ศป.ปส.อ.สันป่าตอง ขับเคลื่อนปฏิบัติการ Quick Win

ศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดอำเภอสันป่าตอง  (ศป.ปส.อ.สันป่าตอง) ขับเคลื่อนปฏิบัติการ Quick Win ตั้งจุดตรวจค้นหาผู้เกี่ยวข้องยาเสพติด พบ 1 ราย ผลตรวจฉี่เป็นลบ เจาตัวยอมเข้าสู่กระบวนการบำบัด

วันที่ 30 สิงหาคม 2567 ตั้งแต่เวลา 17.30 น. เป็นต้นไป โดยการอำนวยการของ นางวาสนา บุญธรรมช่วย นายอำเภอสันป่าตอง / ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดอำเภอสันป่าตอง ได้มอบหมายให้ นายบุญญาฤทธิ์ ใจงาม ปลัดอำเภอหัวหน้ากลุ่มงานบริหารงานปกครอง นายทินกร บุญถา ปลัดอำเภอหัวหน้าฝ่ายความมั่นคง นายเอกชัย แสนใจ ปลัดอำเภอฝ่ายบริหารงานปกครอง นางพัชรินทร์ กันทะรส เจ้าหน้าที่ปกครองชำนาญงาน นำกำลัง สมาชิก อส. อ.สันป่าตองที่ 13 บูรณาการร่วมกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สันป่าตอง ฝ่ายปกครองตำบลบ้านกลาง ปฏิบัติหน้าที่ตั้งจุดตรวจ จุดสกัดเพื่อค้นหาผู้เสพ ผู้ติดยาเสพติด เข้ารับการบำบัดรักษา ตลอดจนค้นหาผู้ค้ารายย่อยในหมู่บ้าน ชุมชน ตามโครงการเร่งรัดดำเนินงานป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติด ระยะเร่งด่วน 3 เดือน และปฏิบัติการ Quick Win

มีรายงานผลการปฏิบัติ ว่า เจ้าหน้าที่ดำเนินการสุ่มตรวจหาสารเสพติดในปัสสาวะ กลุ่มเสี่ยง จำนวน 12 ราย มีผลตรวจเป็นลบเป็นผู้มีสารเสพติดในปัสสาวะ จำนวน 1 ราย ซึ่งเจ้าตัวยินยอมเข้ารับการบำบัดรักษา เจ้าหน้าที่จึงได้ประสานโรงพยาบาลสันป่าตอง นัดหมายดำเนินการคัดกรองก่อนเข้ารับการบำบัดตามกระบวนการต่อไป

ดินโคลนสไลต์บริเวณทางลาดเชิงเขาทางขึ้นเขื่อนแม่งัด เร่งแก้ไขปัญหา

ฝนตกหนักกว่าชั้วโมง ดินโคลนสไลต์บริเวณทางลาดเชิงเขาติดถนนทางขึ้นเขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาแม่แฝก-แม่งัดสมบูรณ์ชล เร่งแก้ไขปัญหา พร้อมกำชับเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดต่อเนื่อง

วันที่ 30 สิงหาคม 2567 นายเฉลิมเกียรติ อินทกนก ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาแม่แฝก-แม่งัดสมบูรณ์ชล เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2567 เวลา 14.00 น. เกิดฝนตกหนักมากในพื้นที่เขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล ตำบลช่อแล อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ สถานีวัดน้ำฝนเขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล วัดปริมาณน้ำฝนในช่วงเวลา 14.00 – 15.00 น. ได้ 49.2 มิลลิเมตร ทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลากพัดพาหินและตะกอนดินจำนวนมากไหลตามร่องระบายน้ำลงบริเวณทางลาดเชิงเขาติดกับถนนทางขึ้นเขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล และบริเวณที่ลาดเชิงเขาบริเวณถนนทางขึ้นอาคารที่ทำการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาแม่แฝก-แม่งัดสมบูรณ์ชล เกิดดินโคลนถล่มลงมาปิดช่องทางสัญจร ทำให้ประชาชน นักท่องเที่ยว และเจ้าหน้าที่ของโครงการฯ สัญจรไม่สะดวกและเกิดความไม่ปลอดภัยในการสัญจรผ่าน

นายเฉลิมเกียรติ อินทกนก ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาแม่แฝก-แม่งัดสมบูรณ์ชล พร้อมด้วย นายธีรัตน์ พันธุประกิจ หัวหน้าฝ่ายวิศวกรรม นายวงศกร ขัดทะเสมา หัวหน้าฝ่ายช่างกล และเจ้าหน้าที่โครงการ ลงพื้นที่ติดตามและประเมินสถานการณ์ในพื้นที่ดังกล่าว พร้อมทั้งได้สั่งการให้ฝ่ายช่างกลและทีมงานรักษาบริเวณเขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล เร่งดำเนินการนำเครื่องจักรกลตักดินและรถบรรทุกเทท้าย 6 ล้อ ทำการขนย้ายดินโคลนออกจากจุดเกิดเหตุ เพื่อเปิดช่องจราจรให้สามารถใช้งานได้ตามปกติและติดตั้งแบร์ริเออร์ บริเวณแนวฐานที่ลาดเชิงเขา เพื่อเป็นแนวป้องกันการเกิดดินโคลนถล่ม หากมีฝนตกในช่วงกลางคืน ทั้งนี้ได้มีการสำรวจตรวจสอบพื้นที่ดังกล่าว ไม่พบความเสียหายที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์ครั้งนี้ อย่างไรก็ตามโครงการฯ ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ติดตามสถานการณ์และเฝ้าระวังในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง

ทดสอบประตูคลองระบายน้ำแม่แตง เสริมเครื่องมือป้องกันน้ำฝั่งตะวันตกท่วมเมืองเชียงใหม่

ทดสอบอาคารประตูระบายน้ำคลองระบายน้ำแม่แตง ใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพ เร่งระบายน้ำจากคลองแม่แตงลงสู่น้ำแม่ขาน เสริมเครื่องมือป้องกันน้ำฝั่งตะวันตกท่วมเมืองเชียงใหม่

วันที่ 30 ส.ค. 67 นายเกื้อกูล มานะสัมพันธ์สกุล ผู้อำนวยการโครงการชลประทานเชียงใหม่ พร้อมด้วย นายวิสูตร จันทร์เขียว หัวหน้าฝ่ายช่างกล โครงการชลประทานเชียงใหม่ ได้ตรวจสอบอาคารควบคุมบานประตูระบายน้ำคลองระบายน้ำแม่แตง บริเวณปลายคลองที่ลงสู่น้ำแม่ขาน ซึ่งได้มีการทดสอบเปิดบานประตูระบายน้ำ

นายเกื้อกูล มานะสัมพันธ์สกุล ผู้อำนวยการโครงการชลประทานเชียงใหม่ กล่าวว่า ทางสำนักงานก่อสร้างชลประทานขนาดใหญ่ที่ 1 และโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาแม่แตง ได้ทำการก่อสร้างคลองส่งน้ำส่วนต่อจากคลองแม่แตงพร้อมด้วยอาคารควบคุม บานประตูระบายน้ำ ซึ่งเชื่อมต่อจากคลองแม่แตง งานก่อสร้างเสร็จสิ้นแล้ว โดยได้มีการเปิดทดสอบระบบ ในวันนี้จึงได้เดินทางมาดูการระบายน้ำที่ปลายคลองส่งน้ำสายใหญ่แม่แตง ที่จะรองรับน้ำหลากในพื้นที่ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำปิง ที่จะลงสู่น้ำแม่ขาน ปัจจุบันน้ำในลำน้ำแม่ขานยังมีน้อยและมีศักยภาพในการช่วยระบายน้ำในเขตพื้นที่ตัวเมืองเชียงใหม่ มาลงสู่ลำน้ำแม่ขาน และลงไปสู่แม่น้ำปิง

สำหรับคลองส่งน้ำส่วนต่อคลองแม่แตง ระยะ 2 +600 กิโลเมตร พร้อมด้วยอาคารชลประทานในคลอง มีศักยภาพสามารถรองรับปริมาณน้ำได้ประมาณ 50 ลบ.ม.ต่อวินาที และยังสามารถช่วยในเรื่องของการป้องกันอุทกภัยในเขตเมืองเชียงใหม่ ตลอดจนในช่วงฤดูแล้งก็สามารถเก็บน้ำไว้ให้กับประชาชน และเกษตรกรในเขตพื้นที่อำเภอแม่วาง สันป่าตอง และพื้นที่ด้านท้ายก็มีฝายทดน้ำต่างๆ ที่จะสามารถนำน้ำไปใช้เพื่อการเกษตรของพื้นที่โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาแม่แตง อาคารต่างๆ ที่ก่อสร้างแล้วเสร็จและได้มีการทดสอบการใช้งาน ปัจจุบันสามารถใช้งานได้ดี และเป็นอีกส่วนหนึ่งของทีมเชียงใหม่ในการดูแลเรื่องการบริหารจัดการน้ำหลากที่จะมาจากฝั่งตะวันตกของเมืองเชียงใหม่ได้ โดยการบริหารจัดการน้ำในคลองส่วนต่อจะคำนึงถึงผลกระทบด้านท้ายที่ระบายน้ำลงไปเป็นสำคัญ ด้วยอาคารต่างๆ ที่ก่อสร้างไว้ในคลองมีศักยภาพเพียงพอที่จะไม่สร้างผลกระทบต่อพื้นที่ท้ายคลอง กล่าวคือ หากปริมาณน้ำขานอยู่ในระดับที่สูงคลองก็จะปิดสนิทไม่นำน้ำไปเติมแม่น้ำขานเพิ่มอีก

เมืองโบราณเวียงลอได้รับผลกระทบ น้ำฝนซึมเข้าองค์พระธาตุเจดีย์วัดหนองห้า

พะเยาฝนตกหนัก เมืองโบราณเวียงลอได้รับผลกระทบ น้ำฝนซึมเข้าองค์พระธาตุเจดีย์วัดหนองห้าอย่างมาก ผนังก่ออิฐฐานเรือนธาตุทรุดพังทลาย ศิลปากรที่ 7 เร่งแก้ไข

จากเหตุการณ์ฝนตกหนักและต่อเนื่องกันมาหลายวันในพื้นที่อำเภอจุน จังหวัดพะเยา ซึ่งเป็นที่ตั้งของเมืองโบราณเวียงลอ แหล่งโบราณสถานที่สำคัญแห่งหนึ่งในลุ่มแม่น้ำอิง โดยปริมาณน้ำอิงได้ไหลเข้าท่วมพื้นที่โบราณสถานเวียงลอหลายแห่งที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ลุ่มน้ำ

วันที่ 28 สิงหาคม 2567 ช่วงเวลา 09.00 – 12.00 น. จากการที่มีปริมาณน้ำฝนสะสมจำนวนมาก น้ำฝนได้ไหลซึมเข้าสู่ภายในโครงสร้างของโบราณสถาน พระธาตุเจดีย์วัดหนองห้า ซึ่งตั้งอยู่บริเวณเชิงเขาเขตอรัญวาสีของโบราณสถานเวียงลอ ที่ได้รับการบูรณะไปเมื่อปี พ.ศ. 2539 ทำให้ผนังก่ออิฐบริเวณฐานเรือนธาตุด้านทิศเหนือของโบราณสถาน เกิดการทรุดตัวและพังทลายลงมา

ในการนี้สำนักศิลปากรที่ 7 เชียงใหม่ ได้เร่งเข้าดำเนินการตรวจสอบความเสียหายและจัดทำค้ำยันโบราณสถานชั่วคราว เพื่อเสริมความมั่นคงและป้องกันความเสียหายอันที่อาจจะเกิดเพิ่มขึ้น ให้กับโบราณสถานแห่งนี้ โดยหลังจากนี้สำนักฯ จะดำเนินการบูรณะเสริมความมั่นคง ให้กับโบราณสถานแห่งนี้ต่อไป

.

Cr. : สำนักศิลปากรที่ 7 เชียงใหม่

รพ.มะเร็งลำปาง จัดประชุมวิชาการครบรอบ 25 ปี ยกระดับการดูแล โรคมะเร็ง

โรงพยาบาลมะเร็งลำปาง จัดประชุมวิชาการครบรอบ 25 ปี ยกระดับการดูแล โรคมะเร็ง ด้วยนวัตกรรม และเทคโนโลยีทางการแพทย์ เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้ ด้านโรคมะเร็งที่ทันสมัย ให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ และสาธารณสุข สนับสนุนให้นักวิชาการ และผู้ปฏิบัติงานในหน่วยงานต่างๆ ได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ด้านวิชาการโรคมะเร็ง รวมทั้งสร้างความร่วมมือ ในการดูแลรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็ง กับเขตสุขภาพ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนา ความก้าวหน้าทางวิชาชีพ

แพทย์หญิง อัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมการแพทย์ พร้อมด้วย นายพิพัฒน์ คูประเสริฐยิ่ง นายแพทย์ชำนาญการพิเศษ ด้านเวชกรรม สาขาอายุรกรรม รักษาการในตำแหน่ง ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมะเร็งลำปาง ร่วมเปิดประชุมวิชาการครบรอบ 25 ปี โรงพยาบาลมะเร็งลำปาง ยกระดับการดูแลโรคมะเร็งด้วยนวัตกรรม และเทคโนโลยีทางการแพทย์(Advanceed Cancer Care Through Medical Innovation & Technology)ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที 29 ถึง วันที่ 30 สิงหาคม 2567 ที่ศูนย์การประชุมนานาชาติ โรงแรมดิเอ็มเพรส อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีแพทย์ พยาบาล เภสัชกร และบุคลากรทางการแพทย์ ในเขตสุขภาพที่ 1 และ 2 โรงพยาบาลมะเร็งภูมิภาค โรงพยาบาลสังกัดกรมการแพทย์ และโรงพยาบาลสังกัดมหาวิทยาลัย เข้าร่วมกิจกรรม

ทั้งนี้ เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้ ด้านโรคมะเร็งที่ทันสมัย ให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ และสาธารณสุข สนับสนุนให้นักวิชาการ และผู้ปฏิบัติงานในหน่วยงานต่างๆ ได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ด้านวิชาการโรคมะเร็ง รวมทั้งสร้างความร่วมมือ ในการดูแลรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็ง กับเขตสุขภาพ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนา ความก้าวหน้าทางวิชาชีพ

อธิบดีกรมการแพทย์ บอกว่า โรคมะเร็ง เป็นปัญหาสาธารณสุข อันดับ 1 ของประเทศไทย กรมการแพทย์ โดยสถาบันมะเร็งแห่งชาติ และโรงพยาบาลมะเร็งในภูมิภาค 7 แห่ง หรือ ที่เรียกว่ากลุ่มมะเร็ง 7+1 ได้วางแนวทาง เพื่อแก้ปัญหาโรคมะเร็ง อย่างเป็นระบบ ตามแผนยุทธศาสตร์การป้องกัน และควบคุมโรคมะเร็งระดับชาติ(National Cancer Control Program:NCCP)อันเป็นความร่วมมือของทุกเครือข่าย ทั้งภาครัฐ และเอกชนร่วมกัน ดำเนินการจัดทำแผนชาติขึ้น โดยมุ่งเน้นการเข้าถึงการบริการ ด้านโรคมะเร็งอย่างครบวงจร ครอบคลุมทั้งการส่งเสริม ป้องกัน คัดกรอง วินิจฉัย รักษาโรคมะเร็ง ซึ่งในเขตสุขภาพที่ 1 และ 2 นี้ โรงพยาบาลมะเร็งลำปาง ได้บูรณาการงาน ด้านโรคมะเร็ง และสร้างความร่วมมือระหว่าง เครือข่ายสุขภาพดำเนินงานร่วมกันอย่างดีมาตลอด

ที่ผ่านมาโรงพยาบาลมะเร็งลำปาง ได้ขับเคลื่อนทั้งการป้องกันโรคมะเร็ง เช่นการให้วัคซีน HPV vaccine for Non-School Based ตามนโยบายกระทรวงสาธารณสุข รณรงค์เพิ่มความรู้ ในการป้องกันโรคมะเร็งปอด เนื่องจากมะเร็งปอดในภาคเหนือ ยังคงเป็นปัญหาสุขภาพที่ต้องเฝ้าระวัง โดยเฉพาะในช่วงที่มีปัญหามลพิษจากหมอกควัน ซึ่งส่งผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจ ของประชาชนในภาคเหนือ การให้บริการรักษาโรคมะเร็ง ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว เพื่อให้ผู้ป่วยมะเร็งเข้าถึงการรักษาโรคมะเร็งทุกที่ สะดวก รวดเร็ว ไม่ต้องรอคิวนาน โดยผู้ที่มีสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สิทธิบัตรทอง) หรือ บัตร 30 บาท ซึ่งได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคมะเร็งแล้ว สามารถเข้ารับบริการรักษาโรคมะเร็งได้ ไม่ต้องใช้ในส่งตัว สามารถยื่นบัตรประจำตัวประชาชนสมาร์ทการ์ด เพื่อแสดงตัวตนใช้สิทธิบัตรทอง ก่อนรับบริการทุกครั้ง ซึ่งโรงพยาบาลมะเร็งลำปาง ได้เริ่มให้บริการตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2567 เป็นต้นมา

ขณะนี้ด้วยความเป็นสังคมผู้สูงอายุ แล้วก็ด้วยวิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ก้าวหน้าขึ้นเรื่อย ๆ เราสามารถสู้กับโรคต่าง ๆ จนกระทั่งยืดอายุผู้คนได้ยาวนาน หนึ่งในโรคที่จะสู้ได้ก็รวมถึงโรคมะเร็ง แต่ถึงแม้จะสู้ได้แต่สุดท้าย มันก็ยังมีมากขึ้น มากขึ้นเรื่อย ๆ ในแง่ของกระบวนการรักษา ดังนั้นจึงไม่ต้องแปลกใจที่ขณะนี้ โรคมะเร็ง ก็เป็นโรคที่คร่าชีวิตผู้คน คนไทย เป็นอันดับ 1 เมื่อเทียบกับทุก ๆ โรค

สำหรับ นวัตกรรมที่มีการนำเสนอ ในการประชุมวิชาการครั้งนี้ ที่โดดเด่นคือ การผ่าตัดรักษาโรคมะเร็ง ด้วยหุ่นยนต์ และรูปแบบการผ่าตัด ที่มีผลกระทบกระเทือน ต่อเนื้อเยื่อต่างๆ น้อยที่สุด เป็นลักษณะของการเจาะรูเล็กๆ แต่ว่ามีการผ่าตัดที่แม่นยำ และเที่ยงตรงมากขึ้น

เภสัชกรหญิง มช. ผู้คิดค้นผลิตภัณฑ์แก้ผมร่วง เตือนภัยผู้บริโภคหลังถูกมิจฉาชีพแอบอ้าง

นักวิจัย ประจำภาควิชา วิทยาศาสตร์เภสัชกรรม คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ผู้ค้นพบและพัฒนาสารสกัดชนิดใหม่ของโลกจากข้าวพันธุ์พื้นเมืองภาคเหนือช่วยยับยั้งการหลุดร่วงของเส้นผมและช่วยงอกใหม่ ประสิทธิภาพสูง80% เห็นผลภายใน3เดือน เตือนภัยผู้บริโภค หลังพบมิจฉาชีพสวมรอยแอบอ้างงานวิจัยหลอกขายผลิตภัณฑ์ผ่านช่องทางออนไลน์

ตามที่รองศาสตราจารย์ ดร.เภสัชกรหญิง วรินทร รักษ์ศิริวณิช อาจารย์ประจำภาควิชา วิทยาศาสตร์เภสัชกรรม คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้ศึกษาวิจัยค้นพบสารที่สกัดได้จากข้าวสายพันธุ์พื้นเมืองของภาคเหนือ ผสมผสานกับสารสกัดจากสมุนไพรไทยอีกหลายชนิดที่มีงานวิจัยรองรับ ผ่านกระบวนการนวัตกรรมและเทคโนโลยีระดับโลก จนกระทั่งได้ออกมาเป็นสารออกฤทธิ์ชนิดใหม่ของโลกที่ชื่อ Hair Rise Complex ที่มีประสิทธิภาพดีเยี่ยมในการป้องกันการหลุดร่วงของเส้นผมและกระตุ้นการงอกใหม่ของเส้นผม ซึ่ง มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้จดอนุสิทธิบัตรสูตรสารออกฤทธิ์ Hair Rise Complex ไว้แล้ว และพัฒนาต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์ ที่มีคุณภาพ และประสิทธิภาพไม่ด้อยไปกว่า ยารักษาผมร่วงจากต่างประเทศ โดยที่มีราคาถูกกว่า และที่สำคัญปลอดภัยกว่า เนื่องจากเป็นสารสกัดจากธรรมชาติ ปราศจากสารเคมีที่เป็นอันตราย ซึ่งผลิตภัณฑ์ที่มีการผลิตออกจำหน่ายนั้น ได้รับความนิยมอย่างสูงจากผู้บริโภค

ล่าสุด รองศาสตราจารย์ ดร.เภสัชกรหญิง วรินทร บอกว่า ขณะนี้งานวิจัยดังกล่าวของตัวเอง ซึ่งทางมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้จดอนุสิทธิบัตรสูตรสารออกฤทธิ์ Hair Rise Complex ไว้แล้ว ได้ถูกกลุ่มมิจฉาชีพ แอบอ้างไปทำการจำหน่ายผลิต ภัณฑ์ป้องกันผมร่วงและกระตุ้นการงอกใหม่ ของเส้นผมผ่านทางช่องทางออนไลน์ โดยมีการนำภาพ และ คลิปข่าวที่เคยเผยแพร่เกี่ยวกับ ความสำเร็จของงานวิจัย ไปตัดแต่งต่อเติม แล้วโฆษณาขาย ผ่านทางโซเชียลมีเดีย รวมทั้งมีการจัดโปรโมชั่นลดราคา และแจกของแถมด้วยเพื่อจูงใจ จนทำให้ผู้บริโภคจำนวนมากที่เข้าใจผิดคิดว่า เป็นผลิตภัณฑ์ของแท้จากงานวิจัย และหลงเชื่อทำการสั่งซื้อ

ทั้งนี้เมื่อผู้บริโภคได้รับผลิตภัณฑ์แล้ว กลับพบว่าไม่ใช่ผลิตภัณฑ์ของ Hair Rise Complex อย่างที่ต้องการ แต่เป็นผลิตภัณฑ์จากต่างประเทศที่ไม่มีเอกสาร กำกับการใช้ หรือรับรองมาตรฐานใดๆ จึงไม่กล้าใช้ ซึ่งสร้างความเสียหายให้กับผู้บริโภค ที่หลงเชื่อสั่งซื้อเป็นอย่างมาก ตลอดจนสร้างความเสื่อมเสีย ให้กับตัวเองในฐานะเจ้าของผลงานวิจัยด้วย

โดย รองศาสตราจารย์ ดร.เภสัชกรหญิง วรินทร บอกว่า ที่ผ่านมา มีผู้เสียหายเป็นจำนวนมาก ที่หลงเชื่อตกเป็นเหยื่อ ได้ติดต่อสอบถามมาที่ตัวเอง เบื้องต้นรวมแล้วนับร้อยราย ซึ่งได้ยืนยันกลับไป พร้อมให้ข้อมูลรายละเอียดว่า ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวนั้นไม่ได้เป็นของ Hair Rise Complex และไม่ได้มีความเกี่ยวข้องใดๆ กันทั้งสิ้น แต่เป็นการแอบอ้างชื่อนำไปใช้ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ รวมทั้งแนะนำว่าไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์ ที่มีการแอบอ้างงานวิจัย เพื่อความปลอดภัย เพราะไม่ทราบแน่ชัดว่ามีส่วนผสม หรือ สารก่ออันตราย หรือ ไม่

ทั้งนี้ ที่ผ่านมาตัวเองได้รวบรวมหลักฐานต่างๆ เข้าแจ้งความที่สถานีตำรวจแล้วหลายครั้ง เพื่อให้ช่วยสืบสวนสอบสวน ติดตามตัวมิจฉาชีพที่ก่อเหตุ มาดำเนินคดีตามกฎหมาย อย่างไรก็ตามปรากฏว่าจนถึงปัจจุบัน ยังไม่สามารถดำเนินการใดๆ กับมิจฉาชีพได้ และยังคงมีผู้เสียหายรายใหม่ๆ เพิ่มขึ้นจากต่อเนื่อง โดยพบว่ามิจฉาชีพ ใช้วิธีการเปลี่ยนบัญชีโซเชียลมีเดีย ด้วยการเปิดบัญชีใหม่ไปเรื่อยๆ เพื่อหาเหยื่อรายใหม่ ดังนั้นตัวเองในฐานะเจ้าของงานวิจัย จึงอยากออกมาเตือนภัยผู้บริโภคเพื่อไม่ให้หลงเชื่อ และตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพมากไปกว่านี้ โดยแนะนำว่าหากต้องการผลิตภัณฑ์ Hair Rise Complex ของแท้ ให้สั่งซื้อได้โดยตรงทาง www.hairrisethailand.com หรือ เพจเฟซบุ๊ก Hair Rise งานวิจัย รศ.ดร.ภญ.วรินทร เภสัช มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ แก้ปัญหาเรื่องผม ราคาไม่แพง

เขื่อนแม่งัดยังเก็บน้ำได้อีกเยอะ หากฝนเป็นตามคาดการณ์ แม่งัดรับพายุได้อีก 2 ลูก

“ผอ.เขื่อนแม่งัดฯ” ยัน เขื่อนยังเก็บน้ำได้อีกเยอะ หากฝนเป็นตามคาดการณ์ แม่งัดรับพายุได้อีก 2 ลูก วางแผนระบายหากวิกฤติไว้แล้ว ช่วงนี้ระบายผ่านโรงผลิตไฟฟ้าแม่งัดในอัตรา 12-24 ลบ.ม.ต่อวินาที จนกว่าอยู่ในเกณฑ์ควบคุม ชี้สิ้นฝน 2566 น้ำในเขื่อนมี 108% ขณะนี้ยังมีช่องว่างให้เก็บน้ำอีกกว่าว 75 ล้าน ลบ.ม.

วันที่ 26 สิงหาคม 2567 นายเฉลิมเกียรติ อินทกนก ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาแม่แฝก-แม่งัดสมบูรณ์ชล (ผคบ.แม่แฝก-แม่งัดฯ) แจงถึงสถานการณ์น้ำและการบริหารจัดการน้ำของเขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชลช่วงฤดูฝน 2567 ว่า น้ำในอ่างเก็บน้ำเชื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล ณ คงเหลือพื้นที่กักเก็บได้อีกราว 53 ล้าน ลบ.ม คิดเป็น 20% จึงจะเต็มความจุ (ที่ 265 ล้าน บ.ม) ในกรณีวิกฤติมีฝนเยอะและไม่สามารถปล่อยน้ำมาเพิ่มปริมาณให้แม่น้ำปิงได้ เขื่อนแม่งัดฯ ยังสามารถเก็บน้ำเกินกว่าความจุเพิ่มได้อีก 28 ล้าน ลบ.ม ซึ่งจะเก็บได้ราว 293 ล้าน ลบ.ม หรือเท่ากับ 110.5% หากเป็นไปตามคาดการณ์ฝนของกรมอุตุนิยมวิทยาถึงช่วงต้นเดือนตุลาคมหากเกิดสถานการณ์ฝนตกหนักหรือเกิดพายุปริมาณน้ำก็ยังไม่เต็มเขื่อน ปริมาณน้ำที่มีอยู่ขณะนี้เขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชลสามารถรับมือพายุได้ 1-2 ลูก

“หากเกิดกรณีเขื่อนวิกฤตจริงๆ ยังมีแผนการระบายน้ำเพื่อรักษาสมดุลของน้ำในเขื่อน ซึ่งได้ขออนุมัติในหลักการการระบายน้ำให้สำนักงานชลประทานที่ 1 ซึ่งได้รับอนุมัติแล้ว โดยระบายน้ำผ่านโรงผลิตไฟฟ้าเขื่อนแม่งัดในอัตราการไหล 12-24 ลบ.ม.ต่อวินาที เริ่มระบายตั้งแต่วันที่ 22 สิงหาคม 2567 ที่ผ่านมา จนกว่าสถานการณ์น้ำจะอยู่ในเกณฑ์ควบคุมตอนบน (Upper Rule Curve) ของโค้งปฏิบัติการอ่างเก็บน้ำ เพื่อรักษาปริาณน้ำในเขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชลให้อยู่ในเกณฑ์ควบคุมตอนบน ในช่วงฤดูนปี 2567 โดยการระบายน้ำโครงการจะใช้ข้อมูลสถานีวัดน้ำ P.20 (อ.เชียงดาว) สถานีวัด P.75 (บ้านช่อแล อ.แม่แตง) และสถานวัดน้ำ P.103 (สะพานข้ามน้ำปิงถนนวงแหวนรอบ 3) ประกอบในการพิจารณาและการระบายน้ำจะไม่มีผลกระทบต่อพื้นที่ด้านท้ายน้ำ พร้อมแจ้งเตือนให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับทราบและช่วยประชาสัมพันธ์ให้ทราบโดยทั่วกัน และได้ขอให้สำนักงานชลประทานที่ 1 แจ้งโครงการชลประทานเชียงใหม่ และโครงการชลประทานลำพูน ที่มีอาคารชลประทานในลำน้ำปิงที่อยู่ในความรับผิดชอบเพื่อดำเนินการเตรียมความพร้อมในการบริหารจัดการน้ำเพื่อรองรับการระบายน้ำจากเขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล” ผคบ.แม่แฝก-แม่งัดฯ กล่าวา

นายเฉลิมเกียรติฯ กล่าวต่อว่า ปีที่แล้วเขื่อนแม่งัดฯ เก็บน้ำเมื่อสิ้นสุดฤดูฝนได้ราว 287 ล้าน ลบ.ม หรือเท่ากับ 108% ปริมาณน้ำปัจจุบันยังขึ้นไม่ถึงระดับเมื่อปีที่แล้ว คงเหลืออีกประมาณ 5 เมตร หรือคิดเป็นปริมาณน้ำ 75 ล้าน ลบ.ม. ซึ่งการกักเก็บน้ำให้ได้ปริมาณมามากที่สุดเท่าที่จะทำได้ก็เพื่อใช้ในฤดูแล้งซึ่งเขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชลส่งน้ำสนับสนุนทั้งในพื้นที่ชลประทานของโครงการฯ และยังส่งน้ำสนับสนุนภารกิจต่างๆ ของจังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดลำพูนด้วย

“ขณะนี้ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ของโครงการฯ เฝ้าติดตามสถานการณ์ในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง หากเกิดเหตุพร้อมให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ทันที อีกทั้งยังให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติตามข้อสั่งการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร อธิบดีชลประทาน และ 10 มาตรการรับมือฤดูฝน ปี 2567 ที่กองอำนวยการน้ำแห่งชาติเห็นชอบ” นายเฉลิมเกียรติ อินทกนก ผคบ.แม่แฝก-แม่งัดฯ กล่าว

น้ำแตงหลากท่วมทางเข้าหมู่บ้านพื้นที่ อ.เวียงแหง เริ่มเข้าสู่สภาวะปกติ

น้ำแตงหลากท่วมทางเข้าหมู่บ้านพื้นที่ อ.เวียงแหง เริ่มเข้าสู่สภาวะปกติ หลายจุดสามารถสัญจรได้ตามปกติ นายอำเภอลงตรวจสั่งการเฝ้าระวัง เร่งให้ความช่วยเหลือ

วันที่ 25 สิงหาคม 2567 นายขวัญชัย เนื่องจำนงค์ นายอำเภอเวียงแหง ลงพื้นที่ตรวจสอบสถานการณ์น้ำในพื้นที่อำเภอเวียงแหง พบว่า เมื่อเวลา 14.00 น. ระดับน้ำในลำน้ำแตงได้ลดลง เส้นทางเข้าหมู่บ้านในหลายจุดสามารถสัญจรได้ตามปกติ

นายอำเภอเวียงแหงยังคงกำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมความพร้อม เฝ้าระวัง และติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด รวมถึงการให้ความช่วยเหลือประชาชนอย่างทันท่วงทีเมื่อเกิดสาธารณภัยจากฝนตกหนักและต่อเนื่องในพื้นที่อำเภอเวียงแหง

แม่อาย วางแนวทางเร่งระบายน้ำ ออกลำเหมืองผ่านพื้นที่เอกชนส่งลงน้ำฝาง

อำเภอแม่อาย วางแนวทาเร่งระบายน้ำ ออกลำเหมืองพื้นที่ระหว่าง ต.สันต้นหมื้อ-ต.แม่นาวาง ประสานระบายผ่านพื้นที่เอกชนส่งลงน้ำฝาง ส่วนจุดทรุดตัวเตรียมนำกระสอบทรายถมปิด ระยะยาววางแผนขุดลอกบริเวณที่แคบ

วันที่ 25 สิงหาคม 2567 เวลา 09.30 น. นางสลีลญา คำภาแก้ว นายอำเภอแม่อาย/ผู้อำนวยการกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยอำเภอแม่อาย มอบหมายให้ นายสมภพ หน่อแก้ว ปลัดอำเภอหัวหน้าฝ่ายความมั่นคง นำสมาชิกกองร้อยอาสารักษาดินแดนอำเภอแม่อายที่ 5 ร่วมกับ อบต.แม่นาวาง ผู้ใหญ่บ้าน ม.10, 12 ต.แม่นาวาง ลงพื้นที่ตรวจสอบครองชลประทานและลำน้ำ ซึ่งเป็นพื้นที่คาบเกี่ยวระหว่างตำบลสันต้นหมื้อและตำบลแม่วาง อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ เพื่อพิจารณาหาแนวทางในการแก้ไขให้น้ำมีการระบายเร็วขึ้น ซึ่งจะเป็นการป้องกันน้ำเอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่เกษตรของเกษตรกรทั้งสองตำบล

จากการสำรวจแล้ว ได้วางแนวทางการเร่งการระบายน้ำให้เร็วขึ้น โดยมีแนวทางเร่งด่วนด้วยการประสานขอระบายน้ำผ่านพื้นที่เอกชนลงสู่ลำน้ำฝาง ส่วนกรณีการทรุดตัวของคันกั้นน้ำจะดำเนินการประสานขอรับการสนับสนุนกระสอบทรายและทรายจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและเอกชนในพื้นที่เพื่อถมจุดที่มีการทรุดตัว และแนวทางการแก้ไขปัญหาระยะยาวโดยการดำเนินการขุดลอก และขยายช่วงแคบของลำน้ำต่อไป ทั้งนี้ได้สั่งการให้ผู้ใหญ่บ้านเฝ้าระวังการทรุดตัวของคันดินเป็นระยะเพื่อเป็นการแจ้งเตือน เตรียมความพร้อมเข้าแก้ไขปัญหาอย่างรวดเร็ว

เชียงดาว รวบผู้ค้ายา 2 ราย พร้อมยาบ้ากว่า 14 ล้านเม็ด

ตำรวจ กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.)ร่วมกับทหารจับกุมผู้ต้องหาค้ายา 2 รายพร้อมยาบ้า 14,000,000 เม็ด ลำเลียงจากแนวชายแดน ในพื้นที่ อ.เชียงดาว จับกุมได้บริเวณบริเวณหลังตลาดกาดเมืองเพียงดาว ต.แม่นะ อ.เชียงดาวจังหวัดเชียงใหม่

วันที่ 24 สิงหาคม 2567 เวลา 10.00 น. ที่ ห้องประชุม หน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ชายแดนภาคเหนือ นบ.ยส.35 อ.แม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ พลเอกนฤทธิ์ ถาวรวงษ์ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ชายแดนภาคเหนือ ( ผบ.นบ.ยส.35 ) เปิดเผยว่า ภายใต้นโยบายการสกัดกั้นยาเสพติดของกองบัญชาการตำรวจ ปราบปรามยาเสพติด โดย พล.ต.ท.คีรีศักดิ์ ตันตินวะชัย ผบช.ปส.ส่งผลให้กลางดึกที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ปส.3 บูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งทหาร เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ร่วมกันจับกุมกลุ่มขบวนการลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากแนวชายแดน ที่มุ่งหน้าจากแยกเมืองงาย อ.เชียงดาว จว.ช.ม. เข้าสู่ตอนใน โดยได้ตรวจพบรถยนต์ต้องสงสัย 2 คัน บริเวณหลังตลาดกาดเมืองเพียงดาว ต.แม่นะ อ.เชียงดาว จว.ช.ม. จึงแสดงตัวขอตรวจค้น

ผลการตรวจค้นสามารถจับกุมผู้ต้องหา 2 ราย ได้แก่ นาย ฐิติพงศ์ กานิน อายุ 45 ปี บ้านเลขที่ 104 ม.7 ต.แม่นะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ และนายประดิษฐ เค้ามูล อายุ 42 ปี บ้านเลขที่ 14 ม.7 ต.แม่นะ อ.เชียงดาว จ.เชียงดาว พร้อมยาเสพติด ประมาณ 14,000,000 เม็ด ซุกซ่อนท้ายกระบะรถยนต์ และของกลาง จำนวน 4 รายการ ทั้งรถยนต์กระบะ ยี่ห้อ isuzu สีน้ำเงิน หมายเลขทะเบียน ยพ 2934 เชียงใหม่ ,รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อ ฮอนด้าสีน้ำตาล หมายเลขทะเบียน กอ 917 เชียงใหม่ ,โทรศัพท์มือถือ จำนวน 2 เครื่อง จึงได้นำผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน บก.ปส.3 ดำเนินคดีตามกฎหมาย

ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ชายแดนภาคเหนือ เปิดเผยว่า กลุ่มขบวนการลักลอบค้ายาเสพติดยังคงใช้คนในพื้นที่ชายแดนขนยาเข้าพื้นที่ตอนใน ห้วงวันหยุด เพื่อตบตาเจ้าหน้าที่ แต่ด้วยความเข้มข้นในการสกัดกั้นของเจ้าหน้าที่จึงสามารถจับกุมยาล็อตใหญ่นี้ได้ ดังนั้นฝากประชาชนในพื้นที่คอยสอดส่องดูแลในชุมชนของตนเองหากพบเหตุการณ์ผิดปกติสามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ได้ตลอด 24 ชั่วโมง