ชลประทานลำพูน ส่งน้ำวันละ 86,400 ลบ.ม. หนุนปี๋ใหม่เมืองหละปูน

ลำพูนพร้อมรับ “ปี๋ใหม่เมือง” อย่างชุ่มฉ่ำ! ชลประทานลำพูนเร่งส่งน้ำวันละกว่า 8 หมื่นลูกบาศก์เมตร เสริมลำน้ำกวงหน้าวัดพระธาตุหริภุญชัยให้มีน้ำตลอดเทศกาลสงกรานต์ โดยยืนยันไม่กระทบพื้นที่เกษตรแต่อย่างใด

ลำพูน – โครงการชลประทานลำพูน สนับสนุนเทศกาลสงกรานต์ (ปี๋ใหม่เมืองหละปูน) ปี 2568 โดยเพิ่มปริมาณน้ำในลำน้ำกวง บริเวณหน้าวัดพระธาตุหริภุญชัย วันละ 86,400 ลูกบาศก์เมตร ตั้งแต่วันที่ 5 เมษายน ถึง 16 เมษายน 2568

นายสุภรณ์วัฒน์ สุรการ ผู้อำนวยการโครงการชลประทานลำพูน มอบหมายให้เจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องหารือแนวทางการผันน้ำและบำบัดน้ำในพื้นที่อำเภอเมืองลำพูน เพื่อสนับสนุนการจัดงานปี๋ใหม่เมือง โดยมีการส่งน้ำจากเขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล ผ่านลำน้ำปิงและคลองส่งน้ำต่างๆ จนถึงลำน้ำกวงบริเวณวัดศรีบุญยืน และฝายวังตอง

โครงการชลประทานลำพูน ยืนยันว่า การสนับสนุนน้ำดังกล่าวเป็นไปตามการมอบหมายของผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน และดำเนินการในช่วงรอบเวรการใช้น้ำของเกษตรกรในพื้นที่ฝ่ายส่งน้ำและบำรุงรักษาที่ 1 โดยปริมาณน้ำที่ส่งมาจะไม่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่การเกษตรแต่อย่างใด

สั่งรื้อสิ่งปลูกสร้างรุกล้ำคลองส่งน้ำแม่กวงฯ หวั่นกีดขวางการส่งน้ำ

โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาแม่กวงอุดมธารา สั่งการให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่รุกล้ำคลองส่งน้ำสายใหญ่ผาแตก บริเวณหลังที่ว่าการอำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ หลังพบการก่อสร้างที่นั่งไม้ไผ่โดยไม่ได้รับอนุญาต หวั่นกระทบต่อการไหลเวียนของน้ำเพื่อการเกษตร และอาจมีการแสวงหาผลประโยชน์จากที่ราชพัสดุ

เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2568 โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาแม่กวงอุดมธารา รายงานผลการลงพื้นที่ติดตามการส่งน้ำในพื้นที่ฝ่ายส่งน้ำฯ ที่ 1 – 4 พบว่ามีการก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างในคลองส่งน้ำสายใหญ่ผาแตก บริเวณ กม. 6+995 ตำบลดอยสะเก็ด อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ โดยนายทวีศักดิ์ ภิรมย์ หัวหน้าฝ่ายส่งน้ำและบำรุงรักษาที่ 2 ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบและยืนยันว่ามีการสร้างที่นั่งไม้ไผ่เป็นแนวยาวในคลองส่งน้ำจริง

ทางโครงการฯ ระบุว่า การก่อสร้างใดๆ ในลำคลองจะส่งผลกระทบต่อการไหลของน้ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่มีการส่งน้ำเพื่อการเกษตร ซึ่งขณะนี้อยู่ในรอบเวรการส่งน้ำ รอบที่ 9 ระหว่างวันที่ 11 – 17 เมษายน 2568 ทางฝ่ายส่งน้ำและบำรุงรักษาที่ 2 จึงได้แจ้งเตือนให้ผู้บุกรุกดำเนินการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและขนย้ายวัสดุออกจากพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งเป็นเขตที่ราชพัสดุ เพื่อให้คลองกลับสู่สภาพปกติ

โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาแม่กวงอุดมธารา ชี้แจงว่า การดำเนินการใดๆ ในพื้นที่คลองส่งน้ำจะต้องมีการขออนุญาตใช้พื้นที่จากสำนักงานธนารักษ์พื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ และห้ามมิให้มีการแสวงหาผลประโยชน์จากที่ราชพัสดุ อย่างไรก็ตาม ประชาชนทั่วไปยังคงสามารถลงเล่นน้ำในคลองได้ตามปกติ แต่ไม่อนุญาตให้มีการก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างใดๆ ในเขตพื้นที่ราชพัสดุ

ล่าสุด มีรายงานว่า ในวันนี้ (11 เม.ย.68) ที่นั่งไม้ไผ่ทั้งหมดที่สร้างรุกล้ำในคลองส่งน้ำสายใหญ่ผาแตก ได้ถูกรื้อถอนออกไปเรียบร้อยแล้ว

อุทยานหลวงราชพฤกษ์ ชวนสัมผัสเสน่ห์ “ปี๋ใหม่เมือง ดอกไม้บาน งามวัฒนธรรมล้านนา” ต้อนรับสงกรานต์ 2568

อุทยานหลวงราชพฤกษ์ จังหวัดเชียงใหม่ เตรียมจัดงานเฉลิมฉลองเทศกาลสงกรานต์อันยิ่งใหญ่และงดงามตามแบบฉบับล้านนา ภายใต้ชื่องาน “ปี๋ใหม่เมือง ดอกไม้บาน งามวัฒนธรรมล้านนา” ระหว่างวันที่ 11 – 16 เมษายน พ.ศ. 2568 ตั้งแต่เวลา 09.00 – 16.00 น. ณ ลานส้มสุก อุทยานหลวงราชพฤกษ์

เชียงใหม่ – เตรียมพบกับงานเฉลิมฉลองเทศกาลสงกรานต์สุดยิ่งใหญ่และงดงามตามแบบฉบับล้านนา ในงาน “ปี๋ใหม่เมือง ดอกไม้บาน งามวัฒนธรรมล้านนา” ที่อุทยานหลวงราชพฤกษ์ จังหวัดเชียงใหม่ ระหว่างวันที่ 11 – 16 เมษายน 2568 ตั้งแต่เวลา 09.00 – 16.00 น. ณ ลานส้มสุก อุทยานหลวงราชพฤกษ์

ภายในงาน นักท่องเที่ยวจะได้ร่วมสืบสานประเพณีปี๋ใหม่เมืองอันเป็นสิริมงคล อาทิ การสรงน้ำพระพุทธรูปประจำวันเกิด เพื่อขอพรรับปีใหม่ไทย และร่วมกิจกรรม ปักตุง ก่อเจดีย์ทราย อันเป็นเอกลักษณ์ของชาวล้านนา นอกจากนี้ ยังมีการจัด Mini Workshop สอนศิลปะและหัตถกรรมล้านนาหลากหลายชนิด เช่น การประดิษฐ์โคมล้านนา ตุงไส้หมู ตุง 12 ราศี รวมถึงการประดิษฐ์กุหลาบใบเตยหอม และพลาดไม่ได้กับการสาธิตการทำ ขนมพื้นบ้าน แสนอร่อย อาทิ ข้าวแต๋น ข้าวเกรียบ ข้าวต้มมัด และขนมเทียน ให้ผู้ร่วมงานได้ชมและลิ้มลอง

อีกหนึ่งไฮไลต์สำคัญที่ไม่ควรพลาดคือการชมความงามของ ดอกราชพฤกษ์ กว่า 1,500 ต้น ที่กำลังเบ่งบานเหลืองอร่ามทั่วอุทยานฯ รวมถึง อุโมงค์ราชพฤกษ์แห่งแรกในประเทศไทย ที่จะกลายเป็นจุดถ่ายภาพที่สวยงามในช่วงสงกรานต์ปีนี้ นอกจากนี้ อุทยานฯ ยังได้จัดแสดง ดอกคูนสีขาว ซึ่งเป็นดอกไม้หายาก และพรรณไม้นานาชนิดที่กำลังออกดอกสะพรั่งต้อนรับนักท่องเที่ยว อาทิ

  • มนต์เสน่ห์แห่งกล้วยไม้: ดื่มด่ำกับสีสันและกลิ่นหอมของ ดอกเอื้อง หลากหลายสายพันธุ์ ทั้งเอื้องผึ้ง เอื้องคำ และเอื้องสายต่างๆ ที่กำลังบานสะพรั่งในเรือนกล้วยไม้ ท่ามกลางบรรยากาศเย็นสบายของเรือนกล้วยไม้ที่จำลองสภาพแวดล้อมแบบป่าดิบชื้น พร้อมชมกล้วยไม้ทั้งพันธุ์แท้และพันธุ์ลูกผสม
  • ทุ่งทานตะวันสีทอง: สัมผัสความสดใสของ ดอกทานตะวัน ที่บานสะพรั่งเหลืองอร่าม ณ สวนพรมบุปผา
  • ทิวลิปหลากสีสัน: ตื่นตาตื่นใจกับ ดอกทิวลิป นานาพันธุ์กว่า 3,000 ต้น ที่จะบานสะพรั่งให้ชมระหว่างวันที่ 11-15 เมษายน 2568 ณ เรือนไม้ดอก

อุทยานหลวงราชพฤกษ์ จังหวัดเชียงใหม่ เปิดให้เข้าชมสวนทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00 – 18.00 น. ขอเชิญชวนนักท่องเที่ยวทุกท่านร่วมสัมผัสความงดงามของเทศกาลปี๋ใหม่เมืองและชื่นชมดอกไม้นานาพันธุ์ได้ในงาน “ปี๋ใหม่เมือง ดอกไม้บาน งามวัฒนธรรมล้านนา”

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่: โทรศัพท์: 053-114110-2 เว็บไซต์: https://www.royalparkrajapruek.org/ Facebook: https://www.facebook.com/rprp.cnx

#ปี๋ใหม่เมือง #สงกรานต์เชียงใหม่ #ดอกไม้บาน #อุทยานหลวงราชพฤกษ์ #วัฒนธรรมล้านนา #เที่ยวเชียงใหม่ #ChiangMaiSongkran #RoyalParkRajapruek

คูเมืองเชียงใหม่ รับสงกรานต์ปี 68 น้ำเต็มเปี่ยมคลองแม่ข่ารับอานิสงค์ใสไหลเย็นอีกด้วย

คูเมืองเชียงใหม่กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ต้อนรับเทศกาลสงกรานต์ปี 2568 ด้วยปริมาณน้ำที่เต็มเปี่ยมขอบคูเมือง อันเป็นผลจากการระบายน้ำอย่างต่อเนื่องและเต็มศักยภาพผ่านคลอง 18L (18ซ้าย) ที่มีปริมาณถึง 25,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน ไม่เพียงเท่านั้น คลองแม่ข่าในช่วงระแกงยังได้รับอานิสงส์จากน้ำที่ระบายจากคูเมืองลงสู่บริเวณแจ่งก๊ะต้ำ ทำให้คลองสายสำคัญนี้กลับมามีน้ำใสไหลเย็นอีกครั้ง

สถานการณ์น้ำในคูเมืองเชียงใหม่ล่าสุดเป็นที่น่าพอใจอย่างยิ่ง หลังจากที่โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาแม่แตง (ผคบ.แม่แตง) ได้ดำเนินการส่งน้ำสนับสนุนอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เดือนมีนาคม 2568 โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงใกล้เทศกาลสงกรานต์ ได้มีการเพิ่มปริมาณการส่งน้ำผ่านคลอง 18L ในอัตรา 0.3 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที หรือคิดเป็นปริมาณ 25,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน ส่งผลให้ระดับน้ำในคูเมืองเชียงใหม่เต็มถึงขอบคอนกรีตบริเวณแจ่งศรีภูมิ ซึ่งเป็นจุดที่สูงที่สุดของคูเมือง

นายอำนาจ อินทร์วงศ์แก้ว ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาแม่แตง พร้อมด้วย นายปริญญา ศรียาบ หัวหน้าฝ่ายส่งน้ำและบำรุงรักษาที่ 2 ได้ลงพื้นที่ติดตามผลการส่งน้ำอย่างใกล้ชิด และยืนยันถึงความสำเร็จในการบริหารจัดการน้ำครั้งนี้ โดยโครงการฯ ได้รับการร้องขอจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อสนับสนุนน้ำให้แก่คูเมืองเชียงใหม่สำหรับการจัดงานประเพณีปีใหม่เมือง หรือเทศกาลสงกรานต์เชียงใหม่

นอกจากภารกิจสนับสนุนคูเมืองแล้ว โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาแม่แตงยังได้ส่งน้ำเสริมไปยังคลองแม่ข่า ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดเชียงใหม่ โดยน้ำจากคูเมืองจะถูกระบายลงสู่คลองแม่ข่าบริเวณย่านระแกง ทำให้คลองสายนี้กลับมามีน้ำไหลใสสะอาด สร้างทัศนียภาพที่สวยงามและเป็นที่ชื่นชมของประชาชนและนักท่องเที่ยว ซึ่งนับตั้งแต่เดือนมีนาคมจนถึงปัจจุบัน โครงการฯ ได้ส่งน้ำสนับสนุนทั้งคูเมืองและคลองแม่ข่าไปแล้วกว่า 300,000 ลูกบาศก์เมตร

นายอำนาจ อินทร์วงศ์แก้ว กล่าวเพิ่มเติมว่า โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาแม่แตงมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้สนับสนุนการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่ โดยได้มีการวางแผนการจัดสรรน้ำในช่วงเทศกาลสงกรานต์อย่างเหมาะสม ซึ่งการส่งน้ำได้เริ่มขึ้นตั้งแต่กลางเดือนมีนาคมและจะดำเนินต่อไปจนถึงวันที่ 20 เมษายน 2568 แม้ว่าช่วงเวลาดังกล่าวจะเป็นรอบเวรการใช้น้ำของเกษตรกรในพื้นที่ฝ่ายส่งน้ำและบำรุงรักษาที่ 2 ถึง 4 แต่ปริมาณน้ำที่ส่งมาสนับสนุนคูเมืองเชียงใหม่นั้นไม่ได้ส่งผลกระทบต่อพื้นที่เกษตรกรรมแต่อย่างใด เนื่องจากในปีนี้ปริมาณน้ำต้นทุนในแม่แตงมีมากกว่าปีที่ผ่านมา

ขยายผลจับยกแก๊งค์! ล่าสัตว์เหนือเขื่อน โยงใยไฟป่าแม่ปิง

ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 เผยผลสืบสวนขบวนการล่าสัตว์ป่าเหนือเขื่อนภูมิพล พบจุดความร้อนถี่ใน อช.แม่ปิง ชี้ชัด “การล่า” คือสาเหตุหลัก แก๊งค์มอดไม้จุดไฟหวังต้อนสัตว์ลงน้ำ

เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2568 นายกริชสยาม คงสตรี ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 เปิดเผยถึงปฏิบัติการจับกุมผู้กระทำผิดกฎหมายล่าสัตว์ป่าในพื้นที่อุทยานแห่งชาติแม่ปิง จังหวัดตาก โดยระบุว่า เมื่อวันที่ 8 เมษายนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่อุทยานฯ ร่วมกับกำลังพลทหารจากมณฑลทหารบกที่ 310 และกองพันทหารราบที่ 14 พัน 2 ได้สนธิกำลังออกลาดตระเวนทางเรือในบริเวณห้วยไคร้ ตำบลบ้านนา อำเภอสามเงา ในเขตอุทยานแห่งชาติแม่ปิง และสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 2 ราย พร้อมของกลางเป็นอาวุธปืนที่ใช้ในการล่าสัตว์

จากการสืบสวนขยายผล เจ้าหน้าที่ได้ประสานงานกับผู้นำชุมชนในพื้นที่ใกล้เคียง เพื่อเข้าตรวจสอบแพรับซื้อปลาแห่งหนึ่ง และตรวจพบซากสัตว์ป่าจำนวนมาก จึงได้ทำการตรวจยึดซากสัตว์ป่าทั้งหมดเพื่อนำไปตรวจสอบและดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ขณะนี้อยู่ระหว่างการนำตัวผู้ต้องหาและของกลางมายังสถานีตำรวจเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมาย

นายกริชสยามกล่าวเพิ่มเติมว่า บริเวณห้วยไคร้เป็นพื้นที่ที่มีลักษณะเป็นลำห้วยกว้าง สามารถนำเรือเข้าไปลึกได้ และยังเป็นจุดที่พบการเกิดจุดความร้อน (Hotspot) จำนวนมากในช่วงปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งจากการสอบสวนเบื้องต้นพบว่า สาเหตุสำคัญประการหนึ่งของการเกิดไฟป่าในบริเวณดังกล่าวมาจากการลักลอบล่าสัตว์ป่า โดยผู้กระทำผิดจุดไฟเพื่อไล่ให้สัตว์ป่าลงมายังบริเวณริมน้ำ หรือจุดไฟเพื่อให้เกิดหญ้าระบัด ซึ่งจะดึงดูดสัตว์ป่าเข้ามาหากิน ทำให้ง่ายต่อการล่า ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่จะเร่งดำเนินการสอบสวนเพื่อหาผู้ร่วมขบวนการและดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

รวบหนุ่มใต้ ค้าสัตว์ป่าคุ้มครองกลางแหล่งท่องเที่ยวเชียงใหม่ ยึดซากเลียงผา-นกกรงหัวจุกอื้อ

ตำรวจ ปทส. เชียงใหม่ บุกจับชายชาวใต้ ลักลอบเพาะพันธุ์และค้าสัตว์ป่าคุ้มครอง ทั้งสัตว์มีชีวิตและซากสัตว์ อาทิ นกกรงหัวจุกและเลียงผา ยึดของกลางได้จำนวนมาก ภายในบ้านพักในหมู่บ้านถวาย แหล่งหัตถกรรมชื่อดังของจังหวัด

เจ้าหน้าที่ตำรวจ กองบังคับการตำรวจปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) จังหวัดเชียงใหม่ นำโดย ว่าที่ พ.ต.ต.จิรายุ อิ่นแก้ว สารวัตร กองกำกับการ 4 บก.ปทส. พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ เข้าตรวจค้นห้างหุ้นส่วนจำกัดแห่งหนึ่งในหมู่บ้านถวาย ตำบลขุนคง อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ ตามหมายค้นศาล หลังได้รับแจ้งว่ามีการลักลอบกักขังและจำหน่ายสัตว์ป่าคุ้มครอง

จากการตรวจค้น พบ นกปรอดหัวโขน หรือนกกรงหัวจุก สัตว์ป่าคุ้มครองบัญชีหมายเลข 1 จำนวน 23 ตัว, ซากเลียงผา (หรือเยือง, กูรำ, โครำ) ส่วนหัว 2 หัว และกิ่งไม้ 4 กิ่ง, ซากอีเก้ง (หรือเก้ง, ฟาน) ส่วนหัว 1 หัว และกิ่งไม้ 2 กิ่ง นอกจากนี้ยังพบเพนียดดักนก 1 หลัง และกล่องไม้อัดสำหรับเคลื่อนย้ายนก 9 กล่อง

จากการสอบสวน นายบอย (นามสมมุติ) ผู้ต้องหา ยอมรับว่าเป็นเจ้าของสัตว์ป่าทั้งหมด และให้การว่าได้เพาะพันธุ์นกจริง แต่ใบอนุญาตหมดอายุและไม่ได้ต่ออายุหรือแจ้งย้ายสถานที่ โดยเข้าใจผิดว่าสามารถทำได้เอง

เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแจ้งข้อกล่าวหา “มีไว้ในครอบครองซึ่งสัตว์ป่าสงวน สัตว์ป่าคุ้มครอง หรือซากสัตว์ป่าดังกล่าวโดยไม่ได้รับอนุญาต” และนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.หางดง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

พล.ต.ต.วัชรินทร์ พูสิทธิ์ ผู้บังคับการตำรวจ ปทส. เปิดเผยว่า การจับกุมครั้งนี้เป็นผลมาจากการสืบสวนและเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง เพื่อปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับสัตว์ป่าในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่

เร่งซ่อมคลองท้ายเขื่อนแม่กวงฯ รับสงกรานต์ หวั่นอันตรายนักท่องเที่ยว

โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาแม่กวงอุดมธารา สั่งเร่งดำเนินการซ่อมแซมพื้นคลองส่งน้ำท้ายอุโมงค์เขื่อนหลัก หลังพบถูกกระแสน้ำกัดเซาะจนเหล็กเสริมโผล่ หวั่นเป็นอันตรายต่อนักท่องเที่ยวและประชาชนที่จะมาเล่นน้ำในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่จะถึงนี้ คาดการณ์แล้วเสร็จทันรอบเวรส่งน้ำให้การเกษตรกลางเดือนเมษายน

นายเฉลิมเกียรติ อินทกนก ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาแม่กวงอุดมธารา เปิดเผยถึงความคืบหน้าการดำเนินงานตรวจสอบและซ่อมแซมบริเวณพื้นคลองส่งน้ำท้ายอุโมงค์เขื่อนหลัก เขื่อนแม่กวงอุดมธารา ว่า เมื่อวันที่ 8 เมษายน 2568 ทีมเจ้าหน้าที่ฝ่ายวิศวกรรม ฝ่ายช่างกล และฝ่ายส่งน้ำและบำรุงรักษาที่ 1 ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบตามข้อสั่งการ หลังได้รับรายงานว่าพื้นคอนกรีตในบางจุดถูกกระแสน้ำกัดเซาะเป็นเวลานานจนเห็นเหล็กเสริม ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อผู้ที่ลงไปเล่นน้ำ

จากการตรวจสอบพบว่า สภาพความเสียหายดังกล่าวเกิดขึ้นจริง โครงการฯ จึงได้สั่งการให้เร่งดำเนินการแก้ไขโดยด่วน ด้วยการดัดเหล็กที่โผล่และเทปูนปิดทับ เพื่อปรับปรุงพื้นคลองให้กลับสู่สภาพเดิมและมั่นคงแข็งแรง ป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นกับประชาชนและนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาพักผ่อนและเล่นน้ำบริเวณท้ายเขื่อนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งตรงกับรอบเวรการส่งน้ำให้พื้นที่การเกษตรระหว่างวันที่ 11 – 17 เมษายน 2568

นายเฉลิมเกียรติ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในช่วงเวลาดังกล่าว คาดการณ์ว่าจะมีประชาชนและนักท่องเที่ยวทั้งในและนอกพื้นที่อำเภอดอยสะเก็ดและอำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ เดินทางมาพักผ่อนและเล่นน้ำบริเวณท้ายเขื่อนแม่กวงอุดมธาราเป็นจำนวนมาก การเร่งซ่อมแซมจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อสร้างความมั่นใจในความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกให้กับทุกคน

นบ.ยส.35 ผนึกกำลัง “Seal Stop Safe” คุมเข้มชายแดนเหนือ สกัดยาเสพติด

หน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้น และเคมีภัณฑ์ ชายแดนภาคเหนือ (นบ.ยส.35) เดินหน้าขับเคลื่อนนโยบายสำคัญของรัฐบาล “Seal Stop Safe” อย่างเข้มข้น จัดประชุมหารือแนวทางการปฏิบัติงานร่วมกับทุกภาคส่วน ณ อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ มุ่งยกระดับการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดตามแนวชายแดนภาคเหนืออย่างเป็นระบบและครอบคลุมทุกมิติ

เมื่อวันที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2568 พลโท กิตติพงษ์ ชื่นใจชน ผู้บัญชาการ นบ.ยส.35 เป็นประธานในการประชุมสำคัญเพื่อหารือแนวทางการขับเคลื่อนการดำเนินงานของหน่วยฯ ภายใต้นโยบาย “Seal Stop Safe” ซึ่งเป็นแผนปฏิบัติการสำคัญของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างจริงจัง การประชุมจัดขึ้น ณ โรงแรมเดอะวิว อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งถือเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์สำคัญในการป้องกันยาเสพติดที่ไหลทะลักเข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้าน

การประชุมครั้งนี้มีเป้าหมายหลักเพื่อกำหนดกรอบการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในพื้นที่รับผิดชอบของ นบ.ยส.35 โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งครอบคลุมอำเภอฝาง แม่อาย เชียงดาว ไชยปราการ และเวียงแหง อันเป็นพื้นที่ภูเขาสลับซับซ้อนและมีช่องทางธรรมชาติจำนวนมากที่เอื้อต่อการลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากชายแดนประเทศเมียนมา การเสริมกำลังเจ้าหน้าที่ การลาดตระเวน และการตรวจตราอย่างเข้มงวดจึงเป็นภารกิจสำคัญที่ต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง

สำหรับจังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งมีภูมิประเทศทุรกันดารและยากต่อการเข้าถึง โดยเฉพาะในอำเภอปางมะผ้าและอำเภอปาย ซึ่งเป็นจุดเสี่ยงต่อการเคลื่อนไหวของขบวนการค้ายาเสพติด นบ.ยส.35 ได้เน้นย้ำถึงการบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยเฉพาะกิจทหาร ตำรวจตระเวนชายแดน และหน่วยงานท้องถิ่น ในการติดตามข่าวสาร การตั้งจุดตรวจจุดสกัด และการสร้างเครือข่ายภาคประชาชนเพื่อแจ้งเบาะแสอย่างทันท่วงที

ภายใต้แนวคิด “Seal – Stop – Safe” การดำเนินงานของ นบ.ยส.35 จะมุ่งเน้นในสามด้านหลัก ได้แก่ การ “Seal” หรือการปิดล้อมแนวชายแดนอย่างเข้มงวดเพื่อป้องกันไม่ให้ยาเสพติดเล็ดลอดเข้าสู่ประเทศ การ “Stop” หรือการหยุดยั้งและสลายโครงสร้างเครือข่ายนักค้ายาเสพติด รวมถึงการขยายผลยึดทรัพย์สินของกลุ่มขบวนการ และการ “Safe” หรือการสร้างความปลอดภัยและภูมิคุ้มกันให้กับประชาชนในพื้นที่เสี่ยง

พลโท กิตติพงษ์ ชื่นใจชน ได้เน้นย้ำในที่ประชุมถึงความสำคัญของการบูรณาการความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง สำนักงาน ป.ป.ส. รวมถึงผู้นำชุมชนและอาสาสมัครในพื้นที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสร้างความเข้าใจและความเข้มแข็งในระดับชุมชน จะเป็นปัจจัยสำคัญในการปิดประตูไม่ให้ยาเสพติดไหลเข้าสู่ประเทศ

การประชุมในครั้งนี้นับเป็นก้าวสำคัญในการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการ “Seal Stop Safe” ให้เกิดผลเป็นรูปธรรม เพื่อเป้าหมายสูงสุดคือการทำให้ประชาชนในพื้นที่ชายแดนมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ควบคู่ไปกับการเสริมสร้างความมั่นคงของประเทศในระยะยาว

กลุ่มต้านคาสิโนเชียงใหม่รวมพลังเสื้อขาว ต้านคาสิโน-นิรโทษกรรม “สุดซอย” จี้รัฐบาลทบทวน

กลุ่มชาวเชียงใหม่หลากหลายศาสนา ร่วมแสดงพลังสวมเสื้อสีขาว ณ ลานประตูท่าแพ ต่อต้านแผนผลักดันกฎหมาย Entertainment Complex ที่อาจนำไปสู่การเปิดคาสิโน และคัดค้านร่างกฎหมายนิรโทษกรรม “สุดซอย” โดยมองว่ารัฐบาลมีเจตนาแอบแฝงและทำร้ายสังคม

ที่ลานประตูท่าแพ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ กลุ่มคนเชียงใหม่จากหลากหลายอาชีพ อาทิ นักธุรกิจ นักวิชาการ และประชาชนจากทุกศาสนา ร่วมกันสวมเสื้อสีขาวในการชุมนุมเพื่อแสดงพลังต่อต้านแผนการผลักดันกฎหมาย Entertainment Complex ของรัฐบาล โดยเฉพาะประเด็นการเปิดคาสิโนในประเทศไทย แม้ว่าล่าสุด นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะออกมาประกาศเลื่อนการพิจารณาร่างกฎหมายดังกล่าวแล้วก็ตาม ผู้เข้าร่วมชุมนุมหลายร้อยคนยังคงยืนยันว่า รัฐบาลควรยกเลิกแผนนี้โดยเด็ดขาด โดยให้เหตุผลว่า คาสิโนและการพนันออนไลน์เป็นบ่อเกิดปัญหาทางสังคมและส่งผลกระทบต่อเยาวชน

ผู้ชุมนุมยังแสดงความกังวลต่อการผลักดันร่างกฎหมายนิรโทษกรรม “สุดซอย” ที่นักการเมืองทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาลกำลังเสนอเข้าสู่สภาฯ อีกครั้ง โดยมองว่าเป็นการดำเนินการเพื่อประโยชน์ส่วนตัวมากกว่าประโยชน์ส่วนรวม และขัดต่อเสียงส่วนใหญ่ของประชาชนที่เคยแสดงออกในการทำประชามติก่อนหน้านี้ กลุ่มผู้ชุมนุมจึงเรียกร้องให้รัฐบาลและนักการเมืองทบทวนการดำเนินการดังกล่าว และให้ความสำคัญกับปัญหาปากท้องของประชาชนเป็นอันดับแรก

กรมการค้าภายในเร่งมาตรการเชิงรุก รับมือลำไยเหนือล้นตลาด

ลำพูนกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เร่งเครื่องดำเนินมาตรการเชิงรุก เพื่อบริหารจัดการผลผลิตลำไยในพื้นที่ภาคเหนือ โดยเฉพาะจังหวัดเชียงใหม่และลำพูน ที่คาดการณ์ว่าจะมีปริมาณผลผลิตเพิ่มขึ้นถึง 10% หรือกว่า 500,000 ตัน ในฤดูกาลนี้ อันเนื่องมาจากสภาพอากาศหนาวที่ยาวนานในช่วงฤดูหนาวที่ผ่านมา

นายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยภายหลังการลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมสวนลำไยในจังหวัดเชียงใหม่และลำพูน เพื่อติดตามความพร้อมในการรองรับผลผลิตลำไยฤดูกาลใหม่ ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายพิชัย นริพทะพันธุ์ ที่ให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการผลไม้เชิงรุก เพื่อแก้ไขปัญหาผลผลิตล้นตลาดและรักษาเสถียรภาพราคาให้แก่เกษตรกร

ในการลงพื้นที่ครั้งนี้ อธิบดีกรมการค้าภายในได้มีการหารืออย่างใกล้ชิดกับเกษตรกรแปลงใหญ่ลำไย ตำบลชมภู อำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่ และวิสาหกิจชุมชนลำไยแปลงใหญ่ ตำบลวังผาง อำเภอเวียงหนองล่อง จังหวัดลำพูน ซึ่งถือเป็นแหล่งผลิตลำไยที่มีความสำคัญและมีการบริหารจัดการแปลงที่ได้มาตรฐาน โดยได้รับทราบถึงสถานการณ์ผลผลิตและแนวทางการบริหารจัดการของเกษตรกรในพื้นที่

จากการหารือร่วมกับเกษตรกรและหน่วยงานในระดับจังหวัด พบว่า ปริมาณผลผลิตลำไยในปีนี้มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นประมาณ 10% ส่งผลให้กรมการค้าภายในต้องเร่งประสานแผนงานเชิงรุกกับสำนักงานพาณิชย์จังหวัด และภาคเอกชนในพื้นที่ เพื่อเชื่อมโยงและระบายผลผลิตลำไยออกจากแหล่งผลิตอย่างมีประสิทธิภาพ

สำหรับมาตรการด้านการตลาดภายในประเทศ กรมการค้าภายในมีแผนที่จะจัดกิจกรรมเชื่อมโยงผลผลิตลำไยไปจำหน่ายยังภูมิภาคอื่น ๆ ทั่วประเทศ อาทิ ภาคใต้และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ผ่านกิจกรรมส่งเสริมการขายต่าง ๆ เช่น มหกรรมธงฟ้า ซึ่งจะช่วยกระจายผลผลิตไปยังผู้บริโภคในวงกว้าง นอกจากนี้ ยังได้ประสานความร่วมมือกับห้างสรรพสินค้าและห้างค้าปลีกทั่วประเทศ เพื่อเพิ่มปริมาณการวางจำหน่ายลำไยในสาขาต่าง ๆ

ในส่วนของการสนับสนุนด้านบรรจุภัณฑ์และการขนส่ง กรมการค้าภายในได้เตรียมความพร้อมด้านกล่องและตะกร้าบรรจุภัณฑ์ลำไยที่ได้มาตรฐานและเหมาะสมกับการขนส่งทั่วประเทศ โดยได้รับความร่วมมือจากบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ในการอำนวยความสะดวกด้านการขนส่งลำไยจากสวนของเกษตรกรไปยังผู้บริโภคโดยตรงอย่างรวดเร็ว ทั้งผ่านช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน

นายวิทยากร กล่าวเพิ่มเติมถึงความสำคัญของการส่งออกลำไยว่า กรมการค้าภายในได้ลงพื้นที่เยี่ยมชมกระบวนการปิดตู้คอนเทนเนอร์เพื่อการส่งออก ณ บริษัท แพลททินัม ฟรุ๊ต จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้ส่งออกลำไยรายใหญ่ของประเทศ โดยได้เห็นถึงกระบวนการคัดเกรดลำไยสดด้วยระบบที่ทันสมัย การบรรจุลงกล่องและตู้คอนเทนเนอร์ที่เป็นไปตามมาตรฐานสากล ซึ่งลำไยเหล่านี้จะถูกส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศที่สำคัญ เช่น อินโดนีเซีย อินเดีย และสหรัฐอเมริกา โดยปัจจุบันมีการส่งออกเฉลี่ยสัปดาห์ละกว่า 50 ตู้คอนเทนเนอร์

นอกจากตลาดส่งออกเดิมที่มีอยู่แล้ว กระทรวงพาณิชย์ยังคงมุ่งมั่นในการแสวงหาตลาดใหม่ ๆ เพื่อรองรับผลผลิตลำไยของไทย อาทิ ประเทศในตะวันออกกลางและแคนาดา เพื่อเพิ่มช่องทางการระบายผลผลิตและรักษาเสถียรภาพราคาลำไยในฤดูกาลนี้

อธิบดีกรมการค้าภายในจึงขอความร่วมมือไปยังพี่น้องเกษตรกรชาวสวนลำไย ให้ความสำคัญกับการผลิตลำไยที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐานตรงตามความต้องการของตลาด ทั้งในด้านขนาด รสชาติ และความปลอดภัย รวมถึงการดูแลรักษาและคัดบรรจุผลผลิตอย่างถูกสุขลักษณะ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศ และเพิ่มโอกาสในการแข่งขันในตลาดอย่างยั่งยืน