(มีคลิป) เชียงใหม่-พช.เชียงใหม่ ลงพื้นที่พิจารณากลั่นกรองการประกวดคัดเลือก “หมู่บ้านกองทุนแม่ของแผ่นดินดีเด่น” ระดับจังหวัดปี 68

เชียงใหม่-พช.เชียงใหม่ ลงพื้นที่พิจารณากลั่นกรองการประกวดคัดเลือก “หมู่บ้านกองทุนแม่ของแผ่นดินดีเด่น” ระดับจังหวัดปี 68

เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2568 นางณิชพลัฏฐ์ วรรณคำ พัฒนาการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานฯ นำคณะทำงานกลั่นกรองการประกวดหมู่บ้านกองทุนแม่ของแผ่นดินดีเด่น ระดับจังหวัด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 โดยมี นางสาววิไลวรรณ ตาดำ เจ้าพนักงานปกครองชำนาญการ ผู้แทนศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดจังหวัดเชียงใหม่ นางสาวภัครพี วัฒนาฤดี นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการ ผู้แทนสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ภาค 5 นายสว่าง ธาตุอินทร์จันทน์ ประธานเครือข่ายกองทุนแม่ของแผ่นดินดินจังหวัดเชียงใหม่ และนายเสกสรรค์ กาศโอสถ นักวิชาการพัฒนาชุมชนชำนาญการพิเศษ ลงพื้นที่เพื่อพิจารณากลั่นกรองฯ โดยมีนางสาวอัมพร ไชยโย ผู้อำนวยการกลุ่มงานสารสนเทศการพัฒนาชุมชน พร้อมด้วยนักวิชาการพัฒนาชุมชน สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกิจกรรมและสังเกตุการณ์ หมู่บ้านกองทุนแม่ของแผ่นดินจำนวน 2 อำเภอได้แก่

ลงพื้นที่กลั่นกรอง ณ กองทุนแม่ของแผ่นดินบ้านแปกแซม หมู่ที่ 6 ตำบลเปียงหลวง อำเภอเวียงแหง จังหวัดเชียงใหม่

ลงพื้นที่กลั่นกรอง ณ กองทุนแม่ของแผ่นดินบ้านเมืองขอน หมู่ที่ 7 ตำบลเมืองนะ อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่

โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ ผู้นำท้องถิ่น/ท้องที่ หน่วยงานภาคีเครือข่ายในระดับพื้นที่ รวมถึงสมาชิกกลุ่มองค์กร ร่วมให้การต้อนรับและสนับสนุนให้ข้อมูลประกอบการพิจารณาแก่คณะทำงานประกอบการพิจารณาฯ

การประกวดหมู่บ้านกองทุนแม่ของแผ่นดิน มีวัตถุประสงค์ เพื่อน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และเพื่อเชิดชูเกียรติและสร้างขวัญกำลังใจในการดำเนินงานกองทุนแม่ของแผ่นดินแก่หมู่บ้าน/ชุมชนกองทุนแม่ของแผ่นดิน พัฒนายกระดับการดำเนินงานหมู่บ้านกองทุนแม่ของแผ่นดิน พร้อมสร้างการรับรู้และประชาสัมพันธ์การดำเนินงานหมู่บ้านกองทุนแม่ของแผ่นดินให้เป็นที่ประจักษ์แก่สาธารณชน

“กองทุนแม่ของแผ่นดิน” คือ โครงการที่ได้รับพระราชทานพระราชทรัพย์จาก สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในปี พ.ศ. 2546 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นทุนตั้งต้นในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในหมู่บ้านและชุมชนต่างๆ อย่างยั่งยืน โดยให้ชุมชนเป็นเจ้าของและร่วมกันบริหารจัดการเงินทุนนี้เอง

โดยมีหลักการสำคัญของกองทุนฯ คือ การนำพลัง “ความรัก” และ “ความสามัคคี” ของคนในชุมชน มาเป็นแกนหลักในการต่อสู้กับภัยยาเสพติด โดยยึดหลักสันติวิธีและความเข้าใจซึ่งกันและกัน ทำให้ชุมชนสามารถสร้างภูมิคุ้มกันที่แข็งแกร่งได้ด้วยตนเอง.

ถวายสักการะพระสงฆ์

มาดามหยก ที่ปรึษาประธานกรรมาธิการ การศาสนาฯ สภาผู้แทนฯ ถวายสักการะ(กำลังใจ) แด่พระสงฆ์สายธรรมยุต 350 วัด ประชุมที่วัดเจดีย์หลวง พร้อมดูแลทุกๆศาสนาเพื่อให้คงอยู่คู่ชาวไทย

เมื่อวันที่ 6 ก.ย.2568 ผู้สื่อข่าวรายงานข่าวเรื่องพระสงฆ์ทำบัญชีวัด วันนี้พระสงฆ์สายธรรมยุต จัดประชุมพระสังฆาธิการคณะสงฆ์จังหวัดเชียงใหม่ -ลำพูน-แม่ฮ่องสอน (สายธรรมยุต) ที่อาคารปฏิบัติธรรมสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ(อนุพรมมหาเถร) สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก วัดเจดีย์หลวง วรวิหาร ตำบลพระสิงห์ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ โดย พระเทพวชิราธิบดี (ฤทธิรงค์ ญาณวโร) ดำรงตำแหน่งเจ้าคณะภาค 6-7 (ธรรมยุต) เป็นเจ้าอาวาสวัดป่าดาราภิรมย์ อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ปกครองคณะสงฆ์ธรรมยุตในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน และแม่ฮ่องสอน เป็นประธานในการจัดการประชุม มีพระสงฆ์จำนวน 350 วัดเข้าร่วมประชุม ระดับเจ้าคณะอำเภอ เจ้าคณะตำบล เจ้าอาวาสวัด รองเจ้าอาวาสวัด พระอุปัชฌาย์ หัวหน้าที่ปรึกษาสำนักสงฆ์ รวมทั้งเจ้าหน้าที่สำนักพุทธ เข้าร่วมประชุม

ที่ประชุมได้เชิญ ศาสตราจารย์พิเศษ ธงทอง จันทรางศุ ที่ปรึกษามหาเถรสมาคม มาบรรยายถวายคำแนะนำเรื่องกฎระเบียบการทำบัญชีรายรับรายจ่ายของวัด

ก่อนการประชุม นางสาวกชพร เวโรจน์ “มาดามหยก” หัวหน้าพรรคก้าวอิสระ และในฐานะที่ปรึษาประธานกรรมาธิการ การศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร และในฐานะประธานชมรม Change Together byมาดามหยก และ INDY TEAM เข้าถวายพานพุ่มดอกบัว สักการะ(ถวายกำลังใจ)แด่พระสงฆ์ โดยมอบปัจจัยค่าน้ำปานะจำนวนหนึ่ง

นางสาวกชพร เวโรจน์ “มาดามหยก” ที่ปรึกษาประธานกรรมาธิการ การศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า วันนี้ได้มาถวายสักการะ(ถวายกำลังใจ)พระเถระ 350 วัด ซึ่งตนขอยืนยันปกป้องดูแลทุกศาสนา ดูแลพระเถระที่ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบยังมีจำนวนมาก และยังรวมไปถึงทุกๆศาสนา ทุกนิกาย มีทั้งทำดีและทำไม่ถูกเป็นเรื่องธรรมดา เพราะมนุษย์อยู่ในสังคมจะมีทั้งคนดีและคนไม่ดี เช่น การที่คนเชียงใหม่ทำผิดคนหนึ่ง จะกลายเป็นว่าคนเชียงใหม่เป็นคนไม่ดีไปหมดนั้นก็คงไม่ใช่ วงการศาสนาก็เหมือนกัน พระบางรูปทำผิด ก็ลงโทษตามบทลงโทษไปตามกระบวนการเอาผิดทางวินัย ตามกระบวนการที่มีอยู่ ส่วนการที่ศาสนาจะต้องอยู่ต่อไปมั้ยนั้น.? หยกมองว่า จำเป็นจะต้องมีต่อไป และหยกก็พร้อมเป็นกำลังใจให้ทุกศาสนาต่อไป

แม่วางผนึกกำลัง กวาดล้างยาเสพติดเข้มข้นในพื้นที่ ปฏิบัติการ “NO Drugs NO Dealers”

แม่วางผนึกกำลัง กวาดล้างยาเสพติดเข้มข้นในพื้นที่ ปฏิบัติการ “NO Drugs NO Dealers”

เชียงใหม่ – อำเภอแม่วางเดินหน้าเต็มสูบกับปฏิบัติการ “NO Drugs NO Dealers” โดยมีการตั้งจุดตรวจและสกัดกั้นอย่างเข้มข้น เพื่อป้องกันการลักลอบค้ายาเสพติดและสร้างชุมชนปลอดยาอย่างยั่งยืน

เมื่อวันศุกร์ที่ 15 สิงหาคม 2568 เวลา 16.00 น. นายวีระกิตติ์ การดื่ม ปลัดหัวหน้ากลุ่มงานบริหารงานปกครอง รักษาราชการแทนนายอำเภอแม่วาง ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ประกอบด้วยปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคง,กำนัน นายจีระ กิจทรัพย์พัฒนา ผู้ใหญ่บ้านหมู่4 บ้านหนองต่า , ชุด ชรบ. ตำบลแม่วิน และสมาชิก อส. ร้อย.อส.อ.แม่วาง ที่ 23 บูรณาการร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แม่วาง และเจ้าหน้าที่สาธารณสุข

ชุดปฏิบัติการได้เข้าดำเนินการตั้งจุดตรวจและจุดสกัดตามเส้นทางและจุดเสี่ยงต่างๆ ในพื้นที่ ตำบลแม่วิน เพื่อตรวจค้นบุคคลและยานพาหนะที่ต้องสงสัย รวมถึงทำการตรวจปัสสาวะเพื่อหาสารเสพติดในกลุ่มเป้าหมาย

การปฏิบัติการครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนนโยบาย “ชุมชนปลอดยาเสพติด 8 Quick win” ที่มุ่งเน้นการสร้างความสงบเรียบร้อยและรักษาความปลอดภัยในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง และยังเป็นการบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมในอำนาจหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง.

(มีคลิป) เชียงใหม่/ชื่นชม! ชาวบ้านหนองเต่าร่วมใจพัฒนาฝายต้นน้ำ สืบสานประเพณี อนุรักษ์ธรรมชาติ

เชียงใหม่/ชื่นชม! ชาวบ้านหนองเต่าร่วมใจพัฒนาฝายต้นน้ำ สืบสานประเพณี อนุรักษ์ธรรมชาติ

เชียงใหม่ – เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2568 ณ บ้านหนองเต่า หมู่ 4 ต.แม่วิน อ.แม่วาง ชาวบ้านหนองเต่าได้รวมพลังสามัคคีครั้งใหญ่ นำโดย นายจีระ กิจทรัพย์พัฒนา ผู้ใหญ่บ้าน และคณะกรรมการหมู่บ้าน เพื่อพัฒนาและทำความสะอาด ฝายต้นน้ำ และ จุดเก็บน้ำ ที่ใช้ประโยชน์ร่วมกันในชุมชน

การรวมตัวกันครั้งนี้เป็นกิจกรรมที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนานในชุมชน โดยชาวบ้านจะร่วมแรงร่วมใจทำความสะอาดฝายน้ำล้นและจุดเก็บน้ำในช่วงปลายเดือนกรกฎาคมถึงต้นเดือนสิงหาคมของทุกปี ซึ่งปีนี้มีความจำเป็นเร่งด่วนเป็นพิเศษ เนื่องจากพายุวิภาได้พัดพาเอาโคลนและเศษใบไม้มาปิดกั้นทางน้ำ ทำให้การไหลเวียนของน้ำไม่สะดวก

ชาวบ้านหนองเต่าทุกคนได้ร่วมกันสละทั้งเวลา กำลังกาย และทุนทรัพย์ เพื่อช่วยกันฟื้นฟูแหล่งน้ำสำคัญของหมู่บ้าน สะท้อนให้เห็นถึงความตระหนักในคุณค่าของธรรมชาติและวัฒนธรรมที่เป็นหนึ่งเดียวกัน ไม่เพียงแต่ดูแลแหล่งน้ำ แต่ชุมชนแห่งนี้ยังยึดมั่นในแนวทางอนุรักษ์ธรรมชาติอย่างแท้จริง โดยไม่มีการถางป่าหรือเผาป่า ซึ่งถือเป็นแบบอย่างที่ดีในการสร้างชุมชนเข้มแข็งและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เหมาะสมกับการเป็นชุมชนต้นแบบของ ต.แม่วิน อย่างแท้จริง.

ชนะเลิศอันดับที่ 1 “ขนมกน” ไทเขินบ้านมอญต้นโพธิ์แฝด ได้รับเลือกเป็นอาหารถิ่นของเชียงใหม่ “1 จังหวัด 1 เมนู”

ชนะเลิศอันดับที่ 1 “ขนมกน” ไทเขินบ้านมอญต้นโพธิ์แฝด ได้รับเลือกเป็นอาหารถิ่นของเชียงใหม่ “1 จังหวัด 1 เมนู”

โครงการ “1 จังหวัด 1 เมนู เชิดชูอาหารถิ่น” หรือ “รสชาติ…ที่หายไป The Lost Taste” ซึ่งจัดโดยกระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ร่วมกับ 76 จังหวัด และกรุงเทพมหานคร ได้ประกาศผลการคัดเลือกเมนูอาหารประจำจังหวัด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 เพื่อส่งเสริมและพัฒนายกระดับอาหารถิ่นให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมของไทย

การประกาศผลครั้งนี้ได้รวบรวมเมนูอาหารถิ่นที่ได้รับการพิจารณาคัดเลือกจากการโหวตของประชาชนในพื้นที่ โดยมีเมนูที่ได้รับคัดเลือกจำนวน 77 เมนู แบ่งตามภูมิภาคต่างๆ ได้แก่
เมนูจากภาคเหนือ

* ขนมปาด จากจังหวัดลำพูน
* ยำไก่ผีปู่ย่า จากจังหวัดสุโขทัย
* ไส้กรอกใหญ่รสเด็ดโบราณพิชัย จากจังหวัดอุตรดิตถ์
* ว้าไก่ จากจังหวัดกาฬสินธุ์
เมนูจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
* ข้าวโจ้โรยงา จากจังหวัดขอนแก่น
* หมกลาบปลาตอง จากจังหวัดชัยภูมิ
* กะละแมโบราณนครพนม จากจังหวัดนครพนม
* น้ำพริกหมู (โคราช) จากจังหวัดนครราชสีมา
* กุ้งจ่อมผัดสมุนไพร จากจังหวัดบึงกาฬ
* ซั่วไก่ จากจังหวัดบุรีรัมย์
* ลาบปูนา จากจังหวัดมหาสารคาม
* ข้าวต้มพันตองหนองสูง จากจังหวัดมุกดาหาร
* ลาบปลาแม่น้ำชี จากจังหวัดยโสธร
* ลาบปูนา จากจังหวัดเลย
* เมี่ยงโค้นน้ำผักสะทอน จากจังหวัดศรีสะเกษ
* ปาดหรือแป้งปิ้งโบราณ – เซาอัง จากจังหวัดสกลนคร
* ส้มตีนโคขุนโพนยางคำ จากจังหวัดสุรินทร์
* แกงฮวกใส่ผักกระแยง จากจังหวัดหนองคาย
* หอยจุ๊บน้ำแกง จากจังหวัดหนองบัวลำภู
* หลามไก่ จากจังหวัดอุดรธานี
* ปลาร้าทรงเครื่อง จากจังหวัดอุบลราชธานี
เมนูจากภาคกลาง
* ขนมจีนซาวน้ำ จากจังหวัดนครปฐม
* ปลาดุกฟูผัดพริกขิง จากจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
* ขนมสาลี่ จากจังหวัดราชบุรี
* ขนมเปี๊ยะ จากจังหวัดสมุทรสงคราม
* หอยทอดผัดฉ่า จากจังหวัดสมุทรสาคร
* ขนมเปร็ง จากจังหวัดสิงห์บุรี
* มันกะทิปลานิลลอยออมและย่อมย่อน จากจังหวัดสิงห์บุรี
* กาลอแมน้ำตาลปั้น จากจังหวัดสุพรรณบุรี
* ข้าวตอกใบรางนก จากจังหวัดอ่างทอง
* ต้มปลากับปลาบางบ่อ จากจังหวัดสมุทรปราการ
เมนูจากภาคตะวันออก
* แกงส้มปลาคัง จากจังหวัดจันทบุรี
* หมูตัวเดียว จากจังหวัดชลบุรี
* แกงกะทิกระฉอดเคยหมาด จากจังหวัดตราด
* ปลาบูทอดพริกน้ำปลา จากจังหวัดนครนายก
* ข้าวห่อใบบัว จากจังหวัดปราจีนบุรี
* ข้าวต้มกุ้ง จากจังหวัดระยอง
* แกงไตปลา จากจังหวัดสมุทรปราการ
* ไก่ต้มน้ำปลา จากจังหวัดสระแก้ว
เมนูจากภาคใต้
* หลีเปาะ จากจังหวัดกระบี่
* ต้มยำกุ้งน้ำข้น จากจังหวัดชุมพร
* หมึกผัดกระเทียม จากจังหวัดตรัง
* ขนมจีน จากจังหวัดนครศรีธรรมราช
* หมูสามชั้น จากจังหวัดระนอง
* ลางสาด จากจังหวัดสตูล
* ข้าวยำ จากจังหวัดพัทลุง
* แกงไตปลา จากจังหวัดสงขลา
* ต้มยำทะเล จากจังหวัดระยอง
* ปลาร้า จากจังหวัดสุราษฎร์ธานี

ผู้สนใจสามารถติดตามรายละเอียดและรายชื่อเมนูอื่นๆ เพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ของกรมส่งเสริมวัฒนธรรม

SUN จับมือ สนับสนุนโครงการ “สวนดอกรวมน้ำใจ” คณะแพทยศาสตร์ มช. ส่งมอบผลิตภัณฑ์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยชายแดนไทย–กัมพูชา

SUN จับมือ สนับสนุนโครงการ “สวนดอกรวมน้ำใจ” คณะแพทยศาสตร์ มช. ส่งมอบผลิตภัณฑ์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยชายแดนไทย–กัมพูชา

บริษัท ซันสวีท จำกัด (มหาชน) หรือ SUN ร่วมมือกับคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ในการสนับสนุนโครงการ “สวนดอกรวมน้ำใจ” โดยร่วมส่งมอบผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมรับประทาน ภายใต้แบรนด์ “KC” เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชา ซึ่งกำลังประสบปัญหาขาดแคลนอาหารและสิ่งของจำเป็น

สถานการณ์ในพื้นที่ชายแดนช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะในจังหวัดศรีสะเกษและสุรินทร์ ทำให้ประชาชนบางส่วนต้องอพยพออกจากพื้นที่ และมีข้อจำกัดในการเข้าถึงโภชนาการและบริการพื้นฐาน SUN จึงได้ร่วมสนับสนุนโครงการ “สวนดอกรวมน้ำใจ” จัดโดย คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดยร่วมสมทบผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมรับประทาน ข้าวโพดหวานหวานบรรจุกระป๋อง เพื่อเป็นอีกหนึ่งพลังน้ำใจในการบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนที่กำลังประสบภัย

ในฐานะผู้ประกอบการที่ยึดมั่นในหลักความรับผิดชอบต่อสังคม SUN เชื่อว่าอาหารคือพลังในการเยียวยา และเป็นสิ่งที่ทุกคนควรเข้าถึงในยามวิกฤต ถือเป็นอีกหนึ่งบทบาทที่ได้ร่วมกับภาคการแพทย์ในการช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ชายแดน ส่งต่อความห่วงใยจากคนไทยสู่คนไทย.

SUN ส่งต่อพลังใจ สู่ผู้ประสบภัยน้ำท่วมภาคเหนือ

SUN ส่งต่อพลังใจ สู่ผู้ประสบภัยน้ำท่วมภาคเหนือ

26 กรกฎาคม 2568 – สถานการณ์น้ำท่วมภาคเหนือยังไม่คลี่คลาย หลายชุมชนในจังหวัดน่าน โดยเฉพาะอำเภอเมืองน่าน อำเภอเวียงสา และอำเภอท่าวังผา ยังคงเผชิญกับความยากลำบาก ถนนหนทางบางสายถูกตัดขาด บ้านเรือนเสียหาย และหลายครัวเรือนขาดแคลนสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวัน

ด้วยความห่วงใยต่อชุมชนที่ได้รับผลกระทบในพื้นที่ บริษัท ซันสวีท จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เกษตรแปรรูปภายใต้แบรนด์ “KC” ได้ระดมทีมงานและเครือข่ายพันธมิตร จัดส่งความช่วยเหลือเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและช่วยเติมกำลังใจให้กับผู้ที่กำลังเผชิญวิกฤต

ผลิตภัณฑ์ที่สนับสนุนประกอบด้วย ข้าวโพดหวานบรรจุกระป๋องตรา “KC” พร้อมรับประทาน เก็บรักษาได้นาน และน้ำดื่มสะอาดตรา “ฟ้าใส” จากบริษัท เชียงใหม่วิสาหกิจเพื่อสังคม จำกัด เพื่อบรรเทาปัญหาการขาดแคลนน้ำดื่ม

การช่วยเหลือครั้งนี้ถูกกระจายไปยังพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ ดังนี้
1. ศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยจังหวัดน่าน เพื่อกระจายต่อไปยังพื้นที่เสี่ยงใน อำเภอเมืองน่าน อำเภอเวียงสา และอำเภอท่าวังผา
2. เทศบาลเมืองน่าน และเทศบาลตำบลเวียงสา ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบหนัก
3. พันธมิตรทางธุรกิจในอำเภอเวียงสา ซึ่งเป็นผู้จัดหาวัตถุดิบ Ready to Eat (RTE) ของบริษัทฯ เพื่อให้ความช่วยเหลือเข้าถึงครัวเรือนในชุมชนอย่างรวดเร็ว

ทีมงานของ SUN ได้ลงพื้นที่และทำงานร่วมกับหน่วยงานในท้องถิ่น รวมถึงพันธมิตรในชุมชน เพื่อให้สิ่งของจำเป็นเข้าถึงทุกครัวเรือนโดยเร็วที่สุด แม้ในพื้นที่ที่การสัญจรเป็นไปอย่างยากลำบาก “เราเชื่อว่าความเกื้อกูลที่ส่งถึงกันแม้เพียงเล็กน้อย จะสร้างกำลังใจที่ยิ่งใหญ่ให้ทุกคนได้ก้าวผ่านวิกฤตนี้ไปด้วยกัน”

อย่างไรก็ตาม SUN จะยังคงติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และพร้อมเดินหน้าสนับสนุนความช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ชุมชนที่ได้รับผลกระทบสามารถฟื้นฟูชีวิตความเป็นอยู่กลับคืนสู่ภาวะปกติโดยเร็วที่สุด.

(มีคลิป) เชียงใหม่/ ปปส.ภาค 5 จัดประชุมขับเคลื่อนงานพัฒนาและฟื้นฟูหมู่บ้านกองทุนแม่ของแผ่นดินฯ

เชียงใหม่/ ปปส.ภาค 5 จัดประชุมขับเคลื่อนงานพัฒนาและฟื้นฟูหมู่บ้านกองทุนแม่ของแผ่นดินฯ

เมื่อวันที่ 21 ก.ค.68 ที่ โรงแรมคุ้มภูคำเชียงใหม่ปปส. ภ.5 จัดประชุมขับเคลื่อนงานพัฒนาและฟื้นฟูหมู่บ้านกองทุนแม่ของแผ่นดินฯโดยมี นางสาวสุกัญญา ใหญ่วงศ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ภาค 5 เป็นประธานเปิดโครงการฯ พร้อมด้วยนายสว่าง ธาตุอินทร์จันทร์ ประธานเครือข่ายกองทุนแม่ของแผ่นดินจังหวัดเชียงใหม่ และประธานเครือข่ายกองทุนแม่ของแผ่นดิน 8 จังหวัดภาคเหนือ (ตอนบน) พร้อมด้วยคณะกรรมการบริหารกองทุนแม่ฯ และเจ้าหน้าที่พช.เชียงใหม่ เจ้าหน้าที่ ปปส.ภ.5 เข้าร่วม

การประชุมเชิงปฏิบัติการขับเคลื่อนงานพัฒนาและฟื้นฟูหมู่บ้านกองทุนแม่ของแผ่นดินเร่งด่วน และเตรียมหมู่บ้านต้นกล้ากองทุนแม่ของแผ่นดินเข้าร่วมมหกรรมกองทุนแม่ของแผ่นดิน ประจำปี 2568 โดยมีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 21 – 22 กรกฎาคม 2568 ณ โรงแรมคุ้มภูคำเชียงใหม่ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่

โครงการดังกล่าวจัดขึ้นโดยสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ภาค 5 ร่วมกับคณะกรรมการเครือข่ายกองทุนแม่ของแผ่นดินในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน มีวัตถุประสงค์เพื่อเตรียมความพร้อมเครือข่ายกองทุนแม่ของแผ่นดินจังหวัด ในการเข้าร่วมมหกรรมกองทุนแม่ของแผ่นดินระดับประเทศ ประจำปี 2568

การประชุมจะแบ่งออกเป็น 2 วันหลัก โดยในวันที่ 21 กรกฎาคม 2568 มีการกล่าวเปิดโครงการและนำเสนอภาพรวมของกองทุนแม่ของแผ่นดิน รวมถึงแนวทางการดำเนินงานพัฒนาและฟื้นฟูหมู่บ้าน/ชุมชนกองทุนแม่ของแผ่นดินที่ประสบปัญหาเสพติดเร่งด่วน และวันที่ 22 กรกฎาคม 2568 จะมีการบรรยายเกี่ยวกับการเข้าร่วมมหกรรมกองทุนแม่ของแผ่นดิน การจัดสรรเงินพระราชทานขวัญถุงกองทุนแม่ของแผ่นดิน และการแบ่งกลุ่มจัดทำแผนการจัดซื้อเงินพระราชทานขวัญถุง โดยมีผู้แทนจากกรมการปกครอง และกองทุนแม่ของแผ่นดินจังหวัดร่วมให้ความรู้และแนวปฏิบัติ

นอกจากนี้ยังจะมีการบรรยายเรื่องบทบาท ภารกิจ ของเจ้าหน้าที่พัฒนาชุมชน และเครือข่ายกองทุนแม่ของแผ่นดินในการขับเคลื่อนงานในพื้นที่ ซึ่งโครงการนี้มุ่งหวังให้เกิดการขับเคลื่อนงานของกองทุนแม่ของแผ่นดินในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน อย่างเป็นรูปธรรมและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เพื่อให้หมู่บ้าน/ชุมชนสามารถพึ่งพาตนเองได้ในการแก้ไขปัญหายาเสพติดและพัฒนาคุณภาพชีวิตได้อย่างยั่งยืนต่อไป.

ประธานเครือข่ายกองทุนแม่ฯ ชื่นชม… พนักงานขายรองเท้าห้างดัง เก็บเงินตกได้ ประกาศตามหาส่งคืนเจ้าของ

ประธานเครือข่ายกองทุนแม่ฯ ชื่นชม… พนักงานขายรองเท้าห้างดัง เก็บเงินตกได้ ประกาศตามหาส่งคืนเจ้าของ

เมื่อวันที่ 15 กค. 2568 เวลา 10.30 น. นายสว่าง ธาตุอินทร์จันทร์ ประธาน เครือข่ายกองทุนแม่ของแผ่นดิน จังหวัดเชียงใหม่ และประธานกองทุนแม่ของแผ่นดิน 8 จังหวัดภาคเหนือ (ตอนบน) ได้ทางไปโลตัสสาขาตลาดคำเที่ยง จังหวัดเชียงใหม่ พร้อมภรรยา เพื่อจะเอาเงินไปเข้าธนาคารไทยพานิชย์ เพื่อเตรียมชำระเงินค่าประกันชีวิตฯ ซึ่งจะต้องหักเอาจากบัญชีในเดือนสิงหาคม ชึ่งทุกๆเดือน ตนเองจะต้องเตรียมเงินไว้ในบัญชี จำนวน 3, 000 บาท แต่ระหว่างทางได้ทำเงินจำนวน 3,000 บาท ตกหายระหว่างทางเดินประตูเข้าห้างฯ ถึงบันไดเลื่อน ช่วงนั้นจิตใจตนเองวิตกเป็นอย่างมาก จึงได้เดินไปๆ มาๆ หาเงินที่ทำตก

และต่อมาเวลา 11.00 น. ตนเองได้ยินเสียงประชาสัมพันของทางห้างโลตัสฯประกาศว่า มีคนเก็บเงินที่ตนเองทำตกหล่นภายในห้างฯได้ ตนเองจึงรีบเดินไปหาเคาเตอร์ประชาสัมพันธ์ของทางห้างฯ เพื่อแสดงตัวเป็นเจ้าของเงิน โดยมีชายชื่อหนึ่ง ทำอาชีพขายรองเท้า บริเวณชั้น 2 ข้างที่ทำการธนาคารไทยพานิชย์ สาขาในห้างฯ เป็นผู้เก็บเงินของตนเองได้ ตนเองดีใจมาก จึงได้กล่าวขอบพระคุณกับสิ่งที่ดีๆ ของคุณ “หนึ่ง” ที่จิตใจดีเก็บเงินได้แล้วแจ้งประกาศตามหาเจ้าของ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่น่านับถือ และทำให้เห็นว่ายังมีคนที่ดีในสังคมบ้านเรา.

(มีคลิป) บพท. ชูความสำเร็จแพลตฟอร์มการค้าและการลงทุนไทย-จีน และศูนย์ Thai-China CBEC Incubation Center and BI Unit

บพท. ชูความสำเร็จแพลตฟอร์มการค้าและการลงทุนไทย-จีน และศูนย์ Thai-China CBEC Incubation Center and BI Unit

มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ได้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยขอนแก่นและภาคีเครือข่ายในการเปิดตัวแพลตฟอร์มการค้าและการลงทุนไทย–จีน (Sino Thai Mart) ซึ่งพัฒนาขึ้นจากผลการดำเนินงานวิจัยในปีงบประมาณ 2567 โดยมีเป้าหมายหลักในการส่งเสริมการเติบโตทางธุรกิจและสนับสนุนผู้ประกอบการ SMEs ไทยให้สามารถเข้าถึงตลาดจีนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โครงการนี้ยังสานต่อการพัฒนาแพลตฟอร์มที่มีความพร้อมใช้งานจริง รวมถึงการจัดตั้ง Sandbox เพื่อบ่มเพาะผู้ประกอบการผ่านกลไกการมีส่วนร่วมที่มุ่งสร้างความเติบโตทางธุรกิจอย่างยั่งยืน

พิธีเปิดตัวแพลตฟอร์มจัดขึ้นเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2568 ณ อุทยานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดยมี คุณหลี่ จิง รองกงสุลใหญ่จากสถานกงสุลใหญ่สาธารณรัฐประชาชนจีนประจำเชียงใหม่ กล่าวแสดงความยินดีและสนับสนุนความร่วมมือระหว่างสองประเทศ พร้อมชื่นชมศักยภาพของงานวิจัยที่ตอบโจทย์เศรษฐกิจยุคใหม่

ภายในงาน รองศาสตราจารย์ ดร.นพพร ลีปรีชานนท์ รองผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) ได้กล่าวเปิดงานและรับฟังสรุปผลการดำเนินงานวิจัย นอกจากนี้ รองศาสตราจารย์ ดร.ปุ่น เที่ยงบูรณธรรม รองผู้อำนวยการฝ่ายแผนและยุทธศาสตร์องค์กร หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) ได้กล่าวถึงเป้าหมายสำคัญของโครงการและยกย่องความมุ่งมั่นของนักวิจัยที่ร่วมสร้างผลงานที่เกิดประโยชน์ต่อพื้นที่และประชาชนอย่างเป็นรูปธรรม

ยังมีการเปิดตัว ศูนย์ Thai-China CBEC Incubation Center and BI Unit ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาศักยภาพการแข่งขันของผู้ประกอบการ SMEs ไทยสู่ตลาดจีน โดย ดร.ดนัยธัญ พงษ์พัชราธรเทพ ผู้อำนวยการศูนย์ ได้แนะนำศูนย์และอธิบายถึงการสนับสนุนผู้ประกอบการผ่านการบ่มเพาะและการใช้ข้อมูลเชิงลึก (Business Intelligence) เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของสินค้าไทยในตลาดประเทศจีน
ภายในงานยังมีการจัดกิจกรรม From Local to Global: วิพากษ์จุดแข็ง – จุดอ่อนสินค้าไทยก่อนตีตลาดจีน เพื่อให้ผู้ประกอบการได้วิเคราะห์และปรับปรุงผลิตภัณฑ์และกลยุทธ์การตลาดให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคชาวจีน รวมถึงเสริมโอกาสในการเจรจาธุรกิจในอนาคต มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) ยังได้นำเสนอหลักสูตรที่มุ่งเน้นการศึกษาและวิเคราะห์ตลาดจีน
ในงานยังมีการนำเสนอโมเดลความสำเร็จจากผู้ประกอบการที่ผ่านกระบวนการวิจัยและการบ่มเพาะ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อรรฆพร ก๊กค้างพลู หัวหน้าโครงการวิจัย ได้กล่าวถึงความสำคัญของโครงการนี้ โดยกระบวนการวิจัยเริ่มต้นตั้งแต่ปี 2566 และต่อเนื่องสู่การพัฒนาแพลตฟอร์มที่มีความพร้อมใช้งานจริงในปี 2567 ผ่านกลไกเชื่อมโยงผู้ประกอบการเข้าสู่ตลาดจีน

ด้าน ดร.วรรณิภา คุดสีลา นักวิจัยผู้รับผิดชอบด้านแพลตฟอร์ม ได้นำเสนอรายละเอียดเชิงลึกและศักยภาพของแพลตฟอร์ม Sino Thai Mart ที่จะเป็นช่องทางสำคัญในการขยายโอกาสทางการค้า

ผู้ประกอบการกลุ่มนี้ยังได้รับโอกาสเข้าร่วมงาน คุนหมิง เอ็กซ์โป ระหว่างวันที่ 19–24 มิถุนายน 2568 จนสามารถนำสินค้าไทยไปเจรจาธุรกิจและรับคำสั่งซื้อจริงจากลูกค้าชาวจีน โดยสินค้าดังกล่าวผ่านการคัดเลือกในกิจกรรมวันที่ 30 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา แสดงให้เห็นถึงผลลัพธ์เชิงประจักษ์ที่ต่อยอดจากงานวิจัยไปสู่การปฏิบัติได้จริง

ในช่วงท้ายของพิธี ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.จุฑาทิพย์ เฉลิมผล ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายบริหารงานวิจัยและบริการวิชาการ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้เป็นผู้แทนรับมอบผลงานวิจัยและแพลตฟอร์ม Sino Thai Mart เพื่อนำไปขยายผลและสานต่อโครงการวิจัยในปีงบประมาณ 2568 โดยแนวทางต่อไปจะมีการนำเสนอ ยุทธศาสตร์การใช้ประโยชน์แพลตฟอร์มในอนาคต ภายใต้ข้อคิดเห็นจากผู้ประกอบการผู้ใช้งาน

โครงการนี้ถือเป็นต้นแบบสำคัญของความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัย หน่วยงานวิจัย และภาคธุรกิจ ที่สามารถนำงานวิจัยไปต่อยอดสู่การปฏิบัติได้จริง และสร้างผลลัพธ์เชิงเศรษฐกิจที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศในระยะยาว.