ยึดแทบจะรายวัน ยาบ้ากว่า 6 แสนเม็ด กกล.ผาเมืองปะทะกลุ่มลำเลียงยา

กกล.ผาเมือง ปะทะ ขบวนการลำเลียงยาเสพติด ยึดยาบ้า 600,000 เม็ด มีมูลค่าถึง 90 ล้านบาท พื้นที่ อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย

วันที่ 20 กรกฎาคม 2567 เวลา 14.30 น. พลตรี ประพัฒน์ พบสุวรรณ ผู้บัญชาการกองกำลังผาเมือง เดินทางเข้าตรวจพื้นที่เกิดเหตุ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งชี้แจงข้อมูลาว่า กรณี เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2567 เวลา 02.30 น. กองร้อยทหารม้าที่ 2 หน่วยเฉพาะกิจทัพเจ้าตาก จัดกำลัง จำนวน 1 ชุดปฏิบัติการ ทำการเฝ้าตรวจและปะทะกลุ่มขบวนการลักลอบลำเลียงยาเสพติด บริเวณบ้านห้วยปูใหม่ ตำบลเชียงแสน อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย

มีรายงานผลการปฏิบัติว่า ฝ่ายเจ้าหน้าที่ปลอดภัย หน่วยจึงได้จัดกำลังเพิ่มเติมวางกำลังควบคุมพื้นที่เกิดเหตุ ต่อมาเมื่อเวลา 06.30 น. หน่วยได้จัดกำลังเข้าพิสูจน์ทราบพื้นที่เกิดเหตุ สามารถตรวจยึดของกลางยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) บรรจุอยู่ในเป้กระสอบดัดแปลง จำนวน 3 เป้ๆ ละ ประมาณ 200,000 เม็ด รวมยาบ้าประมาณ 600,000 เม็ด แต่ไม่พบกลุ่มขบวนการฯ บาดเจ็บหรือเสียชีวิต ทั้งนี้ประเมินว่าหากยาเสพติดจำนวนนี้หลุดเข้าไปในพื้นที่ตอนในของประเทศ จะมีมูลค่าสูงถึง 90,000,000 บาท ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้นำของกลางส่ง สถานีตำรวจภูธรแม่ฟ้าหลวง เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

 

จับบิ๊กล็อต ยาบ้า 6 ล้านเม็ด “ผู้ว่าต้น” สั่งบูรณาการตรวจเข้ม ชวนประชาชนชี้เบาะแส มท.1 บินส่วนตัวนำทีมแถลงข่าว

แม่ฮ่องสอน จับยา “ล็อตใหญ่กว่า 6 ล้านเม็ด” ผู้ว่าฯ เข้ม! สั่งการให้ชุดปฏิบัติการพิเศษฝ่ายปกครอง บูรณาการร่วมกับตำรวจทหารเต็มกำลัง ออกลาดตระเวนแนวชายแดน เพื่อป้องกันการลำเลียงยาเสพติดเข้ามาในพื้นที่อย่างเข้มข้น หากพี่น้องประชาชนพบเบาะแส แจ้งเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง หรือโทรสายด่วน 1567 ทันที รัฐบาลให้ความสำคัญ มท.1 บินส่วนตัวเข้าพื้นที่นำทีมแถลงข่าว ย้ำ!! ให้เข้มการปฏิบัติกวาดล้างยาเสพติด ชี้ยังมีมาจ่อชายแดนอีกมาก พร้อมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่

วันที่ 20 ก.ค. 2567 นายชูชีพ พงษ์ไชย ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน เปิดเผยว่า จังหวัดแม่ฮ่องสอน ออกปฏิบัติการกวาดล้างยาเสพติด โดยชุดปฏิบัติการพิเศษฝ่ายปกครองสนธิกำลังกับฝ่ายตำรวจและทหารในพื้นที่อำเภอปาย ออกลาดตระเวนตามแนวชายแดนของพื้นที่และตรวจพบยาเสพติด จำนวนกว่า 6,100,000 เม็ด เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการยึดของกลาง เพื่อส่งดำเนินคดีตามกฎหมายและจะทำการขยายผลของการตรวจพบในครั้งนี้เพื่อหาต้นตอจับกุมตัวเจ้าของยาเสพติดและตัวพ่อค้ายารายใหญ่ เพื่อนำมาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ถึงที่สุด

ปฏิบัติการในครั้งนี้เกิดขึ้นจากการที่ฝ่ายความมั่นคงอำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้รับการรายงานข่าวจากสายลับในเขตพื้นที่ ต.แม่นาเติง อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน ว่ามีการลักลอบขนยาเสพติดล็อตใหญ่เข้ามาอย่างพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน เมื่อได้ทราบการแจ้งข่าวดังกล่าว ตนจึงสั่งการให้ นายเอนก ปันทะยม นายอำเภอปาย มอบหมายให้ชุดปฏิบัติการพิเศษฝ่ายปกครองอำเภอปาย ประกอบด้วย ปลัดอำเภอและสมาชิกกองอาสารักษาดินแดนอำเภอปาย บูรณาการร่วมกับ สถานีตำรวจภูธรปาย ตชด.336 และกองร้อยทหารราบที่ 723 หน่วยเฉพาะกิจสิงหนาท ลาดตระเวนตรวจสอบการลำเลียงยาเสพติดตามที่ได้รับแจ้ง จนกระทั่งถึงเวลา 13.30 น. ระหว่างการเดินสำรวจพื้นที่เจ้าหน้าที่ได้พบยาเสพติด ถูกทิ้งไว้บริเวณในป่า ซึ่งจากการตรวจนับรวมทั้งหมด มียาเสพติดที่ถูกบรรจุเอาไว้ มากถึง 31 กระสอบ แยกเป็นยาบ้าจำนวน 6,100,000 เม็ด เคตามีน จำนวน 21 ก.ก. และรถมอเตอร์ไซค์ จำนวน 3 คัน จอดอยู่ใกล้จุดที่พบยาเสพติด พื้นที่ป่าบริเวณบ้านน้ำปลามุง (บ้านบริวารบ้านผีลู หมู่ที่ 9) ต.แม่นาเติง อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการตรวจยึดของกลางทั้งหมด ส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรปายเพื่อดำเนินการตามกฎหมาย ควบคู่ไปกับสืบหาเจ้าของของกลางทั้งหมดที่นำมาทิ้งไว้และเพื่อสืบเสาะไปยังตัวพ่อค้ารายใหญ่ในการผลิตยาบ้าต่อไป นายชูชีพ กล่าว

นายชูชีพ พงษ์ไชย ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน กล่าวต่อไปว่า ปฏิบัติการในครั้งนี้ เป็นการดำเนินงานขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหายาเสพติดตามแนวทางป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในระยะเร่งด่วน 3 เดือน (เดือนกรกฎาคม – กันยายน 2567) ของกระทรวงมหาดไทย ที่มุ่งมั่น เข้มข้นและจริงจัง เพื่อลดปัญหาความไม่สงบที่เกิดขึ้นในสังคม ซึ่งส่วนใหญ่ล้วนเกิดมาจากปัญหายาเสพติด ทั้งการทำร้ายร่างกาย ทำลายทรัพย์สินส่วนบุคคลและทรัพย์สินสาธารณะ และทำร้ายเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานตามกฎหมายเพื่อระงับเหตุและรักษาความสงบเรียบร้อยให้กับพี่น้องประชาชน ปฏิบัติการในครั้งนี้จึงเปรียบเสมือน “การตัดไฟ ตั้งแต่ต้นลม” กล่าวคือ การลดความเสี่ยง อันเป็นต้นตอที่จะนำมาซึ่งเหตุแห่งการสูญเสีย ด้วยการปราบปรามผู้ที่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด และป้องกันสังคม ไม่ให้ตกอยู่ในอันตรายที่อาจจะตามมาได้


“จังหวัดแม่ฮ่องสอน ถือเป็นจุดยุทธศาสตร์” ที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ เนื่องจากมีชายแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้านและมีพื้นที่ป่าเป็นจำนวนมากซึ่งง่ายต่อการลักลอบขนยาเสพติดข้ามแดน และบ่อยครั้งที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงสามารถจับกุมและตรวจยึดของกลางเป็นยาเสพติดจำนวนมาก ตนจึงอยากเน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ทั้งฝ่ายปกครอง ตำรวจ ทหาร ทุกคนเป็นกำลังพลที่พร้อมจะปฏิบัติงานต่อต้านยาเสพติดด้วยวิธีการทุกรูปแบบทั้งเชิงรุก และเชิงรบ เพื่อปราบปรามกลุ่มพ่อค้า ผู้ที่ลักลอบขนยาเสพติดเข้ามาในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน ขอให้ทุกคนมุ่งมั่น และยึดมั่นในการบังคับใช้กฎหมายเพื่อปฏิบัติหน้าที่โดยไม่หลงมัวเมาในสิ่งผิด การยั่วยุ และการพยายามติดสินบนของผู้กระทำผิดเพื่อให้รอดพ้นจากกฎหมาย โดยต้องพึงระลึกอยู่เสมอว่าเราคือปราการด่านสุดท้ายที่จะสามารถปกป้องพี่น้องประชาชนรวมทั้งลูกหลานของทุกคนให้รอดพ้นและปลอดภัยจากยาเสพติดซึ่งเป็นภัยร้ายที่กำลังจะคืบคลานเข้ามาทำลายสังคมไทยอยู่ตลอดเวลา นอกจากนี้พี่น้องประชาชนยังสามารถเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการปราบปรามยาเสพติดให้เกิดผลได้อย่างยั่งยืนอีกส่วนหนึ่ง ด้วยการร่วมเป็นหูเป็นตาสอดส่องความผิดปกติ แจ้งเบาะแสการกระทำความผิดทุกประเภท ผ่านทางนายอำเภอ ปลัดอำเภอ เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน หรือที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอ สายด่วน 1567 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อร่วมด้วยช่วยกันรักษาสังคมที่เรารัก และทำให้ยาเสพติดหมดสิ้นไปจากสังคมตลอดไป” นายชูชีพ กล่าวในช่วงท้าย

ที่มา : กระทรวงมหาดไทย

………………………………………………..

กระทั่งเวลา 15.30 น. ที่สถานีตำรวจภูธรอำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน นายอนุทิน ชาญวีระกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย บินด้วยเครื่องบินส่วนตัว พร้อมด้วย นาย อรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ อธิบดีกรมการปกครอง นายชูชีพ พงษ์ไชย ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน พร้อมด้วย พันเอกไมตรี ชูปรีชา รองผู้บัญชาการกองกำลังนเรศวร พล.ต.ตไพศาล ลืมสมบูรณ์ รอง.ผบช.ภาค 5 พล.ต.ต.ยุทธนา แก่นจันทร์ ผบก.ภ.จว.แม่ฮ่องสอน นายเอนก ปันทะยม นายอำเภอปาย เปิดแถลงการตรวจยึดยาเสพติดล็อตใหญ่ที่ถูกลำเลียงจากตะเข็บชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน เข้ามายังเขตประเทศไทย ด้านอำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน

นายอนุทินฯ มท.1 กล่าวว่า รัฐบาลภายใต้การนำของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้มอบนโยบายการแก้ไขปัญหายาเสพติดระยะเร่งด่วน 3 เดือน (ก.ค. – ก.ย. 2567) เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างยั่งยืนโดยบูรณาการทุกภาคส่วนแบบเชิงรุกและ Re – Xray พื้นที่อย่างต่อเนื่อง

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวอีกว่า ปัจจุบันยังมียาเสพติดจำนวนมากตามตะเข็บชายแดนภาคเหนือ เพื่อเตรียมจ่อที่จะทะลักเข้าสู่ประเทศไทย จึงขอชื่นชมให้กำลังใจหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ได้บูรณาการกันอย่างเข้มข้น ซึ่งตนได้รับรายงานอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา เพราะพฤติกรรมของผู้ลักลอบกระทำความผิดยาเสพติดยังคงมีอยู่ ถ้าคนทำผิดขยันผลิตยาเสพติด ขยันขาย พวกเราก็ต้องขยันปราบปราม ควบคู่การตรวจตรากวดขันอย่างเต็มที่ ใช้กฎหมายทุกมาตรการที่มีอยู่ในการทำให้การปราบปรามยาเสพติดมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ กระทรวงมหาดไทยบังคับใช้กฎหมายอย่างเต็มที่ไม่ให้มีการฝ่าฝืน

“วันนี้ ผมต้องการมาให้กำลังใจผู้ปฏิบัติงานทุกท่าน เพราะเรื่องการป้องกันปราบปรามยาเสพติด เรามีต้นทุน คือ การปฏิบัติหน้าที่ที่ทุ่มเทเสียสละ เราจะไม่ยอมให้เยาวชนของเราเข้าถึงยาเสพติด การดำเนินการครั้งนี้สำเร็จด้วยการบูรณาการทั้งฝ่ายปกครองและฝ่ายความมั่นคงย่อมสร้างความเสียหายต่อผู้ผลิตและผู้ค้าแน่นอน และเชื่อมั่นว่าพวกเราทุกหน่วยงานมีเครือข่ายป้องกันปราบปรามยาเสพติด มีกลไกในพื้นที่เพื่อสกัดกั้นการระบาด และป้องกันปราบปรามทุกพื้นที่ โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้นำการบูรณาการร่วมกับหน่วยงานภาคีภายในจังหวัด ทั้งตำรวจภูธรจังหวัด ตชด. อส.ฝ่ายทหาร กอ.รมน.จังหวัด และหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง อย่างมีประสิทธิภาพ และวัดผลได้อย่างเป็นรูปธรรม” นายอนุทิน ชาญวีระกูล มท.1 กล่าว

แม่แจ่ม “ปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติ” จัดค่ายเยาวชนรักษ์ป่า หนุนสร้างจิตสำนึกรักษ์ป่าต้นน้ำ

อำเภอแม่แจ่มปลูกต้นไม้สร้างป่า ดำเนินโครงการ “ปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติ” เฉลิมพระเกียรติในหลวงรัชกาลที่ 10 พร้อมจัดกิจกรรม “ค่ายเครือข่ายเยาวชนไทยรักษ์ป่า จังหวัดเชียงใหม่ รุ่นที่ 2” ปลูกจิตสำนึกเยาวชนอนุรักษ์ป่าต้นน้ำ

วันที่ 20 กรกฎาคม 2567 เวลา 09.00 น. นายสุระวุธ จันทร์งาม นายอำเภอแม่แจ่ม เป็นประธานในกิจกรรมปลูกป่า “โครงการปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติ” ซึ่งจัดขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 72 พรรษา 28 กรกฎาคม 2567 ณ บ้านห้วยริน หมู่ที่ 9 ตำบลช่างเคิ่ง อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่

ต่อมาเวลา 10.00 น. นายอำเภอแม่แจ่มเป็นประธานเปิดโครงการ “ค่ายเครือข่ายเยาวชนไทยรักษ์ป่า จังหวัดเชียงใหม่ รุ่นที่ 2” โดยมี ผู้แทนมูลนิธิไทยรักษ์ป่า ผู้แทนหัวหน้าหน่วยจัดการต้นน้ำในพื้นที่อำเภอแม่แจ่ม ผู้ใหญ่บ้านบ้านแม่ปาน ผู้ใหญ่บ้านบ้านใหม่ปูเลย ประชาชนทั่วไป และเยาวชนที่เข้าร่วมโครงการจำนวน 50 คน ร่วมกันแสดงพลังในการปลูกจิตสำนึกในการอนุรักษ์ป่าต้นน้ำ การฟื้นฟูระบบนิเวศ ควบคู่กับการส่งเสริมให้เยาชนปลูก 1 ป่า 1 โรงเรียน เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวภายในโรงเรียน ณ พื้นที่ป่าชุมชนบ้านใหม่ปูเลย ต.ช่างเคิ่ง อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่

อำเภอฮอด ออกทำบัตรประชาชนให้ถึงที่นอน ช่วยคนขาดโอกาสให้เข้าถึงสิทธิ์พื้นฐาน

อำเภอฮอด ร่วมกับ สำนักบริหารการทะเบียนภาค 5 ออกหน่วยบริการเคลื่อนที่ ทำบัตรประชาชนให้ถึงบ้าน โฟกัสกลุ่มเปาะบาง ผู้ไม่สามารถเดินทางมาทำบัตรที่อำเภอได้ ช่วยคนขาดโอกาส หวังลดความเหลื่อมล้ำ ให้ประชาชนเข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐานได้อย่างเท่าเทียม

วันที่ 19 กรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมา นายจักรพันธุ์ ทองอ่ำ นายอำเภอฮอด/นายทะเบียนอำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่ ได้มอบหมายให้ นายจิรพล สนธิคุณ ปลัดอำเภอ เจ้าพนักงานปกครองชำนาญการพิเศษ ในฐานะหัวหน้ากลุ่มงานทะเบียน ฯ อำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกับ นายบุญญฤทธิ์ นิปวณิชย์ หัวหน้าศูนย์บริหารการทะเบียนภาค 5 สาขาจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ศูนย์ ฯ การทะเบียนภาค 5 สาขาจังหวัดเชียงใหม่ ออกหน่วยบริการจัดทำบัตรประจำตัวประชาชนเคลื่อนที่ Mobile Unit ให้กับกลุ่มเปราะบางในพื้นที่ ตำบลบ้านตาล, ตำบลบ่อหลวง, ตำบลบ่อสลี อำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่ และบนพื้นที่สูงห่างไกล โดยให้บริการกับกลุ่มเปาะบาง อาทิ ผู้ป่วยติดเตียง ผู้สูงอายุ ผู้พิการที่ไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้ และไม่สามารถเดินทางมาทำบัตรประจำตัวประชาชนยังที่ว่าการอำเภอได้

ทั้งนี้การดำเนินการเพื่อเป็นการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนได้มีบัตรประจำตัวประชาชนอย่างทั่วถึง อันเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนคนไทยให้เข้าถึงสิทธิและบริการจากภาครัฐ และเป็นการช่วยเหลือ บำบัดทุกข์ บำรุงสุข ให้กับพี่น้องประชาชนกลุ่มเปาะบาง ตามนโยบายของจังหวัดเชียงใหม่ กรมการปกครอง และกระทรวงมหาดไทย ที่สำคัญเป็นการดำเนินการแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชน เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 72 พรรษา (28 กรกฎาคม 2567)

มีรายงานผลการปฏิบัติว่า การดำเนินการได้รับการตอบรับที่ดีจากพี่น้องประชาชนเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะกลุ่มคนที่ขาดโอกาส เนื่องจากพื้นที่อำเภอฮอดส่วนใหญ่เป็นพื้นที่บนดอย มีความห่างไกล และเดินทางลำบาก โดยเฉพาะฤดูฝน ทำให้ต้องเข้าไปบริการถึงพื้นที่เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้รับสิทธิต่าง ๆ อย่างทั่วถึงกัน ซึ่งสำนักทะเบียนอำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่ จะได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินโครงการทำบัตรประจำตัวประชาชนเคลื่อนที่ Mobile Unit อย่างต่อเนื่องต่อไป

ขับเคลื่อนแก้ปัญหายาเสพติด อ.สันทราย ลงพื้นที่ตำบลป่าไผ่ อบรมสร้างความร่วมมือในชุมชน

ศป.ปส.อ.สันทราย ขับเคลื่อนโครงการเสริมสร้างความมั่นคง จัดกิจกรรมป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด บูรณาการทุกภาคส่วนหวังแก้ปัญหาอย่างจริงจังยั่งยืน

วันที่ 19 กรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมา ฝ่ายความมั่นคงอำเภอสันทราย โดยการอำนวยการของ นายณัชฐเดช มุลาลี นายอำเภอสันทราย มอบหมายให้ นายสมาน เสตะพันธ์ ปลัดอำเภอหัวหน้ากลุ่มงานบริหารงานปกครอง พร้อมด้วย นายพลภัทร จันทร์ลุน ปลัดอำเภอหัวหน้าฝ่ายความมั่นคง พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ปกครอง นำกำลัง สมาชิก อส. สังกัด ร้อย.อส.อ.สันทราย 15 บูรณาการร่วม เจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สภ.แม่โจ้, เจ้าหน้าที่ รพ.สต.ศรีบุญเรือง, สสอ.สันทราย และผู้ใหญ่บ้าน ม.15 ต.ป่าไผ่ อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ จัดอบรมตามโครงการเสริมสร้างความมั่นคงและความสงบเรียบร้อย ในอำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ กิจกรรมหลักที่ 1 กิจกรรมป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อความยั่งยืน ประจำปี 2567 ตามโครงการตามแผนปฏิบัติราชการประจำปีของจังหวัดเชียงใหม่ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567

สำหรับโครงการนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อควบคุมและลดระดับความรุนแรงของปัญหาการแพร่ระบาดของยาเสพติด โดยบูรณาการความร่วมมือจากทุกภาคส่วนเพื่อแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง และสนับสนุนให้ประชาชนมีส่วนร่วมกับภาครัฐในการสร้างความปลอดภัยในพื้นที่ ซึ่งมีผู้เข้าร่วมรับการอบรมฯจำนวน 54 คน ณ ศาลาประชาคม หมู่ที่ 15 ตำบลป่าไผ่ อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่

กาชาดเชียงใหม่ มอบรถเข็น-ถุงยังชีพ บรรเทาทุกข์

โครงการ กาชาดเชียงใหม่ ห่วงใย มอบรถเข็น สำหรับผู้ป่วยติดเตียง ผู้พิการและผู้สูงอายุในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 125 คัน เพื่อเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดี ศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567

เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมา นางกุสุมาล พงษ์สิทธิถาวร นายกเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานในพิธีมอบรถเข็น (wheel chair) ตามโครงการกาชาดเชียงใหม่ ห่วงใย มอบรถเข็น (wheel chair) สำหรับผู้ป่วยติดเตียง ผู้พิการและผู้สูงอายุในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 125 คัน เพื่อเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดี ศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567

ในพิธีฯ มี นางรุ่งอรุณ ชัยสวัสดิ์ นางกันยา ปัญญา รองนายกเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงใหม่ นายศิวะ ธมิกานนท์ เลขานุการเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงใหม่ คณะกรรมการและสมาชิกเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมพิธีและส่งมอบรถเข็น (wheel chair) ให้แก่ นายอำเภอ นายกกิ่งกาชาดอำเภอ และผู้แทนจากทุกอำเภอ อำเภอละ 5 คัน พร้อมถุงยังชีพที่ได้รับมอบจากคุณกาญจนา เอี่ยมสมบัติ จำนวน 125 ชุด เพื่อให้ทุกอำเภอลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจ ติดตามความเป็นอยู่ และส่งมอบรถเข็น (wheel chair) ให้แก่กลุ่มเป้าหมาย ภายในเดือนกรกฎาคม 2567 ณ ห้องนิทรรศการถาวร โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ อาคารอำนวยการ ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ ตำบลช้างเผือก อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่

ต่อจากนั้น นายกเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วย นายกกิ่งกาชาดอำเภอแม่แตง นายกเทศมนตรีตำบลแม่แตง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจ มอบรถเข็น (wheel chair) และถุงยังชีพให้แก่ นางสาวนอม เหล่าตัน ราษฎรบ้านเลขที่ 9809 หมู่ที่ 4 ตำบลแม่แตง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ที่ได้รับความเดือดร้อน รับรถเข็นและถุงยังชีพกาญจนา เป็นการบรรเทาทุกข์ในครั้งนี้

เปิดยุทธการ “ระเบิดสะพานโจร” สตช. รับลูกนโยบาย สร.1 ปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ตามแนวชายแดน

นายกรัฐมนตรีสั่งการเร่งด่วนศูนย์ไซเบอร์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติแก๊งคอลเซ็นเตอร์ตามแนวชายแดนไทย สตช. ผุดยุทธการ “ระเบิดสะพานโจร” ประสานทุกโอเปอร์เรเตอร์ตัดสัญญาณโทรศัพท์ อินเทอร์เน็ต นำร่องพื้นที่ชายแดนเชียงราย

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี สั่งการให้ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) เร่งปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ตั้งอยู่ในประเทศเพื่อนบ้านตามแนวชายแดน เข้ามาหลอกลวง สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนคนไทย ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศทั้งในด้านเศรษฐกิจและสังคมเป็นอย่างมาก

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร./ผอ.ศปอส.ตร. มอบหมายให้ พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศปอส.ตร. เปิดยุทธการ “ระเบิดสะพานโจร” โดยปฏิบัติการร่วมกับสำนักงาน กสทช. , ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่เครือข่าย AIS, DTAC, TRUE, NT และหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ โดยให้ตัดสัญญาณโทรศัพท์ และอินเทอร์เน็ตที่เกี่ยวข้อง ของไทยทั้งหมดที่คนร้ายลักลอบนำมาใช้ในการเข้ามาหลอกลวง ที่คนร้ายลักลอบลักลอบนำมาใช้ในการเข้ามาหลอกลวง อย่างเด็ดขาด

พล.ต.ท.ธัชชัย ฯ กล่าวว่า จะเริ่มกดปุ่มปฏิบัติการแรก “ระเบิดสะพานโจร” ในเขตพื้นที่จังหวัดเชียงราย ซึ่งคนร้ายได้มีฐานปฏิบัติการในเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ บริเวณโดยรอบคิงส์โรมัน ประเทศลาว โดยปัจจุบัน คิงส์โรมันเป็นสถานบันเทิงครบวงจรพร้อมมีสนามบินรองรับนักท่องเที่ยวจากไทย ลาว และเมียนมา ซึ่งปฏิบัติการดังกล่าวจะไม่มีผลกระทบต่อสุจริตชนตามแนวชายแดนไทย นอกจากนี้ จะมีการขยายผลจับกุมดำเนินคดีกับผู้ให้บริการที่ผิดกฎหมาย เช่น ตู้ซิมที่ช่วยเหลือกลุ่มคนร้ายในการลงทะเบียนซิมมาหลอกลวงประชาชน รวมทั้งจัดการกับกลุ่มคนร้ายที่เป็นชาวต่างชาติและคนไทยที่ร่วมกันมาหลอกลวงทำร้ายคนไทยด้วยกันให้ถึงที่สุด

(คลิป) “ฝ่าวิกฤต PM2.5 ด้วยพลังงานทดแทน” เชียงใหม่หนุนนำเทคโนโลยีพลังงานใช้สู้ฝุ่น

จังหวัดเชียงใหม่ จัดการสัมมนา “ฝ่าวิกฤต PM2.5 ด้วยพลังงานทดแทน” หนุนเสริมภาคส่วนต่างๆ นำเทคโนโลยีพลังงานทดแทนสู้ฝุ่น พร้อมผลักดันให้ร่วมกันสร้างความตระหนักรู้ เพื่อลดภัย PM2.5

ที่ห้องประชุมพลอยไพลิน โรงแรมกรีนเลค รีสอร์ท เชียงใหม่ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ นายทศพล เผื่อนอุดม รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานเปิดโครงการสัมมนา “ฝ่าวิกฤต PM2.5 ด้วยพลังงานทดแทน” ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 โดยมี องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ คณะทำงานบริหารจัดการเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรจังหวัดเชียงใหม่ ส่วนราชการระดับจังหวัด ร่วมการสัมมนา

สำนักงานพลังงานจังหวัดเชียงใหม่ องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ และสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกันขับเคลื่อนและดำเนินโครงการสัมมนา “ฝ่าวิกฤติ PM2.5 ด้วยพลังงานทดแทน” เพื่อส่งเสริมให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ด้วยเทคโนโลยีพลังงานทดแทน ตลอดจนเพื่อสร้างความตื่นตัว ตระหนักรู้ ในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างยั่งยืน เพื่อประโยชน์ต่อประชาชนในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ต่อไป

สำหรับกิจกรรมภายในงานสัมมนา ประกอบด้วย การบรรยายพิเศษ หัวข้อ “สถานการณ์ PM2.5 ปี 2567 ของจังหวัดเชียงใหม่ และแนวทางการแก้ไขปัญหาฯ” โดย นายทศพล เผื่อนอุดม รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ การเสวนา หัวข้อ “ฝ่าวิกฤต PM2.5 ด้วยพลังงานทดแทน” โดย ผู้แทนจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ โรงไฟฟ้าแม่เมาะ บริษัทปูนซีเมนต์ไทย (SCG) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และมูลนิธิวิสาหกิจพลังงานชุมชน การบรรยายในหัวข้อ “ท่านไม่เผา เรารับซื้อไ โดย ผศ.ประพัฒน์ เชื้อไทย ศูนย์รับซื้อวัตถุดิบเหลือใช้ทางการเกษตร เชียงใหม่ และบรรยายในหัวข้อ “เทคโนโลยีพลังงานชีวมวลอัดเม็ดแบบเคลื่อนที่” โดย วิทยาลัยพลังงานทดแทน มหาวิทยาลัยแม่โจ้ นอกจากนี้ยังมีการนำนวัติกรรมด้านพลังงานทดแทนมาจัดแสดง อาทิ แบตเตอร์รี่ หรือ เพาวเวอร์แบงค์ แหล่งพลังงานที่สามารถเปลี่ยนใช้ได้กับหลายๆ อุปกรณ์ ทั้งเครื่องเป่าลม เครื่องตัดหญ้า เลื่อยโซ่ยนต์ หรือเครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง

ด้าน นายทศพล เผื่อนอุดม รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ชื่นชมผู้มีส่วนเกี่ยวข้องที่จัดการสัมมนาครั้งนี้ พร้อมเน้นย้ำว่า การแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 ต้องอาศัยการบูรณาการการทำงานจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน ประชาชน ประชาสังคม และวิชาการ อย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง เพื่อให้ประชาชนชาวเชียงใหม่มีสุขภาพที่ดี ปลอดภัยจากฝุ่น PM2.5 อย่างยั่งยืนต่อไป

วางเป้า อีก 40 ปี “ก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์” เชียงใหม่ถกสร้างความร่วมมือขับเคลื่อนงาน

เชียงใหม่มุ่งสู่ Net Zero 2065 จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ “การสร้างความร่วมมือเพื่อขับเคลื่อนงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ จังหวัดเชียงใหม่”

ที่ห้องปารีส โรงแรมเมอร์เคียว อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ นายทศพล เผื่อนอุดม รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการ “การสร้างความร่วมมือเพื่อขับเคลื่อนงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศระดับจังหวัด จังหวัดเชียงใหม่” โดยมี คณะทำงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศระดับจังหวัดฯ คณะอนุทำงานจัดทำและขับเคลื่อนแผนการลดก๊าซเรือนกระจกระดับจังหวัดฯ ตลอดจนผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ร่วมประชุม

จังหวัดเชียงใหม่มีความจำเป็นต้องรับมือและปรับตัวเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม สังคม สุขภาพ และความมั่นคงทางอาหารและน้ำ โดยกำหนดเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) แลเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) ภายในปี พ.ศ. 2608 หรือ Net Zero 2065 ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือของทุกภาคส่วน โดยเฉพาะ คณะทำงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศระดับจังหวัดฯ และคณะอนุทำงานจัดทำและขับเคลื่อนแผนการลดก๊าซเรือนกระจกระดับจังหวัดฯ ทั้งนี้ จังหวัดเชียงใหม่ โดย สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้จัดการประชุมเชิงปฏิบัติการฯ นี้ เพื่อเติมเต็มองค์ความรู้ ส่งเสริมการถ่ายทอดและขยายผลข้อมูล ตลอดจนพัฒนาศักยภาพการปฏิบัติงานของบุคลากรที่เกี่ยวข้อง

ด้าน นายทศพล เผื่อนอุดม รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กำชับให้ คณะทำงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศระดับจังหวัดฯ คณะอนุทำงานจัดทำและขับเคลื่อนแผนการลดก๊าซเรือนกระจกระดับจังหวัดฯ ตลอดจนเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง นำองค์ความรู้ที่ได้รับไปปรับใช้ในการปฏิบัติงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพื่อประโยชน์ในการขับเคลื่อนจังหวัดเชียงใหม่สู่ เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน และ Net Zero 2065 ต่อไป

จังหวัดเชียงใหม่ จัดตั้งศูนย์ประสานงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและความหลากหลายทางชีวภาพทั่วประเทศ เพื่อให้เป็นแกนกลางในการสื่อสาร สร้างความเข้าใจและตระหนักให้กับทุกภาคส่วนในเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและความหลากหลายทางชีวภาพ ผลกระทบที่เกิดขึ้น ซึ่งเป็นการดำเนินการตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 (พ.ศ. 2566-2570) หมุดหมายที่ 11 ไทยสามารถลดความเสี่ยงและผลกระทบจากภัยธรรมชาติและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งเป็นการบ่งบอกถึงสิ่งที่ประเทศไทยปรารถนาจะ “เป็น” หรือมุ่งหวังจะ “มี” เพื่อสะท้อนประเด็นการพัฒนาที่มีลำดับความสำคัญสูง

การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศส่งผลให้เกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติ อาทิ พายุหมุนเขตร้อนพายุซัดฝั่ง ดินโคลนถล่ม ภัยแล้ง ไฟป่าและหมอกควัน ก่อให้เกิดความเสียหายทั้งชีวิต ทรัพย์สินและทรัพยากรธรรมชาติ ขณะที่การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอันเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของปริมาณก๊าซเรือนกระจกในชั้นบรรยากาศ ทำให้อุณหภูมิโลกสูงขึ้น ส่งผลให้ภัยธรรมชาติที่ประเทศไทยเผชิญอยู่ในปัจจุบันมีแนวโน้มที่จะมีระดับรุนแรงและมีความถี่เพิ่มมากขึ้น ทั้งด้านเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม สังคม สุขภาพ รวมไปถึงความมั่นคงทางอาหารและน้ำ จังหวัดเชียงใหม่ จำเป็นต้องรับมือและปรับตัวเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และสร้างสรรค์สิ่งแวดล้อมให้ยั่งยืนเพื่ออนาคตของคนรุ่นต่อไป จึงได้กำหนดเส้นทางสู่ NET ZERO ในปี ค.ศ. 2065 หรือพ.ศ. 2608 โดยกำหนดเป้าหมายลดก๊าซเรือนกระจกร้อยละ 21 ในปี 2030 หรือ พ.ศ. 2573 เพื่อมุ่งสู่จังหวัดที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน หรือ Carbon Neutrality ในปี 2050 หรือ พ.ศ. 2593 และการบรรลุการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ NET ZERO เป็นความท้าทายที่จะสามารถก้าวข้ามไปได้ ด้วยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนเพื่อสร้างแนวทางและนโยบายที่มีประสิทธิภาพสำหรับจัดการกับปัญหานี้

ใช้เกมส์สร้างแนวคิดสอนเด็กบริหารจัดการน้ำ คป.เชียงใหม่ จัดอบรมยุวชลกร

ชลประทานเชียงใหม่ ใช้ 3 เกมส์สร้างแนวคิดเปิดอบรมยุวชลกร สอนเด็กบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบ

วันที่ 17 ก.ค. 67 ที่ผ่านมา นางนงเยาว์ จินาวงค์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายงบประมาณ โรงเรียนสันติสุข ตำบลดอยหล่อ อำเภอดอยหล่อ จังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานเปิดโครงการฝึกอบรมยุวชลกรเรียนรู้งานชลประทาน ประจำปี พ.ศ. 2567 โดยนำกลุ่มนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 จำนวน 33 คน เข้าร่วมรับการฝึกอบรม โดยมี นายพีระนันท์ ลีละทีป ผู้แทนหัวหน้าฝ่ายส่งน้ำและบำรุงรักษาที่ 4 โครงการชลประทานเชียงใหม่ กล่าวรายงาน นายเขมราษฎร์ สุปินะ เจ้าหน้าที่ฝ่ายจัดสรรน้ำและปรับปรุงระบบชลประทาน นำเจ้าหน้าที่เข้าจัดกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้

ภายในกิจกรรมได้มีการถ่ายทอดองค์ความรู้ให้กับกลุ่มเด็กนักเรียนที่เข้ารับการอบรม เรียนรู้ถึงความสำคัญของการสร้างอ่างเก็บน้ำ สร้างเขื่อน การสร้างฝาย จากนั้นได้พากลุ่มนักเรียนลงพื้นที่อ่างเก็บน้ำโป่งจ้อ เพื่อศึกษาดูงานพื้นที่จริงของอ่างเก็บน้ำและความสำคัญของอ่างเก็บน้ำในพื้นที่ที่เด็กนักเรียนอยู่ และเป็นอ่างเก็บน้ำสำคัญสำหรับคนในพื้นที่ทั้งด้านอุปโภค บริโภค การเกษตรและอื่นๆ จากนั้นได้นำกลุ่มเด็กนักเรียนที่เข้ารับการอบรมกลับมายังโรงเรียน โดยทางวิทยากรจากโครงการชลประทานเชียงใหม่ ได้นำเกมส์ที่เสริมสร้างองค์ความรู้ให้กับเด็กนักเรียนมาเป็นแนวทางในการสอน โดยมีทั้งหมด 3 เกมส์ เกมส์แรกเป็นเกมส์กู้ทุ่นระเบิด ให้นักเรียนนั้นใช้ทักษะความสามัคคี ไม่ใช้มือช่วย แต่ใช้การผสานความคิดก่อนจะใช้เชือกคล้องขวดน้ำขนาดต่างๆ และนำไปหย่อนลงในไห เกมส์ที่สองเป็นเกมส์ใช้มือตักน้ำจากอ่างและส่งต่อ เพื่อนำน้ำไปใส่ในขวดที่เตรียมไว้ให้ได้มากที่สุด เป็นการผสานความร่วมมือที่ให้เด็กได้เรียนรู้ว่าควรทำอย่างไร หากส่งน้ำจากต้นน้ำให้ไปถึงปลายน้ำให้ได้มากที่สุด เหมือนกับระบบการส่งน้ำของชลประทานที่ปลายน้ำต้องได้รับน้ำ และเกมส์สุดท้ายการใช้ตะเกียบส่งต่อไข่ เป็นการฝึกสมาธิ ความสามัคคี หากขาดความร่วมมือที่ดีและมีการขัดแย้งกัน ก็จะทำให้ไข่ร่วงลงมา และไม่ได้คะแนน ซึ่งสร้างความสนุกสนานให้กับเด็กและยังแฝงแนวความคิดในด้านการบริหารจัดการน้ำและความสามัคคีไว้ด้วย ภายหลังเสร็จสิ้นการอบรมได้มอบเกียรติบัตรให้กับนักเรียนทั้งหมด 33 คนที่เข้ารับการอบรมในวันนี้

นายพีระนันท์ ลีละทีป ผู้แทนหัวหน้าฝ่ายส่งน้ำและบำรุงรักษาที่ 4 โครงการชลประทานเชียงใหม่ กล่าวว่า การอบรมยุวชลกรเรียนรู้งานชลประทาน เป็นนโยบายของกรมชลประทาน และเป็นนโยบายของนายจรินทร์ คงศรีเจริญ ผู้อำนวยการโครงการชลประทานเชียงใหม่ ที่ได้มอบหมายให้ นายชนม์ฐพัฒน์ เครือศรี หัวหน้าฝ่ายจัดสรรน้ำและปรับปรุงระบบประทาน โครงการชลประทานเชียงใหม่ คัดเลือกโรงเรียนที่จะเข้ารับการอบรมหลักสูตรเรียนรู้ 1 วัน โดยยุวชลกรถือเป็นกำลังสำคัญส่วนหนึ่งที่สามารถเข้าร่วมช่วยเหลือให้การทำงานของภาครัฐดำเนินไปด้วยดี ทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยเป็นคนกลางในการสร้างความเข้าใจให้กับชุมชนถึงแนวทางการดำเนินงานและนโยบายของภาครัฐ รวมไปถึง เป็นกำลังสำคัญในการถ่ายทอดความรู้ให้กับชุมชนได้ดี การฝึกอบรมยุวชลกรเรียนรู้งานชลประทาน เป็นกิจกรรมที่มีประโยชน์ต่อประชาชนและเยาวชนเป็นอย่างยิ่ง

การจัดฝึกอบรมยุวชลกรเรียนรู้งานชลประทาน ทำให้ยุวชลกรได้เรียนรู้ถึงคุณค่าของน้ำ ความสำคัญของชลประทาน โดยเน้นให้เกษตรกรรุ่นใหม่ได้เรียนรู้และคุ้นเคยกับเจ้าหน้าที่และระบบชลประทาน เพราะการปฏิบัติงานด้านการจัดสรรน้ำและบำรุงรักษาที่ดีนั้นจะต้องอาศัยความรู้ความเข้าใจ และการมีส่วนร่วมในภารกิจร่วมกันระหว่างเจ้าหน้าที่และกลุ่มเกษตรกร ดังนั้นบทบาทของยุวชลกรในอนาคตจะสามารถเรียนรู้และทำหน้าที่เป็นสื่อกลางในการถ่ายทอดวิทยาการด้านการเกษตรในชุมชน อีกทั้งจะเป็นการปลูกฝังให้เกิดจิตสำนึกที่ดี ในการมีส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชนเกษตรกรของตนให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น