ส่งอากาศยาน KA -32 ช่วยดับไฟป่าอมก๋อย

ศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองภาค 3 ส่วนหน้า (ศอ.ปกป.ภาค 3 สน.) ส่งอากาศยาน KA -32 ช่วยดับไฟในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอมก๋อยภายหลังเกิดจุดความร้อนเมื่อวาน 17 จุด จนเกิดไฟป่าขยายวงกว้าง

วันที่ 2 มีนาคม 2568 เวลา 10.00 น.ที่ ศอ.ปกป.ภาค 3 สน. อ.แม่ริม ศูนย์ควบคุมอากาศยานและดับไฟป่า ศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองภาค 3 ส่วนหน้า รายงานว่าทางศูนย์ฯได้รับการประสานจากนายครินทร์ หิรัญไกรลาส หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอมก๋อยว่าตลอดคืนที่ผ่านมาเกิดไฟป่าขยายวงกว้างในพื้นที่เนื่องจากเกิดจุดความร้อน (Hotspot) 17 จุด ช่วงเช้าของเมื่อวานบริเวณป่าห้วยคึด, ป่าห้วยอุ้มหลอง, ป่าดอยกู่ ในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอมก๋อย
ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันประเมินสถานการณ์ไฟป่า และวางแผนการเข้าควบคุมไฟในพื้นที่ พร้อมทั้งได้มอบเสบียงอาหารและน้ำดื่มให้แก่เจ้าหน้าที่ชุดสนธิกำลังดับไฟป่า ซึ่งกำลังดังกล่าวประกอบด้วยเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอมก๋อย (จนท.อนุรักษ์ฯ, จนท.หน่วยฯอุ้มหลอง, จนท.หน่วยฯนางนอน, จนท.จุดเฝ้าระวังไฟป่าโซนรับผิดชอบหน่วยฯอุ้มหลอง, จนท.จุดเฝ้าระวังไฟป่าโซนหน่วยฯนางนอน) เจ้าหน้าที่สถานีควบคุมไฟป่าอมก๋อย นำโดยนายฐานันดร พรมมณี หัวหน้าสถานีควบคุมไฟป่าอมก๋อย และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านมูเซอหลังเมือง หมู่ที่ 5 ต.ม่อนจอง อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่

ที่ผ่านมาหน่วยงานในพื้นที่ได้วางแผนการดำเนินการควบคุมและดับไฟป่า แต่เนื่องจากเป็นพื้นที่เข้าถึงยาก จึงไม่สามารถดับไฟได้หมดและได้ร้องขออากาศยาน KA -32
จากศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองภาค 3 ส่วนหน้าเข้าดับไฟในครั้งนี้

จิตอาสาป้องกันไฟป่า บ้านสันลมจอย ต.สุเทพ ขี่รถวิบากขึ้นเขาทำแนวกันไฟ

จิตอาสาป้องกันไฟป่า บ้านสันลมจอย ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ขี่รถมอเตอร์ไซค์วิบากขนเครื่องเป่าลม ขึ้นเขาทำแนวกันไฟป่าชุมชนบ้านสันลมจอย ในเขตอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ป้องกันไฟป่าพร้อมกันนี้ได้มีการจัดชุดลาดตระเวนป้องกันไฟป่า ซ่อมแซมแนวกันไฟ และเฝ้าระวังคนนอกเข้าพื้นที่เผาป่าล่าสัตว์ สุดทึ่งคุณตาวัย 72 ปี ร่วมกลุ่มขี่รถวิบากหนึ่งในชุดลาดตระเวนไฟป่าเผยร่วมทำแนวกันไฟกับผู้นำชุมชนทุกปีนานกว่า 10 ปีแล้ว

ชาวบ้านสันลมจอย ต่างตรวจเช็คความพร้อมของรถจักรยานยนต์วิบาก พร้อมกับเตรียมเครื่องเป่าใบไม้ และคราดกวาดใบไม้ ติดท้ายรถ เพื่อขึ้นเขาไปทำแนวกันไฟในป่าชุมชนบ้านสันลมจอย ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ซึ่งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ซึ่งบางจุดเป็นเส้นทางลาดชันยากต่อการเดินเท้าเข้าไปเพื่อทำแนวกันไฟ จึงต้องใช้รถมอเตอร์ไซค์แบบวิบากเข้าพื้นที่ทั้งทำแนวกันไฟ ลาดตระเวนซ่อมแชมแนวสำรวจไฟป่า และป้องกันคนต่างถิ่นเข้ามาหาของป่าในพื้นที่อุทยานดอยสุเทพ-ปุย ซึ่งหนึ่งในชุดเคลื่อนที่เร็วป้องกันไฟป่าตำบลดอยสุเทพเป็นคุณตาวัย 72 ปี ร่างกายยังแข็งแรงมีจิตอาสาขี่รถมอเตอร์ไซค์วิบากร่วมทำแนวกันไฟ

ด้านนายสุรเชษฐ์ ตาคำมา กำนันตำบลสุเทพ เปิดเผยว่า พื้นที่ตำบลสุเทพ บางส่วนอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ซึ่งเป็นป่าไม้ที่ยังอุดมสมบูรณ์มีพื้นที่กว้างขวาง ฝ่ายปกครองตำบลดอยสุเทพ จึงได้จัดชุดเคลื่อนที่เร็วเฝ้าระวังไฟป่าขึ้นเพื่อสนับสนุนการป้องกันเฝ้าระวังไฟป่าขึ้นซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้นำชุมชน ชาวบ้านที่มีจิตอาสา โดยใช้รถจักรยานยนต์วิบากเป็นยานพาหนะเพื่ออำนวยความสะดวก ในการเฝ้าระวังพื้นที่ป้องกันไฟป่าเนื่องจากพื้นที่ป่าอุทยานดอยสุเทพ-ปุย บางจุดเป็นพื้นที่ลาดชันยากลำบากและใช้เวลานานต่อการเข้าพื้นที่ โดยวันนี้ได้นำชาวบ้านสำรวจทำแนวกันไฟในป่าชุมชนบ้านสันลมจอย ซึ่งหลังจากวันนี้จะรวมตัวกันเข้าทำแนวกันไฟอย่างต่อเนื่องตามเป้าหมายทำแนวกันไฟทั้งหมดระยะทางกว่า 20 กิโลเมตร และหลังจากนี้ได้จัดชุดเคลื่อนที่เร็วเข้ามาลาดตระเวนซ่อมแซมแนวกันไฟที่ทำไปแล้วทุกสัปดาห์ จนถึงปลายเดือนพฤษภาคม นอกจากนี้ชุดเคลื่อนที่เร็วรถมอเตอร์ไซค์วิบากชุดนี้จะเป็นชุดที่สนับสนุนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่อุทยานฯและเจ้าหน้าที่ดับไฟป่าหากเกิดไฟป่าขึ้นในพื้นที่อุทยานดอยสุเทพฯเช่น การลำเลียงน้ำ อาหาร และอุปกรณ์ไปส่งให้เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานหลักหากเกิดไฟป่าขึ้น ตลอดจนเฝ้าระวังบุคคลภายนอกเข้ามาในพื้นที่เพื่อเผาป่าล่าสัตว์เป็นต้น

ขณะที่นายอุ่นเรือน คำพิโล คุณตาวัย 72 ปี หนึ่งในจิตอาสาเฝ้าระวังไฟป่าตำบลสุเทพเปิดเผยว่า เป็น ชาวบ้านสันลมจอย อาศัยอยู่ที่นี่ตั้งแต่เกิด พอถึงช่วงฤดูแล้งตนได้ร่วมกิจกรรมทำแนวกันไฟกับผู้นำชุมชนทุกปีเป็นระยะเวลามากกว่า 10 ปีแล้ว เพราะว่าผืนป่าแห่งนี้หากเรารักษาไว้ให้ดีก็ได้จะพึ่งพาอาศัย เช่นช่วงฤดูฝนก็จะเข้ามาเก็บของป่า ทั้งเห็ดหน่อไม้ จึงมีความคิดที่ต้องการรักษาผืนป่าแห่งนี้ไว้ให้ยืนนานตามกำลังเท่าที่พอจะทำได้

สถานการณ์ไฟป่าหมอกควันช่วง ก.พ.68 พบจุดความร้อนกว่า 10,390 จุด

ศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองภาค 3 (ศอ.ปกป.ภาค 3) รายงานสถานการณ์ไฟป่าหมอกควันประจำเดือน ก.พ.68 พบจุดความร้อนกว่า 10,390 จุด พร้อมสนับสนุนการใช้อากาศยาน.ดับไฟในพื้นที่เข้าถึงยาก

วันที่ 1 มีนาคม 2568 เวลา 09.00 น. พลตรีชายแดน กฤษณสุวรรณ รองผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองภาค 3 กล่าวว่าจากการติดตามสถานการณ์จุดความร้อนและค่าคุณภาพอากาศของภาคเหนือตลอดเดือนกุมภาพันธ์ พบว่า เกิดจุดความร้อนทั้งหมด 10,390 จุด เมื่อนำไปเปรียบเทียบกับปี 2567 พบว่า ลดลงจำนวน 707 จุด คิดเป็นร้อยละ 6.37 โดยจุดตวามร้อนเดือนกุมภาพันธ์ 2568 พบมากในพื้นที่ จังหวัดตาก จำนวน 2,019 จุด , จังหวัดลำปาง 1,741 จุด และ จังหวัดเพชรบูรณ์ 1,055 จุด

