สวนดอกเปิดตัว ห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ ระบบอัตโนมัติครบวงจร สุดไฮเทค แห่งเดียวในเอเชีย

โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ เปิดตัว ห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ ระบบอัตโนมัติครบวงจร สุดไฮเทค แห่งเดียวในเอเชีย ตั้งแต่ เจาะเลือด ยันส่งตรวจรวดเร็ว แม่นยำสุดๆ แค่ชั่วโมงเดียว ส่งตรวจได้เป็นพันเคส

โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ แถลงข่าวสื่อมวลชน พร้อมเยี่ยมชม ห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ ระบบอัตโนมัติแบบครบวงจร (Complete Integrated Total Lab Automation) แห่งแรก และ แห่งเดียวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยเทคโนโลยีทางห้องปฏิบัติการสูงสุด ยกระดับมาตรฐานการให้บริการตรวจวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย รองรับการให้บริการที่มีประสิทธิภาพ รวดเร็ว และแม่นยำมากยิ่งขึ้น ในวันจันทร์ที่ 18 พฤศจิกายน 2567 ณ ชั้น 15 อาคารเฉลิมพระบารมี คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

ศ.(เชี่ยวชาญพิเศษ) นพ.บรรณกิจ โลจนาภิวัฒน์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ บอกว่า ห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ ระบบอัตโนมัติ แบบครบวงจร (Complete Integrated Total Lab Automation) ระบบใหม่ของ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ สามารถเชื่อมโยงการทำงานตั้งแต่การเจาะเลือด การตรวจวิเคราะห์ในห้องปฏิบัติการเคมีคลินิก ภูมิคุ้มกัน โลหิตวิทยา จนถึงการจัดการสิ่งส่งตรวจหลังการตรวจวิเคราะห์ เป็นระบบห้องปฏิบัติการระดับมาตรฐานสากลขั้นสูงสุด

ทั้งนี้ เพื่อให้การบริการเป็นที่ยอมรับ สร้างความพึงพอใจสูงสุด แก่ผู้ใช้บริการ โดยห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ ระบบอัตโนมัติ แบบครบวงจร มีความสะดวก และ ประสิทธิภาพเหนือกว่าระดับเดิม ที่มีมาก่อนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ห้องปฏิบัติการอัตโนมัติครบวงจรนี้ ได้รับการออกแบบมา เพื่อตอบสนองความต้องการ การตรวจวิเคราะห์ ที่มีความแม่นยำระดับสูงสุด ลดระยะเวลาการทำงาน และเพิ่มความสะดวกสบาย ทั้งแก่ ทั้งผู้รับบริการ และ บุคลากร ด้วยระบบการทำงาน เพื่อรองรับผู้ป่วย ที่มีความซับซ้อน และ มีจำนวนมากขึ้น ที่เชื่อมต่อกัน ตั้งแต่กระบวนการเจาะเลือด ไปจนถึง การจัดการผลตรวจวิเคราะห์ ด้วยสภาพแวดล้อมของห้องเจาะเลือด และ ห้องปฏิบัติการ ได้รับการปรับปรุงใหม่ให้ทันสมัย และสอดคล้องตามมาตรฐานสากล ช่วยให้การทำงานของ บุคลากรราบรื่นไร้รอยต่อ และผู้เข้ารับบริการได้รับ ความสะดวกสบาย และ รวดเร็วยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของพันธกิจ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ในการพัฒนาประสิทธิภาพ และคุณภาพการให้บริการทางการแพทย์ ในการเป็นโรงเรียนแพทย์ในดวงใจ

นักวิจัย มช.สกัดสาร ต้านอนุมูลอิสระประสิทธิภาพสูง (Mangiferin) จากใบมะม่วง

นักวิจัย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ประสบความสำเร็จ ค้นคว้าสกัดสาร ต้านอนุมูลอิสระ ประสิทธิภาพสูง แมงจิเฟอริน (Mangiferin) จากใบมะม่วง ช่วยเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ ให้เศษวัสดุเหลือทิ้งทางเกษตร โดยใช้เทคโนโลยีพลาสมา พร้อมต่อยอดพัฒนา เป็นผลิตภัณฑ์เซรั่มฟื้นฟูบำรุงผิว ด้วยเทคโนโลยีการห่อหุ้มระดับนาโน พบประสิทธิภาพ และ คุณภาพดีเยี่ยม ไม่ด้อยกว่าแบรนด์ดังต่างประเทศ ในราคาที่ย่อมเยากว่า ช่วยลดเลือนริ้วรอย และ การเกิดสิวเห็นผลภายใน 14 วัน

สำหรับ ใบมะม่วง ตามสายตาของคนทั่วไปแล้ว เชื่อว่าส่วนใหญ่น่าจะมองว่าเป็นเพียงใบไม้ที่ร่วงหล่นหรือเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร ซึ่งแทบจะไม่มีมูลค่าใดๆ และพบเห็นได้ทั่วไป อย่างไรก็ตามจากการศึกษาวิจัยของเภสัชกรหญิง ดร.ปองพรรณ สุคำ หนึ่งในทีมนักวิจัยศูนย์วิจัยฟิสิกส์ของพลาสมาและลำอนุภาค คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ค้นพบว่าในใบมะม่วงนั้น มีสารสำคัญที่ชื่อว่า แมงจิเฟอริน (Mangiferin) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระประสิทธิภาพสูง ที่ผ่านการทดสอบแล้วว่ามีคุณสมบัติในการช่วยลดการอักเสบ ยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย ลดการเกิดสิว และ ปกป้องผิวจากรังสี UVB พร้อมทั้งพัฒนาต่อยอดพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ของคนไทยที่มีคุณภาพ และ ประสิทธิภาพสูงในการช่วยลดเลือนริ้วรอยและปกป้องผิว ไม่ด้อยไปกว่าผลิตภัณฑ์ยี่ห้อดังของต่างประเทศ

ทั้งนี้ เภสัชกรหญิง ดร.ปองพรรณ บอกว่า ตั้งแต่ช่วงที่ศึกษาระดับปริญญาเอกสาขาวิทยาศาสตร์นาโนและนาโนเทคโนโลยี คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดยส่วนตัวมีความสนใจเกี่ยวกับงานวิจัยด้านการสกัดสารสำคัญจากพืชด้วยเทคโนโลยีพลาสมา ซึ่งเป็นเทคโนโลยีสะอาด ที่กลุ่มประเทศทางยุโรปมีการใช้ทางการแพทย์และการสกัดสารสำคัญจากพืชเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์และความงาม จึงได้พยายามศึกษาค้นคว้าวิจัยเกี่ยวกับพืชท้องถิ่นของไทยที่มีฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาสูงแต่ไม่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 1,000 ชนิด เพื่อค้นหาพืชที่มีสารสกัดออกฤทธิ์เป็นสารต้านอนุมูลอิสระประสิทธิภาพสูง หรือ Super Antioxidant ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากศูนย์วิจัยฟิสิกส์ของพลาสมาและลำอนุภาค คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

โดยจากการวิจัยทำให้ค้นพบว่าใบมะม่วงนั้น มีสาร แมงจิเฟอริน (Mangiferin) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีฤทธิ์สูง (Super Antioxidant) และคุณสมบัติในการยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย ลดการอักเสบ ลดการเกิดสิว และช่วยปกป้องผิวจากรังสี UVB รวมทั้งช่วยให้แผลหายเร็วขึ้นด้วย ซึ่งขณะเดียวกันนั้นทราบว่าทางเจ้าของผลิตภัณฑ์ดูแลบำรุงผิวยี่ห้อดังรายหนึ่งของต่างประเทศกำลังศึกษาสารสกัดเดียวกันนี้จากพืชของไทยเช่นกัน โดยหลังจากที่ค้นพบสารสกัดสำคัญนี้จากการวิจัยแล้วนั้น ได้รับการสนับสนุนจาก กองทุนพัฒนาผู้ประกอบการเทคโนโลยีและนวัตกรรม (TED Fund) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ภายใต้โครงการยุววิสาหกิจเริ่มต้น (TED Youth Startup) เพื่อพัฒนาต่อยอดในเชิงธุรกิจจนกระทั่งสำเร็จเป็นผลิตภัณฑ์ เซรั่มแมงจิเฟอร์รา แอนไทริงเคิล ในชื่อแบรนด์ ทีวาเพียว (TEVAPURE) ออกวางจำหน่ายเมื่อช่วงต้นปี 2567

สำหรับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ดังกล่าวนี้นั้น เภสัชกรหญิง ดร.ปองพรรณ บอกว่า มุ่งเน้นการใช้ส่วนผสมคุณภาพสูงจากธรรมชาติ เพื่อตอบโจทย์ในการบำรุงฟื้นฟูผิว ลดเลือนริ้วรอย ลดการเกิดสิว และเพิ่มความกระจ่างใส รวมทั้งไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้และเหมาะสมกับสภาพผิวของคนไทยและคนเอเชีย โดยมี แมงจิเฟอริน (Mangiferin) เป็นสารสกัดสำคัญหลักในผลิตภัณฑ์พร้อมด้วยส่วนผสมสำคัญอื่นๆ ทั้ง นิโคตินาไมด์ (Niacinamide),อะซิทิล กลูโคซามีน(Acetyl Glucosamine) หรือ ปาล์มมิโตอิล โอลิโกเปปไทด์(Palmitoyl Oligopeptide) เป็นต้น ซึ่งผสมผสานกันด้วยสูตรที่ลงตัว ขณะเดียวมีการนำนวัตกรรมมาใช้ในกระบวนการผลิตด้วยเทคโนโลยีการห่อหุ้มระดับนาโน (Nano-encapsulation) ซึ่งช่วยทำให้เซรั่มสามารถซึมซาบเข้าสู่เซลล์ผิวได้ดี และรวดเร็ว พร้อมทั้งสารสำคัญออกฤทธิ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูง

เภสัชกรหญิง ดร.ปองพรรณ บอกด้วย ประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์เซรั่มบำรุงผิว ที่พัฒนาจากงานวิจัยสารสกัด จากใบมะม่วงไม่เพียงเห็นผลลัพธ์ จากการทดสอบในกลุ่มตัวอย่าง หรือ ห้องปฏิบัติการเท่านั้น แต่ยังได้รับการยืนยัน จากผู้ใช้งานจริงด้วยว่า ได้ผลอย่างดีเยี่ยมในการฟื้นฟูสภาพผิว ซึ่งเห็นผลอย่างชัดเจนภายใน 14 วัน ส่งผลทำให้ผลิตภัณฑ์นี้ ได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดี เป็นที่น่าพอใจ นับตั้งแต่ที่เริ่มนำออกวางจำหน่าย โดยมองว่านอกจากผลิตภัณฑ์นี้ จะเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่ม ให้กับใบมะม่วงแล้ว ยังจะเป็นอีกส่วนหนึ่งในการช่วย บรรเทาปัญหาฝุ่นควัน อีกทางหนึ่งด้วย เพราะน่าจะช่วยลดปริมาณใบมะม่วง ที่ถูกนำไปกำจัดทิ้ง ด้วยการเผาในแต่ละปีลงได้เป็นอย่างมาก เพื่อนำมาใช้เป็นวัตถุดิบในการสกัดสารสำคัญนี้แทน

ส่วนของผู้ที่สนใจผลิตภัณฑ์ เซรั่มแมงจิเฟอร์รา แอนไทริงเคิล ซึ่งพัฒนาต่อยอด จากงานวิจัยสารสกัดสำคัญ จากใบมะม่วงนั้น เบื้องต้นมีการวางจำหน่ายที่ NSP INNO STORE อุทยานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมทางเว็บไซต์ www.tevapure.com และ LINE Official Account :@tevapure

สถาบันอาชีวะภาคเหนือเปิดศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยีฝึกวิชาชีพเพื่อประชาชน

สถาบันอาชีวะภาคเหนือ 1 เปิดศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยี นวัตกรรมและฝึกวิชาชีพเพื่อประชาชน โดยมีการอบรมให้ความรู้ด้านวิชาชีพให้กับนักศึกษาและประชาชนเพื่อต่อยอดองค์ความรู้ในการพัฒนาวิชาชีพในการประกอบอาชีพ

ที่ สถาบันการอาชีวศึกษาภาคเหนือ 1 ประตูโขง อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน นายยศพล เวณุโกเศศ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ได้เป็นเป็นประธานในพิธีเปิดโครงการ iven 1 NUR พัฒนาวิชาชีพสู่อาชีพที่ยั่งยืนและเปิดศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยี นวัตกรรมและฝึกวิชาชีพเพื่อประชาชน เพื่ออบรมให้ความรู้ด้านวิชาชีพให้กับนักศึกษาและประชาชนเพื่อต่อยอดองค์ความรู้ในการพัฒนาวิชาชีพในการประกอบอาชีพ ในงานการการจัดแสดงผลงานของสถาบันอาชีวะภาคเหนือ การทำอาหาร หุ่นยนต์อัตโนมัติ ระบบสมาร์ทฟาร์ม และผลิตผลทางการเกษตร และเสื้อพิมพ์ลายกราฟฟิค เป็นต้น อาทิ วิทยาลัยการอาชีพจอมทอง , วิทยาลัยการอาชีพฝาง , วิทยาลัยเทคนิคสารภี , วิทยาลัยการอาชีพป่าซาง , วิทยาลัยการอาชีพบ้านโฮ่ง และวิทยาลัยเกษตรเทคโนโลยีเชียงใหม่ และสิทยาลัยสารพัดช่างเชียงใหม่ เป็นต้น นอกจากนี้ทางสถาบันอาชีวะศึกษาภาคเหนือยังได้นำนักศึกษาเปิดศูนย์ซ่อมรถจักรยานยนต์ให้ชาวบ้านในพื้นที่อีกด้วย

ขณะที่ อาจารย์ประสิทธิ์ ชูดวง รองผู้อำนวยการฝ่ายกิจการนักศึกษา วิทยาลัยเทคโนโลยีโปลิเทคนิคลานนา ได้มอบเสื้อพิมพ์ลายกราฟฟิค ผลงานของนักศึกษาสารพัดช่างเชียงใหม่ ซึ่งได้พิมพ์ลายเป็นรูป ท่านเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา มอบให้กับ ท่านยศพล เวณุโกเศศ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา หลังจากนั้นท่านเลขาธิการคณะกรรมการการ ได้มอบนโยบายให้กับผู้บริหารสถาบันอาชีวะศึกษาภาคเหนือ ที่เข้าร่วมงาน เพื่อขับเคลื่อนนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการต่อไป

ซากกระทงไหลน้ำปิงปีนี้ 25 ตัน น้อยกว่าปีที่ผ่านมาถึง 25%

ชลประทานเชียงใหม่ พบวัสดุกระทงปีนี้ มาจากวัสดุธรรมชาติถึง 90% ปริมาณกระทง 25 ตัน น้อยกว่าปีที่ผ่านมาถึง 25% เตรียมบูรณาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดเก็บในวันที่ 19 พ.ย.นี้

วันที่ 17 พ.ย. 67 นายเกื้อกูล มานะสัมพันธ์สกุล ผู้อำนวยการโครงการชลประทานเชียงใหม่ กล่าวว่า การจัดงานเทศกาลยี่เป็งเชียงใหม่ ประจำปี 2567 ที่ได้เริ่มต้นขึ้นในห้วงระหว่างวันที่ 15 – 17 พฤศจิกายน 2567 มีนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างประเทศ ได้เข้าร่วมงานเทศกาลและลอยกระทงในลำน้ำปิงเป็นจำนวนมาก ซึ่งตลอดระยะเวลาของการจัดงาน พบว่า มีเศษซากกระทง ที่ลอยมาติดบริเวณด้านหน้าประตูระบายน้ำป่าแดด ตำบลป่าแดด อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 25 ตัน เมื่อเทียบกับในปี 66 ที่ผ่านมา ซึ่งมีจำนวน 33 ตัน ในปีนี้ลดลงถึง 25 เปอร์เซ็นต์ และวัสดุกระทงที่พบเป็นวัสดุทางธรรมชาติ คิดเป็น 90 เปอร์เซ็นต์ วัสดุโฟมและชนมปัง รวมถึงอื่นๆ คิดเป็น 10 เปอร์เซ็นต์

ทางโครงการชลประทานเชียงใหม่ จึงได้กำหนดกิจกรรมรณรงค์การทำความสะอาดเก็บกระทง ขยะมูลฟอย และสิ่งปฏิกูล ภายใต้โครงการ “เมืองสะอาด คนในชาติมีสุข” ณ ประตูระบายน้ำป่าแดด ตำบลป่าแดด อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ในวันที่ 19 พ.ย. 2567 เวลา 09.30 น. โดยมีหน่วยงานประกอบเจ้าหน้าที่โครงการชลประทานเชียงใหม่ สำนักงานชลประทานที่ 1 เทศบาลตำบลป่าแดด เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง และประชาชนจิตอาสาจะเข้าร่วม ซึ่งการจัดเก็บเศษซากกระทง สิ่งปฏิกูล คาดว่าจะใช้ระยะเวลาในการจัดเก็บประมาณ 2 – 3 วัน

ตำรวจ.จิตอาสาสันทราย เสริมเขี้ยวเล็บร่วมอบรมยิงปืน

ชมรมยิงปืนศูนย์ฝึกอบรมตำรวจภูธรภาค5 จัดอบรมเรียนรู้เข้าใจการใช้อาวุธปืนเป็นการฟื้นฟูและเพิ่มทักษะของจนท.ตำรวจสภ.สันทราย จนท.จิตอาสาสมัครจราจรของสภ.สันทราย และจนท.ศูนย์ปลอดภัยคมนาคมจ.เชียงใหม่ รวม 40 นาย

งานนี้ได้รับเกียรติจากพล.ต.ต.ธนะรัชต์ ชุ่มสวัสดิ์ รองผบช.ประจำฯช่วยราชการ ภาค.5 เดินทางมาเป็นประธานและให้กำลังใจกับผู้เข้าอบรมครั้งนี้ ณ ศูนย์ฝึกอบรมยิงปืนตำรวจภูธรภาค5 ต.ห้างฉัตร อ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง พร้อมกับมอบโล่ประกาศเกียรติคุณศูนย์การป้องกันและปราบปรามยาเสพติดให้กับดร.กาญจนา เอี่ยมสมบัติ ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ชมรมยิงปืนศูนย์ฝึกอบรมตำรวจภูธรภาค5 ที่เป็นผู้ให้การสนับสนุนและดูแลการอบรมยิงปืนในครั้งนี้ และทางดร.กาญจนา ก็ได้มอบของที่ระลึกพร้อมเหรียญในหลวงร.10 ให้กับรองต้าร์ เป็นการของคุณ
การอบรมยิงปืนรอบนี้ถือว่าเป็นรอบพิเศษที่ได้จัดขึ้น พร้อมได้ครูฝึก วิทยากร ระดับประเทศมาสอนนำโดยพ.ต.ท.ศัตย์วัฒน์ อุดรอินทร์ พ.ต.ท.ณพชร เกศะรักษ์ ร.ต.อ.สุนทร ดีมงคล ร.ต.อ.ใจกานต์ ดีมงคล พร้อมทีมครูฝึกที่มากไปด้วยประสบการณ์ ได้มาฝึกสอนฟื้นฟูเพิ่มทักษะ ในการใช้อาวุธปืนกึ่งอัตโนมัติในการยิงเป้า นิ่งและลงสู่ภาคสนามของจริง เป็นการเรียรู้เกี่ยวกับอาวุธปืนขั้นพื้นฐานแต่สามารถนำไปใช้ได้จริง

การอบรมครั้งนี้ก็ผ่านพ้นไปด้วยดี ทุกคนสามารถสอบผ่านการอบรมครั้งนี้ไปด้วยดี พร้อมรับใบประกาศนียบัตรโดยดร.กาญจนา เอี่ยมสมบัติเป็นผู้มอบให้ในรุ่นที่19 พร้อมถ่ายรูปร่วมกัน ก่อนจะแยกย้ายเดินทางกลับบ้านด้วยความปลอดภัย

เชียงดาว ทหารตำรวจตั้งจุดตรวจยึดกระบะขนไอซ์ 9 กระสอบ น้ำหนัก 110 กก.

เจ้าหน้าที่ ตร.สภ.นาหวาย สนธิกำลังร่วมกับ ฉก.ไชยานุภาพ กกล.ผาเมือง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตั้งจุดตรวจยึดกระบะขนไอซ์ 9 กระสอบ น้ำหนัก 110 กก. ที่ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่

วันที่ 17 พฤศจิกายน 2567 พลโทกิตติพงศ์ ชื่นใจชน แม่ทัพน้อยที่ 3 ในฐานะผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ชายแดนภาคเหนือ (ผบ.นบ.ยส.35 ) เปิดเผยว่า จากการปฏิบัติงานเชิงรุกในการวางมาตรการสกัดกั้นบริเวณชายแดนของหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ชายแดนภาคเหนือและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในช่วงนี้ส่งผลให้ เมื่อ 16 พ.ย. 67 เวลา 2130 เจ้าหน้าที่ ตร.สภ.นาหวาย สนธิกำลังร่วมกับ ฉก.ไชยานุภาพ กกล.ผาเมือง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตั้งจุดตรวจ/จุดสกัดชั่วคราว ด้านหน้า สภ.นาหวาย อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ตรวจพบรถยนต์กระบะต้องสงสัยขับเข้ามายังจุดตรวจแล้วเร่งเครื่องหลบหนี จึงได้ไล่ติดตาม พบรถยนต์กระบะคนดังกล่าว จอดทิ้งไว้บริเวณเส้นทาง บ.ใหม่พัฒนา ต.ทุ่งข้าวพวง อ.เชียงดาวฯ ไม่พบคนขับรถ เจ้าหน้าที่จึงได้ตรวจสอบพื้นที่บริเวณโดยรอบ

ผลการปฏิบัติ ตรวจยึดรถกระบะ 1คัน พร้อมของกลาง ไอซ์ จำนวน 9 กระสอบ รวมน้ำหนักประมาณ 110 กก. ซุกซ่อนท้ายกระบะรถยนต์ ไม่พบผู้กระทำผิด เจ้าหน้าที่ได้นำของกลางส่งให้ สภ.นาหวาย เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

แก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกขายกระทงอาหารปลาแม่ค้าหลงกลสูญเงินเกือบล้าน

แก๊งคอลเซ็นเตอร์ โพสต์ขายกระทงอาหารปลาในโซเชี่ยล แม่ค้าอาหารทะเลหลงกลติดต่อซื้อเพื่อจะนำมาขายช่วงลอยกระทง ถูกหลอกให้โอนเงินเข้าบัญชีม้า แต่ไม่ได้สินค้า จึงไปแจ้งอายัดบัญชีม้า ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ตลบหลัง อ้างเป็นตำรวจไวเบอร์ ขอตรวจสอบบัญชีธนาคารผู้เสียหาย อ้างบัญชีม้าที่ผู้เสียหายโอนเงินเข้าพัวพันธุกิจมืดก่อนหลอกผู้เสียหายโอนเงินเช้าบัญชีกลางตรอบสอบเส้นทางการเงิน รู้ตัวสูญเงินเกือบล้าน บางส่วนเป็นเงินสินเชื่อจากธนาคาร ต้องจ่ายดอกเบี้ยเงิน 2 หมื่นกว่าบาท

นางสาวนุช นามสมมุติ แม่ค้าอาหารทะเลแช่แข็ง ชาวอำเภอหางดง จ.เชียงใหม่ นำเอกสานสำเนาสลิปโอนเงิน รูปหน้าเพจ และรูปข้อความแชท เข้าแจ้งความกับ พันตำรวจโทสุเทพ กล่ำใย สารวัตรสอบสวน กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 4 จ.เชียงใหม่ หลังจากเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายนที่ผ่านมา นางสาวนุช เล่าว่าตนได้ติดต่อซื้อกระทงอาหารปลา จากผู้ใช้เพจเฟสบุ๊คที่ชื่อเฮียวิน วัตถุโบราณ ขายส่งชิ้นล่ะ 20 บาทและได้โอนเงินเข้าบัญชีชื่อว่านายนพ นามสมมุติทั้งหมด 2,085 บาท ซึ่งจากการสนทนาผ่านแชท ทราบว่าจะส่งของให้นางสาวนุชฯวันถัดไป ต่อมาผู้ที่ใช้เพจเฟสบุ๊คที่ชื่อเฮียวิน วัตถุโบราณ ได้เลื่อนส่งสินค้าวันที่ 4 พฤศจิกายน แต่ก็ไม่มีการส่งสินค้ามาให้ นอกจากนี้ยังถูกผู้ใช้เพจเฟสบุ๊ค รายดังกล่าวบล็อกเฟส และบล็อกโปรไฟล์ นางสาวนุชฯจึงทำการแจ้งอายัดบัญชีธนาคารที่ได้โอนเงินไปให้และได้แจ้งความออนไลน์ไปยังตำรวจไซเบอร์

ต่อมามีผู้ชายที่อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์ติดต่อสอบถามมาที่นางสาวนุชฯ ถึงความคืบหน้ากรณีที่ได้แจ้งอายัดบัญชีธนาคารมิจฉาชีพพร้อมกับระบุว่าขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์ได้จับกุมตัว นายนพฯ เจ้าของบัญชีธนาคารดังกล่าวขณะกำลังกดเงินที่ตู้เอทีเอ็ม ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่ายอดเงินจากนางสาวนุชฯโอนเงินให้บัญชีธนาคารดังกล่าวเป็นคนสุดท้าย นอกจากนี้ยังได้อ้างว่านายนพฯ ได้ซัดทอดว่านางสาวนุชฯได้ว่าจ้างให้นายนพฯ เปิดบัญชีม้า บุคคลที่อ้างตนว่าเป็นตำรวจไซเบอร์ ขอตรวจสอบบัญชีธนาคารของผู้เสียหายทั้ง 3 บัญชีโดยระบุว่าจะมีการอายัดเงินในบัญชีทั้งหมดประมาณ 3-6 เดือนเพื่อตรวจสอบ แต่ถ้าหากมางสาวนุชฯมีหลักฐานการแชทติดต่อซื้อขายกระทงจริงก็ให้ยื่นๆแสดงกับเจ้าหน้าที่ภายหลัง

แต่นางสาวนุชระบุว่าเงินก้อนดังกล่าวเป็นเงินที่ใช้หมุนในร้านค้า ชายคนดังกล่าวจึงแจ้งกับนางสาวนุชฯ บอกว่าขอตรวจสอบบัญชีธนาคารใช้เวลาไม่นานแต่เจ้าหน้าที่จะให้ธนาคารกลางเป็นผู้ตรวจสอบ โดยให้นางสาวนุชฯโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารกลางตรวจสอบแต่ว่าสเตทเมนท์ธนาคารจะหายไป 3 เดือนย้อนหลัง ซึ่งนาวสาวนุชฯ ไม่ตกลงเนื่องจากต้องใช้สเตทเมนท์ ในการซื้อรถคันใหม่ เพื่อมาค้าขาย ชายคนดังกล่าวจึงแจ้งว่าทางเจ้าหน้าที่ขออายัดบัญชีทั้งหมดไว้ตรวจสอบซักครู่ แล้วก็มีการให้แอดไลน์ หน้าจอเป็นรูปสัญลักษณ์ตำรวจไซเบอร์ แล้วถามว่าบัญชีธนาคารมีกี่บัญชี เธอจึงตอบว่ามีทั้งหมด 3 บัญชี ออมสิน ไทยพานิชย์ กสิกร แล้วให้โยกเงินทั้งหมดไปไว้ที่บัญชีธนาคารไทยพานิชย์ ชายคนดังกล่าวอ้างว่าเจ้าหน้าที่จะเริ่มอายัดบัญชีธนาคารออมสิน และกสิกร ต่อมานางสาวนุชฯได้โยกเงินไปบัญชีธนาคารไทยพานิชย์ และพบว่ามีการอายัดบัญชีธนาคารออมสิน และกสิกรและมีข้อความ SMS จากธนาคารทั้งสองแห่งว่าอายัดบัญชีธนาคารส่งมา จึงทำให้เชื่อว่าชายคนดังกล่าวเป็นตำรวจไซเบอร์จริงจึงได้โอนเงินไปบัญชีธนาคารที่ชายคนดังกล่าวอ้างว่าเป็นบัญชีกลางรวมเป็นเงิน 996,801.04 บาท ต่อมาชายคนดังกล่าวยังได้สอบถามว่ามีเงินในบัญชีอื่นอีกหรือไม่ และเริ่มเอะใจว่าให้เติมเงินระบบเลยรู้ตัวว่าถูกหลอก

นางสาวนุช กล่าวเพิ่มเติมว่า เงินที่โอนไปให้มิจฉาชีพทั้งหมดรวมเป็นเงิน 988,883 บาท แบ่งเป็นค่ากระทงอาหารปลา 2,085 บาท เป็นเงินเก็บในบัญชีธนาคารประมาณ 6 หมื่นบาท ที่เหลือ 9 แสนบาทเป็นเงินสินเชื่อหรือ OD จากธนาคาร เงินส่วนนี้ตนจะต้องคืนให้กับธนาคารไม่เช่นนั้นจะต้องจ่ายเฉพาะค่าดอกเบี้ยถึงเดือนล่ะ 2 หมื่นบาททำให้ขณะนี้ตนกับครอบครัวได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก แถมไม่พอหลังเกิดเหตุกลุ่มมิจฉาชีพได้โทรศัพท์มาเยาะเย้นถากถางสารพัด จนทำให้ตนและคนในครอบครัวต่างก็เกิดความเครียดกันทั้งบ้าน

เชียงใหม่ ตำรวจสอบสวนกลางค้นบ้านอาจารย์อ๊อดพบสัตว์ป่าสงวน

เจ้าหน้าที่ตำรวจ สอบสวนกลาง ขยายผลค้นบ้านนายธนวันต์ (อ.อ๊อด) จิรเจริญเวศน์ ที่จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อหาหลักฐานในคดีฉ้อโกง พบสัตว์ป่าสงวน แจ้งข้อหา มีไว้ในครอบครองซึ่งสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่

พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.วัชรินทร์ พูสิทธิ์ ผบก.ปทส , พ.ต.อ.ฌัทกฤช น้อยคำปัน ผกก.4 บก.ปทส พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนกลาง เจ้าหน้าที่ชุดตรวจยึด นำโดย ร.ต.อ.จิรายุ อิ่นแก้ว รอง สว.(สอบสวน) กก.4 บก.ปทส. นำกำลัง เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการพิเศษ กก.4 บก.ปทส. ได้รับประสานงานจากเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม ร้องทุกข์กล่าวโทษ นายธนวันต์ (อ.อ๊อด) จิรเจริญเวศน์ ในคดีฉ้อโกงประชาชน ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจค้นบ้านเลขที่เลขที่ 307/31 หมู่ 11 ตำบลป่าไผ่ อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ พบนายสนั่น บรรจง คนงานผู้ดูแลบ้านหลังดังกล่าวนำเจ้าหน้าที่ตรวจค้น พบอีเก้ง หรือเก้ง หรือฟาน เจ้าหน้าที่จึงทำการตรวจยึดไปตรวจสอบ

ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ปทส. ได้รับการประสานงานจากเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปราม เนื่องด้วยการเข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 307/31 หมู่ 11 ตำบลป่าไผ่ อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นบ้านของนายธนวันต์ (อ.อ๊อด) จิรเจริญเวศน์ อายุ 43 ปี ว่าพบสัตว์ป่าคุ้มครองชนิดเก้งอยู่ในบ้านหลังดังกล่าว จึงได้ทำการเข้าตรวจสอบ หลังเข้าตรวจค้น เจ้าหน้าที่พบสัตว์ป่าคุ้มครองชนิดเก้ง (Muntiacus muntjak) เพศผู้โตเต็มวัย จำนวน 1 ตัว ถูกขังอยู่ในคอกภายในบริเวณบ้าน ตรวจสอบพบว่าไม่มีสัญลักษณ์หรือใบอนุญาตครอบครองสัตว์ป่าคุ้มครองที่ออกโดยกรมอุทยานฯ ซึ่งเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 ฐาน “มีไว้ในครอบครองซึ่งสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่

จากการสอบถามนายสนั่น บรรจง อายุ 83 ปี ซึ่งเป็นคนงานผู้ดูแลบ้าน ให้การว่าเก้งดังกล่าวเป็นของนายธนวันต์ (อ.อ๊อด) โดยอยู่ในบ้านตั้งแต่ตนเริ่มเข้ามาทำงานในฐานะลูกจ้าง และเคยเห็นสัตว์ป่าชนิดอื่น ๆ ที่นายธนวันต์ (อ.อ๊อด) เลี้ยงไว้ แต่สัตว์เหล่านั้นได้ถูกนำออกไปแล้ว เนื่องจากชาวบ้านในพื้นที่ได้รับความเดือดร้อน หลังจากตรวจยึด เจ้าหน้าที่ได้นำเก้งตัวดังกล่าวไปดูแลต่อที่สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าห้วยยางปาน อำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่ พร้อมทำบันทึกส่งมอบหลักฐานเพื่อดำเนินคดีกับนายธนวันต์ (อ.อ๊อด) จิรเจริญเวศน์ ตามกฎหมายต่อไป

ทหารพราน ปะทะกลุ่มค้ายาชายแดน อ.แม่อาย ยึดยา 200,000 เม็ด

กองบังคับการควบคุมทหารพรานศูนย์ปฎิบัติการ กองทัพภาคที่ 3 กองกำลังผาเมือง ปะทะกลุ่มค้ายาชายแดนบริเวณ ช่องทางธรรมชาติดอยหลักเต็ง บ้านปะสี ตำบลมะลิกา อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ ยึดยา 200,000 เม็ด

วันที่ 10 พฤศจิกายน 2567 พลโทกิตติพงศ์ ชื่นใจชน แม่ทัพน้อยที่ 3 ในฐานะผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ชายแดนภาคเหนือ (ผบ.นบ.ยส.35 ) เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่หน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ชายแดนภาคเหนือ วางมาตรการสกัดกั้นยาเสพติดตามแนวชายแดนช่วงประเพณีลอยกระทงประจำปีนี้ เพื่อเฝ้าระวังการลักลอบขนยาเข้าพื้นที่ตอนใน อย่างเข้มข้น โดยเน้นย้ำการลาดตระเวน เฝ้าตรวจตามพื้นที่เป้าหมาย ส่งผลให้ เมื่อ 10 พ.ย. 67 เวลา 0530 กองบังคับการควบคุมทหารพรานศูนย์ปฎิบัติการ กองทัพภาคที่ 3 กองกำลังผาเมืองนำชุดปฏิบัติการออกลาดตระเวนเฝ้าตรวจ บริเวณ ช่องทางธรรมชาติดอยหลักเต็ง บ้านปะสี ตำบลมะลิกา อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ ระหว่างทางได้พบกลุ่มบุคคลต้องสงสัย จำนวน 3 – 5 คน สะพายเป้กระสอบดัดแปลงเดินมาตามเส้นทาง ธรรมชาติ เจ้าหน้าที่ทหารจึงได้แสดงตัวเพื่อขอตรวจค้น แต่กลุ่มบุคคลดังกล่าวได้ใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดยิงใส่ฝ่ายเรา ทำให้เกิดการปะทะประมาณ 10 นาที

ผลการปฏิบัติ ฝ่ายเราปลอดภัย จากการตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุ พบเป้กระสอบดัดแปลง จำนวน 2 เป้ ภายในบรรจุยาบ้า จำนวนเป้ละ 100,000 เม็ด รวมจำนวนประมาณ 200,000 เม็ด หน่วยได้ควบคุมพื้นที่เพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ทั้งนี้หน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ชายแดนภาคเหนือ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังคงเฝ้าระวังการลักลอบขนยาเสพติดเข้าพื้นที่อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การสกัดกั้นเป็นไปตามเป้าหมายของรัฐบาล

ยึดยาบ้า 400,000 เม็ด วางทิ้งทางเข้าสวน บ้านหนองอ้อม ต.แม่ข่า อ.ฝาง

หน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ชายแดนภาคเหนือ (นบ.ยส.35 ) ยึดยาบ้า 400,000 เม็ด วางทิ้งทางเข้าสวน บ้านหนองอ้อม ต.แม่ข่า อ.ฝาง จังหวัดเชียงใหม่

วันที่ 8 พฤศจิกายน 2567 พลโทกิตติพงศ์ ชื่นใจชน แม่ทัพน้อยที่ 3 ในฐานะผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ชายแดนภาคเหนือ (ผบ.นบ.ยส.35 ) เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 1030 ของวันนี้ กกล.ผาเมือง โดย ฉก.ไชยานุภาพ ได้รับแจ้งจากประชาชนในพื้นที่ว่าพบกระสอบต้องสงสัยวางอยู่ บริเวณ ทางเข้าสวน บ.หนองอ้อม ต.แม่ข่า อ.ฝาง จังหวัดเชียงใหม่. จึงเข้าตรวจสอบพื้นที่ดังกล่าว

ผลการปฏิบัติ ตรวจพบกระสอบดัดแปลง จำนวน 2 กระสอบ ภายในบรรจุยาบ้า กระสอบละประมาณ 200,000 เม็ด รวมประมาณ 400,000 เม็ด หน่วยจึงได้นำของกลางส่งให้ สถานีตำรวจภูธรฝาง เพื่อดำเนินการต่อไป

แม่ทัพน้อยที่ 3 ในฐานะผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ชายแดนภาคเหนือ กล่าวต่อว่า ปีนี้สถานการณ์ยาเสพติดน่าจะรุนแรง เนื่องจากมีปัจจัยที่กลุ่มขบวนการต้องหาเงินมาชดเชยอาคารบ้านเรือน และยาที่เสียหายจากเหตุน้ำท่วม จึงมีความพยายามในการลักลอบขนทางด่านชายแดนในปริมาณที่มากขึ้น