ผู้ใหญ่ใจดีซับไออุ่นเด็กๆ บนดอย ร.ร.ตชด.อ.เวียงแหง

เดินทางขึ้นดอยมอบไออุ่น มอบความรักให้กับเด็กๆบนดอยอีกปีกับหนาวนี้ที่โรงเรียนตำรวจตระเวนช่ยแดนเบญจมะ1อ.เวียงแหง จ.เชียงใหม่ ที่คุณกาญจนา เอี่ยมสมบัติ ผู้ใหญ่ใจดีแห่งล้านนา พร้อมด้วยทีมตำรวจสภ.สันทราย ยกพลขึ้นดอยเวียงแหง นำเสื้อผ้ากันหนาว รองเท้า ขนม ของเล่น ไปมอบให้กับครู นักเรียนโรงเรียน ตชด.เบญจมะ1 อ.เวียงแหง ซึ่งตอนนี้ทางบนดอยอากาศหนาวกันแล้ว โรงเรียนแห่งนี้ก็เป็นอีกหนึ่งโรง ที่ทางคุณกาญจนา ได้ดูแลอุปถัมภ์อยู่ ทุกๆปีก็จะขึ้นมามอบสิ่งของซับไอหนาวให้กับครู-นักเรียนแบบนี้ตลอด

ปีนี้ก็เช่นเดียวกันและได้รับเกียรติจากผกก.ตชด.ภาค3ที่มอบหมายให้ ร.ต.อ.วีรวัฒน์ ตาแก้ว ผบ.มว.กก.ตชด.33 พร้อมคณะ เป็นตัวแทนเดินทางขึ้นดอยมาต้อนรับและดูแลความปลอดภัยให้ในครี้งนี้ ทางทีมงานกาญจนาฝากขอบคุณท่านด้วย

ส่วนน้องๆที่ได้รับสิ่งของที่เราได้นำมามอบให้ดูมีความสุขกันดีจะเห็นได้จากรอยิ้มและการแสดงออกของเด็กๆ ถึงโรงเรียนแห่งนี้จะหางไกลจากผู้คน การเดินทางลำบาก แต่ทุกคนที่มามอบสิ่งของให้ครั้งนี้ มาด้วยใจรักและความจริงใจ ก็หวังว่าน้ำใจไมตรีครั้งนี้เราจะรักษาไว้และจะทำกันแบบนี้ตลอดไป

สปสช. เยี่ยมติดตามคลินิกทันตกรรมในโครงการ 30 บาทรักษาทุกที่ จ.ลำพูน

รองเลขาธิการ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) พร้อมคณะ ลงพื้นที่ เชียงใหม่-ลำพูน เยี่ยมติดตามการดำเนินการคลินิกทันตกรรมในโครงการ 30 บาทรักษาทุกที่

เมื่อวันที่ 21 พ.ย. 2567  ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) พร้อมด้วย ทพ.วิวัฒน์ ฉัตรวงศ์วาน กรรมการทันตแพทยสภา วาระที่ 11 และทพญ.ปาริชาติ ลุนทา  ผู้อำนวยการกลุ่ม สปสช.เขต 1 เชียงใหม่ ลงพื้นที่ จ.ลำพูน ลงเยี่ยมชมคลินิกทันตกรรม ซี สไมล์พลัส คลินิกทันตกรรมเล็ทสไมล์ลำพูน คลินิกทันตกรรมสบาย สไมล์ และ คลินิกทันตกรรม พร้อมพลัส

โดยมีทพ.เอกรินทร์ พรมพฤกษ์ และทพ.เอกภาพ พัทยาวรรณ เจ้าของคลินิกทันตกรรม ซี -สไมล์ พลัส ที่เข้าร่วมโครงการ 30 บาทรักษาทุกที่ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว รวมทั้งรับฟังสรุปผลการดำเนินงาน ปัญหา อุปสรรค และข้อเสนอแนะ หลังจากที่คลินิกทันตกรรมเหล่านี้เข้าร่วมโครงการมาตั้งแต่เฟส 2 และติดสติกเกอร์ โลโก้ 30 บาทรักษาทุกที่ เพื่อเป็นสัญลักษณ์ให้ประชาชนได้รับทราบว่าคลินิกเหล่านี้เข้าร่วมเป็นหน่วยนวัตกรรมในระบบบัตรทองและสามารถมารับบริการโดยไม่มีค่าใช้จ่าย

ทพ.วิวัฒน์ กล่าวว่า ตามโครงการบัตรประชาชนใบเดียว 30 บาทรักษาทุกโรค โดยทันตแพทยสภามีการกำหนดมาตรฐนดูแล สำหรับทันตแพทย์ที่เข้าร่วมโครงการฯ ทุกคนต้องผ่านการอบรม 8 ชั่วโมง ซึ่งเป็นหลักสูตรของทันตแพทยสภา ในส่วนของ คลินิกทันตแพทย์ที่เข้าร่วม ต้องได้มาตรฐาน หลักเกณณ์ ของทันตแพทยสภา เช่น 1. การควบคุมการติดเชื้อ 2. การบันทึกข้อมูลด้วยระบบคลาวด์ 3.มาตรฐานการสื่อสาร และ 4. มาตรฐานดูแลคนไข้

ทพ.เอกรินทร์ พรมพฤกษ์ เจ้าของคลินิกทันตกรรม ซี -สไมล์ พลัส จ.ลำพูน กล่าวว่า จากการที่ได้เข้าร่วมโครงการ 30 บาทรักษาทุกที่ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว มาแล้ว 5เดือนพบว่ามีผู้ใช้สิทธิ์บัตรทองเพิ่มขึ้นจากเดิม 25% ส่วนใหญ่จะเห็นจากการประชาสัมพันธ์ผ่านทางออนไลน์ Facebook ว่าประชาชนใช้สิทธิ์บัตรทองสามารถเข้ารับบริการได้โดยไม่ต้องชำระเงิน ยังสะดวกรวดเร็วไม่ต้องรอนานเหมือนกับไปโรงพยาบาล อีกทั้งประชาชนที่รับบริการแม้ว่าสิทธิอยู่ต่างจังหวัดก็มารับบริการได้

“เรายังมีการจัดระบบคนไข้โดยให้เสียบบัตรประชาชนหากรอนานเกิน 30 นาทีก็จะมีการแจ้งเตือนอัตโนมัติหรือเจ้าหน้าที่เข้าไปพูดคุย เพื่อให้คนไข้รู้สึกผ่อนคลายไม่เครียด ปัญหาอุปสรรคก็มีในช่วงแรกที่ยังไม่เข้าใจ ปัจจุบันปัญหาการเบิกชดเชยก็สามารถเครียร์ได้ภายใน2-3วัน ” ทพ.เอกรินทร์

ทพ.อรรถพร กล่าวว่า จากการลงพื้นที่พบว่า ประชาชนมีความพึงพอใจอย่างมาก แต่ยังมีสิ่งที่เป็นกังวลในอนาคตของการให้บริการทันตกรรม ประชาชนที่มีสิทธิ์ไปใช้สิทธิ์โรงพยาบาล ต้องรอคิวยาวนานบางครั้งทั้งวันหากเป็นหน่วยนวัตกรรมที่เข้าร่วมโครงการ ฯประชาชนมารับบริการมากขึ้นอัตราเฉลี่ย 1.8 ครั้งต่อคนต่อปี จากเดิมประชาชนมารับบริการเพียงแค่ 1.4 ครั้งต่อคนต่อปีเท่านั้น

“ปัจจุบันหน่วยทันตกรรมเอกชนที่เป็นนวัตกรรมและเข้าร่วมโครงการฯ มีทั้งหมด 44 จังหวัด และมากที่สุดคือกรุงเทพมหานคร ส่วนจังหวัดลำพูนพบว่า มีการบริหารจัดการดีมากตอบโจทย์การให้บริการเข้าถึงประชาชนมากขึ้น นอกจากนี้ยังพบว่ามีคลินิกทันตกรรมที่ขอเข้ารับโครงการติดต่อทุกวันถือเป็นนิมิตรหมายที่ดี” รองเลขาธิการสปสช.กล่าว

นบ.ยส.35 ร่วมกับ ปปส.ภาค 5 เปิดแผนปฏิบัติการ1ในพื้นที่ชายแดนที่มีความจำเป็นเร่งด่วน

นบ.ยส.35 ร่วมกับ ปปส.ภาค 5 แถลงข่าวการเปิดแผนปฏิบัติการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ในพื้นที่ที่มีความจำเป็นเร่งด่วนชายแดนภาคเหนือ ปีงบประมาณ พ.ศ.2568 เน้นการทำงานบูรณาการเชิงรุก ลดความเดือนร้อนของประชาชน

วันศุกร์ที่ 22 พฤศจิกายน 2568 เวลา 09.00 น. พลโทกิตติพงศ์ ชื่นใจชน แม่ทัพน้อยที่ 3 ในฐานะ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ชายแดนภาคเหนือ (ผบ.นบ.ยส.35) แถลงข่าวการเปิดแผนปฏิบัติการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ในพื้นที่ที่มีความจำเป็นเร่งด่วนชายแดนภาคเหนือ ปีงบประมาณ พ.ศ.2568 ร่วมด้วย นายธันวา ผุดผ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติดภาค 5, นายเสียงชัย สุมิตรวสันต์ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานวิชาการ รักษาการในตำแหน่ง รองอธิบดีอัยการภาค 5, พลตรี กิดากร จันทรา ผู้บัญชาการกองกำลังผาเมือง ,พลตรี ไมตรี ชูปรีชา ผู้บัญชาการกองกำลังนเรศวร, พลตรี ยุทธภูมิ บุญฤทธิ์ รองเจ้ากรมกิจการชายแดนทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย , พลตำรวจตรี อดิศ เจริญสวัสดิ์ ผู้บังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด 3, พันเอก ชาญชัยวัฒน์ เปล่งสันเทียะ เลขาธิการ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 3 ส่วนแยก 2, พันตำรวจเอก รังสิมันต์ สงเคราะห์ธรรม รองผู้บังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 3 ,พันตำรวจเอก ทรงกริช ออนตะไคร้ รองผู้บังคับการ ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่, นายมานพ แสงโสธร ผู้เชี่ยวชาญด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดภาค 6 ฝ่ายปกครองจังหวัดเชียงใหม่, เชียงราย, พะเยา, น่าน, แม่ฮ่องสอน และตาก

เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2567 ตามที่รัฐบาลได้ผลักดันให้ คณะกรรมการ ป.ป.ส. ออกประกาศกำหนดพื้นที่ ที่มีความจำเป็นเร่งด่วนเพื่อการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ในพื้นที่ 6 จังหวัด 21 อำเภอชายแดนภาคเหนือ ได้แก่ จ.เชียงใหม่, จ.เชียงราย, จ.แม่ฮ่องสอน, จ.พะเยา, จ.น่าน และ จ.ตาก

ปัจจุบัน หน่วยงานภายใต้ นบ.ยส.35 ได้ร่วมกันจัดทำแผนปฏิบัติการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ในพื้นที่ ที่มีความจำเป็นเร่งด่วน ชายแดนภาคเหนือ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ขึ้น โดยได้รวบรวมแผนงานและงบประมาณในการดำเนินงาน รวมทั้ง ปัญหาอุปสรรคในการปฏิบัติงานในปีที่ผ่านมา และข้อเสนอแนะในการแก้ไขปัญหา เพื่อให้การปฏิบัติงานในปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 นี้ มีความต่อเนื่องและเข้มข้นขึ้น อันจะสามารถบรรลุผลตามที่ได้ตั้งไว้เพื่อ “ ต้องการลดการนำเข้ายาเสพติดจากนอกประเทศ และ ลดการส่งออกหรือเป็นทางผ่านสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ในการนำไปผลิตยาเสพติดในฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน ให้เห็นผลอย่างเป็นรูปธรรม ” ภายใต้กลไกการทำงานของ นบ.ยส.35 ที่มีส่วนดำเนินการ 5 ส่วนได้แก่ ส่วนบังคับบัญชา, ส่วนอำนวยการ, ส่วนสกัดกั้น, ส่วนปราบปรามและขยายผล และ ส่วนป้องกัน ซึ่งในปี 2567 ที่ผ่านมา สามารถจับกุมยาบ้ากว่า 260 ล้านเม็ด, ไอซ์ 3,952 กก., เฮโรอีน 357.4 กก., คีตามีน 561 กก., ดำเนินคดีผู้ต้องหา 1,621 คน ปะทะกลุ่มขบวนการเสียชีวิต 31 ศพ

ร้องโรงแรมหรูใจกลางเมืองเชียงใหม่ ใช้เครื่องปั่นไฟฟ้าส่งผลกระทบต่อชุมชน

ชาวชุมชนอุ่นอารีย์ ร้องเรียนโรงแรมหรูใจกลางเมืองเชียงใหม่ ใช้เครื่องปั่นไฟฟ้าส่งผลกระทบต่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตอย่างมาก โดยเฉพาะผู้ป่วยติดเตียงที่ไม่สามารถพักผ่อนได้อย่างเพียงพอ ซึ่งที่ผ่านมาชาวบ้านได้ร้องเรียนไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

โรงแรมหรูใจกลางเมืองเชียงใหม่ สร้างความเดือดร้อนจากเครื่องปั่นไฟ ชาวชุมชนอุ่นอารีย์ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ส่งหนังสือร้องเรียน ขอความเป็นธรรม เนื่องจากชาวบ้านในพื้นที่ใกล้เคียงโรงแรมดังกล่าว กำลังเผชิญปัญหาเสียงรบกวนจากเครื่องปั่นไฟของโรงแรมโดยเฉพาะในช่วงเทศกาลยี่เป็งเชียงใหม่ที่ผ่านมา ทางโรงแรมได้เปิดเครื่องปั่นไฟ ตลอด 24 ชั่วโมง เป็นเวลา 3 วัน 3 คืน นอกจากนั้น ชาวบ้านยังกลัวเหตุเพลิงไหม้เนื่องจาก เครื่องปั่นไฟอยู่ใกล้กับ ถังแก๊สห้องครัว ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตอย่างมาก โดยเฉพาะผู้ป่วยติดเตียงที่ไม่สามารถพักผ่อนได้อย่างเพียงพอ ซึ่งที่ผ่านมาชาวบ้านได้ร้องเรียนไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ ศูนย์ดำรงธรรมเชียงใหม่ และเทศบาลนครเชียงใหม่ ให้เข้ามาแก้ไขปัญหานี้โดยเร็วที่สุดซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพ ผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต และผลกระทบต่อชาวชุมชนอีกด้วย

จากการลงพื้นที่สำรวจของทีมข่าว พบว่าเสียงดังจากเครื่องปั่นไฟดังกล่าวเกิดขึ้นโดยเฉพาะในช่วงกลางคืน ส่งผลให้ชาวบ้านหลายครัวเรือนได้รับความเดือดร้อน นอนไม่หลับ ปวดหัว และรำคาญใจ

ทางด้านกองอำนวยการสิ่งแวดล้อมเทศบาลนครเชียงใหม่ ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงตามคำร้องเรียนของชาวชุมชน และได้กล่าวถึงระเบียบที่เกี่ยวข้องเรื่องเสียงดังรบกวน ต้องมีการบังคับใช้กฎหมายเหล่านี้อย่างเข้มงวด และเร่งหาแนวทางแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว นอกจากนั้นยังส่งผลกระทบโดยตรงต่อชาวชุมชนรอบข้างอีกด้วย

จากการสอบถามข้อเท็จจริง นางสาวณิชาพร ชนาการต์ ผู้จัดการโรงแรมดังกล่าว ซึ่งทางโรงแรมได้ยอมรับว่ามีการใช้เครื่องปั่นไฟ 2 เครื่องจริง และกำลังเร่งหาแนวทางแก้ไขปัญหาเสียงที่กระทบต่อชาวชุมชนที่เกิดขึ้น

เก็บแล้วเศษซากกระทง ขยะมูลฝอย และสิ่งปฏิกูล หลังเสร็จสิ้นประเพณียี่เป็ง

ชลประทานเชียงใหม่ ทำความสะอาดเก็บกระทง ขยะมูลฝอย และสิ่งปฏิกูล หลังเสร็จสิ้นยี่เป็งเชียงใหม่ มีเศษซากกระทงลดลงถึง 25 เปอร์เซ็นต์ คาดว่า 1 – 2 วันจัดเก็บเสร็จ

วันที่ 19 พ.ย. 67 เวลา 09.30 น. ที่ประตูระบายน้ำป่าแดด ตำบลป่าแดด อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ นายทศพล เผื่อนอุดม รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานเปิดกิจกรรมรณรงค์การทำความสะอาดเก็บกระทง ขยะมูลฝอย และสิ่งปฏิกูล ภายใต้โครงการ “เมืองสะอาด คนในชาติมีสุข” โดยมี นายชนม์ฐพัฒน์ เครือศรี หัวหน้าฝ่ายจัดสรรน้ำและปรับปรุงระบบชลประทาน โครงการชลประทานเชียงใหม่ พร้อมด้วยรองนายกเทศมนตรีตำบลป่าแดด เจ้าหน้าที่โครงการชลประทานเชียงใหม่ สำนักงานชลประทานที่ 1 เจ้าหน้าที่ทหาร มทบ.33 จิตอาสา 904 และประชาชนในพื้นที่ตำบลป่าแดด ได้เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้

นายทศพล เผื่อนอุดม รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า การจัดงานเทศกาลยี่เป็งเชียงใหม่ ประจำปี 2567 ที่ได้เริ่มต้นขึ้นในห้วงระหว่างวันที่ 15 – 17 พฤศจิกายน 2567 มีนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างประเทศ ได้เข้าร่วมงานเทศกาลและลอยกระทงในลำน้ำปิงเป็นจำนวนมาก ซึ่งตลอดระยะเวลาของการจัดงาน พบว่า มีเศษซากกระทง ที่ลอยมาติดบริเวณด้านหน้าประตูระบายน้ำป่าแดด ตำบลป่าแดด อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 25 ตัน เมื่อเทียบกับในปี 66 ที่ผ่านมา ซึ่งมีจำนวน 33 ตัน ในปีนี้ลดลงถึง 25 เปอร์เซ็นต์ และวัสดุกระทงที่พบเป็นวัสดุทางธรรมชาติ คิดเป็น 90 เปอร์เซ็นต์ วัสดุโฟมและชนมปัง รวมถึงอื่นๆ คิดเป็น 10 เปอร์เซ็นต์

ที่ผ่านมามีกระแสออกมาว่า ควรงดการจัดกิจกรรมยี่เป็ง หรือลอยกระทง เพราะจะทำให้เกิดผลกระทบต่อระบบนิเวศน์ในลำน้ำ ซึ่งกิจกรรมประเพณี เป็นสิ่งที่ยึดถือกันมาอย่างยาวนาน ดังนั้น การรักษาประเพณีวัฒนธรรมก็เป็นสิ่งจำเป็น กิจกรรมที่ทำในวันนี้ ก็เป็นการฟื้นฟูลำน้ำแม่ปิงให้กลับมาใสสะอาด ภายหลังจากการจัดกิจกรรม ซึ่งทางโครงการชลประทานเชียงใหม่ สำนักงานชลประทานที่ 1 และหน่วยงานต่างๆ ได้ร่วมกันจัดกิจกรรมขึ้นเป็นประจำทุกปี เพื่อสนองนโยบายของรัฐบาลและนโยบายของจังหวัดเชียงใหม่ภายใต้ โครงการ “เมืองสะอาด คนในชาติมีสุข” เพื่อรักษาสภาพแวดล้อมให้เกิดความสะอาดและสวยงานในลำน้ำปิง กำจัดสิ่งกีดขวางในทางน้ำทำให้น้ำปิงไหลสะดวก ไม่เกิดการเน่าเสีย สามารถใช้เป็นแหล่งน้ำดิบ ผลิตน้ำประปาให้ประชาชนในเขตจังหวัดเชียงใหม่ และปลูกจิตสำนึกและสร้างวินัยการทิ้งขยะ การคัดแยกขยะ ให้แก่ประชาชนในพื้นที่

นายชนม์ฐพัฒน์ เครือศรี หัวหน้าฝ่ายจัดสรรน้ำและปรับปรุงระบบชลประทาน โครงการชลประทานเชียงใหม่ กล่าวว่า การดำเนินการจัดเก็บเศษซากกระทง และกำจัดสิ่งปฏิกูลที่ลอยติดบริเวณประตูระบายน้ำป่าแดดแห่งนี้ จะดำเนินการทั้งหมด 1 – 2 วัน โดยทางเจ้าหน้าที่โครงการชลประทานเชียงใหม่ สำนักงานชลประทานที่ 1 เทศบาลตำบลป่าแดด เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง และประชาชนจิตอาสา ได้ร่วมกันดำเนินการ ซึ่งปีนี้เศษซากกระทงลดลงถึง 25 เปอร์เซ็นต์ และทางโครงการชลประทานเชียงใหม่ ได้จัดวางทุ่นไว้ด้านหน้าประตูระบายน้ำ เพื่อให้เศษซากกระทงได้มารวมกันเพื่อการจัดเก็บได้ง่าย สามารถใช้ทั้งกำลังคน และรถแบ็คโฮ ทำการตักได้อย่างสะดวก เมื่อดำเนินการจัดเก็บแล้ว เศษซากกระทงดังกล่าว ก็จะนำไปรวมไว้ในพื้นที่ในเขตเทศบาลฯ เพื่อกำจัดตามวิธีการที่เหมาะสมต่อไป

ผบ.นบ.ยส.35 ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการทำงานทุกภาคส่วนใน การสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด

ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ชายแดนภาคเหนือ (ผบ.นบ.ยส.35)ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยม กำชับเข้ม เน้นการบูรณาการ การทำงานทุกภาคส่วนใน การสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด

วันที่ 18 – 19 พฤศจิกายน 2567 พลโท กิตติพงศ์ ชื่นใจชน แม่ทัพน้อยที่ 3 ในฐานะผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ชายแดนภาคเหนือ (ผบ.นบ.ยส.35)และคณะ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมกำลังพลที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ชายแดน ภาคเหนือ จ.เชียงใหม่ และ จ.เชียงราย ประกอบด้วย บก.สกัดกั้น นบ.ยส.35, บก.ควบคุมพื้นที่พิเศษ นบ.ยส.35, ฉก.ไชยานุภาพ และ ฉก.ทัพเจ้าตาก

การเดินทางครั้งนี้ เพื่อมอบนโยบาย การทำงาน ติดตามสถานการณ์ยาเสพติด การจัดวางกำลังสกัดกั้นยาเสพติด รับทราบ ผลการปฏิบัติงาน และขับเคลื่อนการปฏิบัติงานของหน่วยในพื้นที่ชายแดนภาคเหนือ รวมทั้งรับทราบปัญหาข้อขัดข้อง ข้อเสนอแนะในการทำงาน หน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ชายแดนภาคเหนือ (นบ.ยส.35) มีพื้นที่รับผิดชอบครอบคลุม 6 จังหวัด 21 อำเภอ ในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ (อ.เวียงแหง, อ.เชียงดาว, อ.ไชยปราการ, อ.ฝาง, อ.แม่อาย), จ.เชียงราย (อ.แม่ฟ้าหลวง, อ.แม่จัน, อ.แม่สาย, อ.เชียงแสน, อ.เชียงของ, อ.เวียงแก่น, อ.เทิง), จ.พะเยา (อ.ภูซาง), จ.น่าน (อ.เฉลิมพระเกียรติ) จ.แม่ฮ่องสอน (อ.ปาย, อ.ปางมะผ้า) และ จ.ตาก (อ.พบพระ, อ.แม่สอด อ.ท่าสองยาง , อ.แม่ระมาด และ อ.อุ้มผ้าง)

ผลการดำเนินงานตั้งแต่ 1 ต.ค. 67 – 17 พ.ย. 67 มีเหตุการณ์สำคัญ 31 ครั้ง เหตุการณ์ (ปะทะ 6 ครั้ง ตรวจยึด/จับกุม 25 ครั้ง) จับกุมยาบ้า 30.67 ล้านเม็ด, ไอซ์ 1,777 กก., เฮโรอีน 140 กก., เคตามีน 615.86 กก. Happy Water 4.8 กก. เคมีภัณฑ์ 880 ตัน ผู้ต้องหา 36 คน เปรียบเทียบในห้วงเวลาเดียวกัน มีย้าบ้าเพิ่มขึ้น คิดเป็นร้อยละ 8.97 ไอซ์ ร้อยละ 70 เฮโรอีน ร้อยละ 6 และ คีตามีน ร้อยละ 24

ทั้งนี้ ผบ.นบ.ยส.35 ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของระเบียบวินัย และการบูรณาการร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐ และเอกชน ในการปฏิบัติงานร่วมกัน พร้อมกำชับให้กำลังพลตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ด้วยความวิริยะ อุตสาหะ ร่วมมือร่วมใจกัน สกัดกั้นยาเสพติด สารตั้งต้น และเคมีภัณท์ไม่ให้เข้า-ออก ประเทศไทยและไม่ยุ่งเกี่ยวกับการกระทำที่ผิดกฎหมาย

พร้อมกันนี้ ผบ.นบ.ยส.35 ได้มอบงบประมาณ เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้กับกำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดน และมอบผ้าห่มกันหนาว เพื่อนำไปแจกจ่ายให้กับประชาชนที่ประสบภัยหนาวอีกด้วย

สวนดอกเปิดตัว ห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ ระบบอัตโนมัติครบวงจร สุดไฮเทค แห่งเดียวในเอเชีย

โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ เปิดตัว ห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ ระบบอัตโนมัติครบวงจร สุดไฮเทค แห่งเดียวในเอเชีย ตั้งแต่ เจาะเลือด ยันส่งตรวจรวดเร็ว แม่นยำสุดๆ แค่ชั่วโมงเดียว ส่งตรวจได้เป็นพันเคส

โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ แถลงข่าวสื่อมวลชน พร้อมเยี่ยมชม ห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ ระบบอัตโนมัติแบบครบวงจร (Complete Integrated Total Lab Automation) แห่งแรก และ แห่งเดียวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยเทคโนโลยีทางห้องปฏิบัติการสูงสุด ยกระดับมาตรฐานการให้บริการตรวจวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย รองรับการให้บริการที่มีประสิทธิภาพ รวดเร็ว และแม่นยำมากยิ่งขึ้น ในวันจันทร์ที่ 18 พฤศจิกายน 2567 ณ ชั้น 15 อาคารเฉลิมพระบารมี คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

ศ.(เชี่ยวชาญพิเศษ) นพ.บรรณกิจ โลจนาภิวัฒน์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ บอกว่า ห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ ระบบอัตโนมัติ แบบครบวงจร (Complete Integrated Total Lab Automation) ระบบใหม่ของ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ สามารถเชื่อมโยงการทำงานตั้งแต่การเจาะเลือด การตรวจวิเคราะห์ในห้องปฏิบัติการเคมีคลินิก ภูมิคุ้มกัน โลหิตวิทยา จนถึงการจัดการสิ่งส่งตรวจหลังการตรวจวิเคราะห์ เป็นระบบห้องปฏิบัติการระดับมาตรฐานสากลขั้นสูงสุด

ทั้งนี้ เพื่อให้การบริการเป็นที่ยอมรับ สร้างความพึงพอใจสูงสุด แก่ผู้ใช้บริการ โดยห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ ระบบอัตโนมัติ แบบครบวงจร มีความสะดวก และ ประสิทธิภาพเหนือกว่าระดับเดิม ที่มีมาก่อนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ห้องปฏิบัติการอัตโนมัติครบวงจรนี้ ได้รับการออกแบบมา เพื่อตอบสนองความต้องการ การตรวจวิเคราะห์ ที่มีความแม่นยำระดับสูงสุด ลดระยะเวลาการทำงาน และเพิ่มความสะดวกสบาย ทั้งแก่ ทั้งผู้รับบริการ และ บุคลากร ด้วยระบบการทำงาน เพื่อรองรับผู้ป่วย ที่มีความซับซ้อน และ มีจำนวนมากขึ้น ที่เชื่อมต่อกัน ตั้งแต่กระบวนการเจาะเลือด ไปจนถึง การจัดการผลตรวจวิเคราะห์ ด้วยสภาพแวดล้อมของห้องเจาะเลือด และ ห้องปฏิบัติการ ได้รับการปรับปรุงใหม่ให้ทันสมัย และสอดคล้องตามมาตรฐานสากล ช่วยให้การทำงานของ บุคลากรราบรื่นไร้รอยต่อ และผู้เข้ารับบริการได้รับ ความสะดวกสบาย และ รวดเร็วยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของพันธกิจ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ในการพัฒนาประสิทธิภาพ และคุณภาพการให้บริการทางการแพทย์ ในการเป็นโรงเรียนแพทย์ในดวงใจ

นักวิจัย มช.สกัดสาร ต้านอนุมูลอิสระประสิทธิภาพสูง (Mangiferin) จากใบมะม่วง

นักวิจัย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ประสบความสำเร็จ ค้นคว้าสกัดสาร ต้านอนุมูลอิสระ ประสิทธิภาพสูง แมงจิเฟอริน (Mangiferin) จากใบมะม่วง ช่วยเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ ให้เศษวัสดุเหลือทิ้งทางเกษตร โดยใช้เทคโนโลยีพลาสมา พร้อมต่อยอดพัฒนา เป็นผลิตภัณฑ์เซรั่มฟื้นฟูบำรุงผิว ด้วยเทคโนโลยีการห่อหุ้มระดับนาโน พบประสิทธิภาพ และ คุณภาพดีเยี่ยม ไม่ด้อยกว่าแบรนด์ดังต่างประเทศ ในราคาที่ย่อมเยากว่า ช่วยลดเลือนริ้วรอย และ การเกิดสิวเห็นผลภายใน 14 วัน

สำหรับ ใบมะม่วง ตามสายตาของคนทั่วไปแล้ว เชื่อว่าส่วนใหญ่น่าจะมองว่าเป็นเพียงใบไม้ที่ร่วงหล่นหรือเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร ซึ่งแทบจะไม่มีมูลค่าใดๆ และพบเห็นได้ทั่วไป อย่างไรก็ตามจากการศึกษาวิจัยของเภสัชกรหญิง ดร.ปองพรรณ สุคำ หนึ่งในทีมนักวิจัยศูนย์วิจัยฟิสิกส์ของพลาสมาและลำอนุภาค คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ค้นพบว่าในใบมะม่วงนั้น มีสารสำคัญที่ชื่อว่า แมงจิเฟอริน (Mangiferin) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระประสิทธิภาพสูง ที่ผ่านการทดสอบแล้วว่ามีคุณสมบัติในการช่วยลดการอักเสบ ยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย ลดการเกิดสิว และ ปกป้องผิวจากรังสี UVB พร้อมทั้งพัฒนาต่อยอดพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ของคนไทยที่มีคุณภาพ และ ประสิทธิภาพสูงในการช่วยลดเลือนริ้วรอยและปกป้องผิว ไม่ด้อยไปกว่าผลิตภัณฑ์ยี่ห้อดังของต่างประเทศ

ทั้งนี้ เภสัชกรหญิง ดร.ปองพรรณ บอกว่า ตั้งแต่ช่วงที่ศึกษาระดับปริญญาเอกสาขาวิทยาศาสตร์นาโนและนาโนเทคโนโลยี คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดยส่วนตัวมีความสนใจเกี่ยวกับงานวิจัยด้านการสกัดสารสำคัญจากพืชด้วยเทคโนโลยีพลาสมา ซึ่งเป็นเทคโนโลยีสะอาด ที่กลุ่มประเทศทางยุโรปมีการใช้ทางการแพทย์และการสกัดสารสำคัญจากพืชเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์และความงาม จึงได้พยายามศึกษาค้นคว้าวิจัยเกี่ยวกับพืชท้องถิ่นของไทยที่มีฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาสูงแต่ไม่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 1,000 ชนิด เพื่อค้นหาพืชที่มีสารสกัดออกฤทธิ์เป็นสารต้านอนุมูลอิสระประสิทธิภาพสูง หรือ Super Antioxidant ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากศูนย์วิจัยฟิสิกส์ของพลาสมาและลำอนุภาค คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

โดยจากการวิจัยทำให้ค้นพบว่าใบมะม่วงนั้น มีสาร แมงจิเฟอริน (Mangiferin) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีฤทธิ์สูง (Super Antioxidant) และคุณสมบัติในการยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย ลดการอักเสบ ลดการเกิดสิว และช่วยปกป้องผิวจากรังสี UVB รวมทั้งช่วยให้แผลหายเร็วขึ้นด้วย ซึ่งขณะเดียวกันนั้นทราบว่าทางเจ้าของผลิตภัณฑ์ดูแลบำรุงผิวยี่ห้อดังรายหนึ่งของต่างประเทศกำลังศึกษาสารสกัดเดียวกันนี้จากพืชของไทยเช่นกัน โดยหลังจากที่ค้นพบสารสกัดสำคัญนี้จากการวิจัยแล้วนั้น ได้รับการสนับสนุนจาก กองทุนพัฒนาผู้ประกอบการเทคโนโลยีและนวัตกรรม (TED Fund) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ภายใต้โครงการยุววิสาหกิจเริ่มต้น (TED Youth Startup) เพื่อพัฒนาต่อยอดในเชิงธุรกิจจนกระทั่งสำเร็จเป็นผลิตภัณฑ์ เซรั่มแมงจิเฟอร์รา แอนไทริงเคิล ในชื่อแบรนด์ ทีวาเพียว (TEVAPURE) ออกวางจำหน่ายเมื่อช่วงต้นปี 2567

สำหรับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ดังกล่าวนี้นั้น เภสัชกรหญิง ดร.ปองพรรณ บอกว่า มุ่งเน้นการใช้ส่วนผสมคุณภาพสูงจากธรรมชาติ เพื่อตอบโจทย์ในการบำรุงฟื้นฟูผิว ลดเลือนริ้วรอย ลดการเกิดสิว และเพิ่มความกระจ่างใส รวมทั้งไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้และเหมาะสมกับสภาพผิวของคนไทยและคนเอเชีย โดยมี แมงจิเฟอริน (Mangiferin) เป็นสารสกัดสำคัญหลักในผลิตภัณฑ์พร้อมด้วยส่วนผสมสำคัญอื่นๆ ทั้ง นิโคตินาไมด์ (Niacinamide),อะซิทิล กลูโคซามีน(Acetyl Glucosamine) หรือ ปาล์มมิโตอิล โอลิโกเปปไทด์(Palmitoyl Oligopeptide) เป็นต้น ซึ่งผสมผสานกันด้วยสูตรที่ลงตัว ขณะเดียวมีการนำนวัตกรรมมาใช้ในกระบวนการผลิตด้วยเทคโนโลยีการห่อหุ้มระดับนาโน (Nano-encapsulation) ซึ่งช่วยทำให้เซรั่มสามารถซึมซาบเข้าสู่เซลล์ผิวได้ดี และรวดเร็ว พร้อมทั้งสารสำคัญออกฤทธิ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูง

เภสัชกรหญิง ดร.ปองพรรณ บอกด้วย ประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์เซรั่มบำรุงผิว ที่พัฒนาจากงานวิจัยสารสกัด จากใบมะม่วงไม่เพียงเห็นผลลัพธ์ จากการทดสอบในกลุ่มตัวอย่าง หรือ ห้องปฏิบัติการเท่านั้น แต่ยังได้รับการยืนยัน จากผู้ใช้งานจริงด้วยว่า ได้ผลอย่างดีเยี่ยมในการฟื้นฟูสภาพผิว ซึ่งเห็นผลอย่างชัดเจนภายใน 14 วัน ส่งผลทำให้ผลิตภัณฑ์นี้ ได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดี เป็นที่น่าพอใจ นับตั้งแต่ที่เริ่มนำออกวางจำหน่าย โดยมองว่านอกจากผลิตภัณฑ์นี้ จะเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่ม ให้กับใบมะม่วงแล้ว ยังจะเป็นอีกส่วนหนึ่งในการช่วย บรรเทาปัญหาฝุ่นควัน อีกทางหนึ่งด้วย เพราะน่าจะช่วยลดปริมาณใบมะม่วง ที่ถูกนำไปกำจัดทิ้ง ด้วยการเผาในแต่ละปีลงได้เป็นอย่างมาก เพื่อนำมาใช้เป็นวัตถุดิบในการสกัดสารสำคัญนี้แทน

ส่วนของผู้ที่สนใจผลิตภัณฑ์ เซรั่มแมงจิเฟอร์รา แอนไทริงเคิล ซึ่งพัฒนาต่อยอด จากงานวิจัยสารสกัดสำคัญ จากใบมะม่วงนั้น เบื้องต้นมีการวางจำหน่ายที่ NSP INNO STORE อุทยานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมทางเว็บไซต์ www.tevapure.com และ LINE Official Account :@tevapure

สถาบันอาชีวะภาคเหนือเปิดศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยีฝึกวิชาชีพเพื่อประชาชน

สถาบันอาชีวะภาคเหนือ 1 เปิดศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยี นวัตกรรมและฝึกวิชาชีพเพื่อประชาชน โดยมีการอบรมให้ความรู้ด้านวิชาชีพให้กับนักศึกษาและประชาชนเพื่อต่อยอดองค์ความรู้ในการพัฒนาวิชาชีพในการประกอบอาชีพ

ที่ สถาบันการอาชีวศึกษาภาคเหนือ 1 ประตูโขง อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน นายยศพล เวณุโกเศศ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ได้เป็นเป็นประธานในพิธีเปิดโครงการ iven 1 NUR พัฒนาวิชาชีพสู่อาชีพที่ยั่งยืนและเปิดศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยี นวัตกรรมและฝึกวิชาชีพเพื่อประชาชน เพื่ออบรมให้ความรู้ด้านวิชาชีพให้กับนักศึกษาและประชาชนเพื่อต่อยอดองค์ความรู้ในการพัฒนาวิชาชีพในการประกอบอาชีพ ในงานการการจัดแสดงผลงานของสถาบันอาชีวะภาคเหนือ การทำอาหาร หุ่นยนต์อัตโนมัติ ระบบสมาร์ทฟาร์ม และผลิตผลทางการเกษตร และเสื้อพิมพ์ลายกราฟฟิค เป็นต้น อาทิ วิทยาลัยการอาชีพจอมทอง , วิทยาลัยการอาชีพฝาง , วิทยาลัยเทคนิคสารภี , วิทยาลัยการอาชีพป่าซาง , วิทยาลัยการอาชีพบ้านโฮ่ง และวิทยาลัยเกษตรเทคโนโลยีเชียงใหม่ และสิทยาลัยสารพัดช่างเชียงใหม่ เป็นต้น นอกจากนี้ทางสถาบันอาชีวะศึกษาภาคเหนือยังได้นำนักศึกษาเปิดศูนย์ซ่อมรถจักรยานยนต์ให้ชาวบ้านในพื้นที่อีกด้วย

ขณะที่ อาจารย์ประสิทธิ์ ชูดวง รองผู้อำนวยการฝ่ายกิจการนักศึกษา วิทยาลัยเทคโนโลยีโปลิเทคนิคลานนา ได้มอบเสื้อพิมพ์ลายกราฟฟิค ผลงานของนักศึกษาสารพัดช่างเชียงใหม่ ซึ่งได้พิมพ์ลายเป็นรูป ท่านเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา มอบให้กับ ท่านยศพล เวณุโกเศศ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา หลังจากนั้นท่านเลขาธิการคณะกรรมการการ ได้มอบนโยบายให้กับผู้บริหารสถาบันอาชีวะศึกษาภาคเหนือ ที่เข้าร่วมงาน เพื่อขับเคลื่อนนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการต่อไป

ซากกระทงไหลน้ำปิงปีนี้ 25 ตัน น้อยกว่าปีที่ผ่านมาถึง 25%

ชลประทานเชียงใหม่ พบวัสดุกระทงปีนี้ มาจากวัสดุธรรมชาติถึง 90% ปริมาณกระทง 25 ตัน น้อยกว่าปีที่ผ่านมาถึง 25% เตรียมบูรณาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดเก็บในวันที่ 19 พ.ย.นี้

วันที่ 17 พ.ย. 67 นายเกื้อกูล มานะสัมพันธ์สกุล ผู้อำนวยการโครงการชลประทานเชียงใหม่ กล่าวว่า การจัดงานเทศกาลยี่เป็งเชียงใหม่ ประจำปี 2567 ที่ได้เริ่มต้นขึ้นในห้วงระหว่างวันที่ 15 – 17 พฤศจิกายน 2567 มีนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างประเทศ ได้เข้าร่วมงานเทศกาลและลอยกระทงในลำน้ำปิงเป็นจำนวนมาก ซึ่งตลอดระยะเวลาของการจัดงาน พบว่า มีเศษซากกระทง ที่ลอยมาติดบริเวณด้านหน้าประตูระบายน้ำป่าแดด ตำบลป่าแดด อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 25 ตัน เมื่อเทียบกับในปี 66 ที่ผ่านมา ซึ่งมีจำนวน 33 ตัน ในปีนี้ลดลงถึง 25 เปอร์เซ็นต์ และวัสดุกระทงที่พบเป็นวัสดุทางธรรมชาติ คิดเป็น 90 เปอร์เซ็นต์ วัสดุโฟมและชนมปัง รวมถึงอื่นๆ คิดเป็น 10 เปอร์เซ็นต์

ทางโครงการชลประทานเชียงใหม่ จึงได้กำหนดกิจกรรมรณรงค์การทำความสะอาดเก็บกระทง ขยะมูลฟอย และสิ่งปฏิกูล ภายใต้โครงการ “เมืองสะอาด คนในชาติมีสุข” ณ ประตูระบายน้ำป่าแดด ตำบลป่าแดด อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ในวันที่ 19 พ.ย. 2567 เวลา 09.30 น. โดยมีหน่วยงานประกอบเจ้าหน้าที่โครงการชลประทานเชียงใหม่ สำนักงานชลประทานที่ 1 เทศบาลตำบลป่าแดด เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง และประชาชนจิตอาสาจะเข้าร่วม ซึ่งการจัดเก็บเศษซากกระทง สิ่งปฏิกูล คาดว่าจะใช้ระยะเวลาในการจัดเก็บประมาณ 2 – 3 วัน