สำหรับการตรวจคุณภาพอากาศ โดยเฉลี่ยตลอดทั้งเดือนที่ผ่านมา พบว่า PM 2.5 อยู่ระหว่าง 7.30 – 102.40 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และ AQI อยู่ระหว่าง 12 – 228 ภาพรวมคุณภาพอากาศอยู่ในระดับ ปานกลาง ถึง เริ่มส่งผลกระทบต่อสุขภาพ โดยจังหวัดที่มีค่าคุณภาพอากาศสูงสุด ในระดับสีแดงและส่งผลกระทบต่อสุขภาพ มี 6 จังหวัดในเดือนนี้ คือ จังหวัดแพร่ พะเยา ลำปาง น่าน พิษณุโลก และ จังหวัดสุโขทัย ทั้งนี้ในช่วงปลายเดือนเกิดฝนตกในภาคเหนือส่งผลให้คุณภาพอากาศส่วนใหญ่อยู่ในระดับ ดี ถึง ดีมาก

การปฏิบัติงานที่สำคัญในช่วงเดือนกุมภาพันธ์หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีการวางแผนดับไฟป่าทั้งภาคพื้นดิน และปฏิบัติการบินทิ้งน้ำดับไฟป่าจากอากาศยาน จำนวน 34 เที่ยว ใช้น้ำกว่า 17,000 ลิตร โดยเฉพาะ พื้นที่เขตห้ามล่าสัตว์บ้านโฮ่ง อ.ดอยเต่า จ.เชียงใหม่ ที่ทางเฮลิคอปเตอร์ KA-32 กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย สนับสนุนการปฏิบัติภารกิจแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควัน และฝุ่นละออง ส่วนที่จังหวัดตากได้บูรณาการทิ้งน้ำดับไฟป่า บริเวณอุทยานแห่งชาติดอยสอยมาลัย จำนวน 32 เที่ยว ปริมาณน้ำ 96,000 ลิตร และ ในพื้นที่เขตห้ามล่าสัตว์บ้านโฮ่ง อ.บ้านโฮ่ง จ.ลำพูน ใช้อากาศยานดับไฟจำนวน 39 เที่ยว ปริมาณน้ำ 117,000 ลิตร รวมปฏิบัติการดังกล่าว จำนวน 71 เที่ยว ปริมาณน้ำ 213,000 ลิตร

ในขณะที่เครื่องบิน BT 67 กองทัพอากาศ บินโปรยน้ำและสารควบคุมไฟป่า เพื่อสร้างแนวกันไฟ 1 เที่ยวบิน ปริมาณน้ำ 3,000 ลิตร พื้นที่เขตป่าสงวนแห่งชาติ อ.บ้านโฮ่ง จ.ลำพูน เฮลิคอปเตอร์ MI-17 ของกองทัพบก บินโปรยน้ำดับเพื่อควบคุมไฟป่า ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่หาด อ.ดอยเต่า จ.เชียงใหม่ 1 เที่ยวบิน ปริมาณน้ำ 3,500 ลิตร ในส่วนของหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงภาคเหนือ ขึ้นบินดัดแปรสภาพอากาศเพื่อดูซับละระบายฝุ่นละออง จำนวน 169 เที่ยวบิน ในพื้นที่ภาคเหนือ

สำหรับส่วนการปฏิบัติ ชุดรณรงค์ป้องกันแก้ไขปัญหาการบุกรุกและทำลายพื้นที่ป่าไม้ , ชุดลาดตระเวนเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละออง และ กอ.รมน. 17 จังหวัดภาคเหนือ ตลอดทั้งเดือนกุมภาพันธ์ มีจำนวนกว่า 8,164 ครั้ง

อย่างไรก็ตามจากการคาดการณ์ของศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคเหนือที่ว่าในช่วงวันที่ 3-5 มีนาคม นี้ จังหวัดที่ติดกับประเทศเพื่อนบ้านอาจประสบกับปัญหาหมอกควันข้ามแดน ศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองภาค 3 จึงยกระดับการปฏิบัติงานให้มีความเข้มข้นยิ่งขึ้นโดยให้หน่วยทหารนำรถมาฉีดพ่นละอองน้ำในพื้นที่ชุมชนเมือง รวมทั้งมอบหมายให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงแต่ละจังหวัดประสานสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตนำรถหุ่นยนต์พ่นละอองน้ำแรงดันสูงเพื่อลดการเกิดฝุ่นที่จะมีเข้ามาในช่วงเดือนมีนาคมนี้

“ฮอมปอยบุปผชาติแม่ข่างาม: ที่…ดอนแก้ว” ฟื้นฟูคลองแม่ข่า สู่สายน้ำแห่งไชยมงคล

รองผู้ว่าฯเชียงใหม่ เปิดงาน “ฮอมปอยบุปผชาติแม่ข่างาม: ที่…ดอนแก้ว” ฟื้นฟูคลองแม่ข่าให้เป็นสายน้ำแห่งไชยมงคลและดอกไม้งาม รณรงค์ให้ทุกภาคส่วนร่วมกันปลูกต้นไม้ ไม้ดอก ไม้ประดับ จัดสวนหย่อมริมคลอง และดูแลรักษาความสะอาดสวยงามตลอดทั้งปี

เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568 ที่บริเวณท่าน้ำแม่ข่าริมถนนสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี ตำบลดอนแก้ว อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ นายศิวกร บัวป้อง รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานในพิธีจัดงาน “ฮอมปอยบุปผชาติแม่ข่างาม: ที่…ดอนแก้ว” ครั้งที่ 7 ประจำปี พ.ศ. 2568 โดยมีหน่วยงานภาครัฐ เอกชน ประชาชนรวมถึงเยาวชนคนเชียงใหม่เข้าร่วมเป็นจำนวนมาก

งานนี้จัดขึ้นเพื่อฟื้นฟูคลองแม่ข่าให้เป็นสายน้ำแห่งไชยมงคลและดอกไม้งาม รณรงค์ให้ทุกภาคส่วนร่วมกันปลูกต้นไม้ ไม้ดอก ไม้ประดับ จัดสวนหย่อมริมคลอง และดูแลรักษาความสะอาดสวยงามตลอดทั้งปี ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ วัฒนธรรม และวิถีชีวิตชุมชน ตามวิสัยทัศน์ “คลองสวย น้ำใส ไหลดี ชุมชนมีสุข”

กิจกรรมภายในงานมีขบวนเรือบุปผชาติที่ประดับประดาไปด้วยดอกไม้นานาพันธุ์ นิทรรศการเกี่ยวกับการพัฒนาของคลองแม่ข่าและสิ่งแวดล้อม พายเรือชมคลองแม่ข่า ปั่นจักรยานบุปผชาติ และกิจกรรมเปิดรับบริจาคกล้าไม้ดอก ไม้ประดับ พันธุ์ไม้ต่างๆ และพืชผักสวนครัว เพื่อนำมาปลูกริมคลองแม่ข่าอีกด้วย

นอกจากนี้ องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ได้ดำเนินโครงการปรับปรุงคลองแม่ข่า บริเวณบ้านแม่สา (เขต อบต.แม่สา) เชื่อมบ้านพระนอน หมู่ที่ 5 ตำบลดอนแก้ว อำเภอแม่ริม ระยะทางประมาณ 300 เมตร โดยเน้นการรักษาระบบนิเวศน์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมถึงปรับปรุงประสิทธิภาพระบบบำบัดน้ำเสีย เพื่อปรับปรุงคุณภาพน้ำคลองแม่ข่า และดำเนินโครงการปรับปรุงภูมิทัศน์บริเวณท่าน้ำแม่ข่า บ้านพระนอน-บ้านป่ารวก อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ระยะทางประมาณ 275 เมตร เพื่อพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกด้วย.

กองพันสัตว์ต่าง ลาดตระเวนรอยต่อพื้นที่อ่างเก็บน้ำห้วยตึงเฒ่าป้องกันแนวกันไฟ

กองพันสัตว์ต่าง กรมการสัตว์ทหารบกนำม้าลาดตระเวนรอยต่อพื้นที่อ่างเก็บน้ำห้วยตึงเฒ่าป้องกันแนวกันไฟ พร้อมใช้อากาศยานไร้คนขับ (โดรน) เลาดตระเวนเฝ้าตรวจแนวกันไฟพื้นที่ดังกล่าว 

วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 09.00 น. ที่ กองพันสัตว์ต่าง กรมการสัตว์ทหารบก อ.แม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ พันโทสุขุม แพทยารักษ์ ผู้บังคับกองพันสัตว์ต่าง กรมการสัตว์ทหารบก เปิดเผยว่า กองพันสัตว์ต่าง กรมการสัตว์ทหารบก ได้นำม้ามาใช้ร่วมกับกำลังพลในการลาดตระเวนพื้นที่ภายในหน่วยและเขตรอยต่ออ่างเก็บน้ำห้วยตึงเฒ่า พร้อมการใช้อากาศยานไร้คนขับ (โดรน) เพื่อลาดตระเวนเฝ้าตรวจแนวกันไฟพื้นที่ดังกล่าว และยังได้รับภารกิจ จากมณฑลทหารบกที่ 33 ในการจัดชุดลาดตระเวนเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและฝุ่นละอองขนาดเล็ก ของศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองภาค 3 ส่วนหน้า ที่ร่วมปฏิบัติงานกับเจ้าหน้าที่อุทยานกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธ์พืชจัดชุดลาดตระเวนในพื้นที่รอยต่อของอุทยานจนถึง 31 พ.ค.2568

ขณะเดียวกันกองพันสัตว์ต่าง กรมการสัตว์ทหารบก ยังจัดกำลัง 3 ชุดปฏิบัติการร่วมกับเจ้าหน้าที่จากหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติแม่ปิง และเจ้าหน้าที่ดับไฟป่าของสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 เพื่อลาดตระเวน และประชาสัมพันธ์รณรงค์ให้ประชาชนในพื้นที่ ชุมชนรอบป่างดการเผา ที่ บ้านเกาะหลวง ต.โปงทุ่ง ตลอดจนร่วมกับชาวบ้านทำแนวกันไฟ และดับไฟกับอาสาสมัครดับไฟป่า องค์การบริหารส่วนตำบลโปงทุ่ง ในพื้นที่ บ้านเกาะหลวง ต.โปงทุ่ง อ.ดอยเต่า จ.เชียงใหม่ อีกด้วย
#กองพันสัตว์ต่าง กรมการสัตว์ทหารบก

ประชุมร่วมป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5)

ศอ.ปกป.ภาค 3 ประชุมร่วมกับกองบัญชาการป้องกันและการแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เพื่อขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาในพื้นที่

วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 10.00 น. ที่ ศอ.ปกป.ภาค 3 จังหวัดเชียงใหม่ พลตรีชายแดน กฤษณสุวรรณ รองแม่ทัพภาคที่ 3 ในฐานะรองผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองภาค 3 มอบหมายให้ พันเอก พงษ์ยุทธ งามเกษม รองหัวหน้าศูนย์ควบคุมอากาศยานและดับไฟป่า ศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองภาค 3 ส่วนหน้า เป็นผู้แทนเข้าร่วมประชุมกับกองบัญชาการป้องกันและการแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ผ่านระบบ Zoom Meeting ร่วมกับสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด กรมป่าไม้ กรมอุตุนิยมวิทยาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาในพื้นที่

รองหัวหน้าศูนย์ควบคุมอากาศยานและดับไฟป่า ศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองภาค 3 ส่วนหน้าเปิดเผยว่า กองทัพบก โดยกองทัพภาคที่ 3 ดำเนินการจัดตั้ง ศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองภาค 3 ส่วนหน้า ที่จังหวัดเชียงใหม่ตั้งแต่ 1 ธันวาคม 2567 ถึง 30 เมษายน 2568 โดยจัดกำลังจาก 10 มณฑลทหารบก 4 กองพล และ 1 กองบัญชาการช่วยรบ รวมทั้งกองหนุนจากกรมทหารพรานที่ 35 และ กรมทหารพรานที่ 36 และบูรณาการอากาศยานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ 7 ดอยซึ่งเป็นพื้นที่เป้าหมายเปราะบาง ตลอดจนพื้นที่ควบคุมไฟป่า 14 กลุ่มป่า ซึ่งอยู่ในกองทัพภาคที่ 3 จำนวน 12 กลุ่มป่า

 

ในช่วงที่ผ่านมาศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองภาค 3 ได้จัดกำลังลาดตระเวนร่วมกับเจ้าหน้าที่จากกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธ์พืช จำนวน208 ชุดเพื่อปฏิบัติการป้องปรามการเผาป่าทั้งในกลุ่มป่าแม่น้ำปาย กลุ่มป่าศรีล้านนา กลุ่มป่าสะเมิง กลุ่มป่าสาละวิน รวมทั้งกลุ่มป่าตอนใต้จังหวัดเชียงใหม่และ กลุ่มป่าถ้ำผาไท กลุ่มป่าเวียงโกศัย-แม่วะ-ป้าแม่มอบ ซึ่งแต่ละกลุ่มป่าได้มีการจัดกำลังตามขนาดพื้นที่เพื่อให้ครอบคลุมการดำเนินงานในแต่ละลุ่มน้ำ ตั้งแต่วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ตั้งแต่ 1 ธันวาคม 2567 ถึง 24 ก.พ.68 ศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองภาค 3 จัดชุดรณรงค์ประชาสัมพันธ์ตามหมู่บ้านเป้าหมายจำนวน 9,384 ครั้ง ใช้กลไกของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดฝ่ายทหารให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ในพื้นที่จำนวน 3,936 ครั้ง และชุดลาดตระเวนลงพื้นที่ป้องปรามการเผาป่า จำนวน 5,043 ครั้ง

กำลังทหารร่วมกับเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ยังคงลาดตระเวนป้องกันปัญหาไฟป่าอย่างต่อเนื่อง

กำลังทหารยังคงจัดกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่อุทยานฯ เพื่อลาดตระเวนป้องกันปัญหาไฟป่าอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้นฝนที่ตกทำให้คุณภาพอากาศดีขึ้น และจุดความร้อนลดลง

วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 09.00 น.ที่ ศอ.ปกป.ภาค 3 สน. อ.แม่ริม พลตรี ชายแดน กฤษณสุวรรณ รองแม่ทัพภาคที่ 3 ในฐานะ รองผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละออง ภาค 3 เปิดเผยว่า จากการติดตามสถานการณ์ไฟป่าหมอกควันในพื้นที่ภาคเหนือพบว่าฝนที่ตกลงมาในพื้นที่ส่งผลให้ค่าคุณภาพอากาศดีขึ้น และจุดความร้อนลดลง

ขณะที่ชุดปฏิบัติการลาดตระวนเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและฝุ่นละอองขนาดเล็ก ยังคงร่วมกับเจ้าหน้าที่อุทยานกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธ์พืชเพื่อลาดตระเวนในพื้นที่สำคัญ โดยเฉพาะชุดปฏิบัติการลาดตระวนของกองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 7 อำเภอเชียงดาวจัดกำลัง 3 ชุดปฏิบัติการลงพื้นที่ร่วมกับเจ้าหน้าที่จากอุทยานแห่งชาติผาแดง ในการเฝ้าติดตามสถานการณ์การเกิดไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละออง พร้อมเตรียมแผนในการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบหากเกิดสถานการณ์ บริเวณ บ้านห้วยป่าฮ่อม ตำบลทุ่งข้าวพวง อำเภอเชียงดาว นอกจากนี้ยังร่วมกับเจ้าหน้าที่จากอุทยานแห่งชาติดอยเวียงผาลาดฝ่ายปกครองของอำเภอ ลาดตะเวนป้องปรามตรวจสอบบุคคลที่เข้าป่า ตลอดจนสร้างความเข้าใจกับประชาชนในการลดการเผาป่าตามประกาศห้ามเผาของจังหวัด

คลื่นยักษ์ซัดชายฝั่ง ทะเลสาบดอยเต่าจากฝนฟ้าคะนอง

เกิดพายุฝนหลังฤดูพัดกระหน่ำทำให้ทะเลสาบดอยเต่ามีคลื่นสูงเกือบ 1 เมตร คล้ายกับคลื่นทะเลนานกว่า 40 นาที ส่งผลให้เรือหาปลาของชาวบ้านถูกคลื่นซัดจม ขณะที่กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศ อากาศแปรปรวนบริเวณประเทศไทยตอนบนจะฝนตกหนักถึงหนักมากและมีพายุฝนฟ้าคะนอง ฟ้าผ่า ลมกระโชกแรง มีลูกเห็บตกบางแห่ง

ผู้ที่ใช้เพจเฟสบุ๊คที่ชื่อ Tong Love ได้โพสต์คลิบวีดีโอขณะเกิดคลื่นสูงกระทบกับสะพานทางเดินขึ้นแพท่องเที่ยว ที่แพลูกแม่ปิง ที่ทะเลสาบดอยเต่า ต.ท่าเดื่อ อ.ดอยเต่า จากการสอบถามทราบว่าผู้ที่ใช้เพจเฟสบุ๊ครายดังกล่าวชื่อนายฐิติพงษ์ ใจวงศ์ เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเย็นวานนี้ ขณะที่ตนกับเพื่อนๆได้นำเรือเร็วไปลงท่องเที่ยวที่ทะเลสาบดอยเต่า จู่ๆก็เกิดพายุขึ้นพัดกระหน่ำนานกว่า 40 นาที ทำให้เกิดคลื่นสูงเกือบ 1 เมตร กระทบกับตัวเรือนแพท่องเที่ยวและเรือหาปลาของชาวบ้านที่ผูกไว้ตามริมตลิ่งจนล่มหลายคัน หลังจากนั้นก็เกิดฝนตกลงมาอย่างหนัก

อย่างไรก็ตามมีรายงานจากพื้นที่อำเภอตอนใต้จังหวัดเชียงใหม่ ว่าเมื่อวานนี้ได้เกิดพายุฝนหลายพื้นที่ส่งผลให้ค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กในอากาศลดลงโดยเฉพาะพื้นที่อำเภอดอยเต่าลดลง หลังจากช่วงสัปดาห์ก่อนต้องเผชิญกับปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กซึ่งจากการตรวจวัดที่สำนักงานสาธารณสุข อ.ดอยเต่าวัดได้สูงสุด 83 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ ขณะที่เมื่อวานนี้ค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กสูงสุด 36 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ส่วนวันนี้ลดลง เหลือ 26 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร

ขณะที่ ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคเหนือพยากรณ์อากาศ บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางถึงค่อนข้างแรงจากประเทศจีนปกคลุม ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและทะเลจีนใต้ ส่งผลทำให้มีลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้และอ่าวไทยเข้ามาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ประกอบกับจะมีคลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันตกจากประเทศเมียนมาเคลื่อนเข้าปกคลุมบริเวณภาคเหนือ ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคเหนือจะมีสภาพอากาศแปรปรวน โดยมีพายุฝนฟ้าคะนอง ฟ้าผ่า ลมกระโชกแรง มีลูกเห็บตกบางแห่ง ส่วนบริเวณจังหวัดเชียงใหม่อากาศเย็นในตอนเช้าโดยมีพายุฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60 ของพื้นที่กับมีลมกระโชกแรงและลูกเห็บตกบางแห่ง

มอบรางวัลคณิตศาสตร์นานาชาติ Thailand International Mathematical Olympiad, TIMO

TIMO (Thailand International Mathematical Olympiad) รายการแข่งขันคณิตศาสตร์โอลิมปิกระหว่างประเทศร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานฮ่องกง จัดงานมอบรางวัลสุดอลังการ ผู้เข้าแข่งขันจาก 17 ประเทศทั่วโลก เป็นปีที่ 8

เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2568 ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเชียงใหม่ “Olympiad Champion Education Center” แห่งฮ่องกง ร่วมกับ “การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย” ได้จัดงานการแข่งขันและงานมอบรางวัลให้กับผู้เข้าแข่งขัน คณิตศาสตร์โอลิมปิกระหว่างประเทศรายการ “TIMO” หรือ Thailand International Mathematical Olympiad การแข่งขันคณิตศาสตร์โอลิมปิกที่ผสมผสานระหว่าง “การท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์” เข้ากับ “คณิตศาสตร์” ด้วยการนำกลุ่มการศึกษาจากนานาชาติเดินทางเข้ามาสอบรอบไฟนอลทุก ๆ ปีในประเทศไทย โดยหมุนเวียนไปตามจังหวัดเมืองท่องเที่ยวหลักของไทย เพื่อเผยแพร่จุดหมายปลายทางที่สวยงามของประเทศให้เป็นที่รู้จักในทั่วโลกมากยิ่งขึ้น นอกจากนั้น TIMO ยังเป็นรายการแข่งขันคณิตศาสตร์โอลิมปิกที่แรกและที่เดียวที่จัดให้มี “การจำลองการสอบ” ก่อนการสอบรอบสุดท้าย ผ่านการแลกเปลี่ยนประสบการณ์การเรียนรู้เกี่ยวกับการเรียนคณิตศาสตร์โอลิมปิกด้วยวิธีความคิดอย่างชาญฉลาด พร้อมทั้งไขข้อสงสัยต่าง ๆ เพื่อเป็นการอุ่นเครื่องผู้สมัครได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในการสอบรอบสุดท้าย ซึ่งแตกต่างจากการแข่งขันคณิตศาสตร์โอลิมปิกอื่น ๆ นั่นเอง

โดยมีผู้เข้าร่วมงานสอบจาก 17 ประเทศ ได้แก่ ออสเตรเลีย บัลแกเรีย บราซิล ฮ่องกง อินเดีย อินโดนีเซีย มาเลเซีย พม่า ฟิลิปปินส์ ศรีลังกา เวียดนาม คัมโบเดีย สิงคโปร์ แคนาดา นิวซีแลนด์ ซาอุดิอารเบียและประเทศไทย ซึ่งทั้งนักเรียนและผู้ปกครองจากประเทศทั่วโลก นอกจากจะได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์เรียนรู้ และประลองสมองในการแข่งขันคณิตศาสตร์แล้ว ยังได้มีโอกาสสัมผัสความงามของสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ และเสน่ห์วัฒนธรรมไทยในจังหวัดเชียงใหม่ตลอดทั้ง 3 วัน โดยเฉพาะในวันประกาศรางวัล นักเรียนและผู้ปกครองไทยจะสวมใส่ชุดไทยมาสร้างสีสันภายในงานอีกด้วย

ดร.แอนดี้ แลม (Dr. Andy Lam) Principal of Olympiad Champion Education Centre Hong Kong ท่านประธานการจัดงานในครั้งนี้ กล่าวว่า “การรวมกันเพื่อกระตุ้นและส่งเสริมความสนใจในการเรียนคณิตศาสตร์ของเยาวชน เสริมสร้างความสามารถในการคิดสร้างสรรค์ของพวกเขาขยายมุมมองในระดับนานาชาติ และเพื่อส่งเสริมการพัฒนาการศึกษาระดับอนุบาลประถมศึกษาและมัธยมศึกษา และการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมการศึกษาทั่วประเทศ นักเรียนที่มีสิทธิ์สมัครสอบรอบ Final จะต้องผ่านการสอบรอบคัดเลือกของแต่ละประเทศก่อน ผ่านเกณฑ์ถึงจะมีสิทธิสมัครสอบรอบ Final ข้อสอบเป็นภาษาอังกฤษ และคำตอบแบบเขียนตอบ งานสอบจะเป็นตั้งแต่ระดับอนุบาลถึงมัธยมปลาย การสอบประกอบด้วยหัวข้อมาตรฐาน เช่น การคิดเชิงตรรกะเลขคณิต / พีชคณิตทฤษฎีจำนวนเรขาคณิต ดังนั้นกลุ่มนักเรียนไทยที่สอบคือเด็กที่เก่งมากๆ ต้องเก่งทั้งภาษาอังกฤษ และคณิตศาสตร์”

นอกจากนั้น ภายในงานประกาศรางวัล TIMO ยังได้มอบเงินสนับสนุนเพื่อการศึกษาให้กับ โครงการเสริมสร้างศักยภาพการเรียนรู้แบบองค์รวม SAP โรงเรียนอนุบาลเชียงใหม่ และโรงเรียนสอนคนตาบอดภาคเหนือในพระบรมราชินูปถัมภ์ จังหวัดเชียงใหม่

มาดามหยกเลี้ยงแสดงความชื่นชม ยินดี นักกีฬาคนพิการ เทเบิ้ลเทนนิสจังหวัดเชียงใหม่

มาดามหยก ประธานโครงการ Change Togetherเปลี่ยนไปด้วยกัน จัดเลี้ยงแสดงความชื่นชม ยินดี ในความสำเร็จ กับนักกีฬาคนพิการ เทเบิ้ลเทนนิสจังหวัดเชียงใหม่ ที่ได้รับเหรียญรางวัล ในการแข่งขันกีฬาคนพิการแห่งชาติ ครั้งที่ 39 อัญมณีเกมส์ ที่จังหวัดจันทบุรี

คุณ กชพร เวโรจน์ หรือมาดามหยก ประธานโครงการโครงการ Change Together เปลี่ยนไปด้วยกัน ผู้สนับสนุนความเท่าเทียม สิทธิมนุษยชน และความหลากหลายทางเพศ พร้อมผู้สนับสนุน ร่วมมอบโล่ห์แสดงความชื่นชมยินดี ในความสำเร็จ และเป็นพลังแรงใจ ให้ทัพนักกีฬาคนพิการเทเบิ้ลเทนนิส จังหวัดเชียงใหม่ ในโอกาสเข้าร่วมการแข่งขัน กีฬาคนพิการแห่งชาติ ครั้งที่ 39 อัญมณีเกสม์ ที่จังหวัดจันทบุรี และได้รับเหรียญรางวัลกลับมา

ทั้งนางสาว ญาณิศา จันทร์เป็ง กีฬาเทเบิ้ลเทนนิส ประเภทพิการทางการได้ยินได้รับเหรียญทอง ทั้งประเภทหญิงเดี่ยว และหญิงคู่ นางสาว อุไรวรรณ บุญยัง เหรียญทอง กีฬาเทเบิ้ลเทนนิส ประเภทพิการทางการได้ยินหญิงคู่ นายเพชรายุทธ มูลเฟย รางวัลเหรียญเงิน กีฬาเทเบิ้ลเทนนิส ประเภทพิการทางการเคลื่อนไหว ชายเดี่ยว TT6 นางสาว ปฐมวดี อินต๊ะนน เหรียญเงิน กีฬาเทเบิ้ลเทนนิส ประเภทพิการทางการเคลื่อนไหว หญิงเดี่ยว TT3 นายชัยธวัช แสงลาว เหรียญทองแดง กีฬาเทเบิ้ลเทนนิส ประเภทพิการ ทางการเคลื่อนไหว ชายเดี่ยว TT9 ทั้งนี้มาดามหยก บอกว่า แม้ว่านักกีฬาจะได้เหรียญ หรือบางคนอาจไม่ได้เหรียญก็ตาม ซึ่งทุกคนก็มีความพยายามฝึกซ้อม และอดทน ทั้งนี้เพื่อสร้างกำลังใจ ให้กับนักกีฬา ที่ต้องอดทนฝึกซ้อม