“ฮอมปอยบุปผชาติแม่ข่างาม: ที่…ดอนแก้ว” ฟื้นฟูคลองแม่ข่า สู่สายน้ำแห่งไชยมงคล

รองผู้ว่าฯเชียงใหม่ เปิดงาน “ฮอมปอยบุปผชาติแม่ข่างาม: ที่…ดอนแก้ว” ฟื้นฟูคลองแม่ข่าให้เป็นสายน้ำแห่งไชยมงคลและดอกไม้งาม รณรงค์ให้ทุกภาคส่วนร่วมกันปลูกต้นไม้ ไม้ดอก ไม้ประดับ จัดสวนหย่อมริมคลอง และดูแลรักษาความสะอาดสวยงามตลอดทั้งปี

เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568 ที่บริเวณท่าน้ำแม่ข่าริมถนนสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี ตำบลดอนแก้ว อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ นายศิวกร บัวป้อง รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานในพิธีจัดงาน “ฮอมปอยบุปผชาติแม่ข่างาม: ที่…ดอนแก้ว” ครั้งที่ 7 ประจำปี พ.ศ. 2568 โดยมีหน่วยงานภาครัฐ เอกชน ประชาชนรวมถึงเยาวชนคนเชียงใหม่เข้าร่วมเป็นจำนวนมาก

งานนี้จัดขึ้นเพื่อฟื้นฟูคลองแม่ข่าให้เป็นสายน้ำแห่งไชยมงคลและดอกไม้งาม รณรงค์ให้ทุกภาคส่วนร่วมกันปลูกต้นไม้ ไม้ดอก ไม้ประดับ จัดสวนหย่อมริมคลอง และดูแลรักษาความสะอาดสวยงามตลอดทั้งปี ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ วัฒนธรรม และวิถีชีวิตชุมชน ตามวิสัยทัศน์ “คลองสวย น้ำใส ไหลดี ชุมชนมีสุข”

กิจกรรมภายในงานมีขบวนเรือบุปผชาติที่ประดับประดาไปด้วยดอกไม้นานาพันธุ์ นิทรรศการเกี่ยวกับการพัฒนาของคลองแม่ข่าและสิ่งแวดล้อม พายเรือชมคลองแม่ข่า ปั่นจักรยานบุปผชาติ และกิจกรรมเปิดรับบริจาคกล้าไม้ดอก ไม้ประดับ พันธุ์ไม้ต่างๆ และพืชผักสวนครัว เพื่อนำมาปลูกริมคลองแม่ข่าอีกด้วย

นอกจากนี้ องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ได้ดำเนินโครงการปรับปรุงคลองแม่ข่า บริเวณบ้านแม่สา (เขต อบต.แม่สา) เชื่อมบ้านพระนอน หมู่ที่ 5 ตำบลดอนแก้ว อำเภอแม่ริม ระยะทางประมาณ 300 เมตร โดยเน้นการรักษาระบบนิเวศน์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมถึงปรับปรุงประสิทธิภาพระบบบำบัดน้ำเสีย เพื่อปรับปรุงคุณภาพน้ำคลองแม่ข่า และดำเนินโครงการปรับปรุงภูมิทัศน์บริเวณท่าน้ำแม่ข่า บ้านพระนอน-บ้านป่ารวก อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ระยะทางประมาณ 275 เมตร เพื่อพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกด้วย.

กองพันสัตว์ต่าง ลาดตระเวนรอยต่อพื้นที่อ่างเก็บน้ำห้วยตึงเฒ่าป้องกันแนวกันไฟ

กองพันสัตว์ต่าง กรมการสัตว์ทหารบกนำม้าลาดตระเวนรอยต่อพื้นที่อ่างเก็บน้ำห้วยตึงเฒ่าป้องกันแนวกันไฟ พร้อมใช้อากาศยานไร้คนขับ (โดรน) เลาดตระเวนเฝ้าตรวจแนวกันไฟพื้นที่ดังกล่าว 

วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 09.00 น. ที่ กองพันสัตว์ต่าง กรมการสัตว์ทหารบก อ.แม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ พันโทสุขุม แพทยารักษ์ ผู้บังคับกองพันสัตว์ต่าง กรมการสัตว์ทหารบก เปิดเผยว่า กองพันสัตว์ต่าง กรมการสัตว์ทหารบก ได้นำม้ามาใช้ร่วมกับกำลังพลในการลาดตระเวนพื้นที่ภายในหน่วยและเขตรอยต่ออ่างเก็บน้ำห้วยตึงเฒ่า พร้อมการใช้อากาศยานไร้คนขับ (โดรน) เพื่อลาดตระเวนเฝ้าตรวจแนวกันไฟพื้นที่ดังกล่าว และยังได้รับภารกิจ จากมณฑลทหารบกที่ 33 ในการจัดชุดลาดตระเวนเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและฝุ่นละอองขนาดเล็ก ของศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองภาค 3 ส่วนหน้า ที่ร่วมปฏิบัติงานกับเจ้าหน้าที่อุทยานกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธ์พืชจัดชุดลาดตระเวนในพื้นที่รอยต่อของอุทยานจนถึง 31 พ.ค.2568

ขณะเดียวกันกองพันสัตว์ต่าง กรมการสัตว์ทหารบก ยังจัดกำลัง 3 ชุดปฏิบัติการร่วมกับเจ้าหน้าที่จากหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติแม่ปิง และเจ้าหน้าที่ดับไฟป่าของสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 เพื่อลาดตระเวน และประชาสัมพันธ์รณรงค์ให้ประชาชนในพื้นที่ ชุมชนรอบป่างดการเผา ที่ บ้านเกาะหลวง ต.โปงทุ่ง ตลอดจนร่วมกับชาวบ้านทำแนวกันไฟ และดับไฟกับอาสาสมัครดับไฟป่า องค์การบริหารส่วนตำบลโปงทุ่ง ในพื้นที่ บ้านเกาะหลวง ต.โปงทุ่ง อ.ดอยเต่า จ.เชียงใหม่ อีกด้วย
#กองพันสัตว์ต่าง กรมการสัตว์ทหารบก

ประชุมร่วมป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5)

ศอ.ปกป.ภาค 3 ประชุมร่วมกับกองบัญชาการป้องกันและการแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เพื่อขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาในพื้นที่

วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 10.00 น. ที่ ศอ.ปกป.ภาค 3 จังหวัดเชียงใหม่ พลตรีชายแดน กฤษณสุวรรณ รองแม่ทัพภาคที่ 3 ในฐานะรองผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองภาค 3 มอบหมายให้ พันเอก พงษ์ยุทธ งามเกษม รองหัวหน้าศูนย์ควบคุมอากาศยานและดับไฟป่า ศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองภาค 3 ส่วนหน้า เป็นผู้แทนเข้าร่วมประชุมกับกองบัญชาการป้องกันและการแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ผ่านระบบ Zoom Meeting ร่วมกับสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด กรมป่าไม้ กรมอุตุนิยมวิทยาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาในพื้นที่

รองหัวหน้าศูนย์ควบคุมอากาศยานและดับไฟป่า ศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองภาค 3 ส่วนหน้าเปิดเผยว่า กองทัพบก โดยกองทัพภาคที่ 3 ดำเนินการจัดตั้ง ศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองภาค 3 ส่วนหน้า ที่จังหวัดเชียงใหม่ตั้งแต่ 1 ธันวาคม 2567 ถึง 30 เมษายน 2568 โดยจัดกำลังจาก 10 มณฑลทหารบก 4 กองพล และ 1 กองบัญชาการช่วยรบ รวมทั้งกองหนุนจากกรมทหารพรานที่ 35 และ กรมทหารพรานที่ 36 และบูรณาการอากาศยานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ 7 ดอยซึ่งเป็นพื้นที่เป้าหมายเปราะบาง ตลอดจนพื้นที่ควบคุมไฟป่า 14 กลุ่มป่า ซึ่งอยู่ในกองทัพภาคที่ 3 จำนวน 12 กลุ่มป่า

 

ในช่วงที่ผ่านมาศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองภาค 3 ได้จัดกำลังลาดตระเวนร่วมกับเจ้าหน้าที่จากกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธ์พืช จำนวน208 ชุดเพื่อปฏิบัติการป้องปรามการเผาป่าทั้งในกลุ่มป่าแม่น้ำปาย กลุ่มป่าศรีล้านนา กลุ่มป่าสะเมิง กลุ่มป่าสาละวิน รวมทั้งกลุ่มป่าตอนใต้จังหวัดเชียงใหม่และ กลุ่มป่าถ้ำผาไท กลุ่มป่าเวียงโกศัย-แม่วะ-ป้าแม่มอบ ซึ่งแต่ละกลุ่มป่าได้มีการจัดกำลังตามขนาดพื้นที่เพื่อให้ครอบคลุมการดำเนินงานในแต่ละลุ่มน้ำ ตั้งแต่วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ตั้งแต่ 1 ธันวาคม 2567 ถึง 24 ก.พ.68 ศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองภาค 3 จัดชุดรณรงค์ประชาสัมพันธ์ตามหมู่บ้านเป้าหมายจำนวน 9,384 ครั้ง ใช้กลไกของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดฝ่ายทหารให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ในพื้นที่จำนวน 3,936 ครั้ง และชุดลาดตระเวนลงพื้นที่ป้องปรามการเผาป่า จำนวน 5,043 ครั้ง

กำลังทหารร่วมกับเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ยังคงลาดตระเวนป้องกันปัญหาไฟป่าอย่างต่อเนื่อง

กำลังทหารยังคงจัดกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่อุทยานฯ เพื่อลาดตระเวนป้องกันปัญหาไฟป่าอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้นฝนที่ตกทำให้คุณภาพอากาศดีขึ้น และจุดความร้อนลดลง

วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 09.00 น.ที่ ศอ.ปกป.ภาค 3 สน. อ.แม่ริม พลตรี ชายแดน กฤษณสุวรรณ รองแม่ทัพภาคที่ 3 ในฐานะ รองผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละออง ภาค 3 เปิดเผยว่า จากการติดตามสถานการณ์ไฟป่าหมอกควันในพื้นที่ภาคเหนือพบว่าฝนที่ตกลงมาในพื้นที่ส่งผลให้ค่าคุณภาพอากาศดีขึ้น และจุดความร้อนลดลง

ขณะที่ชุดปฏิบัติการลาดตระวนเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและฝุ่นละอองขนาดเล็ก ยังคงร่วมกับเจ้าหน้าที่อุทยานกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธ์พืชเพื่อลาดตระเวนในพื้นที่สำคัญ โดยเฉพาะชุดปฏิบัติการลาดตระวนของกองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 7 อำเภอเชียงดาวจัดกำลัง 3 ชุดปฏิบัติการลงพื้นที่ร่วมกับเจ้าหน้าที่จากอุทยานแห่งชาติผาแดง ในการเฝ้าติดตามสถานการณ์การเกิดไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละออง พร้อมเตรียมแผนในการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบหากเกิดสถานการณ์ บริเวณ บ้านห้วยป่าฮ่อม ตำบลทุ่งข้าวพวง อำเภอเชียงดาว นอกจากนี้ยังร่วมกับเจ้าหน้าที่จากอุทยานแห่งชาติดอยเวียงผาลาดฝ่ายปกครองของอำเภอ ลาดตะเวนป้องปรามตรวจสอบบุคคลที่เข้าป่า ตลอดจนสร้างความเข้าใจกับประชาชนในการลดการเผาป่าตามประกาศห้ามเผาของจังหวัด

คลื่นยักษ์ซัดชายฝั่ง ทะเลสาบดอยเต่าจากฝนฟ้าคะนอง

เกิดพายุฝนหลังฤดูพัดกระหน่ำทำให้ทะเลสาบดอยเต่ามีคลื่นสูงเกือบ 1 เมตร คล้ายกับคลื่นทะเลนานกว่า 40 นาที ส่งผลให้เรือหาปลาของชาวบ้านถูกคลื่นซัดจม ขณะที่กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศ อากาศแปรปรวนบริเวณประเทศไทยตอนบนจะฝนตกหนักถึงหนักมากและมีพายุฝนฟ้าคะนอง ฟ้าผ่า ลมกระโชกแรง มีลูกเห็บตกบางแห่ง

ผู้ที่ใช้เพจเฟสบุ๊คที่ชื่อ Tong Love ได้โพสต์คลิบวีดีโอขณะเกิดคลื่นสูงกระทบกับสะพานทางเดินขึ้นแพท่องเที่ยว ที่แพลูกแม่ปิง ที่ทะเลสาบดอยเต่า ต.ท่าเดื่อ อ.ดอยเต่า จากการสอบถามทราบว่าผู้ที่ใช้เพจเฟสบุ๊ครายดังกล่าวชื่อนายฐิติพงษ์ ใจวงศ์ เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเย็นวานนี้ ขณะที่ตนกับเพื่อนๆได้นำเรือเร็วไปลงท่องเที่ยวที่ทะเลสาบดอยเต่า จู่ๆก็เกิดพายุขึ้นพัดกระหน่ำนานกว่า 40 นาที ทำให้เกิดคลื่นสูงเกือบ 1 เมตร กระทบกับตัวเรือนแพท่องเที่ยวและเรือหาปลาของชาวบ้านที่ผูกไว้ตามริมตลิ่งจนล่มหลายคัน หลังจากนั้นก็เกิดฝนตกลงมาอย่างหนัก

อย่างไรก็ตามมีรายงานจากพื้นที่อำเภอตอนใต้จังหวัดเชียงใหม่ ว่าเมื่อวานนี้ได้เกิดพายุฝนหลายพื้นที่ส่งผลให้ค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กในอากาศลดลงโดยเฉพาะพื้นที่อำเภอดอยเต่าลดลง หลังจากช่วงสัปดาห์ก่อนต้องเผชิญกับปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กซึ่งจากการตรวจวัดที่สำนักงานสาธารณสุข อ.ดอยเต่าวัดได้สูงสุด 83 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ ขณะที่เมื่อวานนี้ค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กสูงสุด 36 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ส่วนวันนี้ลดลง เหลือ 26 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร

ขณะที่ ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคเหนือพยากรณ์อากาศ บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางถึงค่อนข้างแรงจากประเทศจีนปกคลุม ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและทะเลจีนใต้ ส่งผลทำให้มีลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้และอ่าวไทยเข้ามาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ประกอบกับจะมีคลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันตกจากประเทศเมียนมาเคลื่อนเข้าปกคลุมบริเวณภาคเหนือ ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคเหนือจะมีสภาพอากาศแปรปรวน โดยมีพายุฝนฟ้าคะนอง ฟ้าผ่า ลมกระโชกแรง มีลูกเห็บตกบางแห่ง ส่วนบริเวณจังหวัดเชียงใหม่อากาศเย็นในตอนเช้าโดยมีพายุฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60 ของพื้นที่กับมีลมกระโชกแรงและลูกเห็บตกบางแห่ง

มอบรางวัลคณิตศาสตร์นานาชาติ Thailand International Mathematical Olympiad, TIMO

TIMO (Thailand International Mathematical Olympiad) รายการแข่งขันคณิตศาสตร์โอลิมปิกระหว่างประเทศร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานฮ่องกง จัดงานมอบรางวัลสุดอลังการ ผู้เข้าแข่งขันจาก 17 ประเทศทั่วโลก เป็นปีที่ 8

เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2568 ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเชียงใหม่ “Olympiad Champion Education Center” แห่งฮ่องกง ร่วมกับ “การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย” ได้จัดงานการแข่งขันและงานมอบรางวัลให้กับผู้เข้าแข่งขัน คณิตศาสตร์โอลิมปิกระหว่างประเทศรายการ “TIMO” หรือ Thailand International Mathematical Olympiad การแข่งขันคณิตศาสตร์โอลิมปิกที่ผสมผสานระหว่าง “การท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์” เข้ากับ “คณิตศาสตร์” ด้วยการนำกลุ่มการศึกษาจากนานาชาติเดินทางเข้ามาสอบรอบไฟนอลทุก ๆ ปีในประเทศไทย โดยหมุนเวียนไปตามจังหวัดเมืองท่องเที่ยวหลักของไทย เพื่อเผยแพร่จุดหมายปลายทางที่สวยงามของประเทศให้เป็นที่รู้จักในทั่วโลกมากยิ่งขึ้น นอกจากนั้น TIMO ยังเป็นรายการแข่งขันคณิตศาสตร์โอลิมปิกที่แรกและที่เดียวที่จัดให้มี “การจำลองการสอบ” ก่อนการสอบรอบสุดท้าย ผ่านการแลกเปลี่ยนประสบการณ์การเรียนรู้เกี่ยวกับการเรียนคณิตศาสตร์โอลิมปิกด้วยวิธีความคิดอย่างชาญฉลาด พร้อมทั้งไขข้อสงสัยต่าง ๆ เพื่อเป็นการอุ่นเครื่องผู้สมัครได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในการสอบรอบสุดท้าย ซึ่งแตกต่างจากการแข่งขันคณิตศาสตร์โอลิมปิกอื่น ๆ นั่นเอง

โดยมีผู้เข้าร่วมงานสอบจาก 17 ประเทศ ได้แก่ ออสเตรเลีย บัลแกเรีย บราซิล ฮ่องกง อินเดีย อินโดนีเซีย มาเลเซีย พม่า ฟิลิปปินส์ ศรีลังกา เวียดนาม คัมโบเดีย สิงคโปร์ แคนาดา นิวซีแลนด์ ซาอุดิอารเบียและประเทศไทย ซึ่งทั้งนักเรียนและผู้ปกครองจากประเทศทั่วโลก นอกจากจะได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์เรียนรู้ และประลองสมองในการแข่งขันคณิตศาสตร์แล้ว ยังได้มีโอกาสสัมผัสความงามของสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ และเสน่ห์วัฒนธรรมไทยในจังหวัดเชียงใหม่ตลอดทั้ง 3 วัน โดยเฉพาะในวันประกาศรางวัล นักเรียนและผู้ปกครองไทยจะสวมใส่ชุดไทยมาสร้างสีสันภายในงานอีกด้วย

ดร.แอนดี้ แลม (Dr. Andy Lam) Principal of Olympiad Champion Education Centre Hong Kong ท่านประธานการจัดงานในครั้งนี้ กล่าวว่า “การรวมกันเพื่อกระตุ้นและส่งเสริมความสนใจในการเรียนคณิตศาสตร์ของเยาวชน เสริมสร้างความสามารถในการคิดสร้างสรรค์ของพวกเขาขยายมุมมองในระดับนานาชาติ และเพื่อส่งเสริมการพัฒนาการศึกษาระดับอนุบาลประถมศึกษาและมัธยมศึกษา และการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมการศึกษาทั่วประเทศ นักเรียนที่มีสิทธิ์สมัครสอบรอบ Final จะต้องผ่านการสอบรอบคัดเลือกของแต่ละประเทศก่อน ผ่านเกณฑ์ถึงจะมีสิทธิสมัครสอบรอบ Final ข้อสอบเป็นภาษาอังกฤษ และคำตอบแบบเขียนตอบ งานสอบจะเป็นตั้งแต่ระดับอนุบาลถึงมัธยมปลาย การสอบประกอบด้วยหัวข้อมาตรฐาน เช่น การคิดเชิงตรรกะเลขคณิต / พีชคณิตทฤษฎีจำนวนเรขาคณิต ดังนั้นกลุ่มนักเรียนไทยที่สอบคือเด็กที่เก่งมากๆ ต้องเก่งทั้งภาษาอังกฤษ และคณิตศาสตร์”

นอกจากนั้น ภายในงานประกาศรางวัล TIMO ยังได้มอบเงินสนับสนุนเพื่อการศึกษาให้กับ โครงการเสริมสร้างศักยภาพการเรียนรู้แบบองค์รวม SAP โรงเรียนอนุบาลเชียงใหม่ และโรงเรียนสอนคนตาบอดภาคเหนือในพระบรมราชินูปถัมภ์ จังหวัดเชียงใหม่

มาดามหยกเลี้ยงแสดงความชื่นชม ยินดี นักกีฬาคนพิการ เทเบิ้ลเทนนิสจังหวัดเชียงใหม่

มาดามหยก ประธานโครงการ Change Togetherเปลี่ยนไปด้วยกัน จัดเลี้ยงแสดงความชื่นชม ยินดี ในความสำเร็จ กับนักกีฬาคนพิการ เทเบิ้ลเทนนิสจังหวัดเชียงใหม่ ที่ได้รับเหรียญรางวัล ในการแข่งขันกีฬาคนพิการแห่งชาติ ครั้งที่ 39 อัญมณีเกมส์ ที่จังหวัดจันทบุรี

คุณ กชพร เวโรจน์ หรือมาดามหยก ประธานโครงการโครงการ Change Together เปลี่ยนไปด้วยกัน ผู้สนับสนุนความเท่าเทียม สิทธิมนุษยชน และความหลากหลายทางเพศ พร้อมผู้สนับสนุน ร่วมมอบโล่ห์แสดงความชื่นชมยินดี ในความสำเร็จ และเป็นพลังแรงใจ ให้ทัพนักกีฬาคนพิการเทเบิ้ลเทนนิส จังหวัดเชียงใหม่ ในโอกาสเข้าร่วมการแข่งขัน กีฬาคนพิการแห่งชาติ ครั้งที่ 39 อัญมณีเกสม์ ที่จังหวัดจันทบุรี และได้รับเหรียญรางวัลกลับมา

ทั้งนางสาว ญาณิศา จันทร์เป็ง กีฬาเทเบิ้ลเทนนิส ประเภทพิการทางการได้ยินได้รับเหรียญทอง ทั้งประเภทหญิงเดี่ยว และหญิงคู่ นางสาว อุไรวรรณ บุญยัง เหรียญทอง กีฬาเทเบิ้ลเทนนิส ประเภทพิการทางการได้ยินหญิงคู่ นายเพชรายุทธ มูลเฟย รางวัลเหรียญเงิน กีฬาเทเบิ้ลเทนนิส ประเภทพิการทางการเคลื่อนไหว ชายเดี่ยว TT6 นางสาว ปฐมวดี อินต๊ะนน เหรียญเงิน กีฬาเทเบิ้ลเทนนิส ประเภทพิการทางการเคลื่อนไหว หญิงเดี่ยว TT3 นายชัยธวัช แสงลาว เหรียญทองแดง กีฬาเทเบิ้ลเทนนิส ประเภทพิการ ทางการเคลื่อนไหว ชายเดี่ยว TT9 ทั้งนี้มาดามหยก บอกว่า แม้ว่านักกีฬาจะได้เหรียญ หรือบางคนอาจไม่ได้เหรียญก็ตาม ซึ่งทุกคนก็มีความพยายามฝึกซ้อม และอดทน ทั้งนี้เพื่อสร้างกำลังใจ ให้กับนักกีฬา ที่ต้องอดทนฝึกซ้อม

ทบ.ยกระดับช่วยดับไฟภาคเหนือส่ง mi -17 รับสถานการณ์

กองทัพบกเตรียมยกระดับการแกัไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันในพื้นที่ภาคเหนือ  ส่งหน่วยบินทหารบกยุทธวิธีที่ 3 สนับสนุน เฮลิคอปเตอร์ใช้งานทั่วไป แบบ 17 พร้อมเจ้าหน้าที่ประจำอากาศยานและเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องที่เกี่ยวข้องและถุงบรรจุน้ำแบบพับได้เข้ามาประจำการที่ศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองภาค 3 ส่วนหน้า จำนวน 1 ลำ

วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา ที่ ศอ.ปกป.ภาค 3 สน. อ.แม่ริม ศูนย์ควบคุมอากาศยานและดับไฟป่า ศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองภาค 3 ส่วนหน้า รายงานว่า กองทัพบกเตรียมยกระดับการแกัไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันในพื้นที่ภาคเหนือ โดยอนุมัติให้หน่วยบินทหารบกยุทธวิธีที่ 3 สนับสนุน เฮลิคอปเตอร์ใช้งานทั่วไป แบบ 17 พร้อมเจ้าหน้าที่ประจำอากาศยานและเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องที่เกี่ยวข้องและถุงบรรจุน้ำแบบพับได้เข้ามาประจำการที่ศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองภาค 3 ส่วนหน้า จำนวน 1 ลำ เพื่อใช้ในการปฏิบัติงานตามแผนโครงการป้องกันและแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ พื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ ประจำปี 2568 ที่กองพลทหารราบที่ 7 อ.แม่ริม จว.ช.ม.และพร้อมให้การสนับสนุนภารกิจได้ทันที เมื่อได้รับการประสานขอใช้งานจากหน่วยงานและส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง จนกว่าจะจบภารกิจ

จากการตรวจสอบจากสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน และระดับฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือของ ศอ.ปกป.ภาค 3 สน. ในเวลา 07.00 น. พบว่าเกิดจุดความร้อน จำนวน 42 จุด สูงสุดที่ จังหวัดเพชรบูรณ์ จำนวน 21 จุด รองลงมาคือ จังหวัดเชียงใหม่, จังหวัดตากจำนวน 5 จุด และ จังหวัดพะเยา จำนวน 4 จุด ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นเขต สปก. จำนวน 13 จุด รองลงมาคือ ป่าอนุรักษ์ จำนวน 12 จุด และ พื้นที่เกษตร จำนวน 11 จุด

ค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก เกินเกณฑ์มาตรฐาน จำนวน 13 จังหวัด สูงสุดที่ ต.ในเมือง อ.เมือง จังหวัดพิษณุโลก 58.40 มคก./ลบ.ม. รองลงมาที่ ต.แม่ป่ะ อ.แม่สอด จังหวัดตาก 48.40 มคก./ลบ.ม. และ ต.ห้วยโก๋น อ.เฉลิมพระเกียรติ จังหวัดน่าน 47.80 มคก./ลบ.ม. (เริ่มมีผลต่อสุขภาพ)

ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 20 กุมภาพันธ์ 2568 เกิดจุดความร้อนสะสมจำนวน 14,364 จุด เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา จำนวน 6,111 จุด คิดเป็นเพิ่มขึ้นร้อยละ 42.60 ในขณะที่จังหวัดเชียงใหม่มีจำนวนวันเกินเกณฑ์มาตรฐานจำนวน 18 วัน จากปี 67 ( 12 วัน ) คิดเป็นร้อยละเพิ่มขึ้น 33.33

กองทุนดีอี BDE จัดกิจกรรม “ป่าปลอดภัย เมืองปลอดฝุ่น” ทำแนวกันไฟ ปลูกป่า มอบอุปกรณ์ป้องกันไฟป่า ที่เชียงดาว

กองทุนดีอี BDE จับมือป่าไม้ ทหาร ผู้นำชุมชน จัดกิจกรรมป่าปลอดภัย เมืองปลอดฝุ่น ทำแนวกันไฟ ปลูกป่า มอบอุปกรณ์ป้องกันไฟป่า ที่เชียงดาว หนุนชุมชนป้องกันภัยตามธรรมชาติ ดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

วันนี้ (20 กุมภาพันธ์ 2568) นายสมบูรณ์ เมฆไพบูลย์วัฒนา ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านการบริหารเทคโนโลยีดิจิทัลและการสื่อสาร สำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (BDE) เป็นประธานเปิดกิจกรรมสร้างความรับผิดชอบต่อสังคมขององค์กร (Corporate Social Responsibility : CSR) ภายใต้ชื่อกิจกรรม “DEF Forest Fire Break ป่าปลอดภัย เมืองปลอดฝุ่น” จัดโดยกองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (กองทุนดีอี : DEF) ณ ป่าชุมชนบ้านถ้ำเชียงดาว ต.เชียงดาว อ.เชียงดาว จ. เชียงใหม่ พร้อมด้วยผู้บริหารและบุคลากร BDE/DEF เข้าร่วมกิจกรรม โดยมี นายรังสิต พูลศรี หัวหน้าหน่วยป้องกันและพัฒนาป่าไม้เชียงดาว นายนิคม พุทธา ประธานกลุ่มอนุรักษ์แม่น้ำปิง ร.อ.วัชรา ธวัชไชย นายทหารฝ่ายกิจการพลเรือน ฉก.ไชยานุภาพ นายคำรณ อินต๊ะ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 5 เจ้าหน้าที่ทหาร เจ้าหน้าที่ป่าไม้ ผู้แทนหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนในพื้นที่ ร่วมในพิธีเปิด

 

ภายในกิจกรรมได้ร่วมกันทำแนวกันไฟ ระนะทาง 2 กิโลเมตร ในเขตพื้นที่ป่าชุมชน จากนั้นได้มอบเงินสนับสนุน พร้อมเครื่องเป๋าลม อุปกรณ์ดับไฟป่า อาหารแห้ง ยารักษาโรคให้กับชุมชน เพื่อใช้ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าในพื้นที่และร่วมกันปลูกต้นไม้ สร้างความร่มรื่นให้กับผืนป่า

นายสมบูรณ์ เมฆไพบูลย์วัฒนา ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านการบริหารเทคโนโลยีดิจิทัลและการสื่อสาร สำนักงานคณะกรรมการ ดีอี กล่าวว่า กองทุนดีอี เป็นหน่วยงานภายใต้สำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ BDE ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการจัดสรรเงินทุน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ทุนสนับสนุนให้เกิดการวิจัยและพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม อันเป็นประโยชน์ต่อการให้บริการสาธารณะและไม่เป็นการแสวงหากำไร พร้อมกันนี้ในส่วนของบทบาทของการสร้างประโยชน์ต่อสังคม ก็เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่กองทุนฯ ให้ความสำคัญเช่นเดียวกัน

สำหรับการดำเนินกิจกรรมในครั้งนี้ เป็นการจัดกิจกรรมครั้งที่ 2 ซึ่งครั้งแรกจัดที่ จ.อุบลราชธานี โดยจัดขึ้นเพื่อแสดงถึงความมุ่งมั่นของกองทุนฯ ในการทำหน้าที่เป็นส่วนหนึ่งของสังคมที่มีความรับผิดชอบ และเพื่อสนับสนุนการพัฒนาอย่างยั่งยืนในสังคม การจัดกิจกรรมในวันนี้จึงถือเป็นหนึ่งในความตั้งใจของ กองทุนฯ ที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงในเชิงบวกให้กับชุมชน พร้อมกับการตระหนักถึงการป้องกันภัย อันตรายที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ควบคู่ไปกับการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกัน ทั้งนี้ ในส่วนของกิจกรรมประกอบด้วย จิตอาสาร่วมกันทำแนวกันไฟ ระยะทางยาวกว่า 2 กิโลเมตร การปลูกต้นไม้เพิ่มเติมให้กับผืนป่า และกองทุนดีอี ยังได้สนับสนุนวัสดุอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับการทำแนวกันไฟ อุปกรณ์ที่เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน รวมถึงทุนสนับสนุนในการดำเนินงานของชุมชน ให้แก่ทางชุมชนบ้านถ้ำเชียงดาว ซึ่งคาดหวังว่าจะสร้างผลกระทบเชิงบวกทั้งในระยะสั้นและระยะยาวต่อไป

นอกจากนี้ยังเป็นการประชาสัมพันธ์ถึงนโยบายและพันธกิจของสำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (BDE) ที่จะส่งเสริมให้หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ประชาชน ได้นำเทคโนโลยีดิจิตอลมาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อชุมชนและส่วนรวม ซึ่งทุกปีจะมีงบประมาณสนับสนุนงานวิจัยและการพัฒนาด้านเทคโนโลยีกว่า 2,000 ล้านบาท ซึ่งผู้ที่สนใจสามารถนำเสนอโครงการเพื่อเข้าสู่การพิจารณาสนับสนุนได้

“ผมขอขอบคุณผู้มีส่วนร่วมทุกท่าน ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคีเครือข่าย ชาวชุมชนบ้านถ้ำเชียงดาว และชาวอำเภอเชียงดาว รวมถึงเจ้าหน้าที่ของกองทุนฯ และอาสาสมัครทุก ท่านที่ให้ความร่วมมือและสนับสนุนจนกิจกรรมครั้งนี้เกิดขึ้นได้และหวังเป็นอย่างยิ่งว่ากิจกรรมในวันนี้จะ สร้างประโยชน์และแรงบันดาลใจให้แก่ทุกท่าน และช่วยสานต่อเป้าหมายของกองทุนฯ ในการขับเคลื่อน ประเทศไปสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ มีความยั่งยืน และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นไปพร้อมกับการดูแลรักษา สิ่งแวดล้อมของประเทศเราไปด้วย”

นายคำรณ อินต๊ะ อายุ 57 ปี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 5 กล่าวว่า ราษฎรในหมู่บ้านแห่งนี้ มีจำนวน 775 คน 365 ครัวเรือน ป่าชุมชนบ้านถ้ำ พื้นที่ 1,265 ไร่ พื้นที่แนวกันไฟ 4 กม. ในวันนี้ทำก่อน 2 กม. สภาพป่าเป็นป่าเต็งรัง ป่าเบญจพรรณ ชาวบ้านรวมกลุ่มทำป่าชุมชนเริ่มตั้งแต่ปี 64 ช่วงปิดป่าป้องกันไฟป่า ชาวบ้านก็นำป่าชุมชนมาทำเป็นแหล่งท่องเที่ยว ให้ชาวบ้านเป็นไกด์ เพราะในป่านอกจากพันธุ์ไม้หลากหลายชนิด ยังมีพืชสมุนไพร มีนก ให้นักท่องเที่ยว ให้ได้ชมด้วย นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมบวชป่า เพื่ออนุรักษ์ป่าอย่างยั่งยืน

ผอ เขตพื้นที่การศึกษาช่วยเหลือเด็กนักเรียนโรงเรียนเรือแพที่ถูกไฟไหม้บ้าน

ผู้อำนวยการ สพป.ลำพูน 2 นำเงินกองทุนช่วยเหลือเด็กนักเรียนที่ประสบความยากลำบาก ช่วยเหลือครอบครัวเด็กนักเรียนชั้นอนุบาล 3 นักเรียนโรงเรียนเรือพแพ ต.ก้อ อ.ลี้ ที่ถูกไฟไหม้บ้านแพกลางน้ำวอดทั้งหลัง ให้ครอบครัวของเด็กนักเรียนที่ปประสบภัย พักอาศัยที่โรงเรียนเรือนแพชั่วคราวเนื่องจากทั้ง 3 คนไม่มีที่อยู่อาศัย ขณะที่ชาวบ้านชาวในพื้นที่ยังหวัดผวากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเนื่องจากเกิดไฟป่าภูเขาหลังโรงเรียนเรือนแพเกรงว่าจะลุกลามไหม้โรงเรียนซ้ำรอย

จากรณี เพจเฟสบุ๊ค ของผู้ที่ใช้ชื่อว่าครูน้อย เรือนแพ หรือนายปริญญา ขันอาษา โพสต์คลิบวีดีโอขณะที่เกิดเพลิงไหม้บ้านหลังหนึ่งซึ่งเป็นบ้านเรือนแพ ลอยอยู่กลางแม่น้ำปิง ใกล้กับโรงเรียนก้อจัดสรร ห้องเรียนสาขาโรงเรียนเรือนแพ ต.ก้อ อ.ลี้ จ.ลำพูน ต่อมาครูน้อยได้บรรยายในคลิบวีดีโอว่าเป็นบ้านของ น้อง เฟรมนักเรียน ชั้นอนุบาล 3 เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นช่วงเย็นเมื่อวานนี้ ก่อนเกิดเหตุผู้ปกครองของน้องเฟรม ได้มารับลูกสาวที่โรงเรียนกลับไปที่บ้านได้ไม่นานก็ได้เกิดเหตุไฟไหม้ขึ้นเมื่อช่วงเวลา 5 โมงเย็น ขณะเกิดเหตุครูน้อย เห็นว่าเกิดไฟไหม้บ้านน้องเฟรมจึงนำนักเรียนที่โรงเรียนสวมเสื้อชูชีพนั่งเรือยนต์ ไปช่วยเหลือน้องเฟรมที่อยู่ห่างจากโรงเรียนประมาณ 1 กม. ซึ่งขณะนั้นน้องเฟรมพร้อมแม่ และพ่อ ได้หลบออกมาจากบ้านอยู่บนเรือ และร้องไห้ออกมาด้วยความตกใจ ซึ่งน้องเฟรมและครอบครัวปลอดภัยดี แต่บ้านที่พักอาศัย ทุกอย่างได้รับความเสียหายหมด ส่วนสาเหตุเกิดจากแม่ทำกับข้าวทิ้งไว้แล้วลืมปิดแก๊ส

ล่าสุด ดร.ดวงใจ ถวิลไพร ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาลำพูนเขต 2 พร้อมด้วยผู้บริหาร กำนันผู้ใหญ่บ้าน และผู้อำนวยการโรงเรียนก้อจัดสรร ผู้นำชุมชน ได้นั่งเรือเข้าพื้นที่นำข้าวของเครื่องใช้และเงินกองทุนช่วยเหลือเด็กนักเรียนที่ประสบความยากลำบาก ศูนย์ความปลอดภัย สพป.ลำพูน 2 ไปมอบให้กับผู้ปกครองของน้องเฟรม พร้อมกันนี้ได้เยี่ยมให้กำลังใจกับนายปริญญา ขันอาษา หรือครูน้อย ครูโรงเรียนเรือนแพ ที่เป็นเรี่ยวแรงสำคัญในการให้ความช่วยเหลือครอบครัวน้องเฟรมขณะเกิดเหตุ พร้อมกันนี้ได้กำชับให้ครูน้อยดูแลเด็กนักเรียนอย่างเต็มที่โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเฝ้าระวังการเกิดอุบัติเหตุ

ขณะที่ โรงเรียนก้อจัดสรร ได้โพสต์เฟสบุ๊คเปิดรับบริจาคครอบครัวของน้องเฟรม ระบุว่า โรงเรียนบ้านก้อจัดสรร เชิญร่วมบริจาคเงินช่วยเหลือบ้าน(แพ)นักเรียนไฟไหม้ เด็กหญิงจรัญญา หล้าบัววงค์ (น้องเฟรม) นักเรียนชั้นอนุบาล 3 โรงเรียนบ้านก้อจัดสรร สาขาห้องเรียนเรือนแพ โดยผ่านบัญชีผู้ปกครองโดยตรง ชื่อบัญชี นายไพรบูณร์ หล้าบัววงค์ เลขบัญชี 012472825570 ธนาคาร ธกส. สาขาลี้

ด้านนายปริญญา ขันอาษา หรือครูน้อยเล่าว่าวันที่เกิดเหตุผู้ปกครองของน้องเฟรมได้นั่งเรือมารับน้องที่โรงเรียนหลังจากนั้นไม่นานตนเห็นว่าเกิดไฟลุกไหม้ที่บ้านของน้องเฟรมซึ่งอยู่ห่างจากโรงเรียนประมาณ 1 กม.จึงตกใจมากกลัวว่าน้องและคนในครอบครัวจะได้รับอันตราย ตนจึงเรียกให้เด็กนักเรียที่อยู่ในโรงเรียนรีบสวมเสื้อชูชีพนั่งเรือไปช่วยเหลือแต่ก็ช้าไปเนื่องจากไฟได้ไหม้อย่างรวดเร็ว ส่วนสาเหตุทราบว่าเกิดจากการที่เปิดเตาแก๊สทิ้งไว้แล้วลืมปิด ประกอบกับบนเรือนแพที่เกิดเหตุมีน้ำมันเบนซินที่เติมเครื่องยนต์เรืออยู่หลายแกลลอนและตัวแพทำจากไม้ทำให้ไฟไหม้อย่างรวดเร็ว หลังเกิดเหตุคุณพ่อของน้องเฟรมยังอยู่ในอาการช็อค กับเหตุการณืที่เกิดขึ้น ครูน้อยได้ประสานไปยังชาวบ้านบนฝั่งนำรถกู้ชีพมารับพ่อน้องเฟรมและภรรยาลูกสาวไปอยู่บ้านบนบกที่บ้านก้อท่า ต.ก้อ อ.ลี้ แล้วกลับมาสำรวจความเสียหายอีกครั้งในวันนี้

ซึ่งหลังจากเกิดเหตุตนได้สอนให้เด็กนักเรียนรู้จักการใช้เครื่องมือดับเพลิงและช่วยเหลือตนเองหากเกิดเหตุเพลิงไหม้ ซึ่งเด็กนักเรียนที่นี่ส่วนใหญ่ที่นี่เป็นเด็กนักเรียนกินนอนเนื่องจากผู้ปรกครองประกอบอาชีพทำประมง ตอนกลางคืนต้องออกไปวางเบ็ด วางตาข่ายจับปลา ส่วนตอนเช้ามืดก็จะนั่งเรือไปเก็บปลาที่ดักไว้

ขณะที่ ดร.ดวงใจ ถวิลไพร ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาลำพูนเขต 2 เปิดเผยว่าโรงเรียนเรือนแพ ปัจจุบันมีเด็กนักเรียน 5 คน ประกอบด้วยชั้นอนุบาล 2 คน ชั้น ประถมศึกษารวม 3 คน หลังเกิดไฟไหม้บ้านน้องเฟรมจึงได้นำเงินเงินกองทุนช่วยเหลือเด็กนักเรียนที่ประสบความยากลำบาก มามอบให้กับผู้ปกครองนักเรียนเป็นการช่วยเหลือเบื้องต้น ซึ่งหลังจากนี้จะได้มีการระดมเงินช่วยเหลือครอบครัวน้องเฟรมระยะยาวอีกครั้งหนึ่งเนื่องจากการลงพื้นที่มาดูทราบว่าบ้านที่ปลูกเป็นเรือนแพทั้ง 3 หลังประกอบด้วยห้องนอน ห้องครัว และห้องเก็บของและข้าวของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน เครื่องมือทำประมง ถูกไฟไหม้จนไม่เหลือออะไรเลยจึงอนุญาตให้ครอบครัวน้องเฟรมพักอาศัยที่โรงเรียนเรือนแพไปก่อนจนกว่าจะมีการสร้างบ้านหลังใหม่ให้ครอบครัวน้อง ส่วนบุคคลภายนอกที่จะให้ความช่วยเหลือครอบครัวน้องเฟรมสามารถติดต่อให้ความช่วยเหลือโดยตรงที่โรงเรียนก้อจัดสรรหรือที่ผู้ปกครองน้องได้ ขณะเดียวกันทราบว่าขณะเกิดเหตุเพลิงไหม้น้องเฟรมมีการผวาดผวาร้องไห้ จึงได้นำนักจิตวิทยา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาลำพูนเขต 2 มาพูดคุยและสังเกตอาการของน้องซึ่งขณะนี้น้องมีอาการดีขึ้นและพร้อมกลับมาเรียนหนังสือแล้ว

อย่างไรก็ตามขณะที่ผู้สื่อข่าวนั่งเรือเข้าพื้นที่โรงเรียนเรือนแพพบว่าเกิดไฟป่าขึ้นภูเขาด้านหลังโรงเรียนเป็นแนวยาวหลายจุดบางจุดใกล้กับอาคารโรงเรียนฯ ทำให้ผู้ปกครองเด็กนักเรียนต่างกังวลว่าไฟป่าจะลุกลามไหม้ตัวอาคารโรงเรียน ซ้ำรอยเนื่องจากตัวอาคารโรงเรียนเรือนแพมีขนาดใหญ่ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ง่ายหากเกิดเหตุไฟป่าลุกลามโดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงเวลากลางคืนจะทำให้ความช่วยเหลือเป็นไปด้วยความยากลำบาก