ตรวจประตูระบายน้ำท่าวังตาล วางแผนรับมือพายุ หลังประชาชนกังวลจะเกิดน้ำท่วมเหมือนปี 65

ชลประทานเชียงใหม่ เร่งตรวจสอบประตูระบายน้ำท่าวังตาล วางแผนรับมือพายุ หลังประชาชนกังวลจะเกิดน้ำท่วมเหมือนปี 65 พร้อมเตรียมกระสอบทรายเสริมพนังกั้นน้ำไม่ต่ำกว่า 2,000 ใบ ปรับปรุงพนังกั้นน้ำบริเวณท้ายประตูระบายน้ำสูงขึ้นกว่า 1.50 เมตร และกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำ และวัชพืชในลำน้ำปิง ป้องกันปัญหาน้ำเอ่อล้นท่วมบ้านเรือนราษฎร

วันที่ 22 ก.ค. 67 นายชนม์ฐพัฒน์ เครือศรี หัวหน้าฝ่ายจัดสรรน้ำและปรับปรุงระบบชลประทาน โครงการชลประทานเชียงใหม่ พร้อมด้วย นายศิริฉัตร บัวพุทธา หัวหน้าฝ่ายส่งน้ำและบำรุงรักษาที่ 8 โคงการชลประทานเชียงใหม่ ลงพื้นที่ตรวจสอบอาคารประตูระบายน้ำ เครื่องจักรเครื่องมือ และการบริหารจัดการน้ำ เนื่องจากศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคเหนือได้คาดการณ์ว่าจะมีพายุเข้ามาในพื้นที่ภาคเหนือ จำนวน 2 ลูก ตั้งแต่เดือนสิงหาคม – ตุลาคม จะทำให้ฝนตกหนักในพื้นที่ ประกอบกับประชาชนในพื้นที่ตำบลป่าแดด และท่าวังตาลมีความกังวลว่าจะเกิดน้ำท่วมบ้านเรือนราษฎร เหมือนกับปี 65 ที่มีพายุโนรู เข้ามาในพื้นที่ฃ

นายชนม์ฐพัฒน์ เครือศรี หัวหน้าฝ่ายจัดสรรน้ำและปรับปรุงระบบชลประทาน โครงการชลประทานเชียงใหม่ กล่าวว่า ประตูระบายน้ำป่าแดด เป็นประตูระบายน้ำในแม่น้ำปิงที่สำคัญ 1 ใน 9 แห่ง ตาม 10 มาตรการรองรับน้ำในพื้นที่ตัวเมืองเชียงใหม่ การบริหารจัดการน้ำของโครงการชลประทานเชียงใหม่ ตาม 10 มาตรการของชลประทานที่ 1 เมื่อวันที่ 21 มิ.ย. 67 ทางผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 1 มอบหมายให้รองผู้อำนวยการสำนักฯ และผู้อำนวยการส่วนบริหารจัดการน้ำและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ ตรวจสอบอาคารชลประทานที่อยู่ในลำน้ำปิงทั้งหมดตั้งแต่ประตูระบายน้ำท่าวัตาล ในตัวเมืองเชียงใหม่ ถึงประตูระบายน้ำแม่สอย ที่เป็นตัวสุดท้าย ตรวจสอบการบริหารจัดการน้ำ เครื่องมือต่างๆ ให้สามารถใช้การได้ พร้อมใช้งาน 100 เปอร์เซ็นต์ แต่มีบางส่วนที่ได้รับงบประมาณและอยู่ระหว่างการซ่อมแซม การกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำและการกำจัดวัชพืช ทางโครงการชลประทานเชียงใหม่ได้ดำเนินการที่ด้านหน้าประตูระบายน้ำท่าวังตาลไปเรียบร้อยแล้วตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2567 บางส่วนที่มีวัชพืชลอยมาก็ใช้แรงคนทำการเก็บต่อเนื่อง ปัจจุบันประตูท่าวังตาลมีความพร้อม 100 เปอร์เซ็นต์ด้านการบริหารจัดการน้ำ

การกำจัดวัชพืชที่อื่นๆ ทางโครงการชลประทานเชียงใหม่ ก็ดำเนินการจัดเก็บวัชพืชไปหมดแล้ว โดยใช้งบประมาณเป็นค่าน้ำมันในการดำเนินการกับเครื่องจักรในการจัดเก็บวัชพืช สำหรับประตูระบายน้ำท่าวังตาล มีหัวหน้าฝ่ายส่งน้ำและบำรุงรักษาที่ 8 เชียงใหม่ พร้อมเจ้าหน้าที่ทำการเฝ้าระวังเรื่องของสถานการณ์น้ำตลอด 24 ชั่วโมง ทางโครงการชลประทานเชียงใหม่ มีการแต่งตั้งคณะทำงานติดตามสถานการณ์น้ำตั้งแต่ต้นน้ำใน อ.เชียงดาว จุดวัด P.20 มาถึงจุดวัด P.1 สะพานนวรัฐ ตัวเมืองเชียงใหม่ ระยะทาง 100 กว่ากิโลเมตร การเดินทางของน้ำตั้งแต่ต้นน้ำถึงตัวเมืองเชียงใหม่ ใช้เวลากว่า 1 วัน จึงมีเวลารองรับน้ำและแจ้งเตือนภายใน 24 ชั่วโมง และมีการระบายน้ำบางส่วนเพื่อเตรียมความพร้อมในการรองรับน้ำที่จะมาถึง ซึ่งทางศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคเหนือได้มีการแจ้งเตือนในไลน์กลุ่มของผู้บริหารจังหวัดเชียงใหม่ ให้เฝ้าระวังเพราะจะมีสภาวะฝนตกหนัก และมีการติดตามปริมาณน้ำฝนในพื้นที่ตอนบนตั้งแต่อำเภอเชียงดาว แม่แตง เขื่อนแม่งัด ลำน้ำแม่ริมที่เป็นลำน้ำสาขาของลำน้ำปิง มีการติดตามอย่างต่อเนื่อง

สำหรับราษฎรในเขตพื้นที่ตำบลป่าแดด และท่าวังตาล มีความเป็นห่วงว่าจะเกิดน้ำท่วมอีกหรือไม่เหมือนในปี 65 ที่ผ่านมา ซึ่งในปี 65 ได้เกิดพายุ “โนรู” ในวันที่ 3 ตุลาคม 2565 ซึ่งทางสำนักงานชลประทานที่ 1 ได้เก็บสถิติไว้ โดยน้ำที่ไหลผ่านลำน้ำปิงตัวเลขประมาณ 500 ลบ.ม.ต่อวินาที ซึ่งน้ำที่มาจากพายุ “โนรู” วันที 3 – 4 ต.ค. 65 สูงเกินกว่าตลิ่งประมาณ 1 เมตร มีปริมาณน้ำที่วัดได้ 574 ลบ.ม.ต่อวินาที ปริมาณน้ำที่มาจะมากกว่าศักยภาพของลำน้ำปิงที่รองรับได้ถึง 74 ลบ.ม.ต่อวินาที ทำให้น้ำบางส่วนไหลเอ่อล้นพนังกั้นน้ำปิงในจุดที่เป็นฟันหลอต่างๆ ปัจจุบันทางโยธาธิการและผังเมืองได้จัดทำพนังกั้นน้ำไปบางส่วนแล้ว แต่ยังมีจุดที่ยังวิกฤติอยู่ ในช่วงที่เกิดพายุโนรู ทางจังหวัดเชียงใหม่ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้ง ปภ.เชียงใหม่ , สำนักงานชลประทานที่ 1 , เทศบาลตำบลป่าแดด , เทศบาลตำบลท่าวังตาลแจ้งเตือนให้กับประชาชนทราบ แล้วมีการวางกระสอบทราย ซึ่งหลังจากวันที่ 4 ต.ค. 65 เมื่อพายุโนรูผ่านไปแล้วแต่มีน้ำท่วมขังที่บ้านเรือนของราษฎรก็มีการติดตั้งเครื่องสูบน้ำช่วยเหลือในหลายๆ จุด ในส่วนของประตูระบายน้ำท่าวังตาลก็มีการยกประตูระบายน้ำขึ้นทั้งหมด 6 บาน จะเห็นว่าน้ำที่มาจากพายุโนรู เกินศักยภาพของลำน้ำปิง ประกอบกับบริเวณด้านท้ายประตูระบายน้ำมีระดับตลิ่งที่ต่ำกว่าด้านหน้า และเส้นทางน้ำคับแคบ ทางโครงการชลประทานเชียงใหม่ ก็มีแผนในการปรับปรุงยกระดับตลิ่งขึ้นมาประมาณ 1.50 เมตร ป้องกันแนวตลิ่งให้สูงขึ้น

ระดับตลิ่งปัจจุบันด้านหน้าประตูระบายน้ำท่าวังตาล บางจุดยังมีจุดที่เป็นฟันหลอ ยังไม่ได้มีการปรับปรุงพนังกั้นน้ำบางส่วน ก็จะได้ใช้กระสอบทรายและแผ่นไม้บางส่วนทำการปิด ส่วนด้านท้ายน้ำที่มีระตลิ่งต่ำ ทางโครงการชลประทานเชียงใหม่ก็ได้ขอเสนองบประมาณในการปรับปรุงระดับพนังให้สูงขึ้นเท่ากับระดับพนังด้านหน้า ก็จะต้องยกระดับขึ้นมาประมาณ 1.50 เมตร อยู่ในระหว่างการขอสนับสนุนงบประมาณ เมื่อดำเนินการแล้วเสร็จก็จะสามารถป้องกันน้ำที่จะเอ่อล้นเข้าไปท่วมบ้านเรือนของราษฎรในพื้นที่ได้ นอกจากนี้ก็มีการเตรียมกระสอบทรายไว้บางส่วนแล้ว เพื่อจัดทำเป็นทำนบชั่วคราว ไม่ต่ำกว่า 2,000 ใบ และจะมีการประสานเทศบาลเพื่อขอสนับสนุนในบางส่วนเพิ่มเติม และแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งพื้นที่ที่อยู่ในการควบคุมของประตูระบายน้ำท่าวังตาลมีทั้งหมด 44,000 ไร่ และมีฝาย 3 แห่ง ทั้งฝายพญาคำ ฝายหนองผึ้ง และท่าวังตาล แต่ละฝายจะมีระบบส่งน้ำและระบายน้ำ ทั้งหมดนี้น้ำบางส่วนในปี 65 ที่เกิดพายุโนรู จะเห็นว่าน้ำจะเอ่อล้นในจุดที่ต่ำที่เป็นฟันหลอเข้าท่วมบ้านเรือนของประชาชน ตอนนี้ได้สรุปบทเรียนและเสริมพนังกั้นน้ำปิงขึ้น เนื่องจากไม่สามารถขยายความกว้างของลำน้ำปิงได้ ซึ่งด้านท้ายประตูระบายน้ำท่าวังตาลมีเส้นทางน้ำคับแคบ บางช่วงมีความกว้างเพียง 65 – 70 เมตร ทำให้น้ำเอ่อล้นในจุดตลิ่งที่ต่ำ และก็มีการปรับปรุงลำเหมืองเพิ่มเติม และเมื่อเกิดเหตุการณ์น้ำหลากก็จะประสานไปยังจังหวัดลำพูน ที่เทศบาลตำบลอุโมงค์ ที่เป็นปลายน้ำ ให้มีการกำจัดวัชพืช สิ่งกีดขวางทางน้ำ และเปิดประตูระบายน้ำ เพื่อให้น้ำทั้งหมดไหลสู่แม่น้ำกวง

ทางโครงการชลประทานเชียงใหม่ เป็นตัวแทนของกรมชลประทาน ก็ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมีการติดตามสถานการณ์น้ำเป็นประจำทุกวัน สภาพอากาศ พายุ ปริมาณน้ำฝนน้ำท่าในลำน้ำปิง เมื่อเกิดเหตุการณ์ก็จะแจ้งไปยังเลขาของสำนักงานจังหวัดเชียงใหม่ คือ ปภ.เชียงใหม่ ในส่วนของจังหวัดมีการบูรณาการกันอย่างใกล้ชิด ขอให้พี่น้องประชาชนในพื้นที่ ขอให้มีความเชื่อมั่นในการปฏิบัติหน้าที่ของกรมชลประทานและจังหวัดเชียงใหม่

วัดพระธาตุดอยสะเก็ดพระอารามหลวงปลูกต้นไม้เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

วัดพระธาตุดอยสะเก็ดพระอารามหลวง ทำบุญผ้าป่าต้นไม้ และ ปลูกต้นไม้ ถวายเป็นพุทธบูชา และเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระชนมายุครบ 6 รอบ 72 พรรษา ณ วัดพระธาตุดอยสะเก็ดพระอารามหลวง

ที่วัดพระธาตุดอยสะเก็ดพระอารามหลวง นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานในพิธีทำบุญผ้าป่าต้นไม้ ถวายเป็นพุทธบูชา เนื่องในวัน อาสาฬหบูชา และวันเข้าพรรษา และ เฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระชนมายุครบ 6 รอบ 72 พรรษา โดยมี พระราชโพธิวรคุณ รองเจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ พร้อมส่วนราชการ พุทธศาสนิกชน เข้าร่วมพิธีอย่างพร้อมเพียงกัน โดยวันนี้ถือว่าเป็นวันสำคัญทางพุทธศาสนา เป็นวันอาสาฬหบูชา และวันเข้าพรรษา มีนักท่องเที่ยวมาร่วมทำบุญจำนวนมาก

หลังจากเสร็จพิธี นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อม นางกุสุมาล พงษ์สิทธิถาวร นายกเหล่ากาชาด พร้อมหัวหน้าส่วนราชการ ภาคเอกชนประชน และนักท่องเที่ยว ช่วยกันปลูกต้นไม้ บริเวณ วัดพระธาตุดอยสะเก็ดพระอารามหลวง จำนวน 2 พัน กว่าต้น สำหรับการปลูกต้นไม้ครั้งนี้เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมโครงการ ดอยสะเก็ดรุ่งเรือง เมืองดอกไม้งาม เพื่อเปลี่ยนให้ทุกพื้นที่ในอำเภอดอยสะเก็ด เป็นพื้นที่สีเขียว โดยเริ่มต้นที่วัดวัดพระธาตุดอยสะเก็ดพระอารามหลวง เป็นแห่งแรก

รมช.อรรถกร ขึ้นเหนือ ติดตามความคืบหน้าอ่างเก็บน้ำห้วยแม่ฮ่องสอน แก้ไขปัญหาขาดแคลนน้ำ

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และคณะ ติดตามความคืบหน้าอ่างเก็บน้ำห้วยแม่ฮ่องสอน บ้านพะโข่โหล่ ตำบลปางหมู อำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน  ช่วยเหลือเกษตรกรในพื้นที่ บรรเทาปัญหาขาดแคลนน้ำ

วันนี้ (19 กรกฎาคม 2567) นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และคณะ ลงพื้นที่ติดตามการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำ เพื่ออุปโภคบริโภคในเขตพื้นที่ อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน ณ อ่างเก็บน้ำห้วยแม่ฮ่องสอน บ้านพะโข่โหล่ ตำบลปางหมู อำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน โดยมี นายณัฐพล อภินันทโน หัวหน้าฝ่ายวิศวกรรม โครงการชลประทานแม่ฮ่องสอน และผู้เกี่ยวข้องร่วมลงพื้นที่และบรรยายสรุป

สำหรับอ่างเก็บน้ำห้วยแม่ฮ่องสอน เป็นอ่างเก็บน้ำขนาดกลาง มีความจุประมาณ 881,000 ลูกบาศก์เมตร สามารถส่งน้ำช่วยเหลือเกษตรกรประมาณ 2,000 ไร่ รวมถึงการผลิตน้ำประปาในพื้นที่ แต่เนื่องจากระยะเวลาที่ก่อสร้างมากว่า 30 ปี จึงทำให้เกิดปัญหาการสะสมของดินตะกอนเป็นจำนวนมาก จึงส่งผลให้การเก็บกักน้ำมีปริมาณน้อย ไม่สามารถบริหารจัดการน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ

กรมชลประทาน ได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยดำเนินการขุดลอกดินตะกอนภายในอ่างเก็บน้ำฯ เพื่อให้สามารถส่งน้ำช่วยเหลือเกษตรกรในพื้นที่ บรรเทาปัญหาขาดแคลนน้ำ อีกทั้งยังเป็นแหล่งน้ำต้นทุนเพื่อการอุปโภคบริโภคให้กับประชาชนภายในเขตเทศบาลเมืองแม่ฮ่องสอนอีกด้วย

จากนั้น นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เดินทางเยี่ยมชมการขุดลอกลำน้ำแม่ฮ่องสอน บริเวณสะพานลำน้ำแม่ฮ่องสอน และการปรับทัศนียภาพของลำน้ำให้สวยงามเป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจส่งเสริมการท่องเที่ยวได้อีกต่อไป

เชียงใหม่รณรงค์ให้ประชาชน 7 กลุ่มเสี่ยง ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ตามฤดูกาล

สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ รณรงค์ให้ประชาชน 7 กลุ่มเสี่ยง ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ตามฤดูกาล ป้องกันโรคระบาดในช่วงฤดูฝน และ ลดอัตราการป่วยหนัก ที่ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ นำโดย ดร.ทรงยศ คำชัย หัวหน้ากลุ่มงานควบคุมโรคติดต่อ ได้นำเจ้าหน้าที่ด้านการแพทย์ มาให้บริการฉีดวัคซีน ป้องกันไข้หวัดใหญ่ ประจำปี 2567 ให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ และสาธารณสุข สื่อมวลชน และ ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เพื่อป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ ตามฤดูกาล ซึ่งมักจะมีการแพร่ระบาดหนัก ในช่วงฤดูฝนของทุกๆ ปี

โดย ดร.ทรงยศ คำขัย หัวหน้ากลุ่มงานควบคุมโรคติดต่อ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ บอกว่า เมื่อเริ่มเข้าฤดูฝน ระหว่าง เดือนมิถุนายน ถึง เดือนกันยายน ของทุกปี อากาศจะมีการเปลี่ยนแปลงสูงจากสภาพอากาศที่แปรปรวน ทำให้เชื้อโรคต่างๆ เจริญเติมโตได้ดี และแพร่กระจายได้ง่ายมาก โดยเฉพาะเชื้อไวรัส และ แบคทีเรีย ซึ่งสามารถแพร่กระจาย ผ่านการสัมผัสสิ่งของที่ปนเปื้อนกับเชื้อโรค เช่น มือ หรือ เครื่องใช้ส่วนตัว สัมผัสกับน้ำมูก น้ำลายของผู้ป่วย หายใจเอาเชื้อไวรัสที่กระจายอยู่ในอากาศ จากการไอ จาม ของผู้ป่วยเข้าไป ดังนั้นเมื่อได้รับเชื้อโรค ก็จะทำให้เจ็บป่วยได้ง่าย โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง เช่น เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ และ ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง จะมีอาการรุนแรงมาก จนถึงขั้นทำให้เสียชีวิตได้ ซึ่งนอกจากโรคไข้หวัดใหญ่แล้ว ยังมีโรคที่พบได้บ่อยในช่วงฤดูฝน ได้แก่ กลุ่มโรคระบบทางเดินหายใจ กลุ่มโรคที่ติดต่อทางน้ำ และ อาหาร กลุ่มโรคที่ติดเชื้อทางบาดแผล หรือ เยื่อบุผิวหนัง กลุ่มโรคที่มียุงเป็นพาหะ โรคที่พบได้ง่ายในกลุ่มเด็กเล็ก และอาหารเป็นพิษ ซึ่งคาดว่าในปีนี้ระบาด มากกว่าปีที่ผ่านมา

โดย สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ ได้รณรงค์เชิญชวนให้ประชาชน ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ตามฤดูกาล ด้วยการฉีดวัคซีนป้องกันโรคปีละ 1 ครั้ง ในช่วงเริ่มเข้าฤดูฝน เพราะร่างกายจะสร้างภูมิคุ้มกันได้ทัน สำหรับวัคซีนที่ฉีดให้กับประชาชน โดยไม่คิดมูลค่า จะเน้นที่บุคลากรทางการแพทย์ และ ประชาชนกลุ่มเสี่ยง 7 กลุ่ม คือ 1.หญิงตั้งครรภ์ที่อายุครรภ์ 4 เดือน ขึ้นไป(เฉพาะกลุ่มหญิงตั้งครรภ์ จะมีวัคซีนบริการตลอดทั้งปี),2.เด็กอายุ 6 เดือน ถึง 2 ปี,3.ผู้ป่วยโรคเรื้อรังทุกกลุ่มอายุ(เบาหวาน ไตวาย หอบหืด ปอดอุดกั้นเรื้อรัง หัวใจ หลอดเลือดสมอง และ ผู้ป่วยมะเร็ง ที่ได้รับการรักษาด้วยเคมีบำบัด),4.ผู้ที่อายุ 65 ปี ขึ้นไป,5.ผู้พิการทางสมองช่วยเหลือตัวเองไม่ได้,6.ผู้ป่วยโรคธาลัสซีเมีย ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่องรวมถึงผู้ติดเชื้อเอชไอวีที่มีอาการ และ 7.ผู้ที่มีน้ำหนักตั้งแต่ 100 กิโลกรัม หรือ ดัชนีมวลกาย ตั้งแต่ 35 กิโลกรัมต่อตารางเมตร

ทั้งนี้ จังหวัดเชียงใหม่ จะเปิดให้บริการวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ตามฤดูกาลสำหรับประชาชน 7 กลุ่มเสี่ยง ตั้งแต่วันที่ วันนี้ ถึง วันที่ 31 สิงหาคม 2567 หรือ จนกว่าวัคซีนจะหมด โดยกลุ่มเป้าหมายสามารถสอบถาม และ จองการฉีดวัคซีนได้ที่ โรงพยาบาลตามสิทธิการรักษาพยาบาลของท่านเท่านั้น หรือ สามารถตรวจดูสถานที่ให้บริการได้จาก แอปพลิเคชั่น เป๋าตัง เมนูกระเป๋าสุขภาพ เลือกสิทธิสุขภาพดีป้องกันโรค ได้อีกช่องทางหนึ่ง หรือ สอบถามได้ที่กลุ่มงานควบคุมโรคติดต่อ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ หมายเลขโทรศัพท์ 053-211048 ต่อ 110 และ 111

ตรวจยึดยาบ้าได้กว่า 6 ล้านเม็ด พื้นที่ อ.ปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน.

หน่วยเฉพาะกิจสิงหนาท กองกำลังนเรศวรร่วมกับ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอปาย , เจ้าหน้าที่ตำรวจ.สภ.ปาย และร้อย ตำรวจตระเวนชายแดน 336 ยึดยาบ้า 6 ล้านเม็ด บริเวณ บ.น้ำปลามุง ม.9 ต.แม่นาเติง อ.ปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน.

พลเอกนฤทธิ์ ถาวรวงษ์ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดสารตั้งตั้นและเคมีภัณท์ชายแดนภาคเหนือ หรือ นบ.ยส.35 เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่ หน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดสารตั้งตั้นและเคมีภัณท์ชายแดนภาคเหนือ หรือ นบ.ยส.35 ร่วมกับหน่วยทหาร ตำรวจและฝ่ายปกครองเพิ่มมาตรการในการสกัดกั้นยาเสพติดตามแนวชานแดน โดยเฉพาะจังหวัดเชียงใหม่และเชียงราย ทำให้กลุ่มขบวนการพยายามขนยาเสพติดเข้าประเทศตามชายแดนจังหวัดแม่ฮ่องสอนและจังหวัดตาก ซึ่งที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่พยายามใช้กำลังกดดันทุกช่องทาง ประกอบกับการลงพื้นที่ติดตามการแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่แนวชายแดนอำเภอแม่สอด และอำเภอพบพระ จังหวัดตาก และ อ.ปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งเป็นอำเภอที่ถูกประกาศให้เป็นพื้นที่ที่มีความจำเป็นเร่งด่วน ในการแก้ไขปัญหายาเสพติดของรัฐบาล โดยพร้อมมอบนโยบายการปฏิบัติงานแก่เจ้าหน้าที่

ล่าสุด เมื่อ 19 ก.ค. 67 เวลา 13.00 น. หน่วยเฉพาะกิจสิงหนาท กองกำลังนเรศวร โดย กองร้อยทหารราบ ที่ 723 ร่วมกับ จนท.ฝ่ายปกครอง อ.ปาย , จนท.ตร.สภ.ปาย และร้อย ตชด.336 ร่วมกับจุดชุดลาดตระเวนเฝ้าตรวจ บริเวณ บ.น้ำปลามุง ม.9 ต.แม่นาเติง อ.ปาย จว.ม.ส. ผลการปฏิบัติ ตรวจพบ กระสอบดัดแปลง จำนวน 31 เป้ ภายในบรรจุยาบ้า รวมประมาณ 5 – 6 ล้านเม็ด

ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดสารตั้งตั้นและเคมีภัณท์ชายแดนภาคเหนือ หรือ นบ.ยส.35 กล่าวว่า ขณะนี้ทุกหน่วยได้จัดกำลังปฏิบัติการสกัดกั้นยาเสพติดตามแนวชายแดนอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะช่วงหยุดยาวที่มักจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาในพื้นที่ภาคเหนือจำนวนมาก จึงต้องเพิ่มกำลังในการสกัดกั้นเต็มรูปแบบ ตลอด 24 ชั่วโมงโดยเฉพาะด้าน อ.ปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน และ อ.แม่สอด จังหวัดตาก ซึ่งทหารและเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการตั้งจุดตรวจ จุดสกัดกั้นในพื้นที่พิเศษระหว่างแต่ละอำเภอ รวมทั้งขอความร่วมมือประชาชนในพื้นที่ได้ช่วยสอดส่องบุคคลที่เข้ามาในพื้นที่ของตนเองหากพบความผิดปกติสามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ได้

เจ้าหน้าที่รับส่งพัสดู เห็นพิรุธ 2 หนุ่มฝากส่งพัสดุ พบยาบ้าเกือบ 7 แสน เม็ด

เจ้าหน้าที่สถานประกอบการขนส่งพัสดุภัณฑ์ (แฟลชโฮม)ในพื้นที่ ต.ม่อนปิ่น อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ พบชายต้องสงสัย 2 คน นำพัสดุ 4 กล่องใหญ่ มาฝากส่งที่บริษัท มีท่าทางมีพิรุธ แจ้งตำรวจ สภา.ฝาง เข้าตรวจสอบ  สภ.ฝาง จึงร่วมกับฝ่ายปกครอง อ.ฝาง และกองกำลังผาเมือง โดย กองร้อยทหารม้าที่ 4 หน่วยเฉพาะกิจไชยานุภาพ เข้าตรวจสอบ ตรวจพบกล่องพัสดุ จำนวน 4 กล่อง ภายในบรรจุยาบ้า จำนวน 699,920 เม็ด 

เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2567 เวลา 16.00 น. กองกำลังผาเมือง โดย กองร้อยทหารม้าที่ 4 หน่วยเฉพาะกิจไชยานุภาพ ได้รับการประสานจากเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรฝาง ว่าตรวจพบ พัสดุต้องสงสัย ณ ศูนย์รับส่งพัสดุ Flash Express สาขาฝาง ตำบลเวียง อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ จึงได้จัดกำลังพล จำนวน 1 ชุดปฏิบัติการ เข้าร่วมตรวจสอบ

ผลการปฏิบัติ พบกล่องพัสดุ จำนวน 4 กล่อง ภายในบรรจุยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) รวมประมาณ 699,200 เม็ด หากยาเสพติดจำนวนนี้หลุดเข้าไปในพื้นที่ตอนในของประเทศ จะมีมูลค่าสูงถึง 104,880,000 บาท (หนึ่งร้อยสี่ล้านแปดแสนแปดหมื่นบาท) ปัจจุบันหน่วยได้นำของกลางส่ง สถานีตำรวจภูธรฝาง เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ชาวบ้านนำวัสดุรีไซเคิ่ลถวายเป็นสังฆทานรับเข้าพรรษา วัดพระนอนขอนม่วง

แปลกใหม่ไม่เหมือนใคร ชาวบ้านตำบลดอนแก้ว อ.แม่ริม หอบขยะถวายเป็นสังฆทานรับเข้าพรรษา เจ้าอาวาสวัดพระนอนขอนม่วง ต.ดอนแก้ว อ.แม่ริม นำมารีไซเคิลเปลี่ยนถุงพลาสติกไร้ค่าเปลี่ยนให้เป็นน้ำมันดีเซล กลายเป็นพลังงานหมุนเวียนนำไปใช้ในวัดและใช้เป็นเชื้อเพลิงในการฌาปนกิจ

ใกล้ถึงวันเข้าพรรษา ประชาชนเริ่มเข้าวัดทำบุญสืบสานประเพณี ที่วัดพระนอน ( ขอนม่วง ) ต.ดอนแก้ว อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ศรัทธาชาวบ้านพากันเข้าวัดถวายสังฆทาน แต่การถวายสังฆทานของชาวบ้านที่นี่แปลกใหม่ไม่เหมือนใครเพราะทั้งหมดเป็นขยะพลาสติกที่ถูกเก็บมาจากครัวเรือนและตามพื้นที่ชุมชนมาให้ทางวัดได้ใช้ประโยชน์ โดยมีพระประสิทธิ์ กิตติญาโณ เจ้าอาวาสรับสังฆทานและให้ศีลให้พรปะพรมน้ำมนต์เพื่อความเป็นสิริมงคล

โดยสังฆทานขยะทั้งหมดทางวัดจะเก็บรวบรวมนำไปผ่านกระบวนการแปรรูปเปลี่ยนพลาสติกให้เป็นน้ำมันดีเซล กลายเป็นพลังงานหมุนเวียนนำไปใช้ในวัดและใช้เป็นเชื้อเพลิงในการฌาปนกิจลดค่าใช้จ่ายให้กับญาติโยม ถือเป็นการลดปริมาณขยะล้นชุมชนและเป็นการกำจัดโดยไม่ต้องฝังกลบ ส่งผลกระทบสิ่งแวดล้อม ที่สำคัญยังเป็นการสร้างจิตสำนึกในเรื่องของสิ่งแวดล้อมให้กับคนในชุมชนไปพร้อมกัน

พระประสิทธิ์ กิตติญาโณ เจ้าอาวาสวัดพระนอน ( ขอนม่วง ) พาทีมข่าวไปดูการเปลี่ยนพลาสติกให้เป็นน้ำมัน โดยกระบวนการไม่ซับซ้อน เพียงแค่น้ำขยะพลาสติกใส่ลงไปในดังที่จะทำการเผาไหม้และในอุณหภูมิ 200-300 องศาเซลเซียส จากนั้นพลาสติกจะกลายเป็นของเหลว ส่งไอระเหยเข้าไปยังหอควบแน่นที่จะมีการคัดแยกน้ำหนักของไอระเหย กลายเป็นน้ำมันดีเซล เบนซิน น้ำมันก๊าด และ ก๊าซชีวภาพ โดยไอระเหยการหลอมพลาสติกหนึ่งครั้ง จะได้น้ำมันดีเซลร้อยละ 90 น้ำมันเบนซินประมาณร้อยละ 4 , น้ำมันก๊าดประมาณร้อยละ 4 ส่วนที่เหลืออีกประมาณ 1-2 เปอร์เซ็นต์จะกลายเป็นก๊าซชีวภาพ

ด้าน พระประสิทธิ์ บอกว่า ในแต่ละปีทางวัดมีงานบุญหลายงาน การออกโรงทานแต่ละครั้งมีขยะจากพลาสติกจำนวนมาก ทางวัดจึงมีแนวคิดในการกำจัดขยะโดยที่ไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยให้พระเณรและชาวบ้านจิตอาสาช่วยกันคัดแยกขยะพลาสติก นำไปอัดส่งขายให้กับโรงงานรับซื้อ แม้จะขายได้ราคาไม่มาก แต่เป้าหมายคือลดปริมาณขยะของวัดและชุมชน

ต่อมาได้มีตัวแทนชาวบ้านเสนอให้นำขยะมาผ่านกระบวนการเปลี่ยนให้เป็นน้ำมันดีเซล จึงมองว่าเป็นแนวคิดที่เกิดประโยชน์จึงลองศึกษาดู เมื่อเห็นว่าทำได้จริงจึงตัดสินใจสั่งซื้อเครื่องหลอมและอุปกรณ์ทั้งหมดมาจากอาจารย์พยัคฆ์ จวนตรง ที่จังหวัดเพชรบูรณ์ ซึ่งเป็นเจ้าของผลงานสิ่งประดิษฐ์ และนวัตกรรม ในงบประมาณ 20,000 บาท มาใช้ที่วัด ปรากฏว่าได้ผลดี น้ำมันที่มาจากพลาสติกทดลองแล้วว่าติดไฟได้เป็นอย่างดี โดยทางวัดได้รณรงค์ให้ชาวบ้านคัดแยกและนำขยะพลาสติกมาถวายวัด ส่วนใครจะมาถวายเป็นสังฆทานทางวัดก็ยินดี ซึ่งในตอนนี้ได้รับการตอบรับดี ประชาชนเริ่มตระหนักและพากันนำขยะพลาสติกมาให้กับทางวัด โดยเฉพาะในช่วงเข้าพรรษานี้ มีชาวบ้านทยอยนำมาถวายเป็นสังฆทานมากขึ้นเรื่อยๆ

สำหรับน้ำมันดีเซลที่ได้มา ในเบื้องต้นจะนำไปใช้ประโยชน์ภายในวัด เช่น ใช้เป็นเชื้อเพลิงกับเครื่องตัดหญ้า ใช้เป็นน้ำมันตะเกียงในงานพิธีต่างๆ รวมทั้งใช้เป็นเชื้อเพลิงในการฌาปนกิจศพซึ่งเป็นการช่วยญาติและครอบครัวผู้เสียชีวิตได้ประหยัดค่าใช้จ่ายอีกทางหนึ่ง

ขณะที่นายรณกร บวรเลิศศักดา ที่ปรึกษาในโครงการนี้ บอกว่า ขยะพลาสติกประมาณ 1 กิโลกรัม จะรีไซเคิลเป็นน้ำมันดีเซลเฉลี่ยประมาณ 0.5 ลิตร- 0.8 ลิตร ถือเป็นโครงการนำร่องวัดแรกในจังหวัดเชียงใหม่ ในการลดปริมาณขยะ หลังจากนี้จะมีการต่อยอดแนวคิดนี้ไปยังวัดอื่น ๆ ทั้งในตำบลดอนแก้วและในตำบลอื่นๆ เพื่อช่วยลดปริมาณขยะให้ได้มากที่สุด

ด้านนายนิพนธ์ สุวรรณรังสี ชาวบ้านในชุมชน กล่าวว่า แม้จะเป็นโครงการเล็ก ๆ แต่กระบวนการที่ชาวบ้านได้เห็นด้วยตาตัวเอง ทำให้ชาวบ้านเริ่มเกิดความตระหนักในเรื่องของปัญหาขยะ เมื่อก่อนจะมองว่าขยะเป็นภาระ แต่เมื่อเห็นว่ามันกลับมาสร้างประโยชน์ได้ก็เริ่มพากันเก็บและคัดแยกนำมาถวายให้วัด ที่สำคัญคือวัดที่เป็นจุดศูนย์รวมของชาวบ้านจะกลายเป็นแหล่งเรียนรู้ที่จะสร้างจิตสำนึกให้กับคนในชุมชนต่อไป

แม่โจ้ เปิดตัว Magrow Holding Company พัฒนาธุรกิจที่สอดคล้องกับย่านนวัตกรรมเกษตรและอาหาร

มหาวิทยาลัยแม่โจ้ เปิดตัว Magrow Holding Company ร่วมทุนบริษัทเอกชนพัฒนาธุรกิจนวัตกรรมที่สอดคล้องกับย่านนวัตกรรมเกษตรและอาหารแม่โจ้ ขับเคลื่อนร่วมกันทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในระบบนิเวศของมหาวิทยาลัย ขับเคลื่อนนวัตกรรมต่อยอดไปเป็นธุรกิจ และสร้างการเติบโตของสตาร์ทอัพและ SMEs

วันจันทร์ที่ 15 กรกฎาคม 2567 มหาวิทยาลัยแม่โจ้ จัดกิจกรรม Grand Opening Magrow Holding Company สร้างการมีส่วนร่วมในการพัฒนาธุรกิจนวัตกรรมที่สอดคล้องกับบทบาทของย่านนวัตกรรมเกษตรและอาหารแม่โจ้ โดยได้รับเกียรติจาก ศาสตราจารย์ ดร.ศุภชัย ปทุมนากุล รองปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) บรรยายพิเศษ University Holding company: How and Future of Innovation Driver

รวมถึงจัดให้มีกิจกรรม Magrow Talks ร่วมพูดคุยในประเด็นต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับ University Holding Company นำโดย รองศาสตราจารย์ ดร.วีระพล ทองมา อธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่โจ้, รองศาสตราจารย์ ดร.ชัยยศ สัมฤทธิ์สกุล รักษาการแทนรองอธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่โจ้ รวมถึงผู้ทรงคุณวุฒิทั้งภาครัฐและเอกชนในแวดวงธุรกิจและอุตสาหกรรม ได้แก่

คุณราเมศวร์ ศิลปพรหม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท CU Enterprise จำกัด, คุณธนารักษ์ พงษ์เภษตรา รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย, รองศาสตราจารย์ ดร.วรัญญู พูลเจริญ คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
คุณสุริยพงศ์ ทับทิมแท้ อดีตทีมเศรษฐกิจรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์และผู้บริหารบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ และ รองศาสตราจารย์ ดร.ณัฐชา ทวีแสงสกุลไทย Board member of National Innovation Agency (NIA) พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้ผู้ร่วมงานได้ถามตอบ เพื่อการมีส่วนร่วมในการพัฒนาธุรกิจนวัตกรรมที่สอดคล้องกับบทบาทของย่านนวัตกรรมเกษตรและอาหารแม่โจ้

สำหรับ University Holding Company (UHC) ของมหาวิทยาลัยแม่โจ้ ได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2562 และ
จดทะเบียนจัดตั้ง ในชื่อ MAGROW Holding เพื่อเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนได้มีส่วนร่วมในการลงทุน ตลอดจนขับเคลื่อนผลงานวิจัย องค์ความรู้และนวัตกรรมที่จะสร้างประโยชน์ให้แก่มหาวิทยาลัยและประเทศ โดยปัจจุบันมีบริษัทลูกภายใต้มหาวิทยาลัยจำนวน 2 บริษัท คือ บริษัท เฟิร์สท์ ออร์แกนิค ซีดส์ จำกัด และ บริษัท อนิ โปรดัก จำกัด โดยมหาวิทยาลัยได้มุ่งหวังว่าในอนาคตจะ เร่งสร้างนวัตกรรม เร่งการใช้และผลิตเทคโนโลยีทางด้านการเกษตร รวมคนที่มีความฝันแบบเดียวกัน
เข้ามาขับเคลื่อนร่วมกันทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในระบบนิเวศของมหาวิทยาลัย ขับเคลื่อนนวัตกรรมต่อยอดไปเป็นธุรกิจ และสร้างการเติบโตของสตาร์ทอัพและ SMEs ที่สร้างนวัตกรรมขึ้นมาให้ได้

ทั้งนี้ ปัจจัยสนับสนุนที่ช่วยให้จัดตั้ง UHC ขึ้นมาได้สำเร็จ คือความร่วมมือของบุคลากรและหน่วยงานต่าง ๆ การมีระเบียบสำนักนายกฯ การมีตัวอย่างจาก UHC อื่น ๆ ที่ประสบความสำเร็จและแบ่งปันข้อมูลมีความพร้อมของระบบนิเวศนวัตกรรม มีนักวิจัยกลุ่ม frontier และที่สำคัญคือความเข้าใจของผู้บริหารมหาวิทยาลัยต่อการจัดตั้ง UHC และมองถึงทิศทางการพัฒนาของมหาวิทยาลัยไปสู่ระดับโลก.

กิจกรรมในครั้งนี้ ได้รับความสนใจจาก นักวิชาการ นักวิจัย ภาคเอกชน เข้าร่วมงาน จำนวนกว่า 200 คน ณ ห้องอาคม กาญจนประโชติ ชั้น 4 อาคารอำนวย ยศสุข มหาวิทยาลัยแม่โจ้ จ.เชียงใหม่

หนีกบดานเชียงใหม่ ตำรวจ ปปป จับนักบัญชีโกงเงินค่าเทอมโรงเรียนอนุบาลร่วม 3 ล้าน

เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ปปป ร่วม ปปท. รวบนักบัญชี C 6 โกงเงินค่าเทอมหลักสูตร 2 ภาษา โรงเรียนอนุบาลดังในจังหวัดนครสวรรค์ ร่วม 3 ล้าน นำส่งศาลอาญาทุจริต ภาค 6 หนีหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ภาค 6 หลบหนีกบดานบ้านเอื้ออาทรเชียงใหม่

พ.ต.อ.ศานุวงษ์ คงคาอินทร์ ผกก.4 บก.ปปป. พร้อมทีมงาน ปปท.ภาค 6 และ ปปท.ส่วนกลาง นำหมายจับศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 6 เข้าจับกุมตัว นางสาวศศิธร (สงวนนามสกุล) อดีตเจ้าพนักงานการเงินและบัญชี ระดับชำนาญงาน โรงเรียนอนุบาลนครสวรรค์ โกงค่าเทอมกว่า 3 ล้านบาท โดยใช้วิธีเบิกใบเสร็จรับเงินจากฝ่ายพัสดุแล้วนำไปรับเงินค่าลงทะเบียนเรียนจากผู้ปกครองนักเรียนในโครงการห้องเรียนพิเศษสองภาษา ไปใช้เองโดยไม่นำส่งเป็นเงินรายได้ของโรงเรียน เจ้าตัวรับสารภาพ ว่าทำมาแล้วไม่ต่ำกว่า 100 ครั้ง

ด้วยผู้ต้องหาเป็นเจ้าหน้าที่บัญชีระดับชำนาญงานของโรงเรียนอนุบาลประจำจังหวัดนครสวรรค์ และเป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการเงินการบัญชีได้รับความไว้วางใจจากผู้ใหญ่ จึงใช้โอกาสนี้และตำแหน่งหน้าที่ของตนเอง โกงเงินค่าเทอมที่ผู้ปกครองนำมาชำระให้กับโรงเรียนรวมถึงค่าบำรุงการศึกษาอื่น ๆ โดยเฉพาะในหลักสูตรพิเศษสองภาษา ซึ่งจะมีค่าบำรุงการศึกษาที่มากกว่าหลักสูตรปกติแต่ไม่เกิน 17,500 บาท ต่อภาคการศึกษา ตามประกาศกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งเงินในส่วนนี้ ยังไม่ได้รวมไปถึงเงินบริจาคต่าง ๆ ที่นอกเหนือจากค่าบำรุงการศึกษาดังกล่าว ซึ่งใช้เพื่อพัฒนาการของเด็กนักเรียนให้ดียิ่งขึ้น จึงเป็นช่องทางในการกระทำความผิดของผู้ต้องหารายนี้ ให้เอาเงินไปใช้ซื้อรถ ซื้อบ้าน จนร่ำรวย อีกทั้งยังร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายอื่นของโรงเรียนกระทำความผิดในลักษณะเดียวกันนี้ จนโดนจับได้ ถูกเรียกให้มีการชี้แจงบัญชี และคืนเงินบางส่วนไปแล้วประมาณ 200,000 บาท ต่อมาหลังจากถูกให้ออกจากราชการได้หลบหนีไปอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยที่ยังไม่ได้ชดใช้เงินคืนให้ครบ หลบซ่อนประกอบอาชีพทั่วไปหารายได้ประทังชีวิต

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปปป. ได้ร่วมกันสืบสวนจนพบตัว จึงได้ทำการจับกุมในครั้งนี้ โดยกล่าวหาว่า “เป็นเจ้าพนักงานและในฐานะเจ้าหน้าที่ของรัฐ ปฏิบัติและละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตำแหน่งเจ้าหน้าที่การเงินและบัญชี โดยทุจริตและโดยมิชอบ โดยการเบิกใบเสร็จรับเงินจากฝ่ายพัสดุแล้วนำใบเสร็จรับเงินไปรับเงินจากผู้ปกครองนักเรียนในโครงการห้องเรียนพิเศษสองภาษา เมื่อผู้ถูกกล่าวหารับเงินค่าลงทะเบียนจากผู้ปกครองของนักเรียนแล้วกลับเบียดบังเงินค่าลงทะเบียนเรียนโครงการห้องเรียนพิเศษสองภาษาไว้เป็นประโยชน์ส่วนโดยไม่นำส่งเป็นเงินรายได้ของโรงเรียนอนุบาลนครสวรรค์” ก่อนส่งศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 6 ดำเนินคดีต่อไป

ด้าน พ.ต.อ.ศานุวงษ์ คงคาอินทร์ ผกก.4 บก.ปปป. เปิดเผยว่า ผู้ต้องหาได้ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา และให้ข้อมูลเพิ่มเติมถึงโรงเรียนอนุบาลจังหวัดนครสวรรค์ ซึ่งมีอัตรากำลังพลของครูประมาณ 100 คน อัตราจ้างอีกประมาณ 100 คน และเด็กประมาณ 2,000 คน นับว่าเป็นโรงเรียนดังของจังหวัดและมีขนาดใหญ่ที่ได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจเป็นอย่างสูงจากผู้ปกครอง และยังมีสมาคมผู้ปกครองที่พร้อมสนับสนุนค่าใช้จ่าย การดูแลเด็ก ๆ ด้วย แต่ก็ยังมีเหตุในลักษณะนี้ขึ้นได้ จึงขอย้ำเตือนถึงพี่น้องประชาชนทั่วไปให้ทราบถึงความเสียหายที่จะเกิดขึ้น นอกจากทางโรงเรียนจะได้รับความเสียหายในเรื่องของเงินบำรุงการศึกษาแล้ว ผู้ที่ได้รับความเสียหายอีกส่วนหนึ่งก็คือ “เด็กนักเรียน” ที่ควรจะได้รับความรู้และสวัสดิการอย่างเต็มที่ แต่กลับต้องอยู่ในระบบที่ไม่โปร่งใสและไม่สามารถตรวจสอบได้ และยังมีอีกหลากหลายประเด็นในเรื่องของค่าใช้จ่ายที่เพิ่มเติมจากค่าบำรุงการศึกษาที่อาจจะยังไม่มีการตรวจสอบอย่างชัดเจน หลังจากนี้จะได้มีการนำตัวผู้ต้องหาไปสอบปากคำเพิ่มเติมเพื่อขยายผลการกระทำความผิดกรณีอื่นๆต่อไป

จัดหางานเชียงใหม่ออกโรดโชว์ตามงานวัด สำรวจผู้สูงอายุที่ต้องการทำงาน

สำนักงานจัดหางานจังหวัดเชียงใหม่ ออกโรดโชว์ตามงานวัด ตั้งโต๊ะสำรวจผู้สูงอายุ ที่ยังต้องการทำงาน เพื่อมีรายได้ ไม่รบกวนบุตรหลาน โดยมีสถานประกอบการ หลายสิบแห่ง ที่ต้องการช่วยเหลือ นำไปทำงานตามความเหมาะสม หลากหลายอาชีพ ทั้งนี้ผู้ประกอบการ ยังสามารถนำรายได้ที่จ้างผู้สูงอายุ นำลดหย่อนภาษีประจำปี ได้ 2 เท่า

สำนักงานจัดหางานจังหวัดเชียงใหม่ ออกสำรวจกลุ่มผู้สูงอายุ ที่ไปร่วมกิจกรรมของวัด หรือชุมชน เพื่อสำรวจความต้องการของผู้สูงอายุ ที่ยังมีศักยภาพ มีสุขภาพแข็งแรง เพื่อรับสมัครทำงาน ตามความต้องการ ของสถานประกอบการ และร้านค้า ร้านสะดวกซื้อ ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้สูงอายุเป็นอย่างดี

นาย นิพนธ์ สุธัญญารักษ์ เจ้าหน้าที่จัดงานจังหวัดเชียงใหม่ บอกว่า เป็นการสำรวจความต้องการ ของผู้สูงอายุ เพื่อทำงานให้มีรายได้ มีสถานประกอบการ ที่ยังต้องการแรงงานสูงอายุ มีทั้งผลิตดอกไม้ประดิษฐ์ งานปักงานถัก ผ้าม่านผ้าปูโต๊ะ งานร้อยลูกปัด จักสานเข่งใส่ผัก และยังมีร้านสะดวกซื้อต้องการผู้สูงอายุ ทำงานจัดเรียงสินค้า ขึ้นบนชั้นวาง หรือในตู้แช่ จำนวน 50 อัตรา ค่าแรงการทำงาน แล้วแต่จะตกลงกัน ระหว่างผู้สมัคร และผู้ประกอบการ อย่างร้านสะดวกซื้อ ยังต้องการผู้สูงอายุ 60 ปี มีทั้งทำงานพาร์ทไทม์ และฟลูไทม์ แต่มีเงื่อนไข ไม่รับบุคคลที่มีรอยสักนอกร่มผ้า ซึ่งก็มีผู้สูงอายุ มาแสดงความจำนงค์ และกรอกใบสมัครไว้ก่อน จำนวนมาก เพื่อหางาน ตามความถนัดของผู้สูงอายุ เมื่อมีตำแหน่งงาน ที่ต้องการและความเหมาะสม ก็จะแจ้งให้ทราบเพื่อไปสมัครงาน ทั้งนี้ผู้ประกอบการ ที่รับผู้สูงอายุเข้าทำงาน ผู้ประกอบการสามารถ นำรายได้ ที่จ้างผู้สูงอายุ สามารถนำไปลดหย่อนภาษีประจำปีได้ 2 เท่า

อย่างไรก็ตาม ทางสำนักงานจัดหางานจังหวัดเชียงใหม่ ยังได้นำแผ่นพับ เมนูการทำอาหาร ขั้นตอนการทำ งบประมาณในการทำ อุปกรณ์หาซื้อได้ที่ไหน หลากหลายเมนู อย่างละเอียด รวมทั้งวิธีการปลูกผัก นำมาแจกให้กับประชาชนฟรี สามารถนำไปหัดทำ และทำเป็นอาชีพเสริมได้ ทั้งเมนู ทำแหนมห่อซี่โครงหมู เต้าหูทอด เผือกทอด ห่อหมกปลาช่อน ปลูกผักไฮโซ ปลูกถั่วเขียว

ขณะที่นางวรรณดี อุตมะ อายุ 74 ปี ชาวบ้านในพื้นที่ ต.ดอนแก้ว เปิดเผยว่า หลังจากที่ทราบข่าวว่าทางจัดหางานจังหวัดเชียงใหม่ ได้ออกพื้นที่สำรวจความต้องการในการทำงานตนรู้สึกดีใจที่จะมีงานทำ หากมีงานที่น่าสนใจก็จะช่วยแบ่งเบาภาระให้กับลูกหลาน นอกจากนี้ยังใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์จะได้ไม่เหงา ซึ่งปรกติตนก็รับจ้างเย็บผ้าที่บ้านอยู่แล้ว หากมีงานที่น่าสนใจสามารถทำที่บ้านได้ก็จะเป็นเรื่องที่ดีเป็นอย่างมากเลย