(มีคลิป) บพท. ชูความสำเร็จแพลตฟอร์มการค้าและการลงทุนไทย-จีน และศูนย์ Thai-China CBEC Incubation Center and BI Unit

บพท. ชูความสำเร็จแพลตฟอร์มการค้าและการลงทุนไทย-จีน และศูนย์ Thai-China CBEC Incubation Center and BI Unit

มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ได้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยขอนแก่นและภาคีเครือข่ายในการเปิดตัวแพลตฟอร์มการค้าและการลงทุนไทย–จีน (Sino Thai Mart) ซึ่งพัฒนาขึ้นจากผลการดำเนินงานวิจัยในปีงบประมาณ 2567 โดยมีเป้าหมายหลักในการส่งเสริมการเติบโตทางธุรกิจและสนับสนุนผู้ประกอบการ SMEs ไทยให้สามารถเข้าถึงตลาดจีนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โครงการนี้ยังสานต่อการพัฒนาแพลตฟอร์มที่มีความพร้อมใช้งานจริง รวมถึงการจัดตั้ง Sandbox เพื่อบ่มเพาะผู้ประกอบการผ่านกลไกการมีส่วนร่วมที่มุ่งสร้างความเติบโตทางธุรกิจอย่างยั่งยืน

พิธีเปิดตัวแพลตฟอร์มจัดขึ้นเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2568 ณ อุทยานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดยมี คุณหลี่ จิง รองกงสุลใหญ่จากสถานกงสุลใหญ่สาธารณรัฐประชาชนจีนประจำเชียงใหม่ กล่าวแสดงความยินดีและสนับสนุนความร่วมมือระหว่างสองประเทศ พร้อมชื่นชมศักยภาพของงานวิจัยที่ตอบโจทย์เศรษฐกิจยุคใหม่

ภายในงาน รองศาสตราจารย์ ดร.นพพร ลีปรีชานนท์ รองผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) ได้กล่าวเปิดงานและรับฟังสรุปผลการดำเนินงานวิจัย นอกจากนี้ รองศาสตราจารย์ ดร.ปุ่น เที่ยงบูรณธรรม รองผู้อำนวยการฝ่ายแผนและยุทธศาสตร์องค์กร หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) ได้กล่าวถึงเป้าหมายสำคัญของโครงการและยกย่องความมุ่งมั่นของนักวิจัยที่ร่วมสร้างผลงานที่เกิดประโยชน์ต่อพื้นที่และประชาชนอย่างเป็นรูปธรรม

ยังมีการเปิดตัว ศูนย์ Thai-China CBEC Incubation Center and BI Unit ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาศักยภาพการแข่งขันของผู้ประกอบการ SMEs ไทยสู่ตลาดจีน โดย ดร.ดนัยธัญ พงษ์พัชราธรเทพ ผู้อำนวยการศูนย์ ได้แนะนำศูนย์และอธิบายถึงการสนับสนุนผู้ประกอบการผ่านการบ่มเพาะและการใช้ข้อมูลเชิงลึก (Business Intelligence) เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของสินค้าไทยในตลาดประเทศจีน
ภายในงานยังมีการจัดกิจกรรม From Local to Global: วิพากษ์จุดแข็ง – จุดอ่อนสินค้าไทยก่อนตีตลาดจีน เพื่อให้ผู้ประกอบการได้วิเคราะห์และปรับปรุงผลิตภัณฑ์และกลยุทธ์การตลาดให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคชาวจีน รวมถึงเสริมโอกาสในการเจรจาธุรกิจในอนาคต มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) ยังได้นำเสนอหลักสูตรที่มุ่งเน้นการศึกษาและวิเคราะห์ตลาดจีน
ในงานยังมีการนำเสนอโมเดลความสำเร็จจากผู้ประกอบการที่ผ่านกระบวนการวิจัยและการบ่มเพาะ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อรรฆพร ก๊กค้างพลู หัวหน้าโครงการวิจัย ได้กล่าวถึงความสำคัญของโครงการนี้ โดยกระบวนการวิจัยเริ่มต้นตั้งแต่ปี 2566 และต่อเนื่องสู่การพัฒนาแพลตฟอร์มที่มีความพร้อมใช้งานจริงในปี 2567 ผ่านกลไกเชื่อมโยงผู้ประกอบการเข้าสู่ตลาดจีน

ด้าน ดร.วรรณิภา คุดสีลา นักวิจัยผู้รับผิดชอบด้านแพลตฟอร์ม ได้นำเสนอรายละเอียดเชิงลึกและศักยภาพของแพลตฟอร์ม Sino Thai Mart ที่จะเป็นช่องทางสำคัญในการขยายโอกาสทางการค้า

ผู้ประกอบการกลุ่มนี้ยังได้รับโอกาสเข้าร่วมงาน คุนหมิง เอ็กซ์โป ระหว่างวันที่ 19–24 มิถุนายน 2568 จนสามารถนำสินค้าไทยไปเจรจาธุรกิจและรับคำสั่งซื้อจริงจากลูกค้าชาวจีน โดยสินค้าดังกล่าวผ่านการคัดเลือกในกิจกรรมวันที่ 30 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา แสดงให้เห็นถึงผลลัพธ์เชิงประจักษ์ที่ต่อยอดจากงานวิจัยไปสู่การปฏิบัติได้จริง

ในช่วงท้ายของพิธี ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.จุฑาทิพย์ เฉลิมผล ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายบริหารงานวิจัยและบริการวิชาการ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้เป็นผู้แทนรับมอบผลงานวิจัยและแพลตฟอร์ม Sino Thai Mart เพื่อนำไปขยายผลและสานต่อโครงการวิจัยในปีงบประมาณ 2568 โดยแนวทางต่อไปจะมีการนำเสนอ ยุทธศาสตร์การใช้ประโยชน์แพลตฟอร์มในอนาคต ภายใต้ข้อคิดเห็นจากผู้ประกอบการผู้ใช้งาน

โครงการนี้ถือเป็นต้นแบบสำคัญของความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัย หน่วยงานวิจัย และภาคธุรกิจ ที่สามารถนำงานวิจัยไปต่อยอดสู่การปฏิบัติได้จริง และสร้างผลลัพธ์เชิงเศรษฐกิจที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศในระยะยาว.

สัมผัสแหล่งท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ “น้ำพุร้อนดอยสะเก็ดบ้านโป่งสามัคคี” จ.เชียงใหม่

สัมผัสแหล่งท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ “น้ำพุร้อนดอยสะเก็ดบ้านโป่งสามัคคี” จ.เชียงใหม่

“น้ำพุร้อนดอยสะเก็ดบ้านโป่งสามัคคี”แหล่งท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและธรรมชาติที่เป็นเป้าหมายใหม่ ของผู้รักการพักผ่อนแบบผสมผสานความร่มรื่นและการดูแลสุขภาพ แห่งนี้ ตั้งอยู่บนเนินเขาสูง มองเห็นวิวท้องทุ่งนาและชุมชนในสไตล์ชนบทเชียงใหม่อย่างงดงาม

“บ้านโป่งสามัคคี” ต.ป่าเมี่ยง แห่งนี้มีต้นกำเนิดน้ำพุร้อนธรรมชาติที่เกิดจากรอยแตกของเปลือกโลก ทำให้น้ำใต้ดินที่อัดแน่นไปด้วยแร่ธาตุต่าง ๆ ผุดขึ้นมาที่อุณหภูมิราว 45 – 60 องศาเซลเซียส น้ำพุร้อนในดอยสะเก็ดมีคุณสมบัติช่วยบรรเทาอาการปวดเมื่อย บำรุงผิวพรรณ และช่วยระบบไหลเวียนโลหิต เหมาะทั้งกับนักท่องเที่ยวที่ต้องการพักผ่อนอย่างแท้จริงและผู้ที่สนใจด้านสุขภาพแบบองค์รวม

การเดินทางมาที่นี่สะดวกสบาย สามารถเดินทางจากตัวเมืองเชียงใหม่เพียง 40 นาที จากแยก (ห้างเซนทรัลเฟสติวัล เชียงใหม่ – เชียงราย) สามารถสัมผัสความเขียวขจีของผลิตผลทางการเกษตรตลอดเส้นทาง ช่วงหน้าหนาว นักท่องเที่ยวยังได้รับโอกาสสัมผัสไอหมอกเย็นตามธรรมชาติที่โอบล้อมบริเวณแอ่งน้ำพุ เพิ่มบรรยากาศเสมือนพักผ่อนในภูเขาอย่างแท้จริง

สิ่งอำนวยความสะดวกที่น้ำพุร้อนบ้านป่าเมี่ยงได้จัดเตรียมไว้นั้น ได้แก่ บ่อแช่น้ำร้อนแยกชาย-หญิง พร้อมจากุซซี่น้ำพุร้อน, โซนล้างตัวก่อนและหลังแช่ เดินเล่นรอบบ่อชมวิว
และยังมีบริการนวดแผนไทยและนวดเท้า มอบการผ่อนคลายอย่างล้ำลึก

นอกจากนั้น น้ำพุร้อนดอยสะเก็ดบ้านป่าเมี่ยงยังเป็นศูนย์เรียนรู้ด้านการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ ที่นี่ใช้ระบบน้ำร้อนหมุนเวียน ไม่ปล่อยน้ำทิ้งโดยตรงสู่สิ่งแวดล้อม แกนนำชุมชนยังจัดกิจกรรมเวิร์คช็อป เช่น การปลูกป่า เรียนรู้เรื่องธำรงชีวมณฑล การทำเกษตรอินทรีย์ เพื่อให้การท่องเที่ยวเกิดความยั่งยืน ทั้งกับคนในพื้นที่และสิ่งแวดล้อม

นอกจากนี้ทางชุมชนตั้งเป้าเตรียมนำระบบ “โฮมสเตย์เพื่อสุขภาพ” เปิดให้ผู้สนใจพักผ่อนแบบเจาะลึก ร่วมกิจกรรมเชิงสุขภาพ เช่นเรียนรู้สมุนไพรพื้นเมือง อย่างใกล้ชิดกับวิถีชุมชน

นับเป็นโอกาสทองของนักท่องเที่ยวที่ต้องการหนีความวุ่นวายในเมือง หลีกหนี้ฝุ่น PM2.5 และกลับมาพบกับตัวเองผ่านธรรมชาติ และแหล่งน้ำร้อนดั้งเดิมที่มีคุณภาพสูง โครงการยังส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชนแบบตอบแทนและกระจายรายได้สู่คนในพื้นที่ โดยสลับตัวเวิร์คกับกลุ่มแม่บ้าน กลุ่มคนทำงานศิลปะพื้นบ้าน เป็นต้น

“ไม่ว่าจะกลุ่มเพื่อน ครอบครัว หรือแม้แต่คนเดินทางคนเดียว ที่นี่มีพื้นที่ให้คุณได้สัมผัสความสุขอย่างแท้จริง”

อย่าลืมเตรียมผ้าเช็ดตัว ชุดสบาย ๆ และรองเท้าแตะมาแช่ ถ้าอยากเติมพลังชีวิตให้เต็มที่ เริ่มต้นวันใหม่แบบสดใส ให้ “น้ำพุร้อนดอยสะเก็ดบ้านโป่งสามัคคี” เป็นหนึ่งในปลายทางของคุณในครั้งต่อไป!

“น้ำพุร้อนดอยสะเก็ดบ้านโป่งสามัคคี” พร้อมต้อนรับทุกคนให้มาเติมเต็มทั้งพลังกายและใจ เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เช้าถึงค่ำ หากใครสนใจมาสำรวจและจองล่วงหน้า สามารถติดต่อได้ที่เพจ Facebook “น้ำพุร้อนดอยสะเก็ด” เปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่เวลา 8:00 – 20:00 น. โทร.0917690002, 0810273047.

กรมปศุสัตว์ – ออสเตรเลีย ผนึกกำลังจัดโครงการอบรม Master Butcher ยกระดับโคเนื้อไทยสู่ตลาดโลก

กรมปศุสัตว์ – ออสเตรเลีย ผนึกกำลังจัดโครงการอบรม Master Butcher ยกระดับโคเนื้อไทยสู่ตลาดโลก

เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2568 กรมปศุสัตว์ โดย ศูนย์วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ปศุสัตว์เชียงใหม่ กองผลิตภัณฑ์ปศุสัตว์ จัดโครงการอบรม “การยกระดับการตัดแต่ง การแปรรูป และการตลาดโคเนื้อและผลิตภัณฑ์ทั้งในและต่างประเทศ (Master Butcher)” ครั้งที่ 2/2568 สำหรับพื้นที่ภาคเหนือ ภายใต้ความร่วมมือด้านโคเนื้อไทย–ออสเตรเลีย ระหว่างกรมปศุสัตว์และสถานเอกอัครราชทูตเครือรัฐออสเตรเลียประจำประเทศไทย

โดยได้รับเกียรติจาก นายสัตวแพทย์พืชผล น้อยนาฝาย ปศุสัตว์เขต 5 เป็นประธานในพิธีเปิด และ Dr. Rob Atkinson Agriculture Counsellor, DAFF กล่าวแสดงเจตนารมณ์ความร่วมมือทางวิชาการไทย–ออสเตรเลีย พร้อมด้วย ดร.อำพล วริทธิธรรม ผู้อำนวยการกองผลิตภัณฑ์ปศุสัตว์ กรมปศุสัตว์ กล่าวรายงานรายละเอียดการจัดโครงการ ณ ศูนย์วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ปศุสัตว์เชียงใหม่ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่

ในกิจกรรมการอบรม ได้เชิญเจ้าหน้าที่จากหน่วยงาน Meat and Livestock Australia (MLA) ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านอุตสาหกรรมเนื้อโค เข้าร่วมในฐานะวิทยากรถ่ายทอดประสบการณ์ตรงให้กับเกษตรกรผู้ผลิตเนื้อโคไทย กว่า 30 ราย พร้อมรับฟังความคิดเห็นและแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ตลอดกิจกรรม

ซึ่งมีเนื้อหาประกอบด้วย การจัดการระบบการผลิตเนื้อโคของออสเตรเลีย แนวทางเพิ่มมูลค่าเนื้อโค เทคนิคการตัดแต่ง การจัดแสดง การปรุงเมนูจากเนื้อโค และการชิมผลิตภัณฑ์พร้อมวิเคราะห์รสชาติ โดยมุ่งเน้นการฝึกทักษะทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติ เพื่อพัฒนาศักยภาพเกษตรกรและบุคลากรในอุตสาหกรรมการผลิตเนื้อโคของไทยให้สามารถแข่งขันได้ในระดับสากล.

(คลิป) อช.ผาแดงจับลักลอบทำไม้ ยึดได้ไม้ประดู่มูลค่ากว่า 1 ล้าน พื้นที่บ้านเจียจันทร์ เชียงดาว รวบรวมข้อมูลเพื่อขยายผลดำเนินการกับเจ้าของรถ เชื่อมีส่วนเกี่ยวข้อง

อช.ผาแดงจับลักลอบทำไม้ ยึดได้ไม้ประดู่มูลค่ากว่า 1 ล้าน พื้นที่บ้านเจียจันทร์ เชียงดาว รวบรวมข้อมูลเพื่อขยายผลดำเนินการกับเจ้าของรถ เชื่อมีส่วนเกี่ยวข้อง

เมื่อวันที่ 27 เมษายน 2567 นายประกาศิต ระวิวรรณ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติผาแดง รายงานว่า เจ้าหน้าที่หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติผาแดงที่1(เมืองนะ) พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ทหารฐานปฏิบัติการบ้านอรุโณทัย ได้รับแจ้งว่า พบการลักลอบทำไม้บริเวณพื้นที่ป่าในเขตอุทยานแห่งชาติผาแดง ท้องที่บ้านเจียจันทร์ หมู่ที่ 13 ตำบลเมืองนะ อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ จึงเข้าไปตรวจสอบพื้นที่จุดที่ได้รับแจ้ง

เมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึงพบรถยนต์ 1 คัน จอดอยู่บริเวณปากทางเข้า บริเวณพิกัด 47 Q 488129 E 2182490 N และพบรถไถ ฟาร์มแทรกเตอร์ 2 คัน และกลุ่มคนเพศชายประมาณ 6 – 7 คน แต่ผู้ต้องหาเห็นเจ้าหน้าที่ก่อนจึงกระโดดลงจากรถไถ และลุกจากบริเวณไม้ท่อน วิ่งหนีกระจายเข้าไปในป่าอย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่ได้ทำการไล่ควบคุมตัวแต่ไม่สามารถควบคุมตัวได้ เนื่องจากมีความชำนาญในพื้นที่

จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุอย่างละเอียด พบไม้ประดู่ท่อนของกลาง รวม 5 ท่อน ซึ่งจำนวน 4 ท่อน วางอยู่ห่างจากรถไถ ประมาณ 5 เมตร และอีก 1 ท่อน ถูกใช้โซ่เหล็กผูกติดกับตอไม้ อยู่ในร่องห้วยลึก ยังไม่ได้ทำการชักลากขึ้นมา เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติผาแดง จึงประสานไปยังหัวหน้าอุทยานแห่งชาติผาแดง ขอกำลังสนับสนุนจากชุดสายตรวจปราบปรามส่วนกลางเข้าไปตรวจยึดของกลาง ณ ที่เกิดเหตุและดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ต่อมาเวลา ประมาณ 14.00 น. เจ้าหน้าที่ชุดสายตรวจปราบปรามส่วนกลาง อุทยานแห่งชาติผาแดง สนธิกำลังร่วมกับทหารหน่วย บก. ควบคุมผาดง ฉก.ไชยานุภาพ เข้าสนับสนุนชุดจับกุม จากการตรวจสอบอย่างละเอียดพบว่า บริเวณปากทางเข้าพบรถยนต์ยี่ห้อ Mighty X ทะเบียน ยพ 2966 เชียงใหม่ พบเอกสารผู้ถือกรรมสิทธิ์ของรถยนต์คันดังกล่าวคือ นางสาวกัลยาฯ และหลังกระบะรถยนต์พบอุปกรณ์ของกลางการกระทำผิดเป็นจำนวนมาก พร้อมทั้งพบรถไถฟาร์มแทรกเตอร์ ยี่ห้อ Kubota จำนวน 2 คัน และไม้ประดู่ท่อนของกลางจำนวน 5 ท่อน คิดปริมาตรรวมได้ 4.886 ลูกบาศก์เมตร เจ้าหน้าที่พิจารณาร่วมกันแล้วเห็นเป็นการกระทำผิดเกี่ยวกับการป่าไม้ และบริเวณที่เกิดเหตุไม่พบผู้ต้องสงสัย จึงร่วมกันตรวจยึดไม้ท่อนของกลางการกระทำผิด และอุปกรณ์ของกลางการกระผิด (ประเมินราคารวม 1,041,800 บาท) ทั้งหมดมาดำเนินคดีตามกฎหมาย ณ สถานีตำรวจภูธรนาหวาย

จากการตรวจสอบฐานข้อมูลการแจ้งสำรวจการถือครองที่ดินตามมาตรา 64 พระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 พบว่า พิกัดจุดเกิดเหตุดังกล่าวเป็นพื้นที่ป่าในเขตอุทยานแห่งชาติผาแดง และไม่มีบุคคลหนึ่ง บุคคลใด มาแจ้งสำรวจถือครองทำกินตามมาตรา 64 กับอุทยานแห่งชาติผาแดงแต่อย่างใด

ทั้งนี้พยานหลักฐานทั้งหมด แสดงให้เห็นได้ชัดเจนว่า เป็นการกระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการป่าไม้ รวม 4 ข้อหา ซึ่งแสดงให้เห็นได้ชัดเจนว่าเจ้าของรถยนต์ คือนางสาวกัลยาฯ เป็นผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง หรือเป็นผู้มีส่วนรู้เห็นเกี่ยวกับการลักลอบเข้ามาทำไม้ประดู่ในเขตอุทยานแห่งชาติผาแดง ซึ่งเป็นการกระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการป่าไม้ ทั้งนี้ได้ประมวลเรื่องนำส่งพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรนาหวาย เพื่อขอให้เรียกตัวนางสาวกัลยาฯ มาให้ปากคำขยายผล สืบสวนสอบสวนหาตัวผู้ร่วมกระบวนการ หรือผู้กระทำผิดกลุ่มนี้มาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป.

สบายไทย สปา ฮอตต่างแดน ต่างชาติชื่นชอบมาก

สบายไทย สปา ฮอตต่างแดน ต่างชาติชื่นชอบมาก

ต้องปรบมือและชื่นชมสาวไทยของเรา นีต้า. ณัฐฐา กูติ เยร์ เจ้าของสบายไทย สปา ที่ได้ผลักดันและต่อ ยอดธุรกิจด้านสปาไทย ให้โด่งดังในต่างแดนขจนมีชื่อเสียงและชาวตาางชาติยอมรับ พร้อมกับเอาสมุนไพรไทยมาใช้ในด้านสปา ถือว่าเป็นผู้จุดประกายสปาในแคนาดา ที่มีชื่อเสียงที่สุดในตอนนี้

วันนี้ที่ทางสาวนีต้า ณัฐฐา ได้ให้สัมภาษณ์ว่าตอนนี้กำลังวางแผนการขายสาขาสบายไทย สปาให้ไเ้มากที่สุด ภายใน 5ปี นี้จะขยายให้ถึง 150 สาขาทั่วประเทศแคนาดา และครบ 1.000 สาขา ทั่วสหรัฐอเมริกา นี่คือเป้าหมายของสาวไทยหัวใจเกินร้อย ที่มาเอาดีในด้านธุรกิจสปาในนาม สบายไทย สปา ที่จะให้ดังไปทั่วโลก ก็ขอเอาใจช่วยนะครับ

และวันที่23 เมษานี้ สาวนี้ต้า.ก็จะมาพร้อมนักธุรกิจสปาชาวต่าวชาติ มาเที่ยวชมสปาในบ้านเราพร้อมท่องเที่ยวชมศิลปะวัฒนธรรมทางเหนือ ก็หวังว่าจะได้รับความประทับใจหลายๆสิ่ง หลายๆอย่างกลับไปนะ.

(มีคลิป) ถือฤกษ์ดี “Kinsou Ramen” ร้านคินโซ ราเมง อาหารญี่ปุ่น “สาขาสันทราย” เปิดบริการแล้ว

ถือฤกษ์ดี “Kinsou Ramen” ร้านคินโซ ราเมง อาหารญี่ปุ่น “สาขาสันทราย” เปิดบริการแล้ว

ฤกษ์งามยามดี วันที่ 9 มีนาคม2568 ร้าน “Kinsou Ramen” ร้านคินโซ ราเมง อาหารญี่ปุ่น สาขาสันทราย ( ราเมง และอาหารญี่ปุ่น ) ได้ทำการเปิดกิจการร้านอาหารญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการ โดยสูตร “ราเมง” ที่เป็นเอกลักษณ์ ใช้เวลาต้มทงคอทซึซุป เป็นเวลา 72 ชม. รสชาติแสนอร่อย

นอกจากนี้พบกับเมนูอาหารญี่ปุ่น อื่นๆ หลากหลายประเภท ที่นี่มีเมนูเด็ดอย่าง เมนูราเมง ให้เราได้เลือกมากมาย ใครที่ชื่นชอบเมนูราเมง บอกตรงนี้ไว้เลยต้องห้ามพลาด!

“Kinsou Ramen” ร้านคินโซ ราเมง อาหารญี่ปุ่น ตั้งอยู่ที่หน้าสวนสาธารณะ สันทรายหลวง ข้างสนง.เทศบาลตําบลสันทรายหลวง เชียงใหม่ สามารถติดต่อจองโต๊ะ ล่วงหน้าได้ที่ 090-317-4387 “เชฟอุ๊ดชัง”.

https://maps.app.goo.gl/mHgeYcScmPjjbsbLA?g_st=com.google.maps.preview.copy

“นีต้า” สาวไทยนำสปาไทย เปิดต่างแดนพลิกชีวิต

“นีต้า” สาวไทยนำสปาไทย เปิดต่างแดนพลิกชีวิต

อีกหนึ่งสาวไทยที่ประสบความสำเร็จในธุรกิจด้านสปา ที่ไปเปิดในต่างแดน ประเทศเเคนาดา พลิกชีวิตจากสาวบ้านนา เป็นมาดามที่แคนาดา
ใครจะไปรู้ว่าการทำสปาก็ทำให้สาวไทยคนนี้พลิกชีวิตขึ้นมาได้

น้องนีต้า. ณัฐฐา กูติ เยร์ จากสาวเจียงฮาย เด็กบ้านๆคนหนึ่ง มุ่งหน้าหางานทำในเมืองกรุง กว่าจะจับจุดหรือเดินถูกทางได้ก็ถูกหลายคนต่อว่าและดูถูกมาไม่ใช่น้อย ด้วยความมุ่งมั่นและอดทนของเธอ ที่ไม่ท้อกับงานที่ทำ จนมาได้งานสปาพร้อมกับเรียนรู้เพิ่มเติม ที่ได้ทั้งวิชา ในด้านศาสตร์และศิลป์ของการนวด และสปา พร้อมได้ผ่านการรับรอง โดยมีใบประกาศ มาการันตรีจากกระทรวงสาธารณสุข ที่มอบให้
เพื่อสบคำประมาทของหลายคนที่ว่าให้เธอในตอนนั้น เธอจึงมุ่งมั่นและหาทางต่อยอดในด้านสปาไทยไปเรื่อยๆ จนมีชื่อเสียงและได้รับโอกาส บินไปทำงานสปาที่เมืองนอก(แคนาดา) ทำงานที่นั่นได้หลายปี จนมีความคิดและลู่ทางในการที่จะเปิดสปาไทยเอง โอกาสที่เปลี่ยนชีวิตเธอ เมื่อชื่อเสียงด้านฝีมือและความทุ่มเทของเธอเริ่มแพร่กระจายออกไป นีต้าได้รับโอกาสทำงานกับสถานประกอบการ ด้านสปาชั้นนำระดับโลก ทำให้เธอได้ฝึกฝนศาสตร์แห่งการดูแลสุขภาพแบบไทยแท้อย่างลึกซึ้ง

เธอได้รับตำแหน่งที่โรงแรมระดับโลก เช่น ชีวาศรม (Chiva-Som) และอินเตอร์คอนติเนนตัล (Intercontinental) ก่อนที่เธอจะได้รับโอกาสสำคัญในชีวิตในการทำงานที่ Echo Valley Ranch ในประเทศแคนาดา และที่นั่นเอง นีต้าได้พบรักกับ คนที่รู้ใจกันอย่าง จ๊อก (Jacques) ผู้ชายที่มีใจรักในด้านสปา จนเกิดธุรกิจนี้ขึ้นมา พร้อมใช้ชื่อสปาว่า..สไบ ไทย สปา (Sabai Thai Spa ) และในที่สุดก็ได้แต่งงานกันโอกาสและพรหมลิขิตชีวิตของ สาวนีต้า. ณัฐฐา กูติ เยร์ ได้พบรักแท้จึงมีโอกาสเปิดกิจการสไบไทย สปา
(Sabai Thai Spa ) เป็นธุรกิจ ครอบครัวที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง และรวดเร็วมากบวกกับประสบการณ์ที่มีมาและแฟนสนับสนุนอย่างเต็มที่ จนเป็นที่รู้จักของชาวต่างชาติที่นี่ Sabai Thai Spa ยินดีต้อนรับทุกท่าน

สไบ ไทย สปา ..Sabai Thai Spa ทุกวันนี้ มี 8 สาขาที่ประเทศแคนาดา และภายในอีก 5 ปี จะขยายให้เป็น 150 สาขาทั่วประเทศแคนาดา และ 1,000 สาขา ทั่วสหรัฐอเมริกา

นี่คือความมุ่งมั่นที่จะเปิดให้ได้ของสาวไทยในต่างแดน ที่สปามาพลิกชีวิตให้เธอ นีต้า. ณัฐฐา กูติ เยร์ และสงการนต์ นี้เธอจะมาพร้อมเจ้าของธุรกิจสปาดังของเมืองนอกที่ติดท็อปเทน มาเที่ยวเชียงราย เชียงใหม่ กรุงเทพฯ มาดูสปาและการท่องเที่ยวศิลปะวัฒนธรรม ของเมืองไทยเราด้วย.

(มีคลิป) สืบฮีตสานฮอยประเพณีสรงน้ำพระธาตุ วัดน้ำโจ้ อ.สารภี จ.เชียงใหม่

ประเพณีสรงน้ำพระธาตุ วัดน้ำโจ้ อ.สารภี จ.เชียงใหม่

เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2568 ที่วัดน้ำโจ้ อ.สารภี จ.เชียงใหม่ “หลวงพ่อน้ำหวาน” พระปลัดอดุลย์ สุรปัญโญ ด่านกระโทก เจ้าอาวาสวัดน้ำโจ้ ประกอบพิธีสรงน้ำพระธาตุ ห่มผ้าพระธาตุ ถวายทานสำเภาทอง – เงิน และพิธีสืบชะตา โดยมีพ่ออาจารย์พราหมณ์จตุรพร ประกอบพิธีบรวงทรวง คุณแม่มณีวรรณ จำนงรัตน์ ร่วมเป็นเจ้าภาพสังฆทานถวายทักษิณานุประทาน พร้อมด้วย อ.ธงชัย ศรีสุขประเสริฐ, นายสิริรัฐศักย์ เขียวทอง นายกเทศมนตรีตำบลดอนแก้ว อ.สารภี จ.เชียงใหม่ พร้อมด้วยนักธุรกิจชาวไต้หวัน mr.ฮ่านเกอร์ พร้อมคณะฯ และพุทธศาสนิกชนบ้านน้ำโจ้และใกล้เคียงเข้าร่วมพิธีทำอย่างคับคั่ง

โดยมีช่างฟ้อนศรีสุขประเสริฐ วัดน้ำโจ้ รำถวายเป็นพุทธบูชา หลังจากนั้นได้ประกอบพิธีห่มผ้าพระธาตุและสืบชะตาหลวง พร้อมถวายสำเภาทอง – เงิน และประกอบพิธีทางพระพุทธศาสนา อุทิศบุญกุศลให้บูรพาจารย์ บรรพบุรุษและผู้มีพระคุณที่เคยร่วมสร้างวัดมาตั้งแต่อดีตในวาระแห่งการบูรณะวิหาร

วัดน้ำโจ้ “พระแก้วเจ้ามหาจักรพรรดิ มหาเศรษฐีทันใจ” เป็นวัดโบราณมีมาตั่งแต่อดีตมากกว่า 168 ปี มีพระพุทธรูปสำคัญศักดิ์สิทธิ์คู่กับพระวิหารไม้โบราณ และมีพระแก้วเจ้ามหาจักรพรรดิ มหาเศรษฐีทันใจไว้กราบไหว้ขอพร เป็นวัดที่ใช้โทนสีขาว มีศิลปะพม่าผสมล้านนาดูสวยงามมาก สวยงามตั่งแต่หน้าวัดเลย วัดน้ำโจ้ ตั่งอยู่ตำบลดอนแก้ว อ. สารภี จ.เชียงใหม่.

โครงการจัดทำรายละเอียดของหลักสูตร มคอ.2 และวิพากษ์หลักสูตร (OBE.2)

โครงการจัดทำรายละเอียดของหลักสูตร มคอ.2 และวิพากษ์หลักสูตร (OBE.2)

วันจันทร์ที่ 3 มีนาคม 2568 พระสุธีวัชรบัณฑิต,ผศ.ดร. รองอธิการบดี วิทยาเขตเชียงใหม่ เมตตาเป็นประธานกล่าวเปิดงาน พร้อมให้โอวาทแก่ผู้เข้าร่วมอบรมทุกท่าน ในโครงการดทำรายละเอียดของหลักสูตร มคอ.2 และวิพากษ์หลักสูตร (OBE.2) ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 3 – 4 มีนาคม 2568
โดยพระครูใบฎีกาทิพย์พนากรณ์ ชยาภินนฺโท ,ดร. ผู้อำนวยการสำนักวิชาการ กล่าวถวายรายงาน พร้อมบอกถึงวัตถุประสงค์ในการจัดงานครั้งนี้
ในการนี้ได้รับเกียรติจาก
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เฉลิมเกียรติ ดุลสัมพันธ์ ประธานคณะกรรมการประกันคุณภาพการศึกษาภายในมหาวิทยาลัยราชภัฏ (คปภ.) ให้ความรู้ เรื่อง “วิพากษ์การออกแบบหลักสูตรบนฐานผลลัพธ์การเรียนรู้ (OBE.) รายหลักสูตร – (การวิพากษ์งานที่มอบหมายการอบรมครั้งแรก ไฟล์ excel รายหลักสูตร)”,”เกณฑ์การประกันคุณภาพการศึกษาภายใน ระดับหลักสูตร พุทธศักราช 2566
ปรับปรุงตามมาตรฐานหลักสูตรระดับอุดมศึกษา พ.ศ.2565″ พร้อมด้วยฝึกปฏิบัติการ การจัดทำรายละเอียดของหลักสูตร (OBE.2)
– รายละเอียดของหลักสูตร (OBE.2) รูปแบบเกณฑ์มาตรฐาน 65 และ AUN-QA หมวดที่ 1
– รายละเอียดของหลักสูตร (OBE.2) รูปแบบเกณฑ์มาตรฐาน 65 และ AUN-QA หมวดที่ 2
โดยมีคณาจารย์ แต่ละหลักสูตรให้ความสนใจและเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก ณ ห้องประชุมพระพรหมวัชรธีราจารย์ อาคารพระพรหมบัณฑิต ตำบลป่าเมี่ยง อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่

ชื่นชม อุปนายกสมาคมผู้สื่อข่าวเชียงใหม่ เก็บกระเป๋าเงิน ส่งคืนเจ้าของ

ชื่นชม อุปนายกสมาคมผู้สื่อข่าวเชียงใหม่ เก็บกระเป๋าเงิน ส่งคืนเจ้าของ

เมื่อคืนวันที่ 3 มีนาคม 2568 เวลา 21.00 น. นายสิรภพ มโนรส (ป๋าภัทร์
เชียงใหม่) อุปะนายกสมาคมผู้สื่อข่าวเชียงใหม่ ได้เก็บกระเป๋าเงินได้ที่ลานจอดรถ บ้านรักษาสุข ในตัวเมืองอ.แม่สอด จ.ตาก ซึ่งเป็นของนายจตุรงค์ ศรีมินิพันธ์ เป็นคนจังหวัดพิษณุโลก ซึ่งมาทำงานเดินสายไฟในตัวเมืองแม่สอดได้ทำกระเป๋าเงินตกหล่นอยู่ในกระเป๋าเงินมีสดจำนวนหนึ่งพร้อมเอกสารสำคัญ

ซึ่งนายสิรภพ มโนรส ผู้เก็บกระเป๋าเงินดังกล่าวได้ สอบถามเจ้าของที่พัก จนถึงเวลาศูนย์ 8.30 น. ได้เจอกับเจ้าของกระเป๋าเงินดังกล่าวและได้นำกระเป๋าเงินดังกล่าวพร้อมเอกสาร สำคัญในกระเป๋าคืนให้เจ้าของเป็นที่เรียบร้อยและเจ้าของกระเป๋าเงินดังกล่าวดีใจมากและกล่าวขอบคุณนายสิรภพ มโนรสและนายสิรภพ มโนรส กล่าวว่าดีใจมากที่ได้ทำดีก่อนวันนักข่าว 1 วัน คือวันที่ 5 มีนาคมนี้.