อบจ.เชียงใหม่ มอบ 10 ล้าน สู้ไฟป่าและฝุ่นควัน ปกป้องลมหายใจให้ห่างไกลจาก PM 2.5

องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ เดินหน้าสู้ปัญหาไฟป่า และ ฝุ่นควัน มอบงบประมาณกว่า 10 ล้านบาท ให้ใช้ในการบริหารจัดการแก้ปัญหาไฟป่า และ ฝุ่นควันของจังหวัดเชียงใหม่ ช่วยสร้างสภาพแวดล้อมที่ดี ปกป้องลมหายใจให้ห่างไกลจาก PM 2.5 ที่เกินค่ามาตรฐาน

ที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วย นายพิชัย เลิศพงศ์อดิศร นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกัน ลงนามบันทึกข้อตกลง ความร่วมมือ (MOU) เพื่อสนับสนุนงบประมาณดำเนินการควบคุมไฟป่า และ ฝุ่นควัน ซึ่งองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ ได้จัดสรรงบประมาณสิบล้านเก้าแสนเก้าหมื่นบาท ให้แก่มูลนิธิป้องกัน และ แก้ไขปัญหาไฟป่า และ ฝุ่นควัน เพื่อนำไปจัดกิจกรรม ที่เกี่ยวข้องกับ การป้องกัน และ แก้ไขปัญหาไฟป่า ในรูปแบบการส่งเสริม การมีส่วนร่วม ของประชาชนใน 727 หมู่บ้าน ซึ่งเป็นหมู่บ้าน แนวเขตเฝ้าระวังไฟป่า ใน 24 อำเภอ ของจังหวัดเชียงใหม่ อาทิ การทำแนวกันไฟ การตั้งหน่วยปฏิบัติการดับไฟป่า การออกลาดตระเวน การให้ความรู้แก่ชุมชน เพื่อป้องกันผลกระทบ ที่เกิดต่อสุขภาพ ของประชาชน

จากนั้นมีพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) การป้องกัน และ แก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และ ฝุ่นละออง จังหวัดเชียงใหม่ ระหว่าง ภาครัฐ ภาคเอกชน และ ภาคีเครือข่าย ภาคประชาชน ซึ่งมี 15 หน่วยงาน ที่แสดงเจตนารมณ์ ในการร่วมมือป้องกัน และ แก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และ ฝุ่นละออง รวมทั้งสนับสนุน แนวทางการบริหาร จัดการเชื้อเพลิง เพื่อสร้างระบบกองทุนงบประมาณ โดยชุมชนนำไปสู่ การจัดการไฟป่า และ ทรัพยากรธรรรมชาติ อย่างยั่งยืน

โดยการขับเคลื่อน มาตรการอากาศสะอาด เชียงใหม่ ปี 2568 ภายใต้แนวคิด ร่วมมือกัน เพื่อสร้างอากาศสะอาด Collaboration to create clean air ที่ประกอบด้วย 4 มาตรการ คือ การป้องกัน และ ลดการเกิดไฟป่า และ มลพิษ ที่ต้นทาง จากแหล่งกำเนิด,การลดผลกระทบต่อสุขภาพประชาชน,การบริหารจัดการ และ กลไกการทำงานร่วมกัน และ การสร้างความยั่งยืน ต่อจากนั้น ได้มีพิธีเปิด War Room ศูนย์อำนวยการป้องกัน และ แก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และ ฝุ่นละออง จังหวัดเชียงใหม่ ที่ด้านหน้า อาคารหอประชุม สภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ โดยมีการมอบเครื่องมือ อุปกรณ์ ให้กับตัวแทนเจ้าหน้าที่ ผู้ปฏิบัติงานควบคุม และ ดับไฟป่า ให้นำไปใช้งาน ด้านการอนุรักษ์ ฟื้นฟูป่า ปกป้องทรัพยากรธรรมชาติ และ สิ่งแวดล้อม ต่อไป

ปตท.มอบแก้ว MAGICAL CUP เป็นของขวัญสำหรับแจกงานเด็ก แพทยศาสตร์ มช.

ผศ. อาคม ตันตระกูล ที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิคณะแพทยศาสตร์ และ รศ.นพ.ณัฐพงศ์ โฆษชุนหนันท์ รองคณบดีคณะแพทยศาสตร์ มช. รับมอบแก้ว MAGICAL CUP จำนวน 540 ชุด เพื่อมอบเป็นของขวัญสำหรับแจกงานเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2568 ซึ่งจัดโดยคณะแพทยศาสตร์ มช.จากผู้ แทนบริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2567 ณ ร้าน Cafe Amazon สาขาคณะแพทยศาสตร์ มช.

เข้มชายแดนเหนือ ปฏิบัติงานเชิงรุกในทุกมิติก่อนหยุดยาวเทศกาลปีใหม่

หน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ชายแดนภาคเหนือ (รอง ผบ.นบ.ยส.35 ) ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานของหน่วยด้านปรามปรามยาเสพติดในพื้นที่จังหวัดตากและจังหวัดแม่ฮ่องสอน หวังปฏิบัติงานเชิงรุกในทุกมิติก่อนหยุดยาวเทศกาลปีใหม่

เมื่อ 17 ธ.ค. 67 เวลา 0900 พล.ท.สมจริง กอรี รองผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ชายแดนภาคเหนือ (รอง ผบ.นบ.ยส.35 ) เปิดเผยว่า พล.ท.กิตติพงศ์ ชื่นใจชน ผบ.นบ.ยส.35 มอบหมายให้นำคณะตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานของ หน่วยด้านปรามปรามยาเสพติดในพื้นที่จังหวัดตากและจังหวัดแม่ฮ่องสอน โดยเฉพาะ ร้อย.ร.421 หน่วยเฉพาะกิจราชมนู ที่ ท่าข้ามสินค้าที่ 28 บ้านช่องแคบ ต.ช่องแคบ อ.พบพระ จังหวัดตาก โดยมีนายสราวุธ ภักดี ผอ.ปปส. ภาค 6 ร่วมให้ข้อมูลสถานการณ์ยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ในพื้นที่

รองผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ชายแดนภาคเหนือ (รอง ผบ.นบ.ยส.35 ) กล่าวว่าจากประเด็นเส้นเขตแดนไทย – เมียนมาในพื้นที่การวางกำลังของกองกำลังว้า โดยเฉพาะด้านจังหวัดแม่ฮ่องสอน และ จังหวัดเชียงใหม่บางส่วน ทำให้พื้นที่เหล่านี้มีการเข้มงวดในเรื่องของมาตรการเฝ้าตรวจเพิ่มมากขึ้น อาจทำให้กลุ่มขบวนการลำเลียงยาเสพติดในพื้นที่ชะลอความพยายามในการลำเลียงยาเสพติดบางส่วน และมีการเปลี่ยนเส้นทางการนำเข้าไปยังด้าน อำเภอฝาง อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ , จังหวัดเชียงราย และ สปป.ลาว เพิ่มมากขึ้น

จากสถานการณ์ด้านการข่าว พบว่ายาเสพติดยังคงพักคอยอยู่ตามแนวชายแดนในปริมาณมากเช่นเดิม แต่รูปแบบการลำเลียงมีความหลากหลาย โดยเฉพาะการลำเลียงผ่านระบบขนส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์ ยานพาหนะที่มีการดัดแปลง รวมถึง การซุกซ่อนปะปนมากับสินค้าทางการเกษตร โดยเฉพาะช่วงของเทศกาลปีใหม่ที่มีวันหยุดติดต่อกันหลายวัน และมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในภาคเหนือ รวมทั้งจากการตรวจยึดเคมีภัณฑ์ควบคุมจำนวนมาก ในพื้นที่ อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก เป็นสิ่งบอกเหตุได้ชัดเจนว่ากลุ่มผู้ผลิตยังคงมีความต้องการเคมีภัณฑ์เหล่านี้ นำไปใช้ในกระบวนการผลิตยาเสพติด ทั้งนี้ที่ผ่านมา นบ.ยส.35 จึงได้ร่วมกับ ปปส. ภาค 5 และภาค 6 เพิ่มมาตรการเฝ้าตรวจและสกัดกั้นให้เข้มข้นขึ้น โดยเฉพาะการลาดตระเวนตามแนวชายแดน การตั้งจุดตรวจระหว่างอำเภอเป้าหมาย ตลอดจนการอาศัยการข่าวจากหน่วยความมั่นคง เพื่อสกัดกั้นกลุ่มขบวนการลำเลียงยาเสพติดไว้ ณ พื้นที่ชายแดนให้มากที่สุด

สำหรับผลการดำเนินงานด้านการสกัดกั้นและปราบปรามของหน่วยตั้งแต่ 1 ต.ค. 67 – 16 ธ.ค.67 มีเหตุการณ์สำคัญ 44 เหตุการณ์ เกิดการปะทะ 9 ครั้ง ตรวจยึด/จับกุม 35 ครั้ง ในพื้นที่จังหวัดเชียงราย เชียงใหม่และจังหวัดตาก จับกุมยาบ้า 47 ล้านเม็ด, ไอซ์ 2,357 กก., เฮโรอีน 140 กก., เคตามีน 802.86 กก.ผู้ต้องหา 45 คน เปรียบเทียบในห้วงเวลาเดียวกัน มียาบ้าเพิ่มขึ้น 11 ล้านเม็ด คิดเป็นร้อยละ 23.95 ไอซ์ เพิ่มขึ้น 1,593 กก.คิดเป็นร้อยละ 208.6

“ ซับน้ำตาช้างแม่แตง ” รวมพลคนรักช้างครั้งยิ่งใหญ่..ณ เฮือนสุนทรี เชียงใหม่

ศิลปินเชียงใหม่ใหญ่น้อยทั้งเชียงใหม่รวมตัวเพื่อช่วยช้างไทยที่ประสบปัญหาอุทกภัยครั้งใหญ่ 4 ตุลาคมที่ผ่านมา นำโดยตำนานโฟล์คซองคำเมืองคุณสุนทรี เวชานนท์ เจ้าของบทเพลงสาวเชียงใหม่, ล่องแม่ปิง พร้อมด้วยลูกสาวคนเก่ง ลานนา คัมมินส์อีกหนึ่งตำนานแห่งเพลงคำเมืองร่วมสมัยจากบทเพลงไว้ใจได้ก๋า, สวัสดีเจ้า ฯลฯ พร้อมด้วย สายกลาง จินดาสุ ,นายไปรษณีย์ , อ้น เกิดสุข ชนบุปผา , เก๋ ชัญญาณ์ภัช ( เก๋เก๋ โกอะราวด์ )

กิจกรรมคอนเสิร์ตการกุศล “ ซับน้ำตาช้างแม่แตง ” เกิดขึ้นจากความร่วมมือของสมาคมสหพันธ์ท่องเที่ยวแม่แตง และ คลินิกช้างปางช้างแม่แตงซึ่งได้สัมผัสกับปัญหาและรับทราบเรืองราวความเดือดร้อนของปางช้างต่างๆ ที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำแม่แตงจำนวนกว่า 15 ปางช้าง ที่ได้ประสบภัยจากน้ำท่วมใหญ่ในครั้งนี้ต่างก็ได้รับความยากลำบากทั้งช้างและคน ซึ่งต่างก็ต้องการความช่วยเหลือในการฟื้นฟูทั้งสถานที่และจิตใจ จึงได้ร่วมมือกันจัดคอนเสิร์ตการกุศล “ ซับน้ำตาช้างแม่แตง ” ในครั้งนี้ขึ้นมา

โดยคอนเสิร์ต “ ซับน้ำตาช้างแม่แตง ” ในวันพุธที่ 18 ธันวาคมนี้ ณ เฮือนสุนทรี ตั้งแต่เวลา 17.00 น. ( ห้าโมงเย็น) เป็นต้นไป จะพบกิจกรรมมากมายและสินค้าระดมทุนหลากหลายช่วยช้าง พบกับครูช้าง พงษ์ประนาฏต เพ็ชรัตนกูล ครูสอนช้างวาดรูปชื่อดังที่จะมาประจำหน้างานเพื่อวาดรูปเหมือนลายเส้น หรือการ์ตูนล้อเลียนในราคาพิเศษเพื่อคนรักช้างร่วมสมทุบกองทุนเพื่อช้าง และพบกับช้างพลายวาเลนไทน์ ช้างชื่อดังจากปางช้างดูดอย แม่แตง ภายใต้การดูแลของท่านพระครูอ๊อด พ่อพระช้างไทย พระครูสังฆรักษ์วีรวัฒน์ วีรวฑฒโน ที่จะมาวาดรูปสดๆ ร่วมกับศิลปินดังระดับชาติ อ.พรชัย ใจมา ศิลปินรางวัลศิลปาธร เพื่อประมูลหารายได้ให้กับกองทุนช่วยช้างในครั้งนี้ด้วย และพบกับพลายดัมโบ้ ช้างชื่อดังพร้อมควาญจืด และเพื่อนควาญทีมโลคอลฮีโร่ ควาญแบ็งค์ พลายน้ำแตง , ควาญแดง พลายภูพิงค์ , ควาญมืด พังวันดี มาร่วมต้อนรับแขกผู้มีเกียรติที่มาร่วมกิจกรรมคอนเสิร์ตการกุศลในครั้งนี้ด้วย

กิจกรรมรวมพลคนรักช้างครั้งยิ่งใหญ่ในครั้งนี้ สามารถจองบัตรได้ที่เพจเฟซบุ๊ก “ ปางช้างแม่แตง MaeTaeng Elephant Park ” และเพจเฟซบุ๊ก “Huan Soontaree เฮือนสุนทรี เวชานนท์ ” ในราคาบัตรที่นั่งละ 500 บาท ( ไม่รวมอาหารและเครื่องดื่ม ) โดยรายได้จากการขายบัตรไว้ทำบุญร่วมสบทบทุนช่วยช้างทุกบาททุกสตางค์ หรือถ้าหากท่านใดไม่สามารถไปร่วมชมคอนเสิร์ตและร่วมงาน “ ซับน้ำตาช้างแม่แตง “ ในครั้งนี้ได้ ก็สามารถร่วมทำบุญสนับสนุนช่วยช้างไทยในครั้งนี้ได้ที่บัญชี “ ช้อปช่วยช้าง ” โดยคุณวาสนา ทองสุข ธนาคากสิกร เลขที่บัญชี 086-3-76366-5

เชียงใหม่ตรวจเข้ม กระเช้าของขวัญช่วงเทศกาลปีใหม่

หลายหน่วยงานของจังหวัดเชียงใหม่ สร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภค บูรณาการตรวจเข้ม กระเช้าของขวัญช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 ย้ำผู้ประกอบการแสดงฉลาก และ ระบุราคาให้ชัดเจน

นายแพทย์วรัญญู จำนงประสาทพร นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ มอบหมายให้ เภสัชกรหญิงนฤมล ขันตีกุล รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานการแถลงข่าว และ ตรวจกระเช้าของขวัญปีใหม่ ประจำปี 2568 ณ ริมปิง ซุปเปอร์มาร์เก็ต สาขาเมต้ามอลล์ อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ เภสัชกรหญิงนฤมล ขันตีกุล รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่กลุ่มงานคุ้มครองผู้บริโภคและเภสัชสาธารณสุข สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่,สาธารณสุขอำเภอเมืองเชียงใหม่,สาธารณสุขอำเภอสันทราย,เทศบาลตำบลสันทรายหลวง,สำนักงานพาณิชย์จังหวัดเชียงใหม่,สำนักงานคณะอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ประจำจังหวัดเชียงใหม่,หน่วยรับรองการใช้สัญลักษณ์โภชนาการทางเลือกสุขภาพ สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล,หน่วยเคลื่อนที่เพื่อความปลอดภัยด้านอาหาร เขตสุขภาพที่ 1 ศูนย์เชียงใหม่ ร่วมแถลงข่าวการตรวจกระเช้าของขวัญปีใหม่ ประจำปี 2568 เชียงใหม่ เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับความปลอดภัยจากการบริโภคผลิตภัณฑ์สุขภาพ ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง การแสดงฉลากของอาหารจัดรวมในภาชนะ โดยกำหนดให้อาหารจัดรวมในภาชนะจะต้องมีข้อความภาษาไทยที่เห็นได้ชัดเจน อ่านง่าย และต้องมีข้อความระบุ ชื่อ ประเภท หรือ ชนิดของอาหารแต่ละรายการบรรจุ และ วัน เดือน ปีที่หมดอายุ หากฝ่าฝืนจะมีความผิด ตามพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ.2522 มาตรา 6(10)โทษตามมาตรา 51 ระวางโทษปรับไม่เกิน 30,000 บาท

เภสัชกรหญิงนฤมล ขันตีกุล รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ บอกว่า จากผลตรวจสอบกระเช้าของขวัญ ชุดของขวัญปีใหม่ ตามห้างสรรพสินค้า ซุปเปอร์มาเก็ต และ ร้านสะดวกซื้อ ในเขตพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งได้ดำเนินการตั้งแต่วันที่ 9 ถึง วันที่ 12 ธันวาคม 2567 ผลการตรวจสอบไม่พบข้อบกพร่องใดๆ เช่น ไม่พบสินค้าหมดอายุ,ไม่พบสินค้ามีตำหนิ หรือ ชำรุด,ไม่พบการจัดกระเช้ารวมเหล้าบุหรี่ และ ผู้ประกอบการมีการแสดงรายการสินค้าพร้อมราคาที่กระเช้าครบถ้วน นอกจากนี้ผู้ประกอบการยังให้ความร่วมมือ และ มีความเข้าใจในการเลือกสินค้ามาจัดลงกระเช้าเป็นอย่างดี

ทั้งนี้ ขอแนะนำให้ผู้บริโภคตรวจสอบผลิตภัณฑ์อาหารที่จะซื้อทุกครั้ง โดยจะต้องมีฉลากภาษาไทย บรรจุภัณฑ์ไม่บุบ หรือ เสียสภาพ มีเลขสารบบอาหาร และยังไม่หมดอายุ และ ผู้บริโภคควรเลือกซื้อ กระเช้าของขวัญที่แสดงสัญลักษณ์โภชนาการ ทางเลือกสุขภาพ (Healthier Choice) เพื่อลดความเสี่ยงการเป็นโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง(NCDs)จากการบริโภคอาหาร ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ลดหวาน มัน เค็ม และ ช่วยให้ผู้บริโภคทราบว่า ผลิตภัณฑ์อาหารนั้น มีปริมาณน้ำตาล ไขมัน เกลือ(โซเดียม)หรือ สารอาหารอื่นๆ อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม หากผู้บริโภคถูกเอารัดเอาเปรียบ หรือ ไม่ได้รับความเป็นธรรม จากการซื้อสินค้าหรือบริการ สามารถร้องเรียนผ่านช่องทางต่างๆ ทางแอปพลิเคชัน OCPB Connect หรือ เว็บไซต์ www.ocpb.go.th หรือ E-mail address : consumer@ocpb.go.th

สอบถามข้อมูลที่กลุ่มงานคุ้มครองผู้บริโภคและเภสัชสาธารณสุข สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ หมายเลขโทรศัพท์ 053-211048-50 ต่อ103 หรือ สายด่วน สคบ. 1166

ภาคเอกชนจับมือชาวบ้านจัดกิจกรรมคืนสมดุลให้ป่าด้วยจุลินทรีย์ พื้นที่ป่าสงวนขุนน้ำแม่กวง

GULF CMWTE สานพลังชุมชนพื้นที่ป่าสงวนขุนน้ำแม่กวง ต.ป่าป้อง อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ ปฏิบัติการ “ คืนสมดุลให้ป่าด้วยจุลินทรีย์ ” ซึ่งมีนโยบายในการพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม และได้ให้ความสำคัญต่อขบวนการของชุมชนในการแก้ปัญหาไฟป่า และ PM 2.5 ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญของพื้นที่ฯ รวมถึงการอนุรักษ์ฟื้นฟูป่าไม้ระบบนิเวศในระยะยาว

มีการจัดโครงการ “ คืนสมดุลให้ป่าด้วยจุลินทรีย์ ” ซึ่งเป็นโครงการต่อเนื่องในพื้นที่ ตำบลป่าป้อง อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ โดย บริษัทกัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จัด (มหาชน) ร่วมกับ บริษัทเชียงใหม่ เวสท์ ทู เอ็นเนอร์จี จำกัด บริหารโครงการโดย นายจิรศักดิ์ มีสัตย์ ผอ.บริหารฝ่ายชุมชนสัมพันธ์ ผู้รับผิดชอบโครงการและวิทยากร โดย ดร.กฤษณ์ พงษ์เทพิน (นักวิชาการอิสระ) ผช.ผอ.ฝ่ายชุมชนสัมพันธ์ นายพงษ์พิเชษฐ์ ไชยเวช เจ้าหน้าที่ฝ่ายชุมชนสัมพันธ์ (GULF) ร่วมกับ ผู้นำชุมชนพื้นที่ป่าสงวนขุนน้ำแม่กวง ต.ป่าป้อง อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ โดยผู้นำชุมชนและชาวบ้านจาก 3 หมู่บ้าน ได้แก่ นส.จันทร์จิรา จำปาอิน ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 บ้านป่าตึงน้อย นายเสน่ห์ ธรรมภักดี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 7 บ้านป่ายางงาม นายศุภกิจ พิลัยหล้า ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 2 บ้านป่าไม้แดง ตำบลป่าป้อง นายเสน่ห์ ธรรมภักดี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 7 บ้านป่ายางงาม อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ และ อดีตกำนัน นายอำนวย ทิพย์จักร ผู้นำอาวุโส ที่สืบทอดเรื่องของการอนุรักษ์ป่าและดูแลป่ามาจนถึงปัจจุบัน และผู้นำอาวุโสชุมชนอีกหลายท่าน

กิจกรรมในวันนี้ ต่อเนื่องจากการขยายโครงการ “คืนสมดุลให้ป่าด้วยจุลินทรีย์ “ ซึ่งมีนโยบายในการพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม และได้ให้ความสำคัญต่อขบวนการของชุมชนในการแก้ปัญหาไฟป่า และ มลภาวะอากาศ PM 2.5 ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญของพื้นที่ฯ รวมถึงการอนุรักษ์ฟื้นฟูป่าไม้ระบบนิเวศในระยะยาว จึงได้เข้ามามีส่วนร่วมกับผู้นำชุมชน ตำบลป่าป้อง อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งในช่วงดือนตุลาคม-ถึงพฤศจิกายน 2567 ที่ผ่านมา ได้มีการจัดอบรมความรู้และจัดตั้งศูนย์เรียนรู้และธนาคารจุลินทรีย์ชุมชน โดยร่วมกับ กำนันตำบลป่าป้อง อ.ดอยสะเก็ด ฯที่บ้านทุ่งยาว หมู่ 8 ฯ และ กิจกรรมในวันนี้ เป็นการขยายพื้นที่ใหม่ ร่วมกับทั้ง 3 หมู่บ้าน คือ หมู่ 1 หมู่ 2 และหมู่ 7 มาผนึกกำลังร่วมกันกับ GULF CMWTE จัดกิจกรรม เพื่อเป็นการเสริมศักยภาพการขับเคลื่อนการดูแลรักษาฟื้นฟูป่าแก้ปัญหาป่าเสื่อมโทรมของป่าไม้และไฟป่า ฯลฯ ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

โดยได้รับการส่งเสริมจาก วิทยากรจาก GULF CMWTE จัดกระบวนการร่วมกับผู้นำชุมชน (Work Shop) แลกเปลี่ยนเรียนรู้เกี่ยวกับสภาพปัญหา การดำเนินงานที่ผ่านมาและปัญหาอุปสรรคต่างๆ ทบทวนแนวทางการพัฒนาการทำงานที่จะก่อเกิดประสิทธิภาพ ต่อไป และ ได้ร่วมกันกำหนดยุทธศาสตร์และการบริหารจัดการให้เป็นระบบเป็นองค์กรชุมชน และมีแผนงานจัดตั้งเป็นเรียนรู้และธนาคารจุลินทรีย์ชุมชน ในปลายเดือนมกราคม 2567 จะจัดตั้งศูนย์เรียนรู้และธนาคารจุลินทรีย์ชุมชนร่วมกัน ซึ่งวันนี้ได้รับการอบรมเรียนรู้องค์ความรู้การการผลิตชีวภัณฑ์ต่างๆ และ การนำจุลินทรีย์ ไปใช้เป็นประโยชน์ต่อการฟื้นฟูป่า อาทิ การนำองค์ความรู้จากการวิจัยและผลงานวิชาการจากหลายสถาบันการศึกษา นำมาใช้ เช่น นำเชื้อราไมคอร์ไรซ่า และ เชื้อเห็ดป่า จุลินทรีย์ท้องถิ่น เช่น จุลินทรีย์จาวปลวก ไตรโคเดอร์มา มาใช้ฟื้นฟูดินจุลินทรีย์ในป่าและระบบนิเวศป่าไม้

การใช้จุลินทรีย์อีเอ็มผลิตปุ๋ยน้ำ ปุ๋ยหมัก อีเอ็มบอล การพัฒนาปุ๋ยจากเศษอาหาร ใบไม้ เศษพืชผลทางการเกษตรมาพัฒนาคุณสมบัติทดแทนปุ๋ยเคมี ฯลฯ และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ชีวภาพด้านการเกษตร ปุ๋ย สารไล่แมลง ชีวภาพแก้โรคพืช ต่างๆ ฯลฯ ซึ่งชุมชนจะสามารถผลิตใช้ในชุมชน และเป็นได้เอง และเป็นการพัฒนาธุรกิจชุมชน การผลิตอาหารปลอดภัย ลดรายจ่ายเพิ่มรายได้ สร้างอาชีพแก่ชุมชน ควบคู่กับการฟื้นฟูป่าไม้ ซึ่งผู้นำในที่ประชุมเห็นพ้องต้องกันว่า เป็นแนวทางที่แก้ปัญหาการทำงาน และเป็นจะเป็นโอกาสเสริมศักยภาพในการทำงานที่เป็นระบบ มีภาคเอกชนมาหนุนเสริม มีแนวทางที่เพิ่มขึ้นในการสร้างรายได้ชุมชนโดยทรัพยากรในท้องถิ่นฯและสอดคล้องกับวิถีชุมชน เป็นต้น

นอกจากนั้น มีการเตรียมแผนปฏิบัติการในช่วงเดือนนี้ไปจนถึงพฤษภาคม 2568 (หน้าแล้ง) และจะเป็นช่วงเกิดไฟป่าในทุกปี ชุมชนมีแผนร่วมกับหน่วยงานภาคราชการต่างๆ เตรียมรับมือการป้องกันไฟป่า และจะมีการเริ่มนำองค์ความรู้ด้านจุลินทรีย์ไปใช้ควบคู่กันโดยจะเริ่มเปิดพื้นที่รอบๆชุมชนก่อนเป็นพื้นที่นำร่องและโดยจะติดตามผลต่อเนื่องเป็นระบบ(วิจัยโดยชุมชน) เพื่อพัฒนาแนวทางการฟื้นฟูป่า รักษาระบบนิเวศน์ให้ดีมากยิ่งขึ้น พร้อมกับการพัฒนาองค์กรศูนย์เรียนรู้และธนาคารจุลินทรีย์ เพื่อให้เกิดพลังขับเคลื่อนที่มีประสิทธิภาพต่อไป

ตรวจสุขภาพฟรี ตลอดทั้งงาน มหกรรมสุขภาพเมืองเชียงใหม่ Health Charming 2024

เปิดแล้วงาน มหกรรมสุขภาพเมืองเชียงใหม่ Health Charming 2024 ตรวจสุขภาพฟรี ตลอดทั้งงาน ยกทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ จากศูนย์ศรีพัฒน์ฯ มาไว้ที่นี่พร้อมให้บริการ และ คำแนะนำ เพื่อสุขภาพที่ดีของชาวเชียงใหม่ วันที่ 7 ถึง วันที่ 9 ธันวาคม นี้ ที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษา จังหวัดเชียงใหม่

นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ มอบหมายให้ นายศิวะ ธมิกานนท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธาน พร้อมด้วย นายพิชัย เลิศพงศ์อดิศร นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ นางนฤมล ขันตีกุล รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ และ ผู้ช่วยศาสตราจารย์นายแพทย์ธนินนิตย์ ลีรพันธ์ ผู้อำนวยการศูนย์ศรีพัฒน์ และ ผศ.นพ.นเรนทร์ โชติรสนิรมิต ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ ร่วมกัน เปิดงานมหกรรมสุขภาพเมืองเชียงใหม่ 2567 Health Charming Chiangmai 2024 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 7 ถึง วันที่ 9 ธันวาคม 2567 ณ ศูนย์ประชุมและแสดง สินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อยกระดับคุณภาพสุขภาพที่ดี ให้กับประชาชน ในจังหวัดเชียงใหม่ และ เพิ่มช่องทางในการเข้าถึงเทคโนโลยี การบริการ และ ลดความเหลื่อมล้ำในด้านบริการทางการแพทย์ พร้อมทั้ง เป็นการสร้างความตระหนัก ให้กับประชาชน ได้สนใจในการดูแลสุขภาพ และ มีความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับ โรคอุบัติใหม่ ปัจจัยทางด้านสิ่งแวดล้อม ที่มีผลต่อ สุขภาพจนนำไปสู่การป้องกันตนเอง และ สังคม รวมถึงเป็นการกระตุ้นการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ของจังหวัดเชียงใหม่

นางนฤมล ขันตีกุล รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ บอกว่า ภายในงาน จะมีกิจกรรมต่างๆ มากมาย ทั้งบูธสุขภาพ และ บริการทางการแพทย์ แบบครบวงจร จากศูนย์ศรีพัฒน์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ บูธรองค์กรภาคีเครือข่ายสุขภาพ มากกว่า 20 บูธ การเสวนาถ่ายทอดความรู้ ด้านสุขภาพ โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เฉพาะทางหลากหลายสาขา ตลอดจนการจัดนิทรรศการ ทางการแพทย์ และ ความรู้ ด้านสุขภาพให้แก่ เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน โรงพยาบาล ส่งเสริมสุขภาพตำบล ในจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อถ่ายทอดสู่ประชาชน รวมถึงกิจกรรมตรวจสุขภาพฟรี และ กิจกรรมลุ้นรับส่วนลด หรือ ของรางวัลที่เป็นประโยชน์ ต่อการดูแลรักษาสุขภาพของประชาชน ทุกเพศ ทุกวัย อย่างเหมาะสม

ทั้งนี้ ประชาชน และ ผู้ที่สนใจสามารถเข้าร่วมงาน มหกรรมสุขภาพเมืองเชียงใหม่ 2567 Health Charming Chiangmai 2024 ระหว่างวันที่ 7 ถึง วันที่ 9 ธันวาคม 2567 ณ ศูนย์ประชุมและแสดง สินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา จังหวัดเชียงใหม่ ฟรี และ สามารถสอบถาม ข้อมูลการจัดงานฯ ได้ที่กองสาธารณสุข องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ 0-5399-8333 ต่อ 179 หรือ Facebook กองสาธารณสุข องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่
นางนฤมล ขันตีกุล รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่

นบ.ยส.35 “บริจาคโลหิตถวายเป็นพระราชกุศล 5 ธ.ค. 67”

หน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ชายแดนภาคเหนือ (นบ.ยส.35) “บริจาคโลหิตถวายเป็นพระราชกุศล วันชาติ และวันพ่อแห่งชาติ 5 ธ.ค. 67”
——————–
เมื่อ 6 ธันวาคม 2567 เวลา 0900 พล.ท.กิตติพงศ์ ชื่นใจชน ผบ.นบ.ยส.35 มอบหมายให้ พ.อ.เอกเอกวุฒิ สุขรส รอง เสธ นบ.ยส.35 นำกำลังพลจิตอาสา ร่วมกิจกรรมบริจาคโลหิต เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร วันชาติ และวันพ่อแห่งชาติ 5 ธันวาคม 2567 ณ ธนาคารเลือด รพ.นครพิงค์เชียงใหม่ อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ได้ปริมาณโลหิต 4,500 ซีซี

งานประเพณีสามเป็ง : เพ็ญเดือนสามล้านนา บูชาพระธาตุแสงจันทร์

ภาคีเครือข่ายชุมชนตำบลสุเทพ ร่วมกับหลายหน่วยงาน เตรียมจัดงานประเพณีสามเป็ง : เพ็ญเดือนสามล้านนา บูชาพระธาตุแสงจันทร์ 12-15 ธันวาคม 2567 ณ วัดพระธาตุแสงจันทร์ (ซอยวัดอุโมงค์) ศูนย์ศึกษาธรรมชาติและสัตว์ป่าเชิงดอยสุเทพ ตำบลสุเทพ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่

ภาคีเครือข่ายชุมชนตำบลสุเทพ ร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดงาน ประเพณีสามเป็ง : “เพ็ญเดือนสามล้านนา บูชาพระธาตุแสงจันทร์” ครั้งที่ 2 ภายใต้กิจกรรม“เทศกาลเพียงเจียงใหม่ Chiang Mai and nowhere else Festival 2024 ด้วยคอนเซปต์ของงาน ” แม่หญิงล้านนา บูชาศาสนา และวัฒนธรรมละครหุ่นเงา โดยคณะละครพระจันทร์พเนจร มหรสพภายใต้ประเพณีสามเป็ง เพ็ญเดือนสามล้านนา บูชาพระธาตุแสงจันทร์วันที่ 12-15 ธันวาคม 2567 ณ วัดพระธาตุแสงจันทร์ (ซอยวัดอุโมงค์) ศูนย์ศึกษาธรรมชาติและสัตว์ป่าเชิงดอยสุเทพ ตำบลสุเทพ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่

กิจกรรมภายในงานประกอบด้วย
วันที่ 12 ธันวาคม 2567 : พิธีอัญเชิญพระอุปคุต
วันที่ 13 รันวาคม 2567 : พิธีอัญเชิญพระบรมสารีริกธาดุ ฟ้อนต้อนต้อนรับพระบรมสารีริกธาตุ ตึกลองปู่จาถวายเป็นพุทรบูชา การแสดงพระธรรมเทศนา พิธีเวียนเทียนบูชาองค์พระบรมสารีกธาตุ กิจกรรมสรงน้ำพระธาตุ และการแสดงละครเงา เพียงเซียงใหม่
วันที่ 14 ธันวาคม 2567 : พิธีทำบุญตักมาตร พิธีอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุไปพระธาตุแลงจันทร์ พิธีเจริญพระพุทธมนต์สมโภชน์พระบรมสารีริกธาตุ การแสดงฟ้อนถวายเป็นพุทธบูชา การแสดงเชิงวัฒนธรรม และการแสดงละครเงาเพียงเชียงใหม่
วันที่ 15 ธันวาคม 2567 : พิธีเจริญพระพุทธมนต์ ถวายภัดดราหารเช้าแต่พระสงฆ์ในพิธี และพิธีอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุกลับสู่สำนักงานศิลปากรที่ 7

นอกจากนี้ระหว่างวันที่ 12-14 ธันวาคม กิจกรรมทำวัตรสวดมนต์ ฟังเทศน์ จุดประทีป 1,000 ดวง ถวายเป็นพุทธบูชาและเวียนเทียนรอบพระธาตุแสงจันทร์

“ชาวตำบลสุเทพขอเชิญทุกท่านมาร่วมสัมผัสกับแสงจันทร์ในคืนวันพระจันทร์เพ็ญเดือนสาม สัมผัสกับแสงไฟอันงดงามจากผางประทีปและโคมไฟ สัมผัสกับแสงธรรม ในการบูชาพระบรมสารีริกธาตุ และสัมผัสกับแสงอารยธรรมจากกลิ่นอายวัฒนธรรมล้านนาของจังหวัดเชียงใหม่”

แม่ทัพภาคที่ 3 ขับเคลื่อนปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองปี 68

แม่ทัพภาคที่ 3 ขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองปี 68 พร้อมตั้งศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองภาค 3 ส่วนหน้าที่จังหวัดเชียงใหม่

วันที่ 30 พฤศจิกายน 2567 พล.ท. กิตติพงษ์ แจ่มสุวรรณ แม่ทัพภาคที่ 3 เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่นายกรัฐมนตรีมอบนโยบายแนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่น PM 2.5 ปี 2568 ที่เน้นย้ำให้ทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องปฏิบัติงานอย่างจริงจัง เพื่อแก้ปัญหาในระยะยาว นั้น ทางกองทัพภาคที่ 3 ได้ขับเคลื่อนนโยบายดังกล่าวเพื่อเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์ไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองปี 2568 โดยจากคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี และนโยบายของ ผู้บัญชาการทหารบก กองทัพภาคที่ 3 ได้จัดตั้ง ศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองภาค 3 ที่ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 3 ค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช จังหวัดพิษณุโลก และเตรียมตั้ง ศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองภาค 3 ส่วนหน้า ที่กองพลทหารราบที่ 7 ซึ่งศูนย์อำนวยการฯส่วนหน้านี้ จะเริ่มปฏิบัติงานตั้งแต่ 1 ธันวาคม 2567 ถึง 30 เมษายน 2568 เพื่อวางแผน อำนวยการ บูรณาการหน่วยงานในพื้นที่ภาคเหนือ เพื่อเฝ้าระวัง ติดตามประเมินสถานการณ์ไฟป่าหมอกควัน และร่วมกันดับไฟป่าในพื้นที่ป่ารอยต่อระหว่างจังหวัด จนถึงเขตรอยต่อระหว่างประเทศเพื่อนบ้าน และพื้นที่เปราะบาง รวมถึงประชาสัมพันธ์และสร้างการรับรู้ผลกระทบไฟป่า เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว ประกอบกับการจัดกำลังเฝ้าระวังพื้นที่ ซึ่งมีหน่วยทหารรับผิดชอบจำนวน 15 หน่วยโดยมีการบูรณาการอากาศยานจากทุกภาคส่วน จำนวน 30 เครื่อง

แม่ทัพภาคที่ 3 กล่าวต่อว่า ในปีกองทัพภาคที่ 3 จะใช้ประโยชน์จากการฝึกตามวงรอบประจำปีโดยปรับการฝึกใช้พื้นที่เสี่ยงต่อการเกิดไฟป่า และพื้นที่เผาไหม้ซ้ำซาก เพื่อลาดตระเวนป้องปรามในพื้นที่ และใช้กลไกรองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดฝ่ายทหาร ในการประสานการปฏิบัติในพื้นที่รับผิดชอบ 17 จังหวัดภาคเหนือ ที่สำคัญจะนำจิตอาสาพระราชทาน ภาค 3 สนับสนุนช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติงาน

อย่างไรก็ตาม กองทัพภาที่ 3 ยังคงขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันข้ามแดนระหว่างประเทศผ่านทางคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค และท้องถิ่น ไทย-เมียนมา RBC และ TBC เพื่อให้การดำเนินงานเกิดประสิทธิภาพสูงสุด