็ญ ใช้ ชักจูง ยุยง ส่งเสริม หรือยินยอมให้เด็กแสดงหรือกระทำการอันมีลักษณะลามกอนาจาร ไม่ว่าจะเป็นไปเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าตอบแทนหรือเพื่อประการใด” เบื้องต้นผู้ต้องหารับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาเพราะจำนนต่อหลักฐาน จึงนำตัวส่งดำเนินคดีตามกฎหมายและเร่งขยายผลเพื่อจับกุมผู้กระทำผิดที่ร่วมขบวนการดังกล่าวต่อไป

จึงขอฝากเตือนไปยังพี่น้องประชาชนให้หมั่นทำความเข้าใจกับบุตรหลาน โดยคนร้ายมีแผนประทุษกรรมที่มักพบได้บ่อย คือ

  1. หลอกจะให้เงิน คนร้ายจะเสนอเงินหรือสิ่งของมีค่าให้เพื่อแลกกับการส่งภาพที่ไม่เหมาะสมไปให้
  2. เชิญเป็นดารา คนร้ายจะปลอมเป็นโมเดลลิ่งหรือแมวมองชักชวนเข้าวงการ โดยจะให้เปิดเผยสัดส่วน
  3. ชวนให้เปลื้องผ้า คนร้ายจะจีบเป็นแฟนแล้วล่อลวงให้ส่งภาพเปลือยกายในลักษณะลามกอนาจารให้
  4. ท้าให้เปิดกล้อง โดยอ้างว่าเมื่อเป็นแฟนกันแล้วจะชักชวนวีดีโอคอลในลักษณะลามกอนาจาร
  5. หลอกว่าเป็นหมอดู และให้กระทำการต่างๆ ตามที่หมอดูสั่ง
  6. หากตกเป็นเหยื่อแล้ว คนร้ายจะบังคับให้ไปหาเพื่อนมาเป็นเหยื่อแทนตัวเอง

อย่างไรก็ตาม ผู้ปกครองควรทำความเข้าใจและให้ความรู้แก่เด็กเรื่อง กลลวงต่างๆ ของคนร้ายที่อาจแฝงตัวมาในโลกออนไลน์ พ่อแม่ผู้ปกครองต้องหมั่นดูแลเอาใจใส่บุตรหลานให้เล่นโซเชียลมีเดียอย่างมีสติ อย่าไว้ใจและหลงเชื่อคำพูดของคนแปลกหน้าในโลกออนไลน์ เพราะบุตรหลานเราอาจตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพที่จะเข้ามาล่อลวงให้ผลิตสื่อลามกอนาจารได้

ชาวบ้านขอบคุณ ถุงยังชีพ “กาญจนา”

ช่วยบรรเทาทุกข์ สร้างรอยิ้มและเป็นแรงใจให้กับช้าวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อน กับ “ถุงยังชีพปันสุขของคุณกาญจนา” ที่ได้มอบให้กับกำนัน ผู้ใหญ่บ้านฯ นำไปมอบให้กับชาวบ้านที่ยากจน เดือดร้อน คนชรา และผู้ป่วยติดเตียง ในเขตพื้นที่ ต.หนองแหย่ง อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ จำนวน 100 กว่าชุด

 

บ่ายเมื่อวานที่ผ่านมา ทางกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยฯ ได้นำถุงยังชีพจำนวน 100 กว่าชุด ที่ทางคุณกาญจนา เอี่ยมสมบัติ ที่ปรึกษา ปจ.เชียงใหม่ นำไปมอบถึงมือกลุ่มผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง ผู้อยากจน เดือดร้อนจริงตามกลุ่มเป้าหมาย เขตหนองแหย่ง เห็นได้ตามภาพที่ทางกำนัน ผู้ใหญ่บ้านฯ นำไปมอบถึงที่ สร้างความปราบปลื้มและรอยยิ้ม ให้กับผู้รับเป็นอย่างดี ที่ได้มาช่วยบรรเทาทุกข์ในส่วนหนึ่งช่วงหน้าฝนนี้ ที่ทำมาหากินลำบาก ฝากขอบคุณเจ้าของถุงยังชีพด้วยที่ได้มอบสิ่งของดีๆ มาให้กับชาวบ้านได้อิ่มท้อง

 

สตช. ตรวจค้น 2,638 จุด ยึดได้อื้อ ทรัพย์เกือบ 100 ล้าน ยาเสพติดอีกเพียบ ผู้ต้องหาเป็น100คน

“บิ๊กต่าย“สั่งเร่งกวาดล้างผู้ค้ารายย่อยในชุมชน” ผู้ช่วยสำราญฯ “สนองนโยบาย เปิดปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นทั่วประเทศ”

ตามนโยบายรัฐบาล โดย นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี การแก้ไขปัญหายาเสพติดในทุกพื้นที่ถือเป็นวาระเร่งด่วนของรัฐบาล ซึ่งในด้านการปราบปรามนั้น ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเน้นการใช้มาตรการทางกฎหมายอย่างเด็ดขาดเพื่อตัดวงจรและท่อน้ำเลี้ยงเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดทุกระดับ ประกอบกับนโยบายของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. และพล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร.ในฐานะ ผอ.ศอ.ปส.ตร.ให้ทุกหน่วยทำงานเชิงรุกในการปราบปรามจับกุมผู้ค้ายาเสพติดรายย่อยในพื้นที่รับผิดชอบ และสืบสวนขยายผลคดียาเสพติดทุกคดีเพื่อจับกุมและยึดอายัดทรัพย์สินของเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดที่เกี่ยวข้องทุกระดับ

วันที่ 25 ก.ค. 67 ณ ศูนย์ปฏิบัติการ ห้องประชุมภักดีภูมิ บช.ปส. พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะ รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร.ผู้รับผิดชอบงานปราบปรามยาเสพติด ได้เดินทางมาติดตามการปฏิบัติการระดมปิดล้อมตรวจค้นเพื่อจับกุมและยึดทรัพย์ผู้ค้ายาเสพติดทั่วประเทศ ซึ่งได้สั่งการให้ทุกหน่วยเปิดปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นพร้อมกันในเช้าวันนี้ โดยเป้าหมายการปิดล้อมดังกล่าวมีที่มาจากข้อมูลการซักถามผู้เสพหรือผู้ต้องหาคดียาเสพติด รวมทั้งข้อมูลการแจ้งเบาะแสของประชาชน จนทำให้ได้ข้อมูลผู้ค้ายาเสพติดในชุมชนมาทำการสืบสวนและกำหนดจุดปิดล้อมตรวจค้นเพื่อกวาดล้างจับกุม โดย ตำรวจภูธรภาค 1 – 9 , กองบัญชาการตำรวจนครบาล, กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ได้ร่วมบูรณาการกับเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่างๆได้แก่ สำนักงาน ป.ป.ส.,ทหาร,ฝ่ายปกครอง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ปฏิบัติการระดมปิดล้อมตรวจค้นเครือข่ายยาเสพติดพร้อมกันทั่วประเทศ โดยมีเป้าหมายเครือข่ายยาเสพติดจำนวน 874 เครือข่าย เป้าหมายปิดล้อมตรวจค้น 2,638 จุดตรวจค้น

ผลการปิดล้อมตรวจค้น สรุปรายละเอียด ดังนี้

  • จับกุมคดียาเสพติด รวม 1,757 คดี
  • จับกุมผู้ต้องหา 1,645 ราย ผู้ต้องหาตามหมายจับ 112 ราย
  • ตรวจยึดของกลาง ได้แก่ ยาบ้า 1,555,902 เม็ด, ไอซ์ 87 กก., คีตามีน 4.5 กก, เฮโรอีน 35 กก., ยาอี 2,644 เม็ด, อาวุธปืน 152 กระบอก
  • ตรวจยึดอายัดทรัพย์สิน 652 รายการ รวมมูลค่า 97,195,645 ล้านบาท

จากผลการระดมปิดล้อมตรวจค้นเครือข่ายยาเสพติดทั่วประเทศในครั้งนี้ จะเห็นว่าตำรวจทั่วประเทศได้รุกอย่างหนัก อย่างเป็นรูปธรรม ทำจริง จับจริง และยึดจริง โดยในขณะนี้สำนักตำรวจแห่งชาติมีนโยบายเน้นการปราบปรามผู้ค้ารายย่อยซึ่งมีผลกระทบโดยตรงกับประชาชนในชุมชนอย่างจริงจังและต่อเนื่อง โดยจะเห็นได้ว่าจากสถิติการจับกุมและยึดของกลางคดียาเสพติดของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตั้งแต่เดือนตุลาคม 66 ถึงปัจจุบัน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีผลการจับกุมผู้ค้ายาเสพติดได้ถึง 72,050 ราย และตรวจยึดยาบ้าได้ 781,341,317 เม็ด, ไอซ์ 15,550 กก. และ คีตามีน 2,641 กก. รวมทั้งการยึดอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องได้รวมมูลค่ากว่า 9,525 ล้านบาท

สายด่วนแจ้งเบาะแสยาเสพติดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โทร 191 , 1599

แม่อายตั้งด่านกลางหมู่บ้าน จับได้ 1 ราย คาด่านพร้อมฝิ่นดิบ ส่งดำเนินคดี

อ.แม่อาย ตั้งด่านตรวจสิ่งผิดกฎหมาย ป้องกันหลบหนีเข้าเมือง พบขี่จักรยานยนต์ผ่านเข้าจุดตรวจ คันได้ฝิ่นดิบ นำส่งตัวพร้อมของกลางส่ง พนักงานสอบสวนดำเนินคดี

วันที่ 24 กรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมา เวลา 17.00 น. นางสลีลญา คำภาแก้ว นายอำเภอแม่อาย มอบหมายให้ นายสมภพ หน่อแก้ว ปลัดอำเภอ หัวหน้าฝ่ายความมั่นคง นำชุดปฏิบัติการพิเศษฝ่ายปกครองอำเภอแม่อาย ตั้งจุดตรวจจุดสกัด บริเวณบนถนนสาธารณะเส้นทางบ้านท่าปู – บ้านห้วยป่ากล้วย ม.11 ต.แม่นาวาง อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ เพื่อดำเนินการ Re X-ray ผู้เสพ ผู้ติด ผู้ค้ายาเสพติด ป้องกันการเคลื่อนย้ายและลักลอบเข้าเมืองโดยมิชอบด้วยกฎหมายของแรงงานต่างด้าวจากประเทศเพื่อนบ้าน และป้องกันปัญหาสินค้าผิดกฎหมายรวมถึงการกระทำผิดอาชญากรรมอื่นๆ ในพื้นที่

กระทั่งเวลา 18.00 น. มีรถจักรยานยนต์ขับขี่เข้ามายังจุดที่เจ้าหน้าที่ฯ ตั้งจุดตรวจ เจ้าหน้าที่ฯ จึงได้แสดงตัวเรียกให้หยุดรถเพื่อตรวจค้น จากการตรวจค้นพบสิ่งของผิดกฎหมาย (ฝิ่นดิบ) จำนวน 7.96 กรัม ซุกซ่อนบริเวณเป้ดัดแปลง เจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวผู้กระทำผิด พร้อมของกลางไปยังที่กองร้อยอาสารักษาดินแดนอำเภอแม่อาย ที่ 5 เพื่อทำการบันทึกจับกุม พร้อมแจ้งข้อกล่าวหา มียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 2 (ฝิ่น) ไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต เสพยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 2 (ฝิ่นหรือมอร์ฟีน) โดยไม่ได้รับอนุญาต จากนั้นได้นำตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.แม่อาย เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป