เชียงใหม่ ทำ MOU ขับเคลื่อนให้เชียงใหม่ เป็นเมือง Low Carbon City

จังหวัดเชียงใหม่ ทำ MOU ร่วมกับเอกชน สถาบันการศึกษา และภาคประชาชน ขับเคลื่อนให้เชียงใหม่ เป็นเมือง Low Carbon City ภายใต้โครงการสร้างความร่วมมือด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในระดับพื้นที่ เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 

ที่ห้องประชุมทองกวาว สำนักบริหารวิชาการมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ มอบหมายให้ นายทศพล เผื่อนอุดม รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานเปิดการสัมมนาวิชาการ Chiang Mai Low Carbon City ภายใต้โครงการสร้างความร่วมมือด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในระดับพื้นที่ เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ที่สำนักทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกับภาคีเครือข่ายจัดขึ้น เพื่อให้ทุกภาคส่วนของจังหวัดเชียงใหม่ มีความรู้และเพิ่มความตระหนักเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพพูมิอากาศ สาเหตุ ผลกระทบ และแนวทางแก้ไข เกิดความเข้าใจที่ดีขึ้นเกี่ยวกับความสำคัญของการดำเนินการเชิงนโยบายและการสนับสนุนจากสาธารณะ อีกทั้งเป็นการเปิดเวทีให้แลกเปลี่ยนความคิดเห็น ประสบการณ์และแนวปฏิบัติที่ดีระหว่างกัน โดยมีกลุ่มเป้าหมายที่เข้าร่วมกิจกรรมในวันนี้ประกอบด้วย ผู้บริหารและผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม สถาบันการศึกษา และภาคประชาชน กว่า 220 คน เข้าร่วมสัมมนา

โอกาสนี้ นายทศพล เผื่อนอุดม รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้แสดงเจตจำนงลงนามบันทึกข้อตกลงในการขับเคลื่อน Chiang Mai Low Carbon City ร่วมกับ 4 ภาคส่วน ประกอบด้วยภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคสถาบันการศึกษา และภาคประชาชน เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายให้จังหวัดเชียงใหม่ เป็นเมือง Low Carbon City มีความเป็นกลางทางคาร์บอนในปี ค.ศ.2060 และบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในปี ค.ศ.2065

ทั้งนี้ ประเทศไทยได้แสดงเจตจำนงต่อประชาคมโลก ในการตั้งเป้าหมายลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศ ในที่ประชุมสมัชชาประเทศภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติ ว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ระดับผู้นำ ณ เมืองกลาสโกว์ สหราชอาณาจักร โดยตั้งเป้าหมายการปล่อยการเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ในปี ค.ศ.2065 ซึ่งจังหวัดเชียงใหม่ได้ตอบสนองนโยบายของรัฐบาลในภารกิจนี้ โดยแต่งตั้งคณะทำงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพพูมิอากาศระดับจังหวัดขึ้น พร้อมทั้งมีการประเมินการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของจังหวัดเชียงใหม่ในปี พ.ศ.2562 ซึ่งพบว่ามีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกประมาณ 5.3 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ขณะเดียวกันมีการดูดกลับก๊าซเรือนกระจก จากภาคป่าไม้ประมาณ 5.6 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ขณะเดียวกันในปี พ.ศ.2573 คาดว่าจะมีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากราว 6.3 ล้าน ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ซึ่งเพิ่มสูงถึง 1 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า

นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม ประธานกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติบริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด บอกว่า อากาศสะอาดเป็นสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานที่ทุกคนพึงได้รับตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา รัฐบาลกำหนดให้การแก้ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมเป็นวาระแห่งชาติ โดยเฉพาะเรื่อง ฝุ่น PM 2.5 ที่นับวันทวีความรุนแรงมากขึ้นทุกปี ส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชาชน เศรษฐกิจและสังคมโดยรวม โดยตั้งคณะกรรมการจัดการปัญหามลพิษทางอากาศเพื่อความยั่งยืน หรือคณะกรรมการ PM 2.5 แห่งชาติ เป็นกลไกเร่งรัดการจัดทำแผนและการดำเนินมาตรการเพื่อลดฝุ่นควัน PM 2.5 ทั้งระบบ นอกจากนี้ รัฐบาลได้ถอดบทเรียนเพื่อหาทางป้องกันในฤดูฝุ่นที่จะมาถึง ระหว่างที่กำลังรอ พ.ร.บ.บริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด ซึ่งคณะกรรมาธิการกำลังเร่งพิจารณา

พ.ร.บ.ฉบับนี้ จะกำหนดกลไกบริหารจัดการ และควบคุมกิจกรรมต่าง ๆ ที่ส่งผลให้เกิดมลพิษทางอากาศในทุกมิติ มีคณะกรรมการแก้ไขปัญหาในทุกระดับ บริหารจัดการเชิงพื้นที่ กำหนดมาตรการควบคุมมลพิษจากแหล่งกำเนิดครอบคลุมกิจกรรมที่ก่อให้เกิดมลพิษทุกรูปแบบ ทั้งภาคอุตสาหกรรม ภาคการเกษตร ภาคคมนาคมขนส่ง ภาคการเผาในที่โล่ง ภาคป่าไม้ และหมอกควันข้ามแดน มีการกำหนดมาตรการเร่งด่วน เครื่องมือ หรือมาตรการทางเศรษฐศาสตร์ รวมถึงการมีส่วนร่วมรับผิดชอบทุกภาคส่วน ขณะนี้ คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.บริหารจัดการ เพื่ออากาศสะอาด อยู่ระหว่างพิจารณาร่าง พ.ร.บ.คาดว่าจะแล้วเสร็จ และส่งกลับสภาผู้แทนราษฎรในสมัยประชุมที่จะถึงนี้ ให้ทันบังคับใช้ ในไตรมาส 4 ปีนี้ เพื่อคืนอากาศบริสุทธิ์เป็นของขวัญปีใหม่ให้คนไทย นายจักรพล กล่าว

 

ผาเมืองปลิดชีพขบวนการขนยานรก 6 ศพ ยึดยาบ้า1.3 ล้านเม็ด

ทหารปะทะสนั่นป่ากลุ่มขบวนการเสียชีวิต 6 ศพ ยึดยาบ้า1,300,000 เม็ด บริเวณ ช่องทางธรรมชาติห้วยน้ำเย็น บ.ห้วยน้ำเย็น ม.4 ต.ท่าตอน อ.แม่อาย จังหวัดเชียงใหม่

วันที่ 7 กันยายน 2567 พล.อ.นฤทธิ์ ถาวรวงษ์ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ชายแดนภาคเหนือ หรือ ผบ.นบ.ยส.35 เปิดเผยว่า เมื่อ 6 ก.ย.67 เวลา 2315 กกล.ผาเมือง โดย ร้อย.ทพ.3207 ร่วมกับ ร้อย.ทพ.3209 บก.ควบคุม ทพ.ศปก.ทภ.3 จัดกำลัง 1 ชป. ทำการ ลว.เฝ้าตรวจและปะทะกับกลุ่มขบวนการลักลอบลำเลียงยาเสพติดบริเวณ ช่องทางธรรมชาติห้วยน้ำเย็น บ.ห้วยน้ำเย็น ม.4 ต.ท่าตอน อ.แม่อาย จว.ช.ม. ผลการปฏิบัติ ฝ่ายเจ้าหน้าที่ปลอดภัย และได้วางกำลังควบคุมพื้นที่เกิดเหตุ

ต่อมาเมื่อ 7 ก.ย.67 เวลา 0600 หน่วยได้จัดกำลังเข้าตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุ พบกลุ่มขบวนการเสียชีวิต จำนวน 6 ศพ ตรวจยึด กระสอบเป้ดัดแปลง จำนวน 13 เป้ ภายในบรรจุยาบ้าเป้ละ ประมาณ 100,000 เม็ด รวมยาบ้าประมาณ 1,300,000 เม็ด อาวุธปืนลูกซองไทยประดิษฐ์ จำนวน 1 กระบอก ปลอกกระสุน ปืนลูกซอง และ ปลอกกระสุน AK-47 จำนวนหนึ่ง ปัจจุบันอยู่ระหว่างการตรวจสอบหลักฐานของ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

ปางมะผ้าตรวจพบรุกป่า คทช. 4 แปลง ยึดคืนเตรียมสืบสวนหาคนทำผิด

อำเภอปางมะผ้าบูรณาการร่วมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตรวจการยุกรุกทำลายป่า พบรุกป่าเกินพื้นที คทช. 4 แปลง ยึดคืนเตรียมสืบสวนหาคนทำผิด พร้อมรวบต่างด้าวได้ 2 ราย

วันที่ 6 กันยายน 2567 เวลา 08.00 น นำโดยนายวีรพงศ์ รัตนศรี นายอำเภอปางมะผ้า บูรณาการร่วมกับ หน่วยป้องกันรักษาป่าที่มส. 16 (สบป่อง) หน่วยป้องกันรักษาป่า ม.ส 7 ปางมะผ้า กรมป่าไม้ เจ้าหน้าที่กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่336 เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนฯ สภ.ปางมะผ้า เจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าลุ่มน้ำปาย เจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสันปันแดน เจ้าหน้าที่ทหารร้อย ร.712 ฐานจ่าโบ่ และสมาชิกกองอาสารักษาดินแดนอำเภอปางมะผ้า 8 ออกตรวจสอบข้อเท็จจริงตามข้อร้องเรียนเรืยนว่ามีการบุกรุกทำลายพื้นที่ป่า ใกล้เคียงบ้านปางคาม หมู่ที่2 ตำบลปางมะผ้า อำเภอปางมะผ้า จังหวัดแม่ฮ่องสอน และพื้นที่ ใกล้เคียงบ้านน้ำจาง (บ้านบริหาร) หมู่ที่ 2 ตำบลปางมะผ้า ป่าต้นน้ำบ้านผาแดง

ทั้งนี้ผลปฏิบัติการ เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 2 ราย เป็นชาย 1 ราย หญิง 1 ราย ซึ่งเป็นบุคคลไม่ปรากฏสถานะทางทะเบียน โดยพบว่าได้มีการขยายเขตพื้นที่ทำกินเกินแนวเขตพื้นที่ คทช จำนวน 4 แปลง ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจยึด และจักได้สืบสวนสอบสวน เพื่อหาตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

รับได้อีกเยอะ .. ยืนยัน อ่างเก็บน้ำขนาดกลางในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่รองรับน้ำได้อีกจำนวนมาก

โครงการชลประทานเชียงใหม่ ยืนยัน อ่างเก็บน้ำขนาดกลางในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ยังมีความมั่นคงแข็งแรง และยังรองรับน้ำได้อีกจำนวนมาก โดยอ่างเก็บน้ำขนาดกลาง มี 13 แห่ง ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ปัจจุบันอ่างเก็บน้ำขนาดกลางมีปริมาณกักเก็บเพียง 74 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 72 % ของภาพรวมทั้งหมด 

วันที่ 4 ก.ย. 67 นายเกื้อกูล มานะสัมพันธ์สกุล ผู้อำนวยการโครงการชลประทานเชียงใหม่ มอบหมายให้ นายชนม์ฐพัฒน์ เครือศรี หัวหน้าฝ่ายจัดสรรน้ำและปรับปรุงระบบชลประทาน โครงการชลประทานเชียงใหม่ พร้อมด้วย นายนวพล อาชญาทา หัวหน้าฝ่ายส่งน้ำและบำรุงรักษาที่ 2 โครงการชลประทานเชียงใหม่ ลงพื้นที่อ่างเก็บน้ำแม่ออน เพื่อสำรวจปริมาณน้ำในอ่าง ที่มีอยู่กว่า 80 เปอร์เซ็นต์ พร้อมทั้งตรวจสอบความปลอดภัยของอ่างเก็บน้ำ อาคารควบคุม ซึ่งผลการตรวจสอบพบว่า ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำแม่ออน ยังคงรองรับน้ำได้อีก 15 เปอร์เซ็นต์ หรือ 700,000 ลบ.ม.

นายชนม์ฐพัฒน์ เครือศรี หัวหน้าฝ่ายจัดสรรน้ำและปรับปรุงระบบชลประทาน โครงการชลประทานเชียงใหม่ เปิดเผยถึง การบริหารจัดการน้ำนอกจากเขื่อนขนาดใหญ่ 2 แห่ง อาทิ เขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ซลและเขื่อนแม่กวงอุดมธารา โดยทางชลประทานเชียงใหม่ ยังติดตามอ่างเก็บน้ำขนาดกลาง ซึ่งมี 13 แห่ง ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ปัจจุบันอ่างเก็บน้ำขนาดกลางมีปริมาณกักเก็บเพียง 74 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 72 % ของภาพรวมทั้งหมด ซึ่งอ่างเก็บน้ำขนาดกลาง มีปริมาณน้ำ มากกว่า 80% มีจำนวน 6 อ่าง ปริมาณน้ำไม่ถึง 80% มีจำนวน 6 อ่างและปริมาณน้ำน้อยเพียง 35% จำนวน 1 อ่าง ซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเท่านั้น อยากฝากถึงประชาชนชาวเชียงใหม่ให้ติดตามข่าวสารจากหน่วยงานราชการหรือหน่วยที่น่าเชื่อถือได้ เพราะปัจจุบันมีการส่งข้อมูลเป็นFake news เป็นจำนวนมาก

นายนวพล อาชญาทา หัวหน้าฝ่ายส่งน้ำและบำรุงรักษาที่ 2 โครงการชลประทานเชียงใหม่ กล่าวว่า จังหวัดเชียงใหม่มีฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทำให้ชาวบ้านในอำเภอแม่ออนจะได้รับผลกระทบและความเสียหายจากเหตุอุทกภัย ซึ่งผลจากการตรวจสอบพบว่า ตัวอ่างมีความมั่นคงแข็งแรง ปลอดภัย และคลองระบายน้ำยังมีศักยภาพในการระบายน้ำ ซึ่งตัวอ่างมีความจุ 4.53 ล้านลูกบาศก์เมตร ขณะนี้มีน้ำในอ่าง 3.8 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็น 85% ของความจุอ่าง ซึ่งสามารถรองรับน้ำได้อีก 700,000 ลบ.ม. คิดเป็น 15% และทางเจ้าหน้าที่ของชลประทานเชียงใหม่ ยังคอยเฝ้าระวังอยู่อย่างต่อเนื่องและขอยืนยันกับพี่น้องชาวแม่ออน ว่า เขื่อนแม่ออนแห่งนี้ไม่มีการแตก และไม่มีการรั่วซึ่มที่ส่งผลกระทบเหตุอุทกภัยอย่างแน่นอน

โปลิฯ จิตอาสาลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม ช่วยซ่อมรถจมน้ำและเครื่องใช้ไฟฟ้าชาวบ้าน

อาจารย์ และนักศึกษา วิทยาลัยโปลิฯ จัดกิจกรรมจิตอาสา ลงพื้นที่ ต.ริมเหนือ อ.แม่ริม ช่วยซ่อมรถจมน้ำและเครื่องใช้ไฟฟ้าชาวบ้าน หลังจากเกิดน้ำป่าไหลหลากเข้าร่วมบ้านเรือน มาแบบไม่ได้ตั้งตัวข้าวของ ได้รับความเสียหาย

นักศึกษาสาขาไฟฟ้ากำลัง พร้อมด้วยอาจารย์ วิทยาลัยเทคโนโลยีโปลิเทคนิคลานนา เดินเท้าลงพื้นที่ นำเครื่องมือซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้า เพื่อให้ความช่วยเหลือซ่อมแซมเครื่องใช้ไฟฟ้าให้กับยายอำไพ ผลดี วัย 73 ปี ชาวบ้านท้องฝาย ต.ริมเหนือ อ.แม่ริม ที่บ้าน หลังยายอำพ ได้ปั่นจักรยาน คู่ชีพมาที่ศาลาอเนกประสงค์ภายใสนหมู่บ้าน ที่ถูกจัดให้เป็น ศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมเพื่อขอให้อาจารย์และนักศึกษาช่วยซ่อมแซมเครื่องใช้ไฟฟ้าที่บ้านหลังบ้านของยายถูกน้ำท่วมจนทำให้เครื่องซักผ้าและเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆแช่น้ำจนเสียไม่สามารถใช้งานได้หลังเกิดน้ำท่วมในพื้นที่ตำบลริมเหนือ อ.แม่ริม เมื่อ 2 วันที่ผ่านมา ซึ่งยายไม่สามารถขนย้ายเครื่องซักผ้าและเครื่องใช้ไฟฟ้าไปซ่อมที่ศาลาเอนกประสงค์ของหมู่บ้านได้ ก่อนที่ทีมนักศึกษาและอาจารย์ วิทยาลัยเทคโนโลยีโปลิเทคนิคลานนา จะช่วยกันรื้อเครื่องซักผ้าและไล่ความชื่นออกจากระบบไฟฟ้าเครื่องซักผ้าจนสามารถเดินเครื่องและใช้งานได้ในที่สุด

ยายอำไพ ผลดี เปิดเผยว่า ตนอาศัยอยู่บ้านหลังดังกล่าวกับลูกชายเพียงสองคน วันที่เกิดเหตุน้ำท่วมตนกับลูกชายขนข้าวของขึ้นที่สูงบางส่วนที่มีน้ำหนักมากก็จะยกขึ้นที่สูงไม่ได้ทำให้เครื่องซักผ้าที่อยูข้างบ้านแช่น้ำ พอหลังน้ำลดไม่กล้าใช้เครื่องซักผ้าเนื่องจากกลัวไฟฟ้าซ็อต หลังจากนั้นทราบข่าวจากเพื่อนบ้านว่ามีกลุ่มนักศึกษาเข้ามาช่วยเหลือซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าให้กับชาวบ้านที่ถูกน้ำท่วมตนจึงปั่นจักรยานไปขอความช่วยเหลือขอให้นักศึกษาและอาจารย์มาซ่อมเครื่องซักผ้าให้ที่บ้านเนื่องจากวันนี้ตนอยู่บ้านคนเดียวลำพังไม่สามารถขนเครื่องซักผ้าไปซ่อมที่ศาลเอนกประสงค์ได้ ซึ่งวันนี้ตนรูสึกดีใจมากที่ลุกๆหลานๆ นักศึกษาและอาจารย์มาช่วยเหลือซ่อมแซมเครื่องซักผ้าให้จนใช้งานได้ตามปรกติซึ่งหลังจากนี้ตนก็จะได้ซักผ้าแล้วหลังจากที่ไม่ได้ซักผ้าหลายวันเนื่องจากช่วงก่อนฝนตกติดต่อกันหลายวัน

ด้านอาจารย์ประสิทธิ์ ชูดวง รองผู้อำนวยการฝ่ายกิจการนักศึกษา วิทยาลัยเทคโนโลยีโปลิเทคนิคลานนา เปิดเผยว่า ได้อาจารย์และนักศึกษาระดับชั้นปวช. และปวส. สาขางานยนต์ และสาขาช่างไฟฟ้ากำลัง รวมกว่า 50 คน ได้เข้าไปช่วยเหลือซ่อมแซม เครื่องใช้ไฟฟ้า และรถยนต์ รถจักรยานยนต์ ให้กับชาวบ้าน 4 หมู่บ้านพื้นที่ ต.ริมเหนือ อ.แม่ริม ที่ถูกน้ำท่วมโดยได้มีการตั้งจุดบริการประชาชน ที่ศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม ศาลาอเนกประสงค์ บ้านท้องฝาย ต.ริมเหนือ อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่มีชาวบ้านรวม 400 รายได้นำเครื่องใช้ไฟฟ้า ที่จะสามารถยกออกจากบ้านเรือนมาให้อาจารย์และนักศึกษา ช่วยซ่อมบำรุงให้ฟรี เช่นเดียวกับรถยนต์และรถจักรยานยนต์ ที่ถูกน้ำป่าไหลหลาก ได้เข้ามาเอ่อท่วมและจมอยู่ในน้ำเป็นเวลานานจนได้รับความเสียหาย

นอกจากนี้อาจารย์ และนักศึกษา บางส่วนได้ออกตระเวนไปตามบ้านเรือนของชาวบ้านเพื่อซ่อมแซมเครื่องใช้ไฟฟ้า ที่ไม่สามารถนำเครื่องใช้ไฟฟ้า รถจักรยานยนต์ เครื่องสูบน้ำ ปั๊มน้ำ มายังศูนย์ช่วยเหลือได้ นอกจากนี้ยังให้อาจารย์และนักศึกษาลงพื้นที่ซ่อมแซมระบบไฟฟ้า ปลั๊กไฟ สวิชท์ไฟ ในบ้านเรือนของชาวบ้านที่ถูกน้ำท่วม อาจจะส่งผลให้ปลั๊กไฟ สายไฟอาจทำให้เกิดชำรุดเสียหาย หากนำกลับมาใช้อาจจะเกิดไฟช็อต เกิดการลัดวงจรมีความเสียหายเกิดขึ้นได้ภายหลัง นอกจากนี้ทางวิทยาลัยฯ ยังได้มอบเงินช่วยเหลือ พร้อมนำของใช้ อาหารแห้งไปมอบให้ผู้ป่วยติดเตียงที่บ้านเรือนถูกน้ำท่วมและยังได้จัดซื้อที่นอน เครื่องใช้ส่วนตัว ข้าวสารอาหารแห้ง มอบให้กับชาวบ้านที่ประสบภัยน้ำท่วมได้รับความเสียหายทั้งหลัง อยู่ติดกับลำน้ำแม่ริม อีกด้วย

รองผู้อำนวยการฝ่ายกิจการนักศึกษาฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับกิจกรรมออกหน่วยช่วยเหลือผู้ประสบภัย น้ำท่วมครั้งนี้นอกจากทางวิทยาลัยฯเล็งเห็นความสำคัญ ในเรื่องของวิชาการ ความรู้ในสถานศึกษาแล้ว ซึ่งวันนี้เป็นการให้นักศึกษาได้ฝึกประสบการณ์จริงกับประเภทงานที่ต้องแก้ไขปัญหาให้กับชาวบ้านอีกรูปแบบหนึ่ง ซึ่งจะเป็นการปลูกฝังความคิดจิตสาธารณะให้กับนักศึกษาในการให้บริการชุมชนและสังคมต่อไปในอนาคต

ขณะที่นายอภินันท์ สมจันทร์ฉาย นักศึกษาสาขาไฟฟ้ากำลัง กล่าวว่าตนอาสาลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยฯกับอาจารย์และเพื่อนๆ เนื่องจากเห็นว่าเมื่อมีโอกาสควรให้ความช่วยเหลือผู้อื่นที่กำลังได้รับความเดือดร้อนตามกำลังที่มี เนื่องจากก่อนหน้านี้ได้มีโอกาสเข้าค่ายพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ทางวิทยาลัยฯจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี จึงได้นำประสบการณ์ครั้งนั้นมาต่อยอด ทำงานให้ความช่วยเหลือชาวบ้านที่กำลังได้รับความเดือดร้อนนอกจากนี้ยังมีโอกาสได้ฝึกประสบการณ์จริงและได้สัมผัสกับวิถีชีวิตของชาวบ้านอีกด้วยซึ่งถือว่าเป็นอีกประสบการณ์ที่สร้างความประทับใจให้ ซึ่งชาวบ้านส่วนใหญ่ที่บ้านถูกน้ำท่วมทำให้เครื่องใช้ไฟฟ้าเช่น พัดลม เครื่องซักผ้า ตู้เย็น พัดลมไอน้ำ ปั๊มน้ำ เป็นต้น

ด้าน อ.พิภพ ปัญญาฟู ผู้ช่วย รองผู้อำนวยการฝ่ายวิชาการ รับผิดชอบประเภทวิชาช่างอุตสาหกรรม กล่าวว่า จากการที่ลงพื้นที่สอบถามข้อมูลชาวบ้านทราบว่าขณะเกิดเหตุน้ำท่วม ชาวบ้านส่วนใหญ่ไม่สามารถขนย้ายข้าวของได้ทันทำให้รถจักรยานยนต์และเครื่องมือทางการเกษตรถูกน้ำท่วมและแช่ขังเป็นเวลานานจึงแนะนำชาวบ้านที่รถที่ถูกน้ำท่วม น้ำจะเข้าที่ท่อเสีย หากมีการสตาร์ทเครื่องก็จะทำให้น้ำเข้าระบบเผาไหม้ ทำให้ชิ้นส่วนเครื่องยนต์เสียหายได้ ซึ่งตนได้แนะนำนักศึกษาว่าหากชาวบ้านนำรถที่ถูกน้ำท่วมมาซ่อมให้ถอดท่อไอเสีย ถอดหัวเทียน ถอดหม้อกรองอากาศ และไล่น้ำออกก่อน หากมีน้ำเข้าไปในห้องเครื่องให้ล้างระบบในห้องเครื่องให้สะอาดก่อนเนื่องจากรถทุกคันที่ถูกน้ำห้องท่วมเครื่องจะเต็มไปด้วยดินโคลน

อ.แม่อาย สนธิกำลังยึดบุหรี่เถื่อนกว่า 17,000 ซอง

รับแจ้งมีการส่งบุหรี่เถื่อน อ.แม่อาย สนธิกำลังลงพื้นที่ตรวจสอบ พบบุหรี่ 34 กล่อง จำนวนกว่า 17,000 ซอง ส่งทั้งหมดเป็นของกลางให้สรรพสามิตดำเนินการตามกฎหมายต่อ

วันที่ 30 สิงหาคม 2567 เวลา 17.30 น. นางสลีลญา คำภาแก้ว นายอำเภอแม่อาย มอบหมายให้ นายสมภพ หน่อแก้ว ปลัดอำเภอหัวหน้าฝ่ายความมั่นคง นำ สมาชิกกองอาสารักษาดินแดนอำเภอแม่อาย ที่ 5 ร่วมกับ สรรพสามิตจังหวัดเชียงใหม่ สาขาฝาง กำนัน และชุดปฏิบัติการตำบล เข้าตรวจสอบกรณีได้รับแจ้งจากราษฎร ว่ามีการนำบุหรี่ผิดกฎหมายส่งบริเวณป่าข้างทางริมถนนบ้านห้วยปู ม.1 ต.ท่าตอน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่

ทั้งนี้ผลการลงพื้นที่ตรวจสอบ พบกล่องบรรจุบุหรี่จำนวน 34 กล่อง ตรวจภายในกล่อง พบ บุหรี่ซิกาแรต ยี่ห่อ ATLANTA FULL FLAVOUR (แดง) ขนาด 20 มวน จำนวน 11,000 ซอง ปริมาณสุทธิ 220,000 มวน บุหรี่ซิกาแรต ยี่ห่อ ATLANTA MENTHOL (เขียว) ขนาด 20 มวน จำนวน 5,500 ซอง ปริมาณสุทธิ 110,000 มวน และบุหรี่ซิกาแรต ยี่ห่อ BLUE RIVER (แดง) ขนาด 20 มวน จำนวน 500 ซอง ปริมาณสุทธิ 10,000 มวน เจ้าหน้าที่จึงได้ดำเนินการตรวจยึดเป็นของกลาง นำส่งให้กับเจ้าหน้าที่สรรพสามิต อ.ฝาง เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ศป.ปส.อ.สันป่าตอง ขับเคลื่อนปฏิบัติการ Quick Win

ศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดอำเภอสันป่าตอง  (ศป.ปส.อ.สันป่าตอง) ขับเคลื่อนปฏิบัติการ Quick Win ตั้งจุดตรวจค้นหาผู้เกี่ยวข้องยาเสพติด พบ 1 ราย ผลตรวจฉี่เป็นลบ เจาตัวยอมเข้าสู่กระบวนการบำบัด

วันที่ 30 สิงหาคม 2567 ตั้งแต่เวลา 17.30 น. เป็นต้นไป โดยการอำนวยการของ นางวาสนา บุญธรรมช่วย นายอำเภอสันป่าตอง / ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดอำเภอสันป่าตอง ได้มอบหมายให้ นายบุญญาฤทธิ์ ใจงาม ปลัดอำเภอหัวหน้ากลุ่มงานบริหารงานปกครอง นายทินกร บุญถา ปลัดอำเภอหัวหน้าฝ่ายความมั่นคง นายเอกชัย แสนใจ ปลัดอำเภอฝ่ายบริหารงานปกครอง นางพัชรินทร์ กันทะรส เจ้าหน้าที่ปกครองชำนาญงาน นำกำลัง สมาชิก อส. อ.สันป่าตองที่ 13 บูรณาการร่วมกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สันป่าตอง ฝ่ายปกครองตำบลบ้านกลาง ปฏิบัติหน้าที่ตั้งจุดตรวจ จุดสกัดเพื่อค้นหาผู้เสพ ผู้ติดยาเสพติด เข้ารับการบำบัดรักษา ตลอดจนค้นหาผู้ค้ารายย่อยในหมู่บ้าน ชุมชน ตามโครงการเร่งรัดดำเนินงานป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติด ระยะเร่งด่วน 3 เดือน และปฏิบัติการ Quick Win

มีรายงานผลการปฏิบัติ ว่า เจ้าหน้าที่ดำเนินการสุ่มตรวจหาสารเสพติดในปัสสาวะ กลุ่มเสี่ยง จำนวน 12 ราย มีผลตรวจเป็นลบเป็นผู้มีสารเสพติดในปัสสาวะ จำนวน 1 ราย ซึ่งเจ้าตัวยินยอมเข้ารับการบำบัดรักษา เจ้าหน้าที่จึงได้ประสานโรงพยาบาลสันป่าตอง นัดหมายดำเนินการคัดกรองก่อนเข้ารับการบำบัดตามกระบวนการต่อไป

ดินโคลนสไลต์บริเวณทางลาดเชิงเขาทางขึ้นเขื่อนแม่งัด เร่งแก้ไขปัญหา

ฝนตกหนักกว่าชั้วโมง ดินโคลนสไลต์บริเวณทางลาดเชิงเขาติดถนนทางขึ้นเขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาแม่แฝก-แม่งัดสมบูรณ์ชล เร่งแก้ไขปัญหา พร้อมกำชับเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดต่อเนื่อง

วันที่ 30 สิงหาคม 2567 นายเฉลิมเกียรติ อินทกนก ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาแม่แฝก-แม่งัดสมบูรณ์ชล เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2567 เวลา 14.00 น. เกิดฝนตกหนักมากในพื้นที่เขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล ตำบลช่อแล อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ สถานีวัดน้ำฝนเขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล วัดปริมาณน้ำฝนในช่วงเวลา 14.00 – 15.00 น. ได้ 49.2 มิลลิเมตร ทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลากพัดพาหินและตะกอนดินจำนวนมากไหลตามร่องระบายน้ำลงบริเวณทางลาดเชิงเขาติดกับถนนทางขึ้นเขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล และบริเวณที่ลาดเชิงเขาบริเวณถนนทางขึ้นอาคารที่ทำการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาแม่แฝก-แม่งัดสมบูรณ์ชล เกิดดินโคลนถล่มลงมาปิดช่องทางสัญจร ทำให้ประชาชน นักท่องเที่ยว และเจ้าหน้าที่ของโครงการฯ สัญจรไม่สะดวกและเกิดความไม่ปลอดภัยในการสัญจรผ่าน

นายเฉลิมเกียรติ อินทกนก ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาแม่แฝก-แม่งัดสมบูรณ์ชล พร้อมด้วย นายธีรัตน์ พันธุประกิจ หัวหน้าฝ่ายวิศวกรรม นายวงศกร ขัดทะเสมา หัวหน้าฝ่ายช่างกล และเจ้าหน้าที่โครงการ ลงพื้นที่ติดตามและประเมินสถานการณ์ในพื้นที่ดังกล่าว พร้อมทั้งได้สั่งการให้ฝ่ายช่างกลและทีมงานรักษาบริเวณเขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล เร่งดำเนินการนำเครื่องจักรกลตักดินและรถบรรทุกเทท้าย 6 ล้อ ทำการขนย้ายดินโคลนออกจากจุดเกิดเหตุ เพื่อเปิดช่องจราจรให้สามารถใช้งานได้ตามปกติและติดตั้งแบร์ริเออร์ บริเวณแนวฐานที่ลาดเชิงเขา เพื่อเป็นแนวป้องกันการเกิดดินโคลนถล่ม หากมีฝนตกในช่วงกลางคืน ทั้งนี้ได้มีการสำรวจตรวจสอบพื้นที่ดังกล่าว ไม่พบความเสียหายที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์ครั้งนี้ อย่างไรก็ตามโครงการฯ ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ติดตามสถานการณ์และเฝ้าระวังในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง

ทดสอบประตูคลองระบายน้ำแม่แตง เสริมเครื่องมือป้องกันน้ำฝั่งตะวันตกท่วมเมืองเชียงใหม่

ทดสอบอาคารประตูระบายน้ำคลองระบายน้ำแม่แตง ใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพ เร่งระบายน้ำจากคลองแม่แตงลงสู่น้ำแม่ขาน เสริมเครื่องมือป้องกันน้ำฝั่งตะวันตกท่วมเมืองเชียงใหม่

วันที่ 30 ส.ค. 67 นายเกื้อกูล มานะสัมพันธ์สกุล ผู้อำนวยการโครงการชลประทานเชียงใหม่ พร้อมด้วย นายวิสูตร จันทร์เขียว หัวหน้าฝ่ายช่างกล โครงการชลประทานเชียงใหม่ ได้ตรวจสอบอาคารควบคุมบานประตูระบายน้ำคลองระบายน้ำแม่แตง บริเวณปลายคลองที่ลงสู่น้ำแม่ขาน ซึ่งได้มีการทดสอบเปิดบานประตูระบายน้ำ

นายเกื้อกูล มานะสัมพันธ์สกุล ผู้อำนวยการโครงการชลประทานเชียงใหม่ กล่าวว่า ทางสำนักงานก่อสร้างชลประทานขนาดใหญ่ที่ 1 และโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาแม่แตง ได้ทำการก่อสร้างคลองส่งน้ำส่วนต่อจากคลองแม่แตงพร้อมด้วยอาคารควบคุม บานประตูระบายน้ำ ซึ่งเชื่อมต่อจากคลองแม่แตง งานก่อสร้างเสร็จสิ้นแล้ว โดยได้มีการเปิดทดสอบระบบ ในวันนี้จึงได้เดินทางมาดูการระบายน้ำที่ปลายคลองส่งน้ำสายใหญ่แม่แตง ที่จะรองรับน้ำหลากในพื้นที่ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำปิง ที่จะลงสู่น้ำแม่ขาน ปัจจุบันน้ำในลำน้ำแม่ขานยังมีน้อยและมีศักยภาพในการช่วยระบายน้ำในเขตพื้นที่ตัวเมืองเชียงใหม่ มาลงสู่ลำน้ำแม่ขาน และลงไปสู่แม่น้ำปิง

สำหรับคลองส่งน้ำส่วนต่อคลองแม่แตง ระยะ 2 +600 กิโลเมตร พร้อมด้วยอาคารชลประทานในคลอง มีศักยภาพสามารถรองรับปริมาณน้ำได้ประมาณ 50 ลบ.ม.ต่อวินาที และยังสามารถช่วยในเรื่องของการป้องกันอุทกภัยในเขตเมืองเชียงใหม่ ตลอดจนในช่วงฤดูแล้งก็สามารถเก็บน้ำไว้ให้กับประชาชน และเกษตรกรในเขตพื้นที่อำเภอแม่วาง สันป่าตอง และพื้นที่ด้านท้ายก็มีฝายทดน้ำต่างๆ ที่จะสามารถนำน้ำไปใช้เพื่อการเกษตรของพื้นที่โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาแม่แตง อาคารต่างๆ ที่ก่อสร้างแล้วเสร็จและได้มีการทดสอบการใช้งาน ปัจจุบันสามารถใช้งานได้ดี และเป็นอีกส่วนหนึ่งของทีมเชียงใหม่ในการดูแลเรื่องการบริหารจัดการน้ำหลากที่จะมาจากฝั่งตะวันตกของเมืองเชียงใหม่ได้ โดยการบริหารจัดการน้ำในคลองส่วนต่อจะคำนึงถึงผลกระทบด้านท้ายที่ระบายน้ำลงไปเป็นสำคัญ ด้วยอาคารต่างๆ ที่ก่อสร้างไว้ในคลองมีศักยภาพเพียงพอที่จะไม่สร้างผลกระทบต่อพื้นที่ท้ายคลอง กล่าวคือ หากปริมาณน้ำขานอยู่ในระดับที่สูงคลองก็จะปิดสนิทไม่นำน้ำไปเติมแม่น้ำขานเพิ่มอีก

เมืองโบราณเวียงลอได้รับผลกระทบ น้ำฝนซึมเข้าองค์พระธาตุเจดีย์วัดหนองห้า

พะเยาฝนตกหนัก เมืองโบราณเวียงลอได้รับผลกระทบ น้ำฝนซึมเข้าองค์พระธาตุเจดีย์วัดหนองห้าอย่างมาก ผนังก่ออิฐฐานเรือนธาตุทรุดพังทลาย ศิลปากรที่ 7 เร่งแก้ไข

จากเหตุการณ์ฝนตกหนักและต่อเนื่องกันมาหลายวันในพื้นที่อำเภอจุน จังหวัดพะเยา ซึ่งเป็นที่ตั้งของเมืองโบราณเวียงลอ แหล่งโบราณสถานที่สำคัญแห่งหนึ่งในลุ่มแม่น้ำอิง โดยปริมาณน้ำอิงได้ไหลเข้าท่วมพื้นที่โบราณสถานเวียงลอหลายแห่งที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ลุ่มน้ำ

วันที่ 28 สิงหาคม 2567 ช่วงเวลา 09.00 – 12.00 น. จากการที่มีปริมาณน้ำฝนสะสมจำนวนมาก น้ำฝนได้ไหลซึมเข้าสู่ภายในโครงสร้างของโบราณสถาน พระธาตุเจดีย์วัดหนองห้า ซึ่งตั้งอยู่บริเวณเชิงเขาเขตอรัญวาสีของโบราณสถานเวียงลอ ที่ได้รับการบูรณะไปเมื่อปี พ.ศ. 2539 ทำให้ผนังก่ออิฐบริเวณฐานเรือนธาตุด้านทิศเหนือของโบราณสถาน เกิดการทรุดตัวและพังทลายลงมา

ในการนี้สำนักศิลปากรที่ 7 เชียงใหม่ ได้เร่งเข้าดำเนินการตรวจสอบความเสียหายและจัดทำค้ำยันโบราณสถานชั่วคราว เพื่อเสริมความมั่นคงและป้องกันความเสียหายอันที่อาจจะเกิดเพิ่มขึ้น ให้กับโบราณสถานแห่งนี้ โดยหลังจากนี้สำนักฯ จะดำเนินการบูรณะเสริมความมั่นคง ให้กับโบราณสถานแห่งนี้ต่อไป

.

Cr. : สำนักศิลปากรที่ 7 เชียงใหม